รอยคล้ำใต้ตาทำให้คุณดูมีอายุมากกว่าริ้วรอยหรือผมขาวเสียอีก [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถทำให้รอยคล้ำใต้ตาดูจางลง และในบางกรณีอาจรักษาจนหายไปเลยก็ได้ ทำอย่างไรน่ะเหรอ? มาเริ่มที่ขั้นตอนที่หนึ่งกันเลย
ขั้นตอน
-
นอนแต่หัวค่ำเพื่อรักษาความงาม. คุณควรนอนหลับให้เพียงพอทุกคืน เพราะเหตุใดการนอนหลับไม่เพียงพอจึงส่งผลให้เกิดรอยคล้ำใต้ตานั้นไม่เป็นที่ชัดเจนนัก แต่อธิบายได้ว่าการอดนอนมักทำให้ผิวดูซีดลง (จึงทำให้รอยคล้ำใต้ตาเห็นได้ชัดเจนขึ้น) และทำให้การไหลเวียนเลือดช้าลง [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าการที่ร่างกายได้ทิ้งตัวลงนอนเป็นเวลาน้อยเกินไปก็เป็นต้นเหตุหนึ่งของปัญหานี้ ก่อนเข้านอนทุกคืน คุณควรลบเครื่องสำอางที่บริเวณดวงตาออก ทั้งหมด ถ้าเกิดไม่ทำเช่นนี้ ตาของคุณอาจจะแลดูอิดโรยมากกว่าความเป็นจริงเมื่อคุณอายุมากขึ้น
- กำหนดว่าคุณจำเป็นต้องนอนกี่ชั่วโมง (โดยปกติแล้วคืนละ 7-9 ชั่วโมง แต่จำนวนชั่วโมงก็จะแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคนในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต) พยายามนอนหลับให้ได้จำนวนเท่านั้นติดต่อกันเป็นเวลาสักสองสัปดาห์ แล้วดูว่าได้ผลหรือไม่
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติดสามารถส่งผลเสียต่อคุณภาพการนอนของคุณได้ ละเว้นสิ่งเหล่านี้ หรือบริโภคแต่พอดี เพื่อผลลัพท์ที่ดีที่สุด
- ทานวิตามินที่ช่วยในการนอนหลับในปริมาณที่เพียงพอ ถ้าร่างกายมีการดูดซึมวิตามินต่ำ การอดนอนมักทำให้ต่อมหมวกไตเหนื่อยล้าและทำงานน้อยลง และเมื่อต่อมหมวกไตทำงานน้อยลง ร่างกายจะดูดซึมวิตามิน B6 น้อยลงตามไปด้วย และเมื่อร่างกายดูดซึมวิตามิน B6 น้อยลง ต่อมหมวกไตก็จะยิ่งทำงานน้อยลงไปอีก และในที่สุด คุณก็จะติดอยู่ในวงจรอุบาทว์นี้ แต่ว่าการนอนหลับ การทานวิตามิน (เมื่อจำเป็น) การทานผักสีเขียวเพื่อให้ได้แคลเซียมหรือแมกนีเซียม (ผักสีเขียวมีแคลเซียมและแมกนีเซียมมากกว่าผลิตภัณฑ์จากนม) และการทานอาหารเสริมแร่ธาตุ จะช่วยทำให้ต่อมหมวกไตกลับมาทำงานได้ดีและแข็งแรงอีกครั้ง
-
รักษาโรคภูมิแพ้. โรคภูมิแพ้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของรอยคล้ำใต้ตาที่พบบ่อย [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ถ้าโรคภูมิแพ้คือต้นเหตุของปัญหาสำหรับคุณ คุณควรรักษาโรคภูมิแพ้ให้หายและกำจัดสารก่อภูมิแพ้ โดยปกติแล้วโรคภูมิแพ้ตามฤดูกาล เช่น ไข้ละอองฟาง สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยยาที่ซื้อในร้านขายยาโดยมีหรือไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์ก็ได้
- สำหรับโรคภูมิแพ้อื่นๆ สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้คือหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ถ้าคุณมีรอยคล้ำใต้ตาหรือตาบวมอย่างต่อเนื่อง คุณอาจแพ้อาหารบางอย่างโดยไม่รู้ตัว หรือแพ้สารเคมีบางอย่างในบ้านหรือในที่ทำงาน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังเพื่อค้นหาว่าคุณแพ้อะไร นอกจากนี้ คนที่เป็นโรคภูมิแพ้มักขาดวิตามิน B6 กรดโฟลิค และวิตามิน B12 ในบางเวลา การทานวิตามินรวมอาจช่วยได้
- โรคแพ้กลูเตน โรคภูมิแพ้อีกชนิดที่พบบ่อยว่าทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาคือโรคแพ้กลูเตน ซึ่งก็คือการแพ้แป้งสาลี ในขั้นที่รุนแรงกว่านั้น คุณอาจเป็นโรคช่องท้อง คุณควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือด เพื่อจะได้ตรวจว่าคุณเป็นโรคช่องท้องหรือเปล่า แต่ระลึกไว้ว่าคุณอาจเป็นโรคแพ้กลูเตน โดยไม่เป็นโรคช่องท้องก็ได้
-
แก้อาการคัดจมูก. การที่จมูกตันสามารถทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาได้ เพราะเส้นเลือดรอบๆโพรงไซนัสจะมีสีเข้มขึ้นและขยายใหญ่ขึ้น [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ทานอาหารที่มีประโยชน์. ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและทานอาหารครบห้าหมู่ ทานวิตามิน และดื่มน้ำมากๆ ปัญหามากมายเกี่ยวกับความงามนั้นสามารถกล่าวได้ว่าเกิดจากการขาดวิตามิน รอยคล้ำใต้ตาและอาการตาบวมก็มักได้รับการให้เหตุผลว่าเป็นเพราะร่างกายขาดวิตามิน K หรือเพราะสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายไม่เพียงพอ นอกเหนือจากนี้ การขาดวิตามิน B12 (มักเกี่ยวข้องกับโรคโลหิตจาง) ก็สามารถทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาได้
- ทานผักและผลไม้มากๆ โดยเฉพาะผักกะหล่ำ ผักขม และผักใบเขียวอื่นๆ ทานวิตามินเสริมทุกวันหากจำเป็น ทานของเหลวให้เพียงพอเพื่อช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น
- ทานเกลือน้อยลง หากมีปริมาณเกลือในร่างกายมากเกินความต้องการ จะทำให้ร่างกายเก็บน้ำในพื้นที่ต่างๆ และส่งผลให้ตาบวมได้ นอกจากนี้ปริมาณเกลือที่มากเกินไปยังอาจทำให้การไหลเวียนเลือดช้าลง และทำให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังดูมีสีเข้มขึ้น
-
จับตาดูพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของคุณและตัดสินใจเลิกสูบ. การสูบบุหรี่ก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นภัยต่อชีวิตของคุณ แต่ยังทำให้หลอดเลือดของคุณดูมีสีเข้มขึ้นและเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย
-
ผ่อนคลาย. การผ่อนคลายอาจช่วยกำจัดสาเหตุของความเครียดและความวิตกกังวลที่ทำให้คุณนอนไม่หลับ ทานอาหารไม่ลง หรือพักผ่อนไม่ได้อย่างที่ควร อันที่จริง การผ่อนคลายให้เพียงพอจะช่วยให้ผิวบริเวณใต้ตาของคุณมีสภาพดีขึ้น เพราะคุณจะรู้สึกเครียดน้อยลงและสบายใจมากขึ้น ผิวนั้นมักสะท้อนความป่วยกายและป่วยใจต่างๆ ฉะนั้นจึงไม่ควรมองข้ามความจำเป็นของการผ่อนคลาย
-
ยอมรับสิ่งที่คุณเปลี่ยนแปลงไม่ได้. น่าเศร้าที่บางสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตานั้นเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถทำอะไรเพื่อแก้ไขได้เลย สาเหตุเหล่านี้รวมถึง:
- การที่สีผิวไม่สม่ำเสมอ การที่สีผิวไม่สม่ำเสมออาจทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาได้
- การโดนแดด การโดนแดดสามารถทำให้มีการสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การที่ผิวหนังบางลงตามวัย อายุที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้ผิวหนังบางลง และทำให้เส้นเลือดและหลอดเลือดเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะไขมันและเส้นใยคอลลาเจนก็จะค่อยๆลดน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- กรรมพันธุ์ พิสูจน์ดูว่ารอยคล้ำใต้ตานั้นเป็นกันทั้งครอบครัวหรือเปล่า เพราะเชื่อกันว่ารอยคล้ำใต้ตามักสืบทอดทางกรรมพันธุ์ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย เพียงแต่หมายความว่าคุณควรทำใจยอมรับว่าการพยายามกำจัดรอยคล้ำใต้ตาของคุณอาจได้ผลน้อยมากๆ
- รูปพรรณสัณฐานของคุณ รอยคล้ำใต้ตานั้นอาจเป็นเพียงการที่เค้าหน้าของคุณทำให้มีเงาตกที่บริเวณใต้ตาเท่านั้นเอง [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ถ้าเป็นกรณีนี้ คุณก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก นอกจากจะใช้เครื่องสำอางตกแต่งแก้ไขอย่างประณีต
โฆษณา
-
ใช้แตงกวาที่หั่นเป็นแว่นวางบนเปลือกตา. แตงกวานั้นเป็นวิธีที่นิยมมานานแล้วในการนำมาใช้ลดตาบวมและทำให้ผิวรอบดวงตาสดชื่น นับว่าเป็นยาบำรุงชั้นดีสำหรับตาที่ล้าและบวม วางแว่นแตงกวาลงบนตาแต่ละข้าง โดยให้ครอบคลุมบริเวณที่มีรอยคล้ำ ทำเช่นนี้ทุกวัน ขณะที่นอนลงเป็นเวลา 10-15 นาที โดยหลับตาไว้ตลอด
-
ประคบตาทุกวันด้วยถุงชาแช่เย็นหรือผ้าขนหนูนุ่มๆห่อน้ำแข็ง. สารคาเฟอีนในถุงชาจะช่วยลดตาบวมและลดรอยคล้ำใต้ตาได้ วิธีนี้ควรทำตอนเช้าจะดีที่สุด นอนลง วางถุงชาที่ได้แช่เย็นค้างคืนไว้แล้วลงบนตา และปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที โดยหลับตาไว้ตลอด
-
ทำน้ำเกลือ. ใช้น้ำปริมาณสองแก้ว ผสมเกลือทะเล 1/4 ช้อนชา [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง และ/หรือเบคกิ้งโซดาครึ่งช้อนชา เพื่อล้างจมูก โดยเอนศีรษะไปข้างหนึ่ง ก่อนจะฉีดหรือใส่น้ำเกลือเข้าไปในรูจมูก น้ำเกลือจะได้ออกมาทางรูจมูกอีกข้างหนึ่ง วิธีนี้ควรทำเมื่อรู้สึกคัดจมูก
-
ใช้มันฝรั่ง. ใส่มันฝรั่งดิบหนึ่งหัวลงไปในเครื่องปั่น และเมื่อปั่นจนกลายเป็นมันฝรั่งบด ตักออกมาจากเครื่องปั่นมาวางบนตาของคุณ นอนลง หลับตาไว้และปล่อยทิ้งไว้ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น วิธีนี้ใช้ได้ดีสำหรับคนบางกลุ่ม
-
ใช้ช้อนแช่แข็ง. นำช้อนไปแช่ช่องแช่แข็งในตู้เย็น 10-15 นาที แล้วนำออกมาวางบนรอยคล้ำใต้ตา ประคบค้างไว้จนกว่าช้อนจะหายเย็นโฆษณา
-
ใช้ครีมทาตาที่มีส่วนผสมของวิตามิน K และเรตินอล. รอยคล้ำใต้ตาอาจเกิดจากการที่ร่างกายขาดวิตามิน K แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ครีมทาผิวต่างๆที่มีส่วนผสมของวิตามิน K และเรตินอล นั้นสามารถลดตาบวมและรอยคล้ำใต้ตาได้ดีมากสำหรับคนจำนวนมาก การทาครีมเป็นประจำทุกๆวันดูจะเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดในระยะยาว [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ทาครีมใต้ตา. ใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดรอยคล้ำใต้ตา การเลือกสีคอนซีลเลอร์ให้เข้ากับสีผิวเป็นสิ่งสำคัญมาก หลังจากทาคอนซีลเลอร์แล้ว ก็เซ็ตให้อยู่ตัวโดยทาแป้งฝุ่นโปร่งแสงทับบางๆ
-
ตรวจภูมิแพ้ผิวหนัง. ก่อนใช้เครื่องสำอาง ให้ลองเครื่องสำอางนั้นบนผิวที่แขนดูก่อน เลิกใช้อะไรก็ตามที่ทำให้ผิวระคายเคือง ทำให้ผื่นขึ้น หรือทำให้แสบตาหรือน้ำตาไหลโฆษณา
เคล็ดลับ
- ดื่มน้ำ การดื่มน้ำส่งผลดีเสมอ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องรอยคล้ำใต้ตา การดื่มน้ำช่วยได้จริงๆ การดื่มน้ำยังช่วยให้คุณผ่อนคลายอีกด้วย เพราะเป็นเครื่องดื่มชนิดที่เมื่อดื่มแล้วทำให้คุณรู้สึกสงบลง
- หลีกเลี่ยงการขยี้ตา โดยปกติแล้วโรคภูมิแพ้เป็นตัวการที่ทำให้เราขยี้ตา แต่ก็ไม่เสมอไป เราอาจขยี้ตาเพราะติดเป็นนิสัยเวลามีความวิตกกังวล หรือเพราะเป็นกิริยาโต้ตอบโดยอัตโนมัติ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณควรหยุดขยี้ตา เพราะการขยี้ตาทำให้ผิวหนังระคายเคือง และอาจทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังแตกได้ ซึ่งจะทำให้ตาบวมและมีรอยคล้ำใต้ตา [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และเต็มไปด้วยวิตามิน C D และ E
- ใส่แว่นกันแดดที่มีเลนส์สีเข้ม เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ใส่ใจผิวใต้ตาเป็นพิเศษ ระลึกไว้ว่าการสัมผัสโดยตรงกับผิวใต้ตาจะต้องอ่อนโยนเสมอ เพราะผิวส่วนนี้คือส่วนที่บอบบางที่สุดในร่างกาย
- ไม่ดื่มน้ำมากเกินไปก่อนเวลานอน เพราะอาจทำให้ถุงใต้ตาบวมได้
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ Mayo Clinic, http://www.mayoclinic.com/health/dark-circles-under-eyes/MY00346
- ↑ Mayo Clinic, http://www.mayoclinic.com/health/dark-circles-under-eyes/MY00346/DSECTION=when-to-see-a-doctor
- ↑ Wrong Diagnosis, http://www.wrongdiagnosis.com/sym/dark_circles_under_eyes.htm
- ↑ Mayo Clinic, http://www.mayoclinic.com/health/dark-circles-under-eyes/MY00346/DSECTION=causes
- ↑ Mayo Clinic, http://www.mayoclinic.com/health/dark-circles-under-eyes/MY00346/DSECTION=causes
- ↑ Mayo Clinic, http://www.mayoclinic.com/health/dark-circles-under-eyes/MY00346/DSECTION=causes
- ↑ Mayo Clinic, http://www.mayoclinic.com/health/dark-circles-under-eyes/MY00346/DSECTION=causes
- ↑ Mayo Clinic, http://www.mayoclinic.com/health/dark-circles-under-eyes/MY00346/DSECTION=causes
- ↑ Mayo Clinic, http://www.mayoclinic.com/health/dark-circles-under-eyes/MY00346/DSECTION=when-to-see-a-doctor
- ↑ Mayo Clinic, http://www.mayoclinic.com/health/dark-circles-under-eyes/MY00346/DSECTION=when-to-see-a-doctor
- ↑ Wrong Diagnosis, http://www.wrongdiagnosis.com/sym/dark_circles_under_eyes.htm
- ↑ Mayo Clinic, http://www.mayoclinic.com/health/dark-circles-under-eyes/MY00346/DSECTION=when-to-see-a-doctor
โฆษณา