ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เชื้อรา (mold) เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและสุขภาพโดยรวม เจอเมื่อไหร่ต้องรีบกำจัดทันที ซึ่งวิธีการกำจัดเชื้อราบนผนังยิปซั่ม (drywall) ก็จะต่างกันไปตามชนิดผนัง ว่าฉาบปูน/ทาสีไว้หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ต้องทำความสะอาดโดยใช้น้ำกับน้ำยาทำความสะอาด แต่ถ้าเป็นผนังเปลือย ก็ให้แซะบริเวณที่มีราออกไป เพราะเป็นรูพรุน ทำความสะอาดให้หมดจดได้ยาก

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ผนังยิปซั่มที่ฉาบปูนหรือทาสีไว้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เวลาจะกำจัดรา ต้องใช้น้ำยาที่เป็นสารเคมี ซึ่งถ้าหายใจเข้าไปจะเป็นอันตรายได้ เพราะงั้นต้องเปิดประตูหน้าต่างไว้ตลอด ที่สำคัญคือห้ามใช้พัดลมเป่าจ่อเข้ามาในห้อง เพราะจะทำให้สปอร์ของเชื้อรากระจายไปทั่ว! ให้ตั้งพัดลมที่หน้าต่าง แล้วเป่าออกไปข้างนอกแทน จะได้ระบายอากาศอับๆ ออกไป และควรใช้พลาสติกซีลประตูไว้ ไม่ให้สปอร์เชื้อรากระจายไปมุมอื่นๆ ของบ้าน
  2. เพื่อป้องกันความเสียหายจากการเผลอทำสารเคมีหรือน้ำยาหก/กระเด็น ก็ต้องปิดคลุมทุกอย่างที่ไม่ได้จะกำจัดราไว้ก่อน โดยย้ายเฟอร์นิเจอร์กับเครื่องประดับตกแต่งทั้งหลายไปไว้ที่มุมอื่นของห้อง หรือย้ายไปไว้ที่ห้องอื่นเลย ต่อมาก็ปูหนังสือพิมพ์หรือผ้าใบ/ผ้าพลาสติกที่พื้น แล้วติดเทปยึดไว้ให้แน่น อย่าลืมเตรียมผ้าขี้ริ้วไว้เช็ดอะไรที่กระเด็นด้วย
  3. น้ำยาทำความสะอาดมีตั้งแต่ออกฤทธิ์อ่อนๆ ไปจนถึงแรง และมีทั้งสูตรธรรมชาติและใช้สารเคมี ถ้าในบ้านมีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง ก็ควรเลือกน้ำยาที่อ่อนๆ เจือจาง เป็นสูตรธรรมชาติ แต่ถ้ามีปัญหาเชื้อราค่อนข้างหนัก ก็ต้องใช้สารเคมีแรงๆ ถึงจะเห็นผล
    • ผสมเบคกิ้งโซดา 1 ส่วนกับน้ำ 5 ส่วน เบคกิ้งโซดานี่แหละที่ใช้ทำน้ำยาความสะอาดกำจัดรา สูตรอ่อนโยนและปลอดภัยที่สุด
    • ใช้น้ำส้มสายชูเพียวๆ หรือเจือจางน้ำส้มสายชูด้วยน้ำในสัดส่วนที่เท่ากัน น้ำส้มสายชูจะแรงกว่าเบคกิ้งโซดานิดหน่อย แต่ก็ยังเป็นสูตรธรรมชาติที่ปลอดภัย ใช้ในบ้านที่มีเด็กเล็กและสัตว์เลี้ยงได้
    • ลองใช้น้ำยาซักผ้าแบบไม่แต่งกลิ่น ปกติเรามักจับได้ว่ามีราเพราะได้กลิ่นอับๆ เพราะฉะนั้นถ้าใช้น้ำยาแบบไม่มีกลิ่นสังเคราะห์ กลิ่นก็จะไม่กลบกลิ่นรา น้ำยาซักผ้าถือว่ายังปลอดภัย ใช้ในบ้านที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยงได้ แต่ก็เริ่มมีสารเคมีผสม ให้เจือจางน้ำยาซักผ้ากับน้ำนิดหน่อย
    • ใช้น้ำยาฟอกขาว [1] บางคนแนะนำให้ใช้น้ำยาฟอกขาว ซึ่งก็เป็นวิธีที่ยังถกเถียงกันอยู่ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็เพราะน้ำยาฟอกขาวค่อนข้างแรง แค่หายใจเข้าไปก็อันตรายแล้ว แถมใช่ว่าจะใช้กำจัดราได้ผลดีไปซะหมด แต่โดยรวมแล้ว น้ำยาฟอกขาวก็ถือเป็นน้ำยาทำความสะอาดที่เข้มข้นที่สุด และใช้กับผนังยิปซั่มที่ทาสีแล้วได้ไม่ลอก เวลาใช้ให้ผสมน้ำยาฟอกขาว 1 ส่วน กับน้ำ 3 ส่วน
  4. เทน้ำยาทำความสะอาดที่ผสมน้ำแล้ว ลงในขวดสเปรย์ แล้วเขย่าให้เข้ากัน ต้องแน่ใจว่าเข้ากันจริงๆ เพื่อให้ใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ
  5. อย่าถึงกับชุ่ม เพราะพอผนังยิ่งชื้น แทนที่จะกำจัด เชื้อราจะยิ่งขยายวงกว้าง ให้พ่นน้ำยาที่รา 1 - 2 รอบ จนแน่ใจว่าทั่วถึง แต่อย่าให้ชุ่มโชกจนหยด
  6. หรือจะใช้ฟองน้ำล้างจานด้านหยาบก็ได้ ให้ขัดบริเวณที่พ่นน้ำยาแล้วจนไม่เหลือเชื้อราหรือคราบดำ
  7. ถ้าปล่อยให้บริเวณนั้นเปียกชื้นนานๆ เชื้อราจะขึ้นซ้ำได้ เพราะงั้นให้เปิดพัดลมจ่อไว้ จะได้แห้งเร็ว
  8. ถ้ายังเหลือคราบบางๆ หลังกำจัดราแล้ว ให้ลงสีรองพื้นกันคราบ (stain-blocking primer) แล้วทาสีทับเพื่อปกปิดร่องรอย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ผนังยิปซั่มเปลือย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตอนกำจัดเชื้อรา สปอร์อาจกระจายจากผนังได้ ให้ป้องกันไม่ให้สปอร์ตกลงพื้น โดยปูผ้าใบหรือแผ่นพลาสติกทั้งที่พื้นห้องและบริเวณโดยรอบ แล้วติดเทปยึดไว้ให้แน่น
  2. เอาดินสอวาดสี่เหลี่ยมครอบราทุกจุดบนผนัง โดยวาดให้ห่างออกไปจากคราบ กินบริเวณประมาณไม้แป 2 แท่งหลังผนัง ถ้าแซะผนังเกินออกไปกว่าที่ควรจะเป็นอีกหน่อย จะช่วยกำจัดสปอร์ราที่อาจจะมีแต่มองไม่เห็น แถมซ่อมผนังส่วนนั้นได้สะดวกขึ้น
  3. กรีดแล้วเลื่อยไปเรื่อยๆ โดยให้ใบมีดหันออกจากตัว พอแผ่นผนังหลุดออกมา ก็ค่อยๆ วางลงที่พื้น (ที่ปูพลาสติกแล้ว) โดยหงายด้านราขึ้น
  4. ทำความสะอาดห้องโดยใช้เครื่องดูดฝุ่นที่ติดตั้งแผ่นกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air). สปอร์ของเชื้อราอาจจะฟุ้งกระจายไปในขั้นตอนที่ผ่านๆ มา ก็ให้ทำความสะอาดด้วยเครื่องดูดฝุ่น HEPA
  5. ถ้าราขึ้นแถวประตูหรือหน้าต่าง ในขณะที่ผนังด้านในเปิดโล่ง ก็ให้คนใช้สายยางช่วยฉีดน้ำใส่ประตูหรือหน้าต่าง แล้วดูว่าเปียกชื้นขึ้นมาไหม. บางทีก็ต้องฉีดนานเป็น 5 นาที กว่าน้ำจะซึมออกมา เจอแล้วให้ซีลทับทั้งด้านนอกและด้านใน เพื่อป้องกันน้ำและความชื้นจากภายนอก (อย่างที่บอกว่าชื้นที่ไหนราก็ขึ้นที่นั่น)
  6. ก่อนจะซ่อมแซมผนังที่แซะออกไป แนะนำให้ทาสีในช่องกำแพงก่อน โดยใช้ elastomeric paint หรือสีโพลิเมอร์ที่ยืดหยุ่นได้ เช่น Kilz รวมถึงทาสีที่ด้านหลังของแผ่นผนังยิปซั่มใหม่ที่จะติดซ่อมเข้าไปด้วย. ให้ตัดผนังแผ่นใหม่ โดยวัดโพรงด้วยสายวัด แล้วใช้คัตเตอร์ตัดผนังใหม่ให้พอดีกับส่วนเก่าที่ตัดออกไป
  7. พอติดเข้าไปต้องลงล็อคพอดี
  8. ใช้สกรูยึดแผ่นยิปซั่ม แล้วใช้ไขควงขันให้แน่น ยึดผนังยิปซั่มกับไม้แปที่กำแพงด้านหลังไว้
  9. joint compound หรือ drywall compound ก็คือยาแนว ให้ทารอบขอบผนังใหม่ที่ปะเข้าไป จะช่วยยึดไว้กับผนังโดยรอบ แถมอุดรอยต่อรอยแยกให้เรียบเนียน
  10. พอผ่านไป 24 ชั่วโมง ให้ใช้กระดาษทรายหรือเครื่องขัดที่ไม่หยาบมาก ขัดยาแนวรอยต่อที่แห้งแล้วให้เรียบเนียน
  11. ดูดฝุ่นทั้งห้องให้สะอาดด้วยเครื่องดูดฝุ่น HEPA. สปอร์ของราอาจจะฟุ้งไปติดผนังส่วนอื่นหรือตามพื้น ถึงจะปูพลาสติกรองไว้ก็ไว้ใจไม่ได้ ต้องใช้เครื่องดูดฝุ่น HEPA ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม
    โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าราเยอะเกินพิกัด ควรใช้บริการบริษัทที่รับกำจัด โดยเฉพาะราดำ (black mold) ที่เป็นพิษ ห้ามจัดการเองเด็ดขาด ส่วนราชนิดอื่นๆ ถ้าขยายวงกว้างจนเกินไป ก็ควรปล่อยเป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เช่นกัน ถ้าบ้านใครชื้นเป็นพิเศษ บางทีก็ต้องกำจัดกันทั้งบ้านเลยไม่ใช่แค่ห้องเดียว โดยเฉพาะถ้าคนในบ้านมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ หรือกำจัดแล้วราย้อนกลับมา ไม่ก็ลุกลาม
  • ต้องใส่หน้ากากป้องกันเสมอตอนกำจัดรา ถ้าเป็นหน้ากากอนามัยกันฝุ่นทั่วไป จะช่วยป้องกันการสูดดมสปอร์ของเชื้อราเข้าไปได้ แต่ถ้าใส่หน้ากากป้องกันสารพิษ/หน้ากากนิรภัย กับถุงมือยางสำหรับทำความสะอาด ก็จะช่วยป้องกันดวงตาและผิวหนังจากทั้งเชื้อราและสารเคมีที่ใช้ในการกำจัด
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • แผ่นผ้าใบหรือพลาสติกใสปูรอง
  • ขวดสเปรย์
  • เบคกิ้งโซดา
  • น้ำส้มสายชู
  • น้ำยาซักผ้า
  • น้ำยาฟอกขาว
  • แปรงสีฟัน หรือฟองน้ำ
  • พัดลม
  • ดินสอ
  • คัตเตอร์
  • เครื่องดูดฝุ่นที่ติดตั้งแผ่นกรอง HEPA (high-efficiency particulate air)
  • ผนังยิปซั่ม (drywall)
  • สกรูยึดแผ่นยิปซั่ม
  • ไขควง
  • ยาแนวรอยต่อ (joint compound)
  • กระดาษทราย

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,635 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา