ถ้าริมฝีปากของคุณแห้งแตก คุณอาจจะต้องหลีกเลี่ยงส่วนประกอบสังเคราะห์ในลิปปาล์มบางชนิดด้วยเหตุผลที่ดี น้ำหอม สีสังเคราะห์ และสารช่วยปลอบประโลมอาจจะทำให้ริมฝีปากของคุณระคายเคืองและแย่ลงกว่าเดิม [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หรือบางทีคุณไม่มีลิปปาล์มและต้องการบรรเทาโดยไม่ต้องไปร้านขายของ อย่ากลัวไปเลย คุณสามารถปลอบประโลมและเยียวยาริมฝีปากของคุณได้ตามธรรมชาติด้วยการหลีกเลี่ยงสารก่อการระคายเคือง การทำขั้นตอนที่เรียบง่ายเพื่อปกป้องริมฝีปาก และการทามอยส์เจอไรเซอร์และสารช่วยปลอบประโลมจากธรรมชาติ
ขั้นตอน
-
อย่าเลียริมฝีปาก. การเลียริมฝีปากช่วยเติมความชุ่มชื้นเพียงแค่ชั่วคราวแต่มีข้อเสีย น้ำลายของคุณจะทำให้ริมฝีปากระคายเคืองและการเลียริมฝีปากตลอดเวลาจะกำจัดน้ำมันตามธรรมชาติที่ปกป้องริมฝีปากและกักเก็บความชุ่มชื้น [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
-
หายใจทางจมูก. ยิ่งคุณหายใจทางปากมากเท่าไหร่ ริมฝีปากของคุณก็จะแห้งแตกมากขึ้นเท่านั้น [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล สิ่งนี้แปลว่าถ้าคุณเป็นหวัดและคุณมีริมฝีปากแห้งแตก ยาลดอาการคัดจมูกสามารถช่วยทั้งสองอย่างนี้ได้
-
อย่าดึงริมฝีปากที่แห้งแตก. แทนที่จะทำแบบนั้น คุณต้องเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากด้วยน้ำมันตามธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันอัลมอนด์และปล่อยให้ริมฝีปากที่แห้งแตกหลุดออกมาตามธรรมชาติ การดึงริมฝีปากที่แห้งแตกออกมาเร็วเกินไปจะทำให้เป็นแผลและเจ็บ [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
อย่าทานอาหารที่เป็นกรด รสเค็ม หรือรสจัด. อาหารทั้งหมดนี้สามารถทำให้ริมฝีปากที่แห้งแตกอยู่แล้วระคายเคืองกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณต้องหลีกเลี่ยง: [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- พืชตระกูลส้ม เช่น น้ำเกรฟฟรุตหรือน้ำส้ม
- ข้าวโพดคั่วหรือถั่ว
- ปีกไก่รสเผ็ดหรือซัลซ่า
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดที่มากเกินไป. แสงอาทิตย์และลมเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ริมฝีปากแห้งแตก ถ้าริมฝีปากของคุณเสียหาย การสัมผัสกับแสงแดดที่มากขึ้นจะทำให้ริมฝีปากของคุณแย่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณไม่ควรใช้ครีมกันแดดกับริมฝีปากที่แห้งแตกเพราะอาจทำให้ระคายเคืองได้ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
อยู่ให้ห่างจากสภาพอากาศที่เลวร้าย. อากาศที่ลมแรงและแห้งแล้งสามารถทำให้ริมฝีปากแห้งและแตกได้ คุณจะต้องอยู่ข้างในบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ริมฝีปากได้ฟื้นตัวมากที่สุดโฆษณา
-
วางแตงกวาหรือถูแตงกวาหั่นฝานบนริมฝีปากเป็นเวลาห้านาที. แตงกวาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นสิ่งที่ให้ความชุ่มชื้นที่มีประสิทธิภาพมากเนื่องจากมีวิตามินบี 5 [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล และยังช่วยบรรเทาผิวและลดการอักเสบด้วย [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล
- หรือคุณสามารถทาน้ำแตงกวาบนริมฝีปากหลายครั้งต่อวัน
-
ใช้น้ำมันอัลมอนด์หรือน้ำมันมะพร้าวแทนลิปบาล์ม. น้ำมันทั้งสองชนิดช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและยืดหยุ่น น้ำมันทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ [12] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล ยิ่งไปกว่านั้น น้ำมันมะพร้าวช่วยเพิ่มการรักษา ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ และลดความเจ็บปวดซึ่งเป็นการรักษาที่ดีสำหรับริมฝีปากที่แห้งแตก [13] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล
- น้ำมันชนิดอื่นๆ ที่ใช้เพื่อรักษาริมฝีปากแห้งแตกคือน้ำมันมะกอก น้ำมันโจโจ้บา น้ำมันคาโนลา และน้ำมันมัสตาร์ด น้ำมันทั้งหมดมีคุณสมบัติช่วยเติมความชุ่มชื้นและปกป้องริมฝีปาก ถึงแม้ว่าคุณสมบัติการรักษาอาจจะไม่เป็นที่รู้จักเท่าน้ำมันอัลมอนด์และน้ำมันมะพร้าว
-
ทาเนยโกโก้หรือเชียร์บัตเตอร์บนริมฝีปาก. เนยทั้ง 2 ชนิดมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ มันจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและปกป้องริมฝีปากของคุณ เนยโกโก้และเชียร์บัตเตอร์มีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมของริมฝีปากจากแสงอาทิตย์ [14] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
หยดครีมนมบนริมฝีปาก. ไขมันของครีมนมสามารถเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากได้ถึงแม้ว่าไม่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและรักษาเช่นเดียวกับน้ำมันและเนยบางชนิด แต่ถ้าคุณไม่มีน้ำมันหรือเลยอยู่ในมือ สิ่่งนี้ก็สามารถช่วยได้ ปล่อยทิ้งไว้ 10 นาทีจากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น
-
ทาว่านหางจระเข้บนริมฝีปาก. คุณสามารถซื้อว่านหางจระเข้ได้จากร้านขายของหรือซื้อต้นว่านหางจระเข้ ตัดใบ และบีบน้ำออกมา ว่านหางจระเข้คือตัวต้านการอักเสบซึ่งช่วยรักษาผิว [16] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล อย่างไรก็ตาม แพทย์บางคนเห็นว่ามันสามารถทำให้ริมฝีปากที่แห้งแตกระคายเคืองได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
-
บริโภควิตามินอีและวิตามินซี. วิตามินอีและซีจะช่วยรักษาผิวที่ถูกทำลายได้เมื่อบริโภครวมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าริมฝีปากของคุณแห้งแตกเนื่องจากถูกแดดเผา
- บางเว็บไซต์เกี่ยวกับความงามแนะนำให้ใช้น้ำมันวิตามินอีโดยตรงกับริมฝีปากของคุณ แต่แพทย์บางคนเตือนว่าวิตามินอีสามารถทำให้ริมฝีปากที่แห้งแตกระคายเคืองได้ [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
-
ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในตอนกลางคืน. การรักษาความชื้นในห้องของคุณจะช่วยป้องกันไม่ให้ริมฝีปากแห้งกว่าเดิม สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งเมื่อเครื่องปรับอากาศและความร้อนทำงานตลอดเวลาเพราะทั้งสองอย่างอาจจะทำให้อากาศในห้องที่คุณหลับอยู่นั้นแห้ง [18] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ดื่มน้ำมากๆ. การขาดน้ำเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของริมฝีปากแห้งแตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาวเมื่อหลายคนดื่มน้ำน้อยลง ถ้าริมฝีปากของคุณแห้งแตกก็ควรพยายามดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 ออนซ์เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ [19] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
-
งดใช้ลิปสติกหรือถ้าคุณใช้ก็ใช้ลิปสติกที่ชุ่มชื้น. อีกวิธีหนึ่งคือคุณสามารถทาน้ำมันที่ให้ความชุ่มชื้นและปกป้องริมฝีปากก่อนทาลิปสติก [20] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หรือใช้ลิปปาล์มที่มีค่า SPF อย่างน้อย 15
-
สวมผ้าพันคอปิดปากเมื่ออยู่นอกบ้าน. ลมสามารถทำให้ริมฝีปากแห้งแตกและมีรอยย่นได้โดยการดึงความชุ่มชื้นออก การเอาผ้าพันคอปิดปากของคุณเมื่ออยู่นอกบ้านจะช่วยให้ริมฝีปากของคุณฟื้นตัว [21] X แหล่งข้อมูลอ้างอิงโฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.swedishcovenant.org/community/well-community-articles/2014/05/08/lip-balm-6-ingredients-to-look-for-6-ingredients-to-avoid
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dry-skin/expert-answers/chapped-lips/faq-20057819
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dry-skin/expert-answers/chapped-lips/faq-20057819
- ↑ http://dailymakeover.com/chapped-lips-cure/
- ↑ http://dailymakeover.com/chapped-lips-cure/
- ↑ http://stamforddentist.com/2016/07/04/whats-in-your-toothpaste/
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/002036.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/002036.htm
- ↑ http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/natural/390.html
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2992143/
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/23098877
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/20129403
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/19134433
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4145303/
- ↑ http://article.sciencepublishinggroup.com/pdf/10.11648.j.ajls.20140205.18.pdf
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3611630/
- ↑ http://www.swedishcovenant.org/community/well-community-articles/2014/05/08/lip-balm-6-ingredients-to-look-for-6-ingredients-to-avoid
- ↑ http://dailymakeover.com/chapped-lips-cure/
- ↑ http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/water/art-20044256
- ↑ http://dailymakeover.com/chapped-lips-cure/
- ↑ http://dailymakeover.com/chapped-lips-cure/
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,133 ครั้ง
โฆษณา