ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

สิวเสี้ยนหรือสิวหัวดำคือสิวเล็กๆ สีดำที่จะขึ้นบนผิวหนังเมื่อรูขุมขนเกิดการอุดตัน การที่สิวเสี้ยนมีสีดำไม่ใช่เพราะสิ่งสกปรก แต่เป็นเพราะปฏิกิริยาออกซิเดชั่นซึ่งจะเกิดเมื่อรูขุมขนที่อุดตันสัมผัสกับอากาศ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ใช้วิธีที่ทำได้เองง่ายๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การอบไอน้ำใบหน้าจะช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลงโดยทำให้มันเนียนนุ่ม และช่วยให้ขัดเอาสิวเสี้ยนออกได้ง่ายขึ้น [1]
    • เตรียมชามขนาดใหญ่ น้ำ และผ้าสะอาด
    • ต้มน้ำให้เดือด ทิ้งไว้ให้เย็นสักครู่และเทลงในชาม
    • ก้มหน้าเหนือชามและใช้ผ้าคลุมศีรษะไว้เพื่อกักไอน้ำให้อยู่ตรงหน้า
    • อบไอน้ำผิวหน้า 5-10 นาที ระวังอย่าเข้าใกล้ชามมากไปเพราะเดี๋ยวผิวจะแสบร้อน
    • ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและซับให้แห้ง
    • อบไอน้ำผิวหน้าสัปดาห์ละหลายๆ ครั้ง ทำก่อนใช้สครับขัดหน้า
  2. Watermark wikiHow to กำจัดสิวเสี้ยนที่จมูก
    การขัดผิวเป็นสิ่งสำคัญเพราะมันจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้เซลล์ผิวพวกนี้ไปอุดตันรูขุมขนและเกิดเป็นสิวเสี้ยนขึ้นมา นอกจากนี้การขัดผิวยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตใต้ผิวหนังและทำให้ผิวเปล่งปลั่งดูสุขภาพดีด้วย
    • ผสมผงฟู 2 ช้อนชากับน้ำแร่ในถ้วยเพื่อทำเป็นครีม ทาครีมนั้นลงบนจมูกและนวดเบาๆ จะได้ไม่เป็นการทำร้ายผิว [2]
    • ปล่อยไว้ให้แห้งสัก 2-3 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำซ้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
    • ผงฟูจะช่วยให้สิวเสี้ยนหายและทำให้ผิวดูสะอาดและกระจ่างใสขึ้น
    • คุณสามารถเติมน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิลหรือแอปเปิลไซเดอร์ลงในครีมผงฟูได้ แอปเปิลไซเดอร์มีคุณสมบัติช่วยสมานผิวและต้านแบคทีเรีย [3]
  3. Watermark wikiHow to กำจัดสิวเสี้ยนที่จมูก
    ข้าวโอ๊ตผสมกับน้ำมะนาวและโยเกิร์ตจะช่วยให้ผิวคุณปราศจากสิวเสี้ยนได้ [4]
    • ผสมข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 3 ช้อนโต๊ะ และน้ำมะนาวครึ่งลูกเข้าด้วยกัน
    • จากนั้นนำมาทาที่จมูก ทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
    • คุณจะทำสครับข้าวโอ๊ตแบบใส่น้ำผึ้งและมะเขือเทศก็ได้ โดยผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชากับน้ำมะเขือเทศ 4 ลูก และข้าวโอ๊ต 2-3 ช้อนโต๊ะ
    • นำสครับมาทาจมูกและทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
    • สครับแบบนี้เป็นประจำอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง
  4. Watermark wikiHow to กำจัดสิวเสี้ยนที่จมูก
    ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้น้ำมันโจโจ้บา (jojoba oil) ในการทำสครับน้ำตาลนี้ เพราะน้ำมันชนิดนี้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับซีบัม (sebum) ในผิวหนังเรามากที่สุด ซีบัมคือไขมันที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง [5] ถ้าหาน้ำมันโจโจ้บาไม่ได้ ให้ใช้น้ำมันอย่างอื่นแทน เช่น น้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำมันมะกอก และน้ำมันสวีทอัลมอนด์ [6]
    • ใส่น้ำมัน 4 ช้อนโต๊ะและน้ำตาลทรายแดงหรือขาว 1 ถ้วยตวงลงในโหลแก้วสุญญากาศ คนให้เข้ากัน
    • ล้างหน้าให้เปียก หยิบสครับมาด้วยปลายนิ้ว นวดวนเป็นวงกลมบริเวณจมูกและใบหน้า
    • ทำไปประมาณ 1-2 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
    • สครับหน้าไม่เกิน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อไม่ให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง
    • เก็บสครับนี้ไว้ในโหลสุญญากาศในที่เย็นและไม่โดนแสง เก็บได้นานถึง 2 เดือน
  5. Watermark wikiHow to กำจัดสิวเสี้ยนที่จมูก
    ถ้าอยากได้มาสก์โคลนที่ดี ให้ใช้โคลนเบนโทไนท์ (Bentonite clay) ซึ่งหาซื้อได้ตามเว็บไซต์และร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพ โคลนเบนโทไนท์อุดมไปด้วยแร่ธาตุมากมาย ทั้งยังใช้รักษาอาการต่างๆ มาเป็นเวลานาน และส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับผิวหนัง เมื่อใช้มาสก์โคลน ผิวคุณจะได้ซึมซับแร่ธาตุเข้าไป และโคลนก็จะดูดเอาสิวเสี้ยนออกมา [7]
    • ผสมโคลนเบนโทไนท์ 1 ช้อนโต๊ะเข้ากับน้ำเปล่าหรือแอปเปิลไซเดอร์จนเป็นเนื้อครีมเข้มข้นแต่เกลี่ยง่าย
    • ใช้นิ้วทาโคลนบางๆ ให้ทั่วจมูก ปล่อยไว้ 10-20 นาที ขึ้นอยู่กับว่าจะให้มันแห้งแค่ไหน เมื่อโคลนแห้งจะรู้สึกตึงๆ หน้า บางคนใช้มาสก์โคลนนานเกินไปแล้วหน้าแห้งหรือระคายเคือง โดยเฉพาะกับคนที่ผิวแห้งอยู่แล้ว ควรปรับเวลามาสก์ตามประเภทผิวของตัวเอง
    • ล้างมาสก์ออกด้วยน้ำอุ่นและทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่จมูก
    • ทามาสก์โคลนที่จมูกเป็นประจำเพื่อให้เห็นผล อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง [8]
  6. Watermark wikiHow to กำจัดสิวเสี้ยนที่จมูก
    กลิ่นของไข่ดิบที่อยู่บนจมูกอาจไม่หอมนัก แต่ไข่ขาวมีสารอาหารมากมายและแห้งน้อยกว่าของอื่นๆ ที่ใช้รักษาสิวเสี้ยนได้ [9] [10]
    • เตรียมไข่ 1 ฟอง กระดาษทิชชูสำหรับเช็ดหน้าหรือกระดาษชำระ ถ้วยใบเล็ก และผ้าสะอาด
    • ตอกไข่ขาวใส่ถ้วย แยกไข่แดงออก
    • ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ที่คุณใช้
    • ซับหน้าให้แห้ง ทาไข่ขาวบางๆ ที่จมูก
    • รอให้ชั้นแรกแห้งก่อน แล้วทาไข่ขาวอีกชั้นลงไปบนจมูก ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วทาชั้นที่สาม ต้องให้แต่ละชั้นแห้งจริงๆ ก่อนจะทาทับ
    • ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีให้ชั้นสุดท้ายแห้ง คุณจะรู้สึกแน่นๆ ตึงๆ หน้านิดหน่อย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีเพราะมันแปลว่าไข่ขาวติดแน่นกับจมูกและสิวเสี้ยน
    • นำผ้าชุบน้ำอุ่นมาถูไข่ขาวออกจากจมูกเบาๆ เสร็จแล้วซับให้แห้ง
  7. แผ่นแปะสิวเสี้ยนทำจากสารยึดติดบางชนิดและแผ่นที่ใช้แปะสารนั้นติดกับจมูกหรือใบหน้าเรา เมื่อดึงแผ่นแปะออกก็เป็นการดึงไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากรูขุมขนด้วย สิวเสี้ยนจึงหลุดออกไป จำไว้ว่าแผ่นแปะสิวเสี้ยนไม่ได้ช่วยป้องกันสิวเสี้ยน มันแค่ช่วยกำจัดสิวเสี้ยนที่มีอยู่ออกเท่านั้น [11]
    • ใช้นมกับน้ำผึ้งทำแผ่นแปะสิวเสี้ยนแบบที่ปลอดสารอันตรายหรือน้ำหอม ต่างจากแผ่นแปะสิวเสี้ยนที่ขายตามห้างร้านทั่วไป
    • เตรียมน้ำผึ้งดิบ 1 ช้อนโต๊ะ นม 1 ช้อนชา และผ้าฝ้ายสะอาด 1 แผ่น (นำมาจากเสื้อหรือผ้าเช็ดหน้าก็ได้)
    • ผสมน้ำผึ้งดิบกับนมลงในถ้วยที่ใส่ไมโครเวฟได้ นำเข้าไปอุ่นประมาณ 5-10 วินาที คนจนเข้ากันดี
    • ลองดูอย่าให้มันร้อนเกินไปก่อนจะนำมาทาบางๆ บนจมูก
    • แปะแผ่นผ้าฝ้ายบนจมูกเบาๆ กดให้แนบเนื้อ
    • ทิ้งไว้ให้แห้งอย่างน้อย 20 นาที และดึงแผ่นผ้าออกอย่างระวัง
    • ล้างจมูกด้วยน้ำเย็นและซับให้แห้ง
    • ใช้แผ่นแปะนี้เป็นประจำเพื่อกำจัดสิวเสี้ยนออก
  8. Watermark wikiHow to กำจัดสิวเสี้ยนที่จมูก
    โทนเนอร์ใช้กำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหน้าและลดอาการแดงหรืออักเสบได้ดี โดยเฉพาะบริเวณจมูก ใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นอย่างมิ้นท์เพื่อปลอบประโลมผิวที่ระคายเคือง [12]
    • ผสมแอปเปิลไซเดอร์ 3 ช้อนโต๊ะกับใบมิ้นท์สดบด 3 ช้อนโต๊ะ ใส่ในขวดเล็กๆ เก็บไว้หนึ่งสัปดาห์ในที่เย็นและไม่ถูกแสง
    • กรองน้ำออกและใส่น้ำเปล่าลงไปหนึ่งถ้วย นำโทนเนอร์แช่ตู้เย็นจะสามารถเก็บได้ถึง 6 วัน
    • ใช้โทนเนอร์ทุกคืน โดยล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าก่อน แล้วใช้สำลีสะอาดชุบโทนเนอร์มาเช็ดหน้า
    • ทาทิ้งไว้ข้ามคืน หรือถ้าผิวแพ้ง่ายก็ทิ้งไว้ไม่กี่ชั่วโมงก็พอ
    • อย่าลืมทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่จมูกหลังใช้โทนเนอร์ด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ป้องกันการเกิดสิวเสี้ยน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ที่เราไม่สามารถถูเอาสิวเสี้ยนออกได้เพราะมันไม่ได้เกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรก แต่เป็นผิวหนังที่ตายแล้วหรือไขมัน ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนและเปลี่ยนสิ่งที่อยู่ในรูขุมขนเป็นสีดำ [13]
    • และคุณก็ไม่สามารถปิดหรือเปิดรูขุมขน หรือทำให้มันเล็กลงได้ เพราะมันไม่ใช่กล้ามเนื้อ แต่เป็นเพียงหลุมเล็กบนร่างกายที่เป็นที่อยู่ของรากขนและต่อมไขมัน
    • สารบางชนิด เช่น มะนาว หรือมิ้นท์ อาจทำให้รูขุมขนดูเล็กลงได้ แต่ความจริงมันไม่ได้เล็กลง
    • ปัจจัยอื่นๆ อย่างกรรมพันธุ์ อายุ และการออกแดด ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อขนาดเล็กใหญ่ของรูขุมขน แต่ไม่มียาวิเศษอะไรที่จะทำให้มันเล็กลงได้
  2. ทำได้โดยการล้างหน้าไม่เกินวันละสองครั้งด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนและไม่มีน้ำมัน อย่าลืมล้างหน้าถ้าคุณแต่งหน้าประจำทุกวัน เพราะเครื่องสำอางที่ตกค้างอาจทำให้เกิดความมันบนผิวหน้าได้ [14]
    • ควรขัดผิวหน้าด้วยวิธีธรรมชาติหรือวิธีแบบที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ และใช้โทนเนอร์แบบธรรมชาติหรือแบบที่หาซื้อได้เป็นประจำ
  3. การซักปลอกหมอนจะช่วยชะล้างเซลล์ผิวที่ตายแล้วและน้ำมันบนใบหน้าที่ตกค้างอยู่บนผ้าทุกๆ คืนได้ [15]
  4. เก็บผมไม่ให้ลงมาปรกหน้า และพยายามอย่าเอามือไปจับหน้าบ่อย. บนเส้นผมอาจมีเชื้อโรคและแบคทีเรียที่อาจจะมาติดอยู่บนผิวหน้าและจมูกได้ [16]
    • หลีกเลี่ยงการใช้มือจับหน้าหรือจมูก มือของเราอาจมีสิ่งสกปรก เชื้อโรค และแบคทีเรียที่จะมาติดอยู่บนผิวหน้าและทำให้เกิดการสร้างน้ำมันที่นำไปสู่สิวเสี้ยนได้
  5. มันจะทำให้ผิวบริเวณจมูกเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และอาจเป็นแผลเป็นได้ [17]
    • เวลาใช้สครับขัดผิวก็เช่นกัน ไม่ควรขัดตรงสิวเสี้ยนแรงเกินไปเพราะอาจระคายเคืองผิวและเกิดการอักเสบได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ใช้ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาสิวเสี้ยน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้คลีนเซอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (salicylic acid) และกรดไกลโคลิก (glycolic acid). ทางที่ดีที่สุดที่จะกำจัดความมันที่อุดตันรูขุมขนคือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดเบต้าไฮดรอกซี (beta-hydroxy acid หรือ BHA) หรือกรดซาลิไซลิกนั่นเอง การใช้คลีนเซอร์ที่มีกรดซาลิไซลิกเป็นประจำจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสิวเสี้ยนและชะล้างความมันออกจากรูขุมขนด้วย [18]
    • กรดซาลิไซลิกจะทำงานร่วมกับกรดไกลโคลิกในการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งตกค้างบนผิวหนัง [19]
    • ผลิตภัณฑ์รักษาสิวอย่าง Proactiv, Benzac, และ PanOxyl มีสารเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ
  2. แผ่นแปะสิวเสี้ยนสามารถดูดเอาความมันที่อุดตันผิวจมูกออกได้ และยังเอาสิวเสี้ยนออกได้ด้วย [20]
  3. สารเรตินอยด์เป็นสารประกอบวิตามินเอ ช่วยในการชะล้างรูขุมขนที่อุดตันและป้องกันการเกิดสิวเสี้ยน [21]
    • เรตินอยด์ที่แพทย์สั่งจ่ายจะได้ผลดีที่สุดและจะมาให้รูปแบบยาเม็ด ยาที่มีเรตินอลก็มีขายตามร้านขายยาทั่วไป
    • เมื่อเริ่มใช้เรตินอยด์ครั้งแรกอาจมีอาการผิวลอก แต่หลังจากใช้ไปเรื่อยๆ สัปดาห์ละ 3-7 ครั้ง เป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ ผลข้างเคียงจะลดน้อยลงและผิวคุณจะดูสะอาด กระจ่างใสขึ้น
  4. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเกี่ยวกับการกรอผิวด้วยผลึกแร่หรือการทำ Microdermabrasion. นี่เป็นวิธีรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งจะใช้ผลึกแร่ละเอียดกรอผิวเพื่อกำจัดชั้นผิวหนังชั้นนอกรวมทั้งสิวเสี้ยนออกอย่างนุ่มนวล วิธีนี้จะช่วยขัดผิวและฟื้นฟูสภาพผิวบริเวณจมูก ผิวคุณจะดูเนียนนุ่มและกระจ่างใสขึ้น [22]
    • วิธีนี้จะรุนแรงน้อยกว่าการกรอผิวแบบ Dermabrasion แต่ก็ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเท่านั้น
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,668 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา