ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

โดยเฉลี่ยแล้วคนทั่วไปเดินเป็นพันๆ ก้าวตลอดการใช้ชีวิตของพวกเขา โดยสิ่งที่เราสวมใส่ระหว่างการเดินนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อเท้าของเราก็เป็นได้ ซึ่งสิ่งที่อาจเกิดขึ้นก็คือ คุณอาจจะมีผิวหนังเท้าที่หนาด้านและอาจจะมีตาปลาเกิดขึ้นได้อีกด้วย ในการที่จะทำให้เท้ามีสุขภาพที่ดี คุณควรใส่รองเท้าและถุงเท้าที่เหมาะสมและพอดีกับเท้าของคุณ รวมไปถึงการเพิ่มความชุ่มชื่นและขัดเท้าอย่างเป็นประจำอาจจะทำให้คุณกำจัดผิวเท้าที่หนาด้านออกไปได้ และถ้าคุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้เป็นประจำทุกวัน ปัญหาหนังเท้าด้านก็จะถูกกำจัดออกไปได้ในที่สุด

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

การกำจัดหนังเท้าด้านง่ายๆ ที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในกรณีที่คุณเริ่มมีหนังเท้าที่ด้านแล้ว ให้ลองแช่เท้าในน้ำเป็นประจำทุกวันเพื่อทำให้ผิวหนังที่แห้งและเสียเริ่มเนียนและนุ่มมากยิ่งขึ้นด้วยการใช้น้ำอุ่นและถูสบู่ที่อ่อนโยนต่อผิวเท้า ซึ่งวิธีนี้จะทำให้การขจัดผิวหนังที่ตายแล้วนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย [1]
    • ใช้น้ำอุ่นแทนน้ำร้อนเพราะน้ำร้อนอาจจะทำให้ผิวของคุณแห้งกร้านและอาจจะก่อให้เกิดอาการคันบริเวณเท้าได้
  2. กำจัดหนังเท้าด้านด้วยหินพัมมิสหรือตะไบขัดเท้า. หลังจากที่เท้าชุ่มน้ำหรือหลังจากอาบน้ำแล้ว ให้ใช้หินพัมมิส ตะไบขัดเท้า หรือตะไบเล็บในการขัดผิวเพื่อกำจัดผิวหนังที่ตายแล้วออกจากหนังเท้าที่ด้าน [2]
    • หินพัมมิสและตะไบขัดเท้าจะใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้นถ้าคุณล้างด้วยน้ำอุ่นก่อนจะนำมาใช้
    • ในกรณีที่คุณไม่มีหินพัมมิส ตะไบขัดเท้าหรือตะไบเล็บ คุณก็สามารถใช้ผ้าเช็ดตัวในการขัดผิวหนังที่ตายแล้วออกไปจากผิวได้เช่นกัน
    • หลังจากที่คุณขัดผิวเท้าไปแล้ว ให้ทามอยเจอไรเซอร์เพื่อทำให้เท้าอ่อนนุ่มและชุ่มชื่นขึ้น
  3. หนังเท้าด้าน (และตาปลา) จะเกิดขึ้นในบริเวณที่ผิวหนังเท้าเกิดการเสียดสีกับรองเท้าหรือถุงเท้าในขณะทีคุณเดิน ซึ่งคุณอาจจะเริ่มรู้สึกว่าตอนนี้คุณมีรองเท้าที่ใส่แล้วเกิดการเสียดสีอยู่ สิ่งแรกที่คุณควรทำก็คือควรจะสวมใส่รองเท้าที่พอดีและเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนังเท้าด้านและตาปลาขึ้น หรือไม่คุณก็สามารถใช้แผ่นแปะเท้าแบบธรรมดาที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปเพื่อนำมาปกป้องเท้าของคุณก็ได้ [3]
    • แผ่นแปะเท้าเหล่านี้มีหลากหลายขนาดและรูปทรงไว้สำหรับใช้กับส่วนต่างๆ ของเท้า ซึ่งบางชิ้นก็มีขนาดใหญ่เพื่อให้คุณสามารถตัดแบ่งเป็นขนาดต่างๆ และนำไปแปะตามที่ที่คุณต้องการได้
    • แผ่นแปะเท้าบางชนิดเป็นแบบที่มีส่วนผสมของยาอยู่ด้วย ซึ่งคุณควรหลีกเลี่ยงการใช้แผ่นแปะเท้าประเภทนี้หรือไม่ถ้าจะใช้ก็ควรจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์เสียก่อน
  4. ในกรณีที่หนังเท้าด้านหรือตาปลาของคุณเริ่มบวมและมีอาการเจ็บแล้ว คุณควรเตรียมตัวไปพบแพทย์เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการรักษา [4]
    • แพทย์มีสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ที่เหมาะสมและสามารถที่จะตัดผิวหนังส่วนเกินออกจากหนังเท้าด้านและตาปลาให้กับคุณได้ ซึ่งคุณไม่สามารถทำเองที่บ้านได้อย่างแน่นอน [5]
    • แพทย์อาจจะสั่งจ่ายยาทาที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ (เช่น โพลิสโพริน) ให้ในกรณีที่มีการติดเชื้อ หรือมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อ
  5. มียาหลากหลายชนิดที่แพทย์อาจจะแนะนำให้คุณใช้เพื่อกำจัดหนังเท้าด้าน [6]
    • แผ่นพลาสเตอร์เล็กๆ ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิก 40% สามารถนำมาใช้แปะหนังเท้าด้านและตาปลาได้เพื่อช่วยให้ผิวบริเวณนั้นนุ่มและลอกออกได้ง่ายขึ้น พลาสเตอร์จำพวกนี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาทั่วไปและมีหลากหลายยี่ห้อ ในกรณีที่แพทย์ไม่ได้ให้คำแนะนำว่าเมื่อไหร่ที่ควรใช้และควรใช้พลาสเตอร์เหล่านี้บ่อยแค่ไหน คุณก็สามารถอ่านวิธีใช้อย่างถูกต้องเองได้ที่ฉลากของพลาสเตอร์
    • ในกรณีที่ตาปลาหรือหนังเท้าด้านนั้นใหญ่เกินกว่าที่จะใช้พลาสเตอร์แปะ คุณก็สามารถหาซื้อยาที่มีฤทธิ์แรงอย่างเช่น เจลกรดซาลิซิลิกมาใช้ได้
    • คุณควรใช้กรดซาลิซิลิกตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากมันเป็นกรดที่สามารถกัดผิวและทำให้เกิดการระคายเคืองซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อได้ โดยแพทย์จะให้คำแนะนำอย่างถูกต้องในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ รวมถึงให้คำแนะนำว่าควรจะใช้ในปริมาณเท่าไรและใช้ได้บ่อยแค่ไหน [7]
  6. สาเหตุหนึ่งที่ทำให้หนังเท้าของคุณด้านนั้นเกิดจากการที่เท้าของคุณผิดรูป [8] เท้าที่ผิดรูปเพียงนิดเดียวอาจจะส่งผลให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าไปขูดกับผนังรองเท้าได้ โดยการสั่งทำแผ่นรองพื้นรองเท้าแบบพิเศษหรืออุปกรณ์เสริมเท้าสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเท้าผิดรูปและยังช่วยลดโอกาสในการเกิดหนังเท้าที่หนาและด้านได้ [9]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ดูแลเท้าของคุณให้ดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเลือกซื้อรองเท้าที่พอดีกับเท้ามีส่วนสำคัญในการป้องกันการเกิดของหนังเท้าด้านได้ เมื่อคุณออกไปเลือกซื้อรองเท้าสักคู่หนึ่ง คุณควรที่จะมีวิธีดูรองเท้าดังนี้: [10]
    • ต้องมั่นใจว่าคนขายรองเท้าวัดเท้าของคุณทั้งสองข้าง. มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เท้าของคุณทั้งสองข้างจะไม่เท่ากัน โดยสิ่งที่คุณควรทำคือคุณควรจะเลือกรองเท้าที่มีขนาดพอดีกับเท้าข้างที่ใหญ่ที่สุด
    • ซื้อรองเท้าในช่วงสายๆ เท่าที่จะสายได้. ในระหว่างวันเท้าของคุณจะเริ่มบวมขึ้น โดยคุณจะต้องวัดขนาดของเท้าตอนที่บวมอยู่เพื่อให้ได้ขนาดรองเท้าที่ใหญ่และสามารถรองรับเท้าของคุณในขณะที่บวมได้และจะต้องไม่ทำให้รู้สึกไม่สบายเวลาสวมใส่ในระหว่างวันอีกด้วย
    • บางครั้งก็ควรเลือกซื้อรองเท้าที่ใส่แล้วรู้สึกสบาย โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะขนาดเท่าไหร่
    • ควรที่จะซื้อรองเท้าที่มีทรงคล้ายกับเท้ามากที่สุด. นักออกแบบรองเท้าหลายคนมักออกแบบรองเท้ารูปทรงประหลาดซึ่งอาจจะทำให้คุณเจ็บเท้าเวลาสวมใส่และเป็นสาเหตุของการเกิดหนังเท้าด้านอีกด้วย
    • เมื่อคุณได้ลองรองเท้าคู่ใหม่ของคุณ จะต้องแน่ใจว่ารู้สึกสบายเท้าในทุกๆ ส่วน ตั้งแต่บริเวณปลายนิ้วเท้า เนินปลายเท้า ไปจนถึงส้นเท้า
    • เว้นช่องว่างประมาณ ⅜ ถึง ½ ระหว่างปลายของรองเท้ากับหัวแม่โป้งเท้าในแต่ละข้าง
  2. ในการปกป้องเท้าของเราให้ปลอดภัยจากหนังเท้าด้านนั้น ถุงเท้าถือได้ว่ามีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ารองเท้า ถุงเท้าที่ทำมาจากผ้าธรรมชาติหรือผ้าฝ้ายนับว่าเป็นประเภทที่ดีที่สุดที่สามารถช่วยให้เท้าของเรานั้นไม่อับชื้นเวลาสวมใส่รองเท้า ถุงเท้าประเภทนี้มีความสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะเวลาที่คุณต้องทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากกว่าปกติ [11]
    • อย่าใส่รองเท้าที่เปียก ควรดูให้แน่ใจก่อนว่ารองเท้านั้นแห้งอยู่ก่อนจะใส่เข้าไปอีกครั้ง
    • พยายามเลี่ยงการใส่ถุงเท้าซ้ำติดกันสองวัน โดยเฉพาะถ้าเกิดว่าถุงเท้านั้นเปียกมากๆ
    • เปลี่ยนใส่ถุงเท้าคู่ใหม่ ถ้าคู่ที่ใส่อยู่เปียก
    • อย่าลืมล้างเท้าและนิ้วเท้าทุกวันให้ติดเป็นนิสัย และเช็ดให้แห้งสนิททุกครั้งก่อนที่จะสวมถุงเท้า
    • พยายามเลือกใส่รองเท้าแตะเวลาเดินอยู่บริเวณสระว่ายน้ำสาธารณะหรือภายในห้องอาบน้ำรวม [12]
  3. หนังเท้าด้านเกิดขึ้นจากจุดเล็กๆ บนฝ่าเท้าที่ได้รับการเสียดสีจากรองเท้าและถุงเท้า โดยคุณสามารถป้องกันและรักษาหนังเท้าด้านได้โดยการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวเป็นประจำทุกวันเพื่อทำให้เท้าของคุณนุ่มและมีสุขภาพที่ดี [13] การเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับเท้านับได้ว่ามีความสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่อากาศจะเย็นลงและแห้งมากขึ้น [14]
    • ห้ามออกไปเดินเท้าเปล่าหลังจากที่เพิ่งทามอยเจอไรเซอร์ที่เท้า เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้!
    • ทามอยเจอไรเซอร์ที่เท้าก่อนนอนทุกคืนให้ติดเป็นนิสัย
    • นวดเท้าไปด้วยในระหว่างที่ทามอยเจอไรเซอร์ วิธีนี้นอกจะทำให้รู้สึกดีแล้วยังช่วยให้เลือดที่เท้าหมุนเวียนได้อีกด้วย
    • ถ้าเป็นไปได้คุณควรเลือกใช้มอยเจอไรเซอร์ที่ผลิตออกมาเพื่อใช้กับเท้าโดยเฉพาะ
  4. ตาปลาก็คือหนังเท้าด้านที่เกิดขึ้นบริเวณนิ้วเท้าแทนที่จะเป็นบริเวณอื่นๆ ของเท้า โดยตาปลานั้นจะเกิดจากการที่ปลายของรองเท้าเสียดสีกับนิ้วเท้า หรืออาจจะเกิดจากการที่สวมใส่รองเท้ามีปลายแคบเกินไป อีกทั้งการใส่ส้นสูงที่เทน้ำหนักลงไปที่ปลายเท้าก็อาจจะทำให้เกิดตาปลาที่เท้าของคุณได้ด้วยเช่นกัน [15]
    • การกำจัดและป้องกันตาปลาไม่ให้เกิดขึ้นบนเท้าของคุณนั้น สามารถใช้วิธีเหมือนกับการกำจัดหนังเท้าด้านได้แต่ถ้าอาการเริ่มแย่ลงหรือมีอาการเจ็บที่ตาปลา คุณควรหาเวลาเข้าพบแพทย์
  5. การให้เท้าของคุณได้พักผ่อนเป็นประจำเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากเท้าก็เปรียบเสมือนกับอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายที่ต้องการพักผ่อนเช่นกัน นอกจากนี้ถ้าหากคุณนั่งไขว่ห้าง คุณควรจะสลับเอาขาล่างไว้ข้างบนบ่อยๆ เพื่อให้เลือดหมุนเวียนได้ดีมากยิ่งขึ้น [16]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ลองวิธีอื่นๆ ในการดูแลเอาใจใส่เท้าของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. กรดในน้ำมะนาวมีประโยชน์ในการช่วยทำให้ผิวนุ่มขึ้นและช่วยกำจัดหนังเท้าด้านได้อีกด้วย โดยคุณจะต้องแช่เท้าในน้ำมะนาวประมาณ 10 นาทีก่อนที่คุณจะขัดเท้าด้วยหินพัมมิสหรือตะไบขัดเท้า [17]
    • ถึงแม้ว่าปัจจุบันคุณสามารถหาซื้อมีดโกนเท้าได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่ว่าการนำเครื่องมือเหล่านี้มาใช้เองนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเนื่องจากมีดโกนอาจจะบาดเท้าและทำให้เท้านั้นติดเชื้อได้ [18]
  2. ส้นเท้าของคุณคือบริเวณที่หนังเท้าด้านมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ไม่น้อยไปกว่าที่อื่นๆ ซึ่งคุณสามารรักษาและดูแลส้นเท้าและส่วนต่างๆ ของเท้าโดยการใช้ครีมส้นเท้าแตกที่คุณทำขึ้นมาเองที่บ้านเพื่อช่วยให้เท้าเนียนนุ่มและชุ่มชื่นขึ้น เพียงแค่คุณเทน้ำมันมะกอกหนึ่งช้อนลงในขวดเล็กๆ ขวดหนึ่ง จากนั้นให้บีบมะนาวสักสองสามหยดตามลงไป หรือสามารใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ก็ได้เช่นกัน จากนั้นให้เขย่าขวดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันจนกลายเป็นเนื้อครีม เมื่อส่วนผสมเข้ากันแล้วคุณก็สามารถนำครีมมาทาที่เท้าและบริเวณส้นเท้าของคุณได้ [19]
    • ครีมส้นเท้าแตกที่คุณทำขึ้นมาเองนี้สามารถเก็บเอาไว้ได้เป็นระยะเวลานาน เพียงแค่คุณต้องเขย่าขวดก่อนนำมาใช้ทุกครั้ง
  3. ช่วงที่ดีที่สุดในการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับเท้าคือช่วงก่อนนอน และไม่จำเป็นต้องใช้มอยเจอไรเซอร์ที่ซื้อจากร้านค้าเพราะคุณสามารถใช้น้ำมันพืชแทนได้ ทาน้ำมันพืชบางๆ ลงบนเท้าของคุณจากนั้นให้ใส่ถุงเท้าหนาๆ ก่อนจะเข้านอนและล้างน้ำมันพืชที่เหลืออยู่ที่เท้าในตอนเช้า [20]
    • น้ำมันพืช (หรือน้ำมันชนิดอื่นๆ) อาจจะเปื้อนกับผ้าได้ เช่นถุงเท้าและผ้าปูที่นอน ทางที่ดีคุณควรที่จะใส่ถุงเท้าผ้าขนสัตว์ที่สามารถดูดซึมน้ำมันได้โดยที่ไม่เลอะ แต่ถ้าคุณคิดว่าไม่สามารถใช้ผ้าขนสัตว์ได้ (อาจจะร้อนเกินไป) ให้คุณนำถุงเท้าเก่าๆ มาใส่แทน
  4. มาส์คไม่ได้มีประโยชน์ต่อใบหน้า มือ และผมเท่านั้นแต่ยังมีประโยชน์ต่อเท้าของคุณอีกด้วย โดยการทำมาส์คเท้าใช้เองนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ผสมวาสลีนหนึ่งช้อนโต๊ะ (หรือผลิตภัณฑ์อื่นที่คล้ายกัน) กับน้ำมะนาว 1 ลูกลงในถ้วย จากนั้นจึงนำมาทาทิ้งไว้ที่เท้าของคุณก่อนที่จะใส่ถุงเท้าและเข้านอน ในตอนเช้าก็ให้ใช้ผ้าขนหนูเช็ดวาสลีนที่เหลือออกให้หมด [21]
    • พยามยามใช้ถุงเท้าเก่าๆ เนื่องจากคุณจะได้ไม่ต้องกังวลว่าวาสลีนอาจจะเลอะถุงเท้าหรือผ้าปูเตียงของคุณได้
  5. ใช้พาราฟินแว็กซ์เพื่อให้ความชุ่มชื่นกับผิวเท้า. ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความงามมักจะใช้พาราฟินแว็กซ์ในการดูแลรักษาเท้าที่สปา แต่คุณเองก็สามารถใช้พาราฟินแว็กซ์ที่บ้านได้เช่นกัน วิธีทำก็คือใส่แว็กซ์ไว้ในชามใหญ่ๆ แล้วนำไปละลายในไมโครเวฟโดยหลังจากที่แว็กซ์ละลายแล้วให้คุณใส่น้ำมันมัสตาร์ดตามลงไปในสัดส่วนที่เท่ากับแว็กซ์ (น้ำมันมัสตาร์ดจะช่วยให้ผิวเท้าชุ่มชื่น) จุ่มเท้าลงไปในชามทีละข้างโดยจะต้องจุ่มลงไปข้างละสองครั้ง (ในขณะที่แว็กซ์เย็นแล้ว) จากนั้นปล่อยแว็กซ์ให้แห้งติดอยู่ที่เท้าของคุณ เมื่อแว็กซ์แห้งให้นำแผ่นพลาสติกหรือถุงพลาสติกก็ได้มาห่อเท้าของคุณไว้สัก 15 นาที และหลังจากนั้นก็สามารถแกะพลาสติกและแว็กซ์ออกจากเท้าได้ [22]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ยาล้างเล็บมีทั้งแบบที่มีสารอะซีโทนและที่ไม่มีสารอะซีโทน โดยแบบที่จะล้างเล็บได้ดีและเกลี้ยงกว่าคือแบบที่มีสารอะซีโทนเป็นส่วนผสมที่ออกฤทธิ์แรงกว่าซึ่งอาจจะส่งผลต่อเล็บและผิวหนังของคุณได้ ถ้าคุณเป็นคนที่ล้างเล็บบ่อยหรือเป็นคนเล็บแห้งและเปราะอยู่แล้วคุณควรจะเลือกใช้ยาล้างเล็บแบบที่ไม่มีสารอะซีโทนดีกว่าเนื่องจากยาล้างเล็บแบบนี้มีความอ่อนโยนต่อเล็บและผิวหนังมากกว่าแต่คุณก็อาจจะต้องถูจนเหนื่อยกว่าเล็บจะสะอาด [23]
โฆษณา

คำเตือน

  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน(หรือโรคอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไหลเวียนโลหิตที่บริเวณเท้า) จำเป็นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษและอาจจะมีความเสี่ยงในการเกิดอาการแทรกซ้อนจากหนังเท้าด้านได้ ในกรณีที่อยากจะทำวิธีต่างๆ ในการกำจัดหนังเท้าด้าน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะลงมือทำด้วยตัวของคุณเอง [24]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 109,616 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา