ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

โดยส่วนมากแล้วไฝไม่ใช่ปัญหาทางสุขภาพที่ต้องรักษา แต่ถ้าไฝขึ้นมามากบนใบหน้าอาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ในเรื่องความสวยความงามได้ การรักษาไฝบนใบหน้าสามารถกลายเป็นเรื่องที่ยากได้เพราะบางการรักษาจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ ขณะที่วิธีการทางแพทย์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดและน่าเชื่อถือที่สุดในการที่จะลองรักษาหากต้องการกำจัดไฝให้ได้ผลดี นอกจากนั้นยังสามารถเลือกลองทำตามเคล็ดลับที่ยังไม่ได้รับการยืนยันผลที่ทำเองได้ที่บ้านโดยปลอดภัยเพื่อกำจัดไฝโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้ดังต่อไปนี้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

สังเกตไฝของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีนี้สามารถช่วยให้เห็นไฝที่ขึ้นมาใหม่ได้ โดยควรสังเกตการเปลี่ยนสีหรือการงอกใหม่ของไฝเดิมด้วย
  2. 2
    นับจำนวนเม็ดไฝ. หากมีไฝมากกว่า 100 เม็ด แสดงว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนัง ควรทำการนัดเพื่อไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง [1]
  3. ก่อนจะตัดสินใจกำจัดไฝออก ควรรู้ชนิดและอาการของไฝแต่ละชนิดก่อน เพราะ ไฝบางชนิดปลอดภัยที่จะกำจัดออกในขณะที่บางชนิดไม่ปลอดภัย
    • ไฝที่ไม่มีลักษณะเด่นชัด- ไฝที่ไม่มีลักษณะเด่นชัด หรือ ไฝที่ผิดปกติ สามารถสังเกตดูได้จากสีและขนาดที่ผิดปกติ [2] โดยในบางครั้งอาจจะขนาดใหญ่หน้าตาประหลาด, มีรูปทรงแปลกหรือมีหลายสี หากคุณมีไฝชนิดนี้ให้ไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจดูว่าไม่ใช่เนื้อร้าย
    • ไฝโดยกำเนิด – ไฝชนิดนี้จะมีติดตัวมาตั้งแต่เกิด โดยคร่าวๆ ประมาณ 1 ใน 100 คนจะมีไฝมาตั้งแต่เกิด ซึ่งมีหลากหลายขนาดตั้งแต่เล็ก (ขนาดเท่าหัวเข็มหมุด) ไปจนถึงใหญ่ (ขนาดใหญ่กว่ายางลบที่ปลายดินสอ) แพทย์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าคนที่มีไฝขนาดใหญ่มาตั้งแต่เกิดจะมีความเสี่ยงที่สูงกว่าในการเกิดมะเร็งผิวหนัง [3]
    • เนื้องอกชนิด Spitz nevus- ไฝชนิดนี้จะออกสีชมพู, งอกแทงขึ้นมาและเป็นรูปทรงโค้งโดม มักมีลักษณะเหมือนมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา อาจมีลักษณะเยิ้ม คัน หรือเลือดออก ชนิดนี้มักไม่ค่อยพบและมักเป็นเนื้องอก [4]
    • ไฝที่มาเกิดทีหลัง- คำนี้หมายถึงไฝที่งอกขึ้นมาหลังจากเกิดมาแล้ว มักเป็นไฝธรรมดา
  4. วิธีที่ช่วยให้จำได้ง่ายคืออาการ “ABCD” [5] หากสงสัยว่าเป็นมะเร็งผิวหนัง ให้ไปพบแพทย์โดยทันที
    • ความไม่สมมาตร- ไฝดูกระปุ่มกระป่ำหรือไฝฝั่งหนึ่งไม่เหมือนกับอีกฝั่งทั้งขนาด, รูปร่าง, หรือสี
    • ขอบของไฝผิดปกติ-ขอบไฝมีลักษณะขรุขระ, ขอบไม่ชัดเจน หรือขอบไม่เสมอกัน
    • สีไม่สม่ำเสมอ-ไฝมีหลายเฉดสี ทั้งดำ, น้ำตาล, สีแทน, หรือสีฟ้า
    • เส้นผ่านศูนย์กลาง-ไฝมีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ (โดยปกติจะอยู่ที่ความกว้างสัก ¼ นิ้ว)
    • มีการเปลี่ยนแปลง-ไฝมีการเปลี่ยนแปลงของขนาด, รูปร่าง, และหรือสีภายในช่วงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำจัดไฝออก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไฝบนใบหน้าสามารถกำจัดออกได้ด้วยการผ่าตัด แพทย์ผิวหนังจะใช้ใบมีดตัดไฝออกหรือผ่าตัดออกขึ้นกับธรรรมชาติของไฝชนิดนั้นๆ [6]
    • หากไฝมีขนาดเล็กและสามารถกำจัดออกผ่านทางผิวหนังได้โดยตรง แพทย์จะใช้ใบมีดตัดออก โดยแพทย์จะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นชาก่อนแล้วใช้มีดผ่าตัดปลอดเชื้อตัดรอบๆ และด้านใต้ต่อไฝ ไม่ต้องมีการเย็บแผลแต่ขบวนการซ่อมแซมนั้นสามารถทิ้งร่องรอยแผลเป็นแบนๆ ซึ่งจะมีสีต่างไปจากผิวบริเวณอื่น โดยแผลเป็นนี้อาจจะมีโอกาสทั้งมองไม่เห็นหรือมองเห็นเช่นเดียวกับไฝที่มีอยู่เดิมก็เป็นได้ [7]
    • หากไฝมีลักษณะแบนหรือมีเซลล์งอกลงลึกไปถึงชั้นผิวหนัง แพทย์จะทำการผ่าตัดออก โดยขณะทำการผ่าตัด ทั้งไฝและบริเวณรอบขอบไฝที่ไม่ได้เกี่ยวข้องก็จะถูกนำออกโดยมีดผ่าตัดหรือหัวเจาะ วิธีนี้จะต้องมีการเย็บเพื่อปิดแผล และการผ่าตัดนี้มักทิ้งรอยแผลเป็นที่มีลักษณะบาง, เป็นเส้นบาง เมื่อการผ่าตัดทำให้เกิดแผลเป็น ทำให้มักไม่เป็นวิธีที่น่าสนใจสักเท่าไรในการกำจัดไฝบนใบหน้า
  2. วิธีนี้เรียกว่าการผ่าตัดด้วยความเย็น โดยแพทย์จะใช้ไนโตรเจนเหลวที่เย็นจัดฉีดหรือซับด้วยผ้าก๊อซลงบนไฝโดยตรง ไนโตรเจนเหลวที่มีความเย็นมากจะไปทำลายเซลล์ของไฝ. [8]
    • วิธีนี้มักจะทำให้เกิดตุ่มน้ำเล็กๆ ขึ้นด้านหลังของไฝ โดยตุ่มน้ำนี้จะหายไปเองภายในไม่กี่วันถึงไม่กี่สัปดาห์
    • เมื่อตุ่มน้ำหายแล้ว อาจจะเกิดหรือไม่เกิดร่องรอยแผลเป็นบางๆ หากเกิดเป็นแผลเป็น แผลเป็นนี้มักจะบางและมองเห็นได้ยากเมื่อเทียบกับไฝปกติ ดังนั้นวิธีนี้อาจควรค่าแก่การตัดสินใจทำหากมีไฝบนใบหน้า
  3. แพทย์ผิวหนังสามารถจี้ไฝออกจากใบหน้าได้โดยใช้เลเซอร์หรือเป็นวิธีที่เรียกกันว่า “จี้ไฟฟ้าศัลยกรรม”
    • การใช้เลเซอร์จี้ออก แพทย์จะใช้เลเซอร์ขนาดเล็กยิงไปที่ไฝ โดยเลเซอร์จะไปเผาเนื้อเยื่อของไฝให้ไหม้ ทำให้เซลล์ไฝตายลง ตุ่มน้ำขนาดเล็กอาจเกิดตามมาจากวิธีนี้แต่ตุ่มน้ำดังกล่าวจะหายไปเองและอาจเกิดหรือไม่เกิดรอยแผลเป็นบริเวณนั้น แต่ที่ต้องรู้ก่อนคือการกำจัดไฝด้วยเลเซอร์จะไม่นิยมใช้กับไฝที่อยู่ในชั้นลึกของใบหน้าเพราะเลเซอร์ไม่สามารถลงลึกเข้าไปถึงชั้นผิวหนังได้
    • การจี้ไฟฟ้าศัลยกรรมนั้นแพทย์จะกรีดส่วนบนสุดของไฝด้วยใบมีดและใช้เข็มไฟฟ้าจี้ลงไปบนเนื้อเยื่อด้านใต้ กระแสไฟฟ้าจะผ่านไปตามเข็ม ทำให้เกิดความร้อนและทำให้เนื้อเยื่อชั้นบนของผิวหนังเกิดการไหม้ คุณอาจจะต้องลองหลากหลายวิธีการรักษา แต่วิธีนี้จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้เล็กมาก เป็นทางเลือกที่ดีในการกำจัดไฝบนใบหน้า
  4. กรดอ่อนๆ สามารถช่วยกำจัดไฝได้หากใช้เป็นเวลานานตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์จึงจะเห็นผล โดยลองได้ทั้งการซื้อแบบมีและไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์
    • ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากทุกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายผิวที่ปกติบริเวณรอบๆ ไฝ โดยหลักการทั่วไปแล้วควรแต้มกรดลงไปบนไฝโดยตรงและหลีกเลี่ยงการไหลหรือไปถูกโดนผิวบริเวณอื่น
    • กรดชนิดที่นิยมใช้ในการกำจัดไฝคือกรดซาลิไซลิก
    • การรักษาด้วยกรดสามารถอยู่ในรูปแบบของโลชัน, ของแหลว, แท่ง, แผ่นทำความสะอาด, และครีมได้
    • บางครั้งการรักษาด้วยกรดก็สามารถกำจัดไฝได้หมดจด แต่การรักษาบางแบบก็ช่วยแค่ให้ไฝจางลงเท่านั้น
  5. สมุนไพรตัวเดียวที่บางครั้งมักถูกนำมาใช้ในการรักษาโดยแพทย์ผิวหนังคือ ไบโอ-ที โดยแต้มลงไปที่ไฝโดยตรงแล้วปิดทับลงไปบริเวณที่รักษา ตัวไบโอ-ทีที่ป้ายไว้จะทำหน้าที่ของมันเองและไฝจะผิวไปใน 5 วันหรือนานกว่านั้นเล็กน้อย
    • วิธีนี้เป็นวิธีที่อ่อนโยนและไม่ทิ้งรอยแผลเป็นตกค้างให้เห็นอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการกำจัดไฝบนใบหน้า
    • ประโยชน์ของการรักษาด้วยวิธีนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในวงการแพทย์ ดังนั้นแพทย์ผิวหนังจึงอาจจะแนะนำหรือไม่แนะนำวิธีนี้ หากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของคุณไม่ได้กล่าวถึงการรักษาด้วยวิธีนี้ ควรลองนำข้อมูลนี้ไปถามเพื่อให้ได้คำแนะนำหรือความคิดเห็นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ลองวิธีการที่ทำได้เองที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำความเข้าใจถึงข้อจำกัดและความเสี่ยงของวิธีการที่ทำเองที่บ้าน. วิธีการที่ทำได้เองที่บ้านส่วนมากจะเป็นหลักฐานโดยเรื่องเล่า (หรือประสบการณ์ส่วนตัวของบุคคล) และไม่มีหรือมีหลักทางการแพทย์มายืนยันว่าได้ผลจริงน้อยมาก นอกจากนั้นยังมีโอกาสที่จะทำให้ผิวหนังบนใบหน้าถูกทำลายอย่างถาวรได้ เกิดรอยแผลเป็นหรือสีผิวผิดปกติไป ควรไปปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนพยายามลองทำวิธีการต่างๆ ด้วยตนเอง
  2. เอนไซม์ในกระเทียมถูกเชื่อว่ามีสรรพคุณในการทำให้เซลล์ของไฝถูกทำลายให้กระจายออก ทำให้เม็ดสีของไฝกระจ่างใสขึ้นและในบางกรณีได้ผลแม้กระทั่งทำให้ไฝถูกกำจัดได้หมดจด แล้วปิดทับไว้ วิธีนี้ควรทำซ้ำ 2 ครั้งต่อวันติดต่อกัน 2-7 วัน หรือจนกระทั่งไฝหายไป
    • หรืออีกวิธีหนึ่งคือปั่นกลีบกระเทียมในเครื่องปั่นจนกระทั่งเป็นเนื้อละเอียดเสมอกันเหมือนครีม ป้ายเนื้อกระเทียมที่ได้ลงบนสิวบนใบหน้าแล้วปิดทับไว้ ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วล้างออกตอนเช้า ทำแบบนี้ซ้ำๆ เป็นเวลา 1 สัปดาห์
  3. มีน้ำผลไม้หลากหลายชนิดที่สามารถนำมาใช้กับไฝได้ โดยมักใช้ความเป็นกรดหรือคุณสมบัติในการสมานแผลในน้ำผลไม้มาช่วยกำจัดเซลล์ไฝ ทำให้ไฝจางลงหรือหายไป [9]
    • ใช้น้ำแอปเปิลเปรี้ยว 3 ครั้งต่อวัน นาน 3 สัปดาห์
    • ป้ายน้ำมันหอมระเหยของหอมหัวใหญ่ลงบนไฝ 2-4 ครั้งต่อวันนาน 2-4 สัปดาห์ แล้วล้างออกใน 40 นาทีหลังจากป้ายทิ้งไว้
    • ทาน้ำสัปปะรดลงบนไฝแล้วทิ้งไว้ข้ามคืนก่อนลองออกในตอนเช้า หรือสามารถใช้เนื้อสัปปะรดฝานบางๆ วางไว้บนไฝก็ได้ ทำ1 ครั้งในตอนกลางคืน ต่อเนื่องนาน 2 สัปดาห์
    • บดใบผักชีจนกระทั่งน้ำออกมาแล้วป้ายลงบนไฝโดยตรง ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วล้างออก ทำวันละครั้งนาน 2 สัปดาห์
    • ผสมส่วนผสมต่างๆ ให้เข้ากัน ได้แก่ ทับทิมคั่วและน้ำมะนาว คลุกเข้ากันจนกลายเป็นเนื้อครีม ป้ายลงบนไฝในตอนกลางคืน ปิดทับไว้แล้วล้างออกในตอนเช้า ทำซ้ำต่อเนื่องนาน 1 สัปดาห์
  4. ทำเนื้อครีมสำหรับป้ายจากเบกกิ้งโซดาและน้ำมันละหุ่ง. ผสมเบกิ้งโซดา 1 หยิบมือเข้ากับน้ำมันละหุ่ง 1-2 หยด ใช้ไม้จิ้มฟันช่วยผสมให้กลายเป็นเนื้อครีมแล้วป้ายลงบนไฝก่อนเข้านอนแล้วปิดทับไว้ แล้วล้างออกให้เกลี้ยงในตอนเช้า
    • ทำวิธีนี้ต่อเนื่องประมาณ 1 สัปดาห์ หรือจนกระทั่งไฝจางลงหรือหายไป
  5. ตัดรากของแดนดิไลอันมาครึ่งหนึ่ง บดรากจนกระทั่งมีของแหลวคล้ายน้ำนมไหลออกมา แล้วป้ายของเหลวนี้ลงบนไฝโดยตรง ทิ้งไว้นาน 30 นาทีก่อนล้างออก ทำวิธีนี้วันละครั้งต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์
    • ไม่มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่รองรับสำหรับวิธีนี้ แต่มักมีความเชื่อว่าของเหลวคล้ายน้ำนมที่อยู่ในรากแดนดิไลอันสามารถช่วยให้ไฝบนใบหน้าดูจางลง
  6. ผสมน้ำมันเมล็ดลินินเข้ากับน้ำผึ้งให้เท่าๆ กัน ค่อยๆ ผสมทีละหยดจนกลายเป็นเนื้อครีม ป้ายลงบนไฝโดยตรงแล้วทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงก่อนล้างออก ทำวันละครั้งนาน 1 สัปดาห์หรือนานกว่านั้น
    • แม้จะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาอธิบาย แต่เมล็ดลินินก็เป็นวิธีที่คนทั่วไปนิยมนำมาใช้กับรอยด่างดำหลายประเภทบนผิวหนัง
  7. น้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์เป็นกรดที่ออ่นโยนมากและได้จากธรรมชาติ ตามสรรพคุณของการรักษาด้วยกรดแล้ว มีความเชื่อว่ากรดจะค่อยๆ ทำลายเซลล์ไฝจนกระทั่งตายและทำให้ไฝหายไปได้เช่นเดียวกัน
    • ใช้ผ้าชุบน้ำวางบนไฝ 15-20 นาที โดยการใช้น้ำอุ่นนี้จะช่วยให้ผิวหนังอ่อนนุ่มลง
    • ใช้สำลีก้านจุ่มน้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์ให้ชุ่มแล้วนำมาทาลงบนไฝทิ้งไว้ 10-15 นาที
    • ล้างน้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์ออกตามด้วยน้ำเปล่าและเช็ดบริเวณนั้นให้แห้ง
    • ทำซ้ำสามขั้นตอนแรก 4 ครั้งต่อวัน นาน 1 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น
    • โดยปกติแล้วไฝจะเปลี่ยนเป็นสีดำและตกสะเก็ด สะเก็ดจะหายไปและเหลือแต่ผิวหนังด้านใต้บริเวณที่ไฝออกไปแล้ว [10]
  8. เป็นความเชื่อที่ถูกเชื่อกันอย่างแพร่หลายว่าไอโอดีนสามารถทำลายเซลล์ของไฝได้และให้ป้ายเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีตามธรรมชาติและอ่อนโยน
    • แต้มไอโอดีนเพียงเล็กน้อยลงบนไฝตอนกลางคืนและปิดทับไว้ แล้วล้างออกในตอนเช้า
    • ทำวิธีนี้ซ้ำๆ นาน 2-3 วัน ไฝจะเริ่มจางหายไปตามระยะเวลาดังกล่าว
  9. แช่รากของสมุนไพรไฟเดือนห้าลงในน้ำอุ่นนาน 10 นาที นำน้ำชาที่ได้ทาบนไฝบนใบหน้าและทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วล้างออกในตอนเช้า
    • ทำทุกคืนนาน 1 สัปดาห์
  10. ใช้ลำสีไม้ชุบเจลว่านหางจระเข้แล้วแต้มลงบนไฝโดยตรง ปิดทับไว้แล้วทิ้งไว้ 3 ชั่วโมงเพื่อให้ผิวดูดซึมเจลว่านหางจระเข้ได้เต็มที่ แล้วหาแผ่นปิดที่สะอาดปิดทับ
    • ทำวันละ1ครั้งต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ตามหลักแล้วไฝควรจะหายไปภายในระยะเวลาดังกล่าว
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากมีขนไรๆ ที่ยังมองไม่ค่อยเห็นกำลังงอกขึ้นมาจากไฝ คุณอาจจะต้องระวังให้มากในการถอนขนที่ชิดกับผิวหนังด้วยกรรไกรด้ามเล็ก แพทย์ผิวหนังอาจจะช่วยกำจัดขนดังกล่าวให้ได้โดยถาวร
  • หากไม่ต้องการกำจัดไฝออกเนื่องจากเรื่องของความเสี่ยงและค่าใช้จ่าย ก็สามารถปกปิดได้โดยใช้เครื่องสำอาง มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ออกแบบและมีจำหน่ายเพื่อจุดประสงค์ในการปกปิดไฝและรอยด่างดำต่างๆ โดยเฉพาะ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,660 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา