ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการกู้ไฟล์ที่ลบไปจากคอมพิวเตอร์ Windows หรือ macOS ให้คุณเอง ถ้าเพิ่งลบไฟล์ไปไม่นาน ก็กู้คืนได้ทันทีจากในถังขยะ คือ Recycle Bin (PC) หรือ Trash (Mac) ขอแค่เคย back up ข้อมูลในคอมไว้ ก็จะกู้ไฟล์ที่ลบไป โดยใช้ไฟล์ backup ล่าสุดได้ แต่ถ้าทำวิธีไหนก็ไม่ได้ ลองใช้โปรแกรม file recovery หรือโปรแกรมกู้ไฟล์ อย่าง Recuva (Windows) หรือ Disk Drill (Mac) ดู น่าจะพอมีหวังกู้ไฟล์คืนได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 7:

กู้ไฟล์คืนจากถังขยะ (Recycle Bin) ของ Windows

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปกติจะเป็นไอคอนถังขยะในหน้า desktop ถ้าไม่เจอ ให้เปิดแถบค้นหาของ Windows ข้างเมนู Start พิมพ์ recycle แล้วคลิก Recycle Bin ในผลการค้นหา
    • ปกติลบไฟล์จากฮาร์ดไดรฟ์แล้วจะไปอยู่ใน Recycle Bin สักพัก ก่อนจะถูกลบไปแบบถาวร เพราะฉะนั้นถ้าเพิ่งเปิดไฟล์ไปไม่นาน แล้วช่วงนี้ยังไม่ได้ลบไฟล์ใน Recycle Bin ก็เป็นไปได้มากว่าไฟล์จะยังอยู่ในนั้น
  2. เลื่อนลงไปเลือกไฟล์ หรือค้นหาด้วยชื่อไฟล์ ในแถบ "Search" มุมขวาบนของหน้าจอ จากนั้นคลิกไฟล์ 1 ครั้งเพื่อเลือก
  3. ที่เป็นไอคอนแผ่นกระดาษ มีลูกศรสีเขียว ด้านบนของหน้าต่าง เพื่อย้ายไฟล์กลับตำแหน่งเดิม
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 7:

กู้ไฟล์คืนจากถังขยะ (Trash) ของ Mac

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Dock เป็นแถวรวมไอคอนต่างๆ ปกติจะอยู่ด้านล่างของหน้าจอ
    • ถ้าลบไฟล์ไปจาก Mac ไม่เกิน 30 วันที่ผ่านมา จะยังกู้คืนจาก Trash ได้
  2. เลื่อนลงไปตามไฟล์ต่างๆ ในหน้าต่าง Trash จนเจอไฟล์ที่ลบไปแล้วอยากกู้คืน
    • ถ้ามีไฟล์ใน Trash เยอะมาก ก็ค้นหาไฟล์ด้วยชื่อได้ โดยพิมพ์ชื่อไฟล์ให้ครบถ้วนหรือบางส่วนก็ได้ ในแถบ "Search" มุมขวาบนของหน้าต่าง แล้วกด Return เพื่อค้นหา อาจจะต้องคลิก tab Trash ด้านบนของผลการค้นหา ถึงจะแสดงเฉพาะไฟล์ใน Trash [1]
    • ถ้าไฟล์ที่ต้องการไม่อยู่ใน Trash แล้ว อาจจะยังกู้คืนได้ด้วย backup ใน Time Machine หรือ ไดรฟ์ iCloud
  3. ถ้าลากไปไว้ที่หน้า desktop ก็หาง่ายหน่อย หรือจะลากไปไว้ในโฟลเดอร์ที่ต้องการ ในกรอบซ้ายของหน้าต่างก็ได้ ขั้นตอนนี้จะกู้คืนไฟล์นั้นมา
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 7:

ใช้ File History เซฟข้อมูลที่ backup ไว้คืน Windows 10

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปกติแถบนี้จะอยู่ข้างเมนู Start มุมซ้ายล่างของหน้าจอ บางทีก็ต้องคลิกเมนู Start หรือไอคอนแว่นขยายก่อน ถึงจะเปิดขึ้นมา
    • ถ้าตั้งค่า back up ไฟล์ไว้ใน File History ของ Windows 10 ก็ใช้กู้ไฟล์และโฟลเดอร์ที่ลบหรือเซฟทับไป คืนมาได้เลย [2]
    • ถ้าเคย back up ข้อมูลจากคอม Windows แยกไว้ใน external hard drive ให้เสียบฮาร์ดไดรฟ์นั้นก่อนทำขั้นตอนต่อๆ ไป
  2. ปกติจะอยู่ด้านบนของผลการค้นหา
    • ถ้ามีข้อความขึ้นว่า "No file history was found" แสดงว่า File History ปิดอยู่ ต้องลองใช้วิธีการอื่น
  3. ถ้าเคย back up หลายครั้ง จะมีหลายเวอร์ชั่น ให้ใช้ลูกศรเลื่อนไปตามเวอร์ชั่นต่างๆ จนเจอไฟล์ backup เวอร์ชั่นที่ต้องการ แล้วเลือกได้เลย
    • จะค้นหาโดยพิมพ์ชื่อไฟล์หรือคีย์เวิร์ดอื่นๆ ในช่อง Search มุมขวาบนของหน้าต่างก็ได้
  4. เพื่อย้ายไฟล์เวอร์ชั่นที่เลือก กลับตำแหน่งเดิมในคอม
    • ถ้าอยากให้ไฟล์ที่กู้คืนมา ไปอยู่ในโฟลเดอร์อื่นแทน ให้คลิกขวาที่ Restore คลิก Restore To แล้วเลือกตำแหน่งที่ต้องการ
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 7:

เซฟข้อมูลจาก Time Machine กลับลง Mac

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ที่ไอคอนเป็นหน้ายิ้ม 2 สี ปกติอยู่ใน Dock หรือก็คือแถบที่ยาวไปตามด้านล่างของหน้าจอ ถ้าใช้ Time Machine back up ไฟล์ใน Mac ก็กู้คืนไฟล์ที่ลบไปได้ง่ายๆ โดยค้นหาใน Spotlight [3]
    • ถ้าไม่ได้ back up ไฟล์ด้วย Time Machine ใน Mac ก็ต้องใช้วิธีการอื่นแทน
    • ถ้า back up ไฟล์ด้วย iCloud ให้ใช้วิธีการ เซฟข้อมูลจาก iCloud แทน
  2. มุมขวาบนของหน้าต่าง Finder แล้วจะเห็นรายการผลการค้นหาที่ตรงกัน
    • คุณปรับแต่งการค้นหาให้ละเอียดขึ้นได้ โดยคลิกเครื่องหมายบวกทางขวาของหน้าต่าง search แล้วเลือกตัวเลือกการค้นหาต่างๆ [4]
  3. มุมขวาบนของหน้าจอ ปกติจะอยู่ทางซ้ายของนาฬิกา ไอคอนจะเป็นรูปนาฬิกาที่มีลูกศรโค้งล้อมรอบ คลิกแล้วเมนูจะขยายออกมา
    • ถ้าไม่เจอไอคอนนี้ ให้คลิกเมนู Apple มุมซ้ายบน แล้วเลือก System Preferences คลิก Time Machine จากนั้นเลือก "Show Time Machine in menu bar" เท่านี้ไอคอนก็จะโผล่มา
  4. จะค้นหา backup ที่มีไฟล์ที่ต้องการกู้คืน โดยใช้ลูกศรและ/หรือ timeline ก็ได้
  5. เพื่อเซฟไฟล์กลับตำแหน่งเดิม
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 7:

ใช้ Data Recovery Tool ใน Windows

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้ากู้ไฟล์ที่ลบไปคืนมาจาก Recycle Bin หรือ backup ไม่ได้ ต่อไปคือลองใช้โปรแกรมกู้ข้อมูล หรือ data recovery tool มีหลายโปรแกรมฟรีอ้างว่าใช้กู้ไฟล์ที่ลบไปคืนมาได้ แต่แนะนำให้ใช้โปรแกรมแบบเสียเงิน จะเห็นผลกว่า Intel แนะนำว่าโปรแกรมอย่าง Piriform Recuva, Stellar Data Recover และ Disk Drill นั้นเชื่อถือได้ เห็นผลจริง [5]
    • ขั้นตอนที่เหลือของวิธีการนี้ จะเป็นการแนะนำการใช้งาน Recuva เพราะมีให้เลือกใช้ฟรี แต่กู้คืนไฟล์ขั้นสูงได้ ส่วนโปรแกรมอื่นๆ ก็ทำงานคล้ายๆ กัน
  2. เข้าเว็บ https://www.piriform.com/recuva/download ในเบราว์เซอร์. เป็นเว็บ official ของ Recuva ดาวน์โหลดจากในนี้ได้เลย
    • ตอนนี้โปรแกรมนี้ถูก CCleaner ซื้อไปแล้ว ไม่ต้องแปลกใจถ้ามีการเปลี่ยนเส้นทางไปยังหน้าดาวน์โหลดเวอร์ชั่นของ CCleaner แทน [6]
  3. อาจจะมีให้คลิก Save หรืออื่นๆ ก่อนเริ่มดาวน์โหลดในตอนนี้
  4. ไฟล์ติดตั้งจะชื่อประมาณ "rcsetup153.exe" ซึ่งจะเซฟลงโฟลเดอร์ download ตามค่า default ให้ดับเบิลคลิกไฟล์เพื่อเริ่มติดตั้ง หรือคลิกชื่อไฟล์หลังโผล่มาแถวๆ ขอบล่างของเบราว์เซอร์
    • ถ้ามีให้อนุญาต run โปรแกรม ก็คลิก Yes ได้เลย
  5. เพื่อติดตั้งโปรแกรมในคอม พอติดตั้งเสร็จ จะมีข้อความว่า "Recuva v.153 Setup Completed"
  6. ตรงกลางหน้าต่าง
  7. คลิกได้ที่มุมขวาล่างของหน้าต่าง
  8. ถ้าไม่แน่ใจว่าเป็นประเภทไฟล์ไหน ให้เลือก All Files ทางด้านบนของรายการ
  9. ติ๊กช่องทางซ้ายของหนึ่งในตำแหน่งไฟล์ในคอม หรือปล่อยให้ติ๊ก I'm not sure ไว้ เพื่อค้นหาทุกที่
  10. ทางด้านล่างของหน้าต่าง เพื่ออนุญาตให้ Recuva สแกนคอมทั้งเครื่องแบบขั้นสูง ทำให้ยิ่งมีโอกาสกู้ไฟล์คืนมาได้มากขึ้น
  11. ทางด้านล่างของหน้าต่าง เพื่อให้ Recuva สแกนหาไฟล์ที่ลบไป
    • deep scan หรือสแกนแบบละเอียด จะใช้เวลานานหลายชั่วโมง โดยเฉพาะถ้าเลือก All Files และ I'm not sure ไปก่อนหน้านี้ ระหว่างสแกนจะมีแถบความคืบหน้าและระยะเวลาคร่าวๆ ให้ดู
    • พอสแกนเสร็จ รายการไฟล์ที่ถูกลบ จะหายไป
  12. พอสแกนเสร็จ ให้คลิกช่องติ๊กข้างไฟล์ที่จะกู้คืน
    • ถ้าอยากตีวงผลการค้นหาให้แคบขึ้น ให้คลิกปุ่ม Switch to advanced mode มุมขวาบนของหน้าต่าง เพื่อเจาะจงตำแหน่ง หรือค้นหาแบบเจาะจงประเภทไฟล์
  13. มุมขวาล่างของหน้าต่าง เพื่อเซฟไฟล์ที่เลือกคืนตำแหน่งเดิม
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 7:

ใช้ Data Recovery Tool ใน macOS

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าลองกู้ไฟล์จากใน Trash, Time Machine และ iCloud แล้ว แต่ยังไม่สำเร็จ ให้ลองใช้โปรแกรมกู้ข้อมูล หรือ data recovery ดู โปรแกรม data recovery ของ macOS ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเสียเงิน แต่บางแอพดังๆ ก็ให้สแกนเช็คก่อนได้ ว่าไฟล์นั้นกู้ได้แน่หรือเปล่า แล้วค่อยจ่ายเงิน [7] แอพแนะนำก็เช่น Macworld ส่วนเว็บที่คนนิยมใช้กันก็เช่น Stellar Data Recovery Pro, Disk Drill และ Data Rescue 5
    • ขั้นตอนต่อๆ ไปในวิธีการนี้ จะแนะนำวิธีใช้งาน Disk Drill แต่โปรแกรมหรือแอพอื่นๆ ก็จะใช้งานคล้ายๆ กัน
  2. เข้าเว็บ https://www.cleverfiles.com . เป็นเว็บ official ของ Disk Drill
  3. แถวๆ กลางหน้า เพื่อดาวน์โหลดรูปลงโฟลเดอร์ Downloads
  4. ที่ชื่อ "diskdrill.dmg" ในโฟลเดอร์ Downloads
  5. เพื่อติดตั้ง Disk Drill ใน Mac
  6. โดยดับเบิลคลิก Disk Drill ในโฟลเดอร์ Applications หรือใน Launchpad
    • ถ้าไฟล์ที่ลบไป เคยอยู่ใน external drive ต้องเสียบไดรฟ์นั้นไว้ก่อนทำขั้นตอนต่อๆ ไป
  7. เพราะเป็น settings แนะนำของผู้พัฒนา [8]
  8. ทำตามขั้นตอนในหน้าจอ เพื่อยืนยันรหัสผ่าน แล้วอนุญาต run แอพ
  9. จะใช้แอพเวอร์ชั่น Basic (ฟรี) สแกนหาไฟล์ที่หายไปก็ได้ แต่ถ้าไฟล์นั้นกู้คืนได้ แอพจะมีให้อัพเกรดเป็นเวอร์ชั่นเสียเงินก่อน ถึงจะเซฟไฟล์ได้
  10. เช่น ถ้าไฟล์นั้นเคยอยู่ในไดรฟ์ USB ก็เลือกเลย
  11. Disk Drill จะสแกนไปเรื่อยๆ จนเจอไฟล์ที่ถูกต้อง
  12. ถ้า Disk Drill สแกนครั้งแรกแล้วไม่เจอไฟล์ที่ตามหา จะมีให้ Quick Scan ถ้ายังไม่เจอไฟล์นั้นอีก ก็เหลือวิธีสุดท้าย คือ Deep Scan
    • ถ้า Deep Scan แล้วเจอไฟล์ แต่สแกนแบบอื่นแล้วไม่เจอ ชื่อไฟล์จะไม่ขึ้น ต้องคัดแยก แล้วดูตัวอย่างผลการค้นหา ว่ามีไฟล์ที่ต้องการหรือเปล่า
  13. ถ้าโผล่มาหลายไฟล์ ก็ตีวงค้นหาให้แคบขึ้นได้ โดยพิมพ์ชื่อไฟล์หรือคีย์เวิร์ดในช่องค้นหา มุมขวาบนของหน้าต่าง จะเจาะจงด้วยวันที่และประเภทไฟล์ก็ได้ แล้วติ๊กช่องข้างไฟล์ที่จะกู้คืน
    • ถ้าหาไฟล์ที่ลบไปด้วยวิธีนี้ไม่เจอ แสดงว่าไฟล์นั้นน่าจะกู้คืนไม่ได้ ก็ไม่ต้องเสียเงินอัพเกรด ให้เปลี่ยนไปใช้วิธีการอื่นแทน
  14. มุมขวาบนของหน้าต่าง
  15. ทำตามขั้นตอนในหน้าจอ เพื่ออัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น Pro. เป็นขั้นตอนที่ต้องเสียเงิน พอจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะกลับมาที่ผลการค้นหา ก็คลิก Recover อีกรอบได้เลย เพื่อเริ่มขั้นตอนการกู้คืนไฟล์ พอกู้ไฟล์สำเร็จแล้ว จะกลับไปอยู่ที่ตำแหน่งเดิมก่อนหน้าจะถูกลบ
    โฆษณา
วิธีการ 7
วิธีการ 7 ของ 7:

เซฟข้อมูลจาก iCloud กลับลง Mac หรือ PC

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เข้าเว็บ https://www.icloud.com ในเบราว์เซอร์. ถ้า back up ไฟล์ในคอมด้วย iCloud ก็เข้าเว็บ iCloud ไปกู้ไฟล์ที่ลบแล้วคืนมาได้เลย แต่ต้องเช็คว่าลบไฟล์นั้นไปไม่เกิน 30 วัน [9]
  2. ล็อกอินเข้า iCloud ในคอม มือถือ หรือแท็บเล็ต ด้วย Apple ID ที่ใช้อยู่
  3. ที่เป็นลิงค์สีฟ้า ล่างชื่อคุณ ตรงกลางด้านบนของหน้า
  4. ในหัวข้อ "Advanced" แถวๆ มุมซ้ายล่างของหน้า อาจจะต้องเลื่อนลงไปก่อนถึงจะเจอ
  5. จะคลิกเลือกกี่ไฟล์ก็ได้ตามต้องการ
    • ถ้าไม่เจอไฟล์ที่ต้องการกู้คืน แสดงว่าไม่ได้เซฟไว้ใน iCloud แล้ว ให้ลองกู้ไฟล์ด้วยวิธีอื่นแทน
  6. เพื่อย้ายไฟล์กลับตำแหน่งเดิมในคอมก่อนถูกลบ
  7. เท่านี้ก็กู้ไฟล์คืนมาได้แล้ว
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ต่อไปอย่าลืม back up ข้อมูลแยกไว้ใน external hard drive และ/หรือเว็บคลาวด์ (cloud storage)
  • ถ้าใช้โปรแกรม data recovery กู้ข้อมูลไม่ได้ผล อาจจะต้องส่งคอมไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญหรือบริษัทที่รับกู้ข้อมูล แน่นอนว่าค่าบริการค่อนข้างสูง แต่ถ้าเป็นข้อมูลสำคัญจริงๆ ก็ถือว่าคุ้มค่า
โฆษณา

คำเตือน

  • โปรแกรม recovery ส่วนใหญ่ของ Mac จะราคาอยู่ที่ประมาณ $80 - $100 หรือประมาณ 2,400 - 3,000 บาท ถ้าไม่มี backup ใน Time Machine ก็ต้องเสียเงินซื้อโปรแกรม recovery ถึงจะกู้ข้อมูลที่ลบไปคืนมาได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 87,744 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา