ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่มีอะไรที่จะทำให้ความมั่นใจของคุณสั่นคลอนได้มากเท่ากับกลิ่นปาก คุณเกิดได้กลิ่นปากของตัวเองขึ้นมาขณะประชุมครั้งสำคัญ แล้วตอนนี้คุณก็รู้สึกกังวลว่าคนจะได้กลิ่นขึ้นมา คุณไม่ยอมเข้าใกล้คนรักของคุณเพราะคุณกลัวว่าเธอจะรังเกียจ คุณไม่อยากที่จะสูดดมดอกไม้เพราะคุณกลัวมันจะเฉา หากที่บรรยายมานี้คือสิ่งที่คุณเป็นอยู่ จงรู้ไว้ว่ามีสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อลดกลิ่นปากทันทีที่ได้กลิ่นไม่ดีนั้น แต่หากคุณมีปัญหากลิ่นปากอยู่เรื่อยๆ คิดดูดีๆ ว่าไม่ได้ไปหาหมอฟันนานแค่ไหนแล้ว กลิ่นปากอาจมีสาเหตุมาจากโรคเหงือกอักเสบ เยื่อหุ้มฟันอักเสบ จากอาหารที่มีกลิ่นฉุน โรคกระเพราะอาหารอักเสบจากกรดไหลย้อน (GERD) หรือการแปรงฟันไม่ถูกวิธี ประกอบกับเศษอาหารที่ตกค้างอยู่

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

แก้ปัญหากลิ่นปากด้วยผลิตภัณฑ์เพื่ออนามัยในช่องปาก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บางคนที่มีปัญหาจากภาวะการมีกลิ่นปากหรือเป็นกังวลเรื่องกลิ่นปากของตัวเองจะพกแปรงสีฟันติดตัวไว้ พกยาสีฟันหลอดเล็กๆ ไว้ แต่ถ้าคุณไม่มียาสีฟัน การแปรงฟันด้วยน้ำประปาก็ช่วยลดกลิ่นจากจุลินทรีย์ที่สะสมจากการรับประทานอาหาร คุณสามารถหาซื้อแปรงสีฟันสำหรับพกพาขนาดเล็กราคาถูกๆ ได้ตามร้านขายของชำหรือร้านขายยา [1]
    • คุณสามารถพกแปรงสีฟันใช้แล้วทิ้งเล็กๆ ติดตัวไว้ก็ได้เช่นกัน จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องความสกปรกและสุขอนามัยทุกครั้งที่ใช้
  2. นอกจากหรือแทนที่จะพกแปรงสีฟัน คุณสามารถเดินไปขัดฟันในห้องน้ำก็ได้โดยไม่ลำบาก มีไหมขัดฟันหลายชนิดที่มาพร้อมกลิ่นมิ้นต์ที่ช่วยให้ลมหายใจสดชื่นหลังขัดฟันเสร็จ
    • ทันตแพทย์แนะนำว่าคุณควรขัดฟันหลังอาหารทุกมื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าเศษอาหารจะไม่ติดอยู่ตามซอกฟัน หากคุณคิดว่าทุกมื้อมากไป ก็ให้ขัดฟันวันละครั้งเป็นอย่างน้อย - ถ้าจะให้ดีควรเป็นเวลาก่อนนอน - เพื่อจัดการกับปัญหากลิ่นปาก [2]
    • การขัดฟันหลังอาหารเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งที่จะจัดการกับภาวะมีกลิ่นปาก (ปากเหม็น)
    • ลองพิจารณาการพกไหมขัดฟันหรืออุปกรณ์ขัดฟันอื่นๆ เช่น ไหมขัดฟันชนิดด้าม เพื่อให้คุณขัดฟันได้ง่ายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
  3. ใช้ลิสเตอรีนหรือน้ำยาบ้วนปากชนิดอื่นๆ ที่มีสารต้านแบคทีเรีย. ลิสเตอรีนมีแบบขวดเล็กสำหรับเดินทางที่พกง่ายแค่ใส่ในกระเป๋าหลังหรือกระเป๋าสตางค์ได้ กลั้วคอสัก 20 วินาทีแล้วบ้วนทิ้งจะช่วยกำจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปาก และช่วยให้ลมปากสดชื่นด้วย ให้แน่ใจว่าคุณเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสรรพคุณช่วยต้านโรคเหงือกอักเสบ และ/หรือต่อต้านคราบพลัค [3]
    • ลิสเตอรีนได้ออกผลิตภัณฑ์แบบแผ่นซึ่งละลายได้บนลิ้นมาด้วย ผลิตภัณฑ์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับกลิ่นปากได้อย่างรวดเร็ว แต่รสอาจจะแรงสักหน่อย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

เคี้ยวของที่ทำให้ลมหายใจสะอาดสดชื่นขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หมากฝรั่งปราศจากน้ำตาลช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย ช่วยให้ปากไม่แห้ง อาการปากแห้งมักจะนำไปสู่การมีกลิ่นปากเพราะแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นไม่ได้ถูกกำจัดออกไป หมากฝรั่งสามารถช่วยนำเอาเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันของคุณออกมาได้ด้วย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่สิ่งที่จะมาแทนการรักษาสุขอนามัยในช่องปากตามที่ควรจะเป็น คุณจึงไม่ควรหยุดแปรงฟันและขัดฟัน [4]
    • คุณอาจเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างเปปเปอร์มิ้นต์และสมุนไพรอื่นๆ ซึ่งนอกเหนือจากการขจัดเศษอาหารจากซอกฟันแล้ว ยังช่วยกักกลิ่นปากไม่ให้โชยออกมาได้ด้วย [5]
  2. เคี้ยวสมุนไพร เช่น มิ้นต์ พาสลีย์ โหระพา หรือต้นน้ำมันระกำ. สมุนไพรเหล่านี้ไม่ได้ช่วยทำความสะอาดฟัน หากแต่ช่วยจัดการกับกลิ่นปากด้วยกลิ่นฉุนของสมุนไพร สมุนไพรเหล่านี้ใช้ได้ผลในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ควรมองว่าการแก้ปัญหาในระยะยาว [6] ต้องระวังเศษสมุนไพรตามซอกฟันด้วย คุณคงไม่อยากแลกกลิ่นปากกับเศษพาสลีย์ชิ้นใหญ่ในซอกฟันของคุณหรอกนะ
  3. ถั่วมีกลิ่นหอมที่ทรงพลังและเนื้อที่หยาบของมันจะช่วยนำเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟัน ลิ้น หรือเหงือกให้หลุดออก ผักชีลาวและเทียนข้าวเปลือกช่วยกักเก็บกลิ่นปากได้อย่างวิเศษ เมล็ดแอนีส (Anise) เป็นเมล็ดที่มีรสชาติเหมือนชะเอมเทศซึ่งมีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อโรคด้วย [7]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

ใช้น้ำแก้ปัญหากลิ่นปาก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นอกจากจะเป็นตัวเลือกที่รสชาติดีและดีต่อสุขภาพแทนการดื่มน้ำอัดลมแล้ว สารละลายจากกรดนี้สามารถจัดการกลิ่นปากได้ผลชะงัดนัก เนื่องจากหนึ่งในสาเหตุหลักของกลิ่นปากมากจากอาการปากแห้ง – ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความเชื่อมโยงกับ “กลิ่นปากตอนเช้า” – น้ำจะช่วยเพื่อความชุ่มชื้นให้ปากของคุณ ซึ่งช่วยระงับกลิ่นปากได้มากทีเดียว
    • บีบเลม่อน/มะนาวเขียวใส่น้ำให้มากเท่าที่จะมากได้เพื่อช่วยกลบกลิ่นปาก กรดจากเลม่อน/มะนาวเขียวจะช่วยจัดการกับแบคทีเรียซึ่งเป็นเหตุของกลิ่นปาก [8]
  2. เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แทนไหมขัดฟันโดยใช้แรงดันน้ำเพื่อชะล้างเศษอาหารที่ติดอยู่ในฟันของคุณ คุณยังสามารถใช้ล้างลิ้นให้สะอาดได้ด้วย เพียงเดินเข้าห้องน้ำ เติมน้ำในอุปกรณ์ และลงมือฉีด หากคุณมีน้ำยาบ้วนปาก คุณอาจเติมลงช่องใส่น้ำเพื่อเพิ่มพลังในการขจัดกลิ่นปากได้ดียิ่งขึ้น [9]
  3. แล้วให้ใช้กระดาษชำระอเนกประสงค์ถูฟันแต่ละซี่ คุณอาจใช้ด้านในเสื้อของคุณก็ได้ ทำแล้วฟันของคุณจะลื่นสุดๆ ราวกับเพิ่งแปรงฟันเสร็จเลย จากนั้นให้บ้วนปากอีกครั้ง หากคุณมีกระดาษชำระอเนกประสงค์เนื้อหยาบสีน้ำตาล คุณสามารถนำมาถูลิ้นได้ด้วย โดยถูออกเพื่อให้คราบพลัคที่เกาะลิ้นอยู่หลุดออก [10]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

ทดสอบว่ามีกลิ่นปากหรือไม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนส่วนมากพยายามเอามือป้องปากและหายใจใส่มือทดสอบกลิ่นปากของตัวเอง แต่มักจะลงเอยด้วยได้กลิ่นมือตัวเองแทน ทั้งนี้เป็นเพราะทางเดินหายใจของเราเชื่อมต่อกับปากของเรา เทคนิคนี้ไม่ได้เป็นตัววัดกลิ่นปากที่เที่ยงตรงนัก วิธีที่ดีที่สุดที่จะได้กลิ่นปากทันทีคือให้ถามคนที่คุณรู้สึกสบายใจที่จะถาม หากคนที่คุณรักสักคน – คนที่จะไม่รู้สึกแย่กับคุณจนเกินไป – ให้เค้าลองสูดดมลมหายใจของคุณนิดๆ เร็วๆ อย่าให้โจ่งแจ้งนัก ส่วนคุณแค่หายใจออกเร็วๆ ก็เรียบร้อยแล้ว [11]
  2. เดินไปแอบเลียข้อมือด้านในเพราะข้อมือส่วนนั้นไม่ได้สัมผัสกับอะไรมากนัก นั่นจะเป็นตัววัดกลิ่นปากที่ดีกว่า รอจนน้ำลายแห้งแล้วลองดมข้อมือดู วิธีนี้จัดว่าเที่ยงตรงที่สุดในการทดสอบกลิ่นปากของคุณ [12]
  3. เอาช้อนมาและวางคว่ำบนโคนลิ้น ดึงช้อนออกจากปากโดยบรรจงขูดลิ้นช้าๆ จากนั้นให้ตรวจดูสิ่งที่ติดมากับช้อน หากออกมาใส คุณก็อาจไม่มีกลิ่นปาก ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือสิ่งที่ได้จะมีสีขาวขุ่นเหมือนนมหรืออาจออกเหลืองๆ สิ่งที่คุณได้มาคือเป็นแผ่นฟิลม์แบคทีเรียที่สะสมอยู่บนลิ้น แบคทีเรียเหล่านี้เป็นต้นเหตุให้เกิดกลิ่นปาก [13]
    • สิ่งสำคัญคือให้แปรงส่วนหลังของลิ้น (โคนลิ้น) เวลาที่แปรงฟัน บริเวณนี้เป็นแหล่งที่อยู่ชั้นดีของแบคทีเรียซึ่งจะก่อให้เกิดกลิ่นปาก
    • คุณสามารถทดสอบด้วยวิธีเดียวกันนี้โดยใช้ผ้าก็อซก็ได้เช่นกัน – ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายยา แต่ช้อนดูจะหาได้ง่ายกว่าในทุกสถานการณ์
  4. การทดสอบด้วยเครื่องวัดกลิ่นปากใช้เพื่อหาค่าซัลเฟอร์ในลมหายใจ สารประกอบซัลเฟอร์หรือ VSCs มักพบในปากมนุษย์ การมีซัลเฟอร์ในประมาณสูงสามารถบ่งชี้ได้ว่าลมหายใจมีกลิ่นไม่ดี ซัลเฟอร์มีกลิ่นเหมือนกับไข่ – ซึ่งคงไม่ใช่กลิ่นที่คุณอยากจะมีในขณะกำลังประชุมครั้งสำคัญ ส่วนมากแล้ว หมอฟันของคุณจะเป็นผู้ทดสอบให้ แต่ถ้าคุณอยากมีเครื่องวัดกลิ่นปากเป็นของตัวเองก็สามารถหาซื้อได้แต่อุปกรณ์นี้ราคาแพงมาก [14]
  5. ขอให้หมอฟันของคุณทดสอบโดยการใช้เครื่องแก๊ส โครมาโทรกราฟี (Gas Chromatrography). เป็นการทดสอบระดับของซัลเฟอร์และสารประกอบเคมีอื่นๆ อีกหลายชนิดที่พบในปาก การทดสอบด้วยวิธีนี้มีประสิทธิภาพที่สุดและค่าที่ได้จากการวัดก็จัดว่าได้มาตรฐานสุดๆ [15]
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

รู้ว่าควรพบหมอฟันเมื่อไหร่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไปพบหมอฟันเมื่อรู้สึกว่ามีกลิ่นปากเรื้อรัง. หากคุณลองหลายขั้นตอนที่ว่ามาแล้วและปัญหายังคงอยู่ คงถึงเวลาที่ต้องไปพบหมอฟันแล้ว กลิ่นปากเป็นหนึ่งใจสัญญาณที่เด่นชัดที่สุดของโรคเหงือกและคราบพลัคสะสม ทันตานามัยและทันตแพทย์จะช่วยบอกได้ว่ามีขั้นตอนเพื่ออนามัยในช่องปากที่คุณทำเป็นประจำขั้นตอนไหนที่คุณพลาดไป และช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาใดๆ ที่เกิดกับฟันของคุณได้ [16]
  2. ไปหาหมอฟันถ้าสังเกตเห็นจุดขาวๆ บนต่อมทอนซิล. คุณอาจมองเข้าไปในปากของคุณและพยายามคิดว่าอะไรที่ทำให้มีกลิ่นปาก หากคุณสังเกตเห็นจุดขาวๆ เล็กๆ อยู่ในปากทั้งสองข้างของลิ้นไก่ (ติ่งที่ห้อยอยู่ด้านในช่องปากของคุณ) คุณควรไปหาหมอฟันได้ จุดขาวๆ เหล่านี้รู้จักกันในนามนิ่วทอนซิล เกิดจากอาหารที่จับตัวเป็นหินปูน เสมหะ และแบคทีเรียที่จับตัวเป็นก้อน แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งแปลกอะไร การจะเอาสิ่งนี้ออกต้องทำด้วยความระมัดระวัง
    • นักวิจัยชาวฝรั่งเศสพบว่าผู้คนประมาณร้อยละหกมีการก่อตัวของนิ่วทอนซิลเกิดขึ้น [17]
  3. พบหมอฟันหรือหมอทั่วไปหากปากแห้งเรื้อรังและมีกลิ่นปาก. มีสาเหตุมากมายที่ทำให้ปากแห้ง ซึ่งก่อให้เกิดกลิ่นปาก แม้การขาดน้ำจะเป็นสาเหตุหลัก อาการบางอย่าง การใช้ยา และปัญหาทางระบบอื่นๆ อาจทำให้ปากแห้งได้เช่นกัน การคัดจมูก โรคเบาหวาน ผลข้างเคียงจากยาแก้โรคซึมเศร้า ยาแก้แพ้ และยาขับปัสสาวะ การใช้รังสีบำบัด และโรคตาแห้งปากแห้ง อาจเป็นสาเหตุให้ปากแห้งได้ทั้งสิ้น หมอฟันจะให้คุณไปตรวจและทดสอบอาการทั้งหลายนี้ อย่างไรก็ดี มันก็ช่วยระบุว่าสาเหตุที่ปากของคุณแห้งว่าเกิดจากอะไรได้ [18]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เลิกบุหรี่ หนึ่งในสาเหตุหลักของกลิ่นปากคือการสูบบุหรี่และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากยาสูบ
  • พยายามเลี่ยงการทานหัวหอม กระเทียม และอาหารอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดกลิ่นปาก อาหารที่กล่าวมามีกลิ่นแรงและเป็นกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งกลิ่นสามารถติดปากคุณได้พักใหญ่เลย
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,108 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา