ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ห้องที่มีกลิ่นเหม็นนั้นเป็นเรื่องน่าอับอาย และมันจะทำให้คุณไม่มีความสุขอย่างที่ควรเมื่ออยู่ที่นั่น เคล็ดลับในการขจัดกลิ่นในห้องอย่างแรกคือต้องกำจัดต้นตอของกลิ่น ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการทำความสะอาดให้หมดจด หลังจากนั้นก็ต้องดูดเอากลิ่นเหม็นที่ยังอยู่ออก และใช้ผลิตภัณฑ์ปรับอากาศกลิ่นที่ชอบเพื่อช่วยให้บ้านคุณหอมอีกครั้ง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

กำจัดต้นตอของกลิ่นเหม็น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผ้าที่กองสุมกันบนพื้นอาจเป็นตัวการของกลิ่นเหม็นอับซึ่งทำให้เหม็นไปทั้งห้องได้ [1] และที่แย่ไปกว่านั้น ผ้าเปียกชื้นสามารถเป็นแหล่งเพาะเชื้อราได้ด้วย เก็บผ้าใช้แล้วจากทั้งบ้านไปแยกเป็นกองๆ แล้วซักด้วยเครื่องซักผ้า
    • เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อราและเชื้อโรคอื่นๆ บนเสื้อผ้าจะถูกกำจัด ให้ใช้น้ำร้อนในการซัก
    • ในการทำให้แห้ง คุณจะใช้เครื่องอบผ้าหรือตากผ้าก็ได้ถ้าอากาศดี
    • อ่านคำแนะนำบนป้ายฉลากเสื้อผ้าก่อนจะซักหรืออบอะไรก็ตาม
  2. คุณใช้เวลาหนึ่งในสามของชีวิตบนเตียง ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม และปลอกหมอนคุณจะมีกลิ่นบ้างหลังจากใช้ไปสักพัก วิธีขจัดกลิ่นเหล่านี้ก็คือ ถอดปลอกหมอน ผ้าปู ผ้าคลุมและเครื่องนอนที่เป็นผ้าซักได้อื่นๆ ไปซักด้วยเครื่องซักผ้า
    • เมื่อซักเครื่องนอนสะอาดแล้ว ใช้เครื่องอบผ้าหรือตากให้แห้งก่อนนำมาปูเตียงอีกครั้ง
  3. อ่างและท่อในครัวและห้องน้ำอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา สิ่งอุดตัน และสิ่งอื่นๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นในบ้านได้ วิธีทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ให้เทผงฟู 1 ถ้วยตวง (220 กรัม) ลงไปในท่อ แล้วเทน้ำส้มสายชูขาว 2 ถ้วยตวง (470 มิลลิลิตร) ตามลงไป ปล่อยให้มันทำปฏิกิริยากันจนเกิดฟองสัก 30 นาที [2]
    • หลังจากปล่อยให้ผงฟูกับน้ำส้มสายชูผสมกันจนเกิดฟองในท่อแล้ว ให้ล้างท่อด้วยน้ำต้มเดือดหนึ่งกา
  4. ชักโครกเป็นเครื่องใช้ในบ้านอีกอย่างที่สามารถเป็นแหล่งของเชื้อรา เชื้อโรค และสิ่งอื่นๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ เทน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง (235 มิลลิลิตร) ลงในโถชักโครก และใช้น้ำส้มสายชูฉีดด้านนอกโถรวมถึงตรงที่นั่งด้วย ทิ้งไว้ห้านาที ใช้แปรงขัดห้องน้ำขัดด้านในโถ และใช้ผ้าขี้ริ้วหรือกระดาษชำระเช็ดส่วนด้านนอกกับที่นั่ง [3]
    • กดชักโครกเพื่อกำจัดเศษสิ่งสกปรกต่างๆ ที่หลุดออกมาจากโถตอนขัด
  5. รามีกลิ่นเฉพาะตัวที่สามารถฟุ้งกระจายไปทั่วบ้านได้ การกำจัดราในบ้านสำคัญต่อสุขภาพของคุณและกลิ่นภายในบ้านด้วย ไม่ว่าจะเป็นราในห้องน้ำ ตามกระเบื้อง ในอ่าง หรือบริเวณที่ชื้นแฉะต่างๆ ในบ้าน วิธีกำจัดรามีดังนี้ [4]
    • ผสมน้ำยาฟอกขาว 1 ถ้วยตวง (235 มิลลิลิตร) กับน้ำ 1 แกลลอน (3.8 ลิตร) ลงในถัง
    • ใส่ถุงมือยางป้องกัน
    • เปิดหน้าต่างระบายอากาศ
    • จุ่มแปรงขนแข็งลงในน้ำยานั้น
    • ใช้แปรงขัดบริเวณที่มีรา
    • จุ่มแปรงลงในน้ำยาเรื่อยๆ ระหว่างขัด
    • ใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆ ล้างเมื่อขัดเสร็จ
  6. พรมและเฟอร์นิเจอร์ที่สกปรกอาจเป็นแหล่งกักเก็บกลิ่นที่ทำให้บ้านคุณเหม็นได้ หากจะกำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรก ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นหัวแปรงยาวดูดที่พรม หากจะกำจัดฝุ่นและกลิ่นเหม็นอับตามเฟอร์นิเจอร์ ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นหัวสำหรับเครื่องบุดูดที่เฟอร์นิเจอร์
    • ถ้าจะให้ได้ผลดีสุด ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มี HEPA filter หรือแผ่นกรองอากาศ เพราะมันจะช่วยป้องกันฝุ่นหรือละอองสิ่งสกปรกเล็กๆ ไม่ให้ลอยกลับออกมาในอากาศได้ [5]
  7. ถังขยะเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาร้ายแรงที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น โดยเฉพาะถังขยะในครัวซึ่งเป็นที่ทิ้งเศษอาหารและขยะเปียกอื่นๆ ถ้าครัวของคุณมีกลิ่นเหม็น ให้ผูกถุงขยะแล้วนำไปทิ้งข้างนอกหรือไว้ที่โรงรถก่อนเลย [6]
  8. ก่อนจะใส่ถุงขยะใหม่ลงในถังขยะควรทำความสะอาดถังให้หมดจดเพื่อกำจัดคราบเลอะหรือสิ่งสกปรกที่อาจก่อให้เกิดกลิ่นเหม็น วิธีการทำความสะอาดถังขยะมีดังนี้ [7]
    • ใส่ถุงมือยาง
    • เอาเศษอาหารชิ้นใหญ่ๆ ออก
    • ล้างถังขยะในอ่างหรือใช้สายยางในสวน
    • ใช้ผ้าขี้ริ้วหรือกระดาษชำระเช็ดด้านในให้แห้ง
    • ใช้น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคฉีดด้านในเยอะๆ
    • ทิ้งไว้ห้านาที
    • ขัดด้วยแปรงขนแข็ง
    • ล้างถังขยะ
    • ใช้ผ้าขี้ริ้วหรือกระดาษชำระเช็ดให้แห้ง
    • ใส่ถุงขยะใบใหม่ลงไป
  9. ทำความสะอาดเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร. เครื่องใช้ใดก็ตามที่ต้องข้องเกี่ยวกับอาหารอาจเป็นต้นกำเนิดกลิ่นเหม็นภายในบ้านได้ โดยเฉพาะถ้ามีเศษอาหารหกหล่นอยู่ ถ้าคุณไม่แน่ใจว่ากลิ่นเหม็นนั้นมาจากไหน ควรทำความสะอาดเครื่องใช้ทุกชิ้นที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ซึ่งได้แก่ [8]
  10. เจ้าหมาของคุณสามารถพากลิ่นเหม็นเข้ามาในบ้านได้มากพอๆ กับที่คุณรักมัน วิธีกำจัดต้นตอของกลิ่น ควรอาบน้ำให้มันด้วยแชมพูสำหรับสัตว์ในอ่างหรืออ่างล้างจาน หรือพาไปร้านที่รับอาบน้ำสัตว์ หรือพาไปอาบน้ำที่ร้านสัตว์เลี้ยงใกล้บ้านก็ได้
    • เอาที่นอนน้องหมาใส่เครื่องซักผ้าแล้วซักให้สะอาดเพื่อขจัดกลิ่นที่ติดอยู่ [9]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ขจัดกลิ่นเหม็น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อากาศบริสุทธิ์เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ดีที่สุดในการขจัดกลิ่นเหม็นอับภายในบ้าน เพราะกลิ่นเหม็นนั้นจะถูกพัดออกไปทางหน้าต่าง และอากาศที่สดชื่นก็จะเข้ามาแทน ควรเปิดหน้าต่างไว้บ้างในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง ถ้าจะให้มีลมพัด ให้เปิดหน้าต่างบานที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
    • ในฤดูหนาว ถ้าเปิดหน้าต่างทิ้งไว้นานไม่ได้ก็ให้เปิดสักนาทีเพื่อให้อากาศบริสุทธิ์เข้ามาก็พอ [10]
  2. เปิดพัดลมให้อากาศถ่ายเทและให้อากาศบริสุทธิ์ไหลเวียนสะดวก. พัดลมสามารถทำให้อากาศบริสุทธิ์สดชื่นได้ดียิ่งขึ้น เวลาคุณเปิดหน้าต่าง ให้เปิดพัดลมเพดานหรือพัดลมตั้งพื้นในบ้านด้วย เพื่อเป็นการช่วยให้มีลมมากขึ้นและอากาศจะได้ถ่ายเท
  3. ในแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลตซึ่งสามารถฆ่าเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นได้ ไม่ว่าจะฤดูไหน ควรเปิดม่านในวันที่มีแดดและให้รังสียูวีเข้ามาในบ้านบ้าง
    • แสงแดดสามารถกำจัดกลิ่นบนพรม เฟอร์นิเจอร์ ที่นอนสัตว์เลี้ยง หมอน เบาะ และของใช้ในบ้านอื่นๆ ได้ดี [11]
  4. ผงฟูเป็นสารขจัดกลิ่นที่นิยมใช้กันมากที่สุดอย่างหนึ่ง เนื่องจากมีราคาถูกและใช้ได้ผลดี วิธีใช้ผงฟูดูดกลิ่นคือให้โรยผงฟูลงในถ้วยเล็กๆ สักสองสามถ้วย แล้วนำไปวางตามจุดต่างๆ ในบ้าน ผงฟูจะดูดกลิ่นเหม็นภายในห้องให้หายไป [12]
    • ถ้าอยากขจัดกลิ่นของใช้ต่างๆ ในบ้าน ให้โรยผงฟูลงไปบนของนั้นๆ เช่น พรม เฟอร์นิเจอร์ ที่นอน และของใช้อื่นๆ ที่เป็นแหล่งสะสมกลิ่น โรยผงฟูทิ้งไว้ 30 นาที แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก
  5. น้ำส้มสายชูก็ขจัดกลิ่นได้ดี สามารถใช้ดูดกลิ่นเหม็นในบ้านได้ เทน้ำส้มสายชูใส่ถ้วยเล็กๆ แล้วเอาไปวางตามบริเวณต่างๆ ในบ้านที่มีกลิ่นเหม็น เช่น [13]
    • ห้องใต้ดินที่เหม็นอับ
    • ห้องน้ำ
    • ห้องครัว
    • ห้องนอน
  6. ถ่านเป็นตัวดูดกลิ่นชั้นเยี่ยมที่สามารถใช้ได้กับทุกๆ ห้องและเครื่องใช้ต่างๆ [14] ควรใช้ถ่านบริสุทธิ์ ไม่ใช่ถ่านฟืนที่เป็นเชื้อเพลิงไว้ใช้เผาไฟ นำถ่านสองสามก้อนมาใส่ถาดแล้ววางไว้ตามจุดต่างๆ ในบ้าน อย่างเช่น
    • ตู้เสื้อผ้า
    • ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง
    • พื้นที่ใช้สอย
  7. ไม้ประดับบางชนิดสามารถฟอกอากาศได้ และมันอาจช่วยควบคุมกลิ่นในบ้านได้ด้วย ไม้ประดับที่คุณสามารถปลูกไว้ในบ้านเพื่อช่วยฟอกอากาศ ได้แก่ [15]
    • ต้นลิ้นมังกร
    • ต้นตีนตุ๊กแกฝรั่ง
    • ต้นจั๋ง
    • ต้นวาสนา
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ปรับอากาศให้หอมสดชื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วางแผ่นปรับผ้านุ่มไว้ในจุดที่มีกลิ่นเหม็นอับ. แผ่นปรับผ้านุ่มช่วยให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอม และมันก็ช่วยให้อากาศในบ้านคุณหอมขึ้นได้ด้วย [16] วิธีใช้ก็คือวางแผ่นปรับผ้านุ่มไว้ในบริเวณที่มีกลิ่นเหม็นอับ อย่างเช่น
    • ตู้รองเท้า
    • ถังขยะ
    • ห้องใต้ดินที่ชื้นแฉะ
    • บริเวณที่เคยมีรา
  2. เวลาคุณต้มน้ำในครัว อนุภาคของน้ำจะระเหยเป็นไอและลอยไปทั่วบ้าน คุณสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นตัวปรับอากาศชั้นยอดได้โดยใส่สมุนไพรที่ชอบ เครื่องเทศ และเปลือกผลไม้ตระกูลส้มลงไปในหม้อ เติมน้ำ แล้วต้มให้เดือดสักสองสามชั่วโมงโดยไม่ต้องปิดฝา ส่วนผสมที่ใส่ในหม้อต้มสมุนไพรหอมได้ ได้แก่ [17]
    • เปลือกเลมอน
    • อบเชยแท่ง
    • ออลสไปซ์
    • ใบโหระพา
    • ขิง
    • แครนเบอร์รี่
    • เปลือกส้ม
    • กานพลู
    • ใบกระวาน
  3. ผลิตภัณฑ์ปรับอากาศตามท้องตลาดจะออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อทำให้อากาศในบ้านคุณหอมสดชื่น มักจะประกอบด้วยสารเคมีที่ช่วยกลบกลิ่นเหม็น และน้ำหอมที่ช่วยปรับอากาศให้หอม ผลิตภัณฑ์ปรับอากาศมีหลายรูปแบบ เช่น [18]
    • สเปรย์
    • เครื่องพ่น
    • เจล
    • แว็กซ์
  4. เครื่องหอมมีรูปแบบและกลิ่นที่หลากหลาย วิธีจุดธูปหอมคือให้นำปลายด้านที่เล็กกว่าเสียบไว้กับที่เสียบ แล้วจุดปลายธูปอีกด้านจนติดไฟ จากนั้นเป่าให้ไฟดับ ขณะที่ธูปเผาไหม้มันจะเกิดควันหอมซึ่งจะทำให้บ้านคุณหอมไปด้วย
    • ถ้าอยากให้กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน ให้เปิดพัดลมตั้งไว้อีกฝั่งห้องตรงข้ามกับเครื่องหอม พัดลมจะเป่าควันให้กระจายไปทั่วบ้าน แต่ไม่แรงจนขี้เถ้าคลุ้งไปด้วย
    • ห้ามจุดเครื่องหอมทิ้งไว้โดยไม่คอยดู เพราะมันมีความร้อนและอาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ได้
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,439 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา