ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัย คนหรือสัตว์ก็ตาม เกิดอ้วกแตกขึ้นมาเลอะเทอะ ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงแน่นอน ทั้งการกำจัดกองอ้วก คราบเลอะ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ถึงไม่มีเครื่องทำความสะอาดพรมหรือเบคกิ้งโซดาติดบ้าน บทความวิกิฮาวนี้ก็ยังมีวิธีการทำความสะอาดพรมเลอะอาเจียนมาฝากกัน
ขั้นตอน
-
สวมถุงมือยางหรือถุงมือใช้แล้วทิ้ง. เราต้องสวมถุงมือป้องกันไม่ให้สัมผัสกองอ้วกโดยตรงซะก่อน รวมถึงป้องกันไม่ให้กลิ่นติดมือ ที่สำคัญคือป้องกันเชื้อโรค
-
ขูดอ้วกออกมาให้ได้มากที่สุด. ทันทีที่มีใครอ้วกใส่พื้น ให้รีบหาเกรียง/สปาทูล่าที่ไม่ใช้แล้ว หรืออะไรที่มีขอบเรียบ มาตักและขูดออกจากพื้น [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อันไหนเป็นกองๆ ชัดเจน ให้ตักใส่ที่ตักผงหรือถุงพลาสติก
-
ตักอ้วกด้วยผ้าขนหนูหรือทิชชู่ซับมัน.อีกวิธีทำความสะอาดกองอ้วก คือขยุ้มขึ้นมาด้วยผ้าขนหนู หลังจากขยุ้มอ้วกด้วยผ้ามากที่สุดแล้ว ให้เอาไปใส่เครื่องซักผ้า หรือใช้ทิชชู่หนาๆ สำหรับซับมันมาเก็บกองอ้วกแทนผ้า แล้วทิ้งถังขยะได้เลย
- แต่ระวังว่าถ้ามีเศษอาหารปนมาในอ้วกด้วย อาจไปอุดตันในเครื่องซักผ้าได้
-
ตัดกระดาษลังเป็นแผ่น มาตักอ้วก. จะเป็นกล่องซีเรียลหรือลังใส่ขวดเหล้าก็ได้ ไม่ก็ปกสมุดโน้ตเก่า ให้ใช้ขอบด้านข้างสอดเข้าไปใต้กองอ้วกส่วนที่พูนที่สุด ตักแล้วก็ทิ้งถังขยะได้เลย อีกทีคือแบ่งเป็น 2 แผ่น แล้วใช้แผ่นหนึ่งดันกองอ้วกไปอีกแผ่น ใช้แทนไม้กวาดและที่ตักผงได้เลย [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้ถุงพลาสติก. กลับด้านถุงพลาสติกคลุมมือ ใช้แทนถุงมือได้เลย จากนั้นก็ใช้มือควักกองอ้วกขึ้นมา แล้วกลับด้านถุงให้อ้วกไปอยู่ข้างใน พอมัดปากถุงแล้วก็ทิ้งถังขยะได้เลย
- เช็คก่อนว่าถุงไม่มีรูรั่วตรงไหน จะได้ไม่เลอะมือ
-
ใช้ไม้พายหรือตะหลิว. อีกวิธีตักอ้วกจากพรม คือใช้สปาทูล่า ไม้พาย หรือจะตะหลิวเก่า โดยสอดขอบเรียบด้านข้างเข้าไปใต้กองอ้วก แล้วตักขึ้นจากพรม หรือใช้ช้อนตักแทนเลยก็ได้
- อย่าใช้ไม้พายที่เจาะช่องเป็นขีดๆ ไว้ เพราะอ้วกจะไหลลงไปได้
- ถ้าเป็นของเก่า ก็ทิ้งไปได้เลย แต่ถ้ายังใช้อยู่ ต้องฆ่าเชื้อช้อนหรือไม้พายนั้นให้ดีหลังใช้เสร็จ
-
เอาทรายกลบ. พอใครอ้วกเมื่อไหร่ ให้รีบเอาทรายกลบ ให้ทรายผสมกับอ้วกจับตัวเป็นก้อน แล้วใช้ไม้กวาดกับที่ตักผงตักได้เลย [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ห้ามเช็ดถูอ้วกบนพรม. ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนเก็บอ้วก ก็ห้ามเช็ดถูอ้วกที่พรมเด็ดขาด เพราะจะกดให้อ้วกซึมลงไปในเส้นใยผ้า ขจัดคราบออกยากเป็น 2 เท่า
- ใช้ผ้าขนหนูก็เสี่ยงกดอ้วกให้ยิ่งซึมเข้าพรม [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ให้สอดขอบเรียบด้านข้างของอะไรแบนๆ อย่างสปาทูล่า กระดาษลัง หรือเกรียงเข้าไปใต้กองอ้วกเพื่อกันไว้ก่อน
โฆษณา
-
โปะด้วยเบคกิ้งโซดา. เบคกิ้งโซดาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะจะใช้ทำความสะอาดอ้วกมาก เพราะช่วยให้ความชื้นส่วนเกินแห้งได้ จนอ้วกจับตัวเป็นก้อนเล็กๆ ให้เทใส่บริเวณที่เลอะพอประมาณ แล้วทิ้งไว้ 10 - 15 นาที หรือจนกว่าก้อนนั้นจะเริ่มแห้ง สุดท้ายก็ดูดฝุ่นกำจัดก้อนที่ว่าได้เลย และทำซ้ำได้ถ้ายังไม่สะอาดพอ
- ถ้าอ้วกเหลวเป็นน้ำ ไม่มีเศษอาหารต่างๆ ให้กระจายเบคกิ้งโซดาให้ทั่วบริเวณ แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน เบคกิ้งโซดาจะช่วยดูดซับความชื้นให้กลายเป็นก้อน เก็บง่าย [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ให้ใช้ท่อดูดฝุ่นเลย ไม่ต้องเสียบหัวดูดฝุ่นอีกที
-
กำจัดความชื้นด้วยแป้งข้าวโพด. อีกวิธีดูดซับความชื้นส่วนเกินจากอ้วก ก็คือให้โรยแป้งข้าวโพด (cornstarch) ให้ทั่ว อย่าให้มีส่วนไหนตกหล่นไปได้ แล้วทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 10 - 15 นาที จากนั้นใช้ท่อดูดฝุ่นเลย ไม่ต้องเสียบหัว [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้ผ้าขี้ริ้วสะอาดๆ กับน้ำอุ่นธรรมดา กำจัดคราบที่เหลือ. ให้ฉีดพ่นหรือเทน้ำอุ่นราดคราบ แล้วใช้ผ้าสะอาดซับความชื้นส่วนเกิน อย่าเช็ดถู เพราะเท่ากับกดเศษอาหารให้ฝังลงไปในพรม พอผ้าชุ่มแล้ว ให้เปลี่ยนผ้าสะอาดผืนใหม่ จากนั้นทำซ้ำ
- เวลาซับ ให้กดเพื่อซับน้ำออกมาจากพรม กดลงไปแรงๆ ได้ แต่ห้ามเช็ดถูไปมาเด็ดขาด
- ให้ใช้ผ้าขาว ลายหรือสีจะได้ไม่ตกใส่พรม
- ถ้าไม่ใช้ผ้าขี้ริ้วหรือผ้าขนหนู จะใช้ทิชชู่หนาๆ สำหรับซับมันแทนก็ได้
โฆษณา
-
ใช้โซดา. เอาโซดาใส่ขวดสเปรย์ หรือเทราดคราบโดยตรงก็ได้ แล้วเอาผ้าสะอาดมากดซับความชื้นจนคราบจาง ถ้ายังไม่หาย ให้เทโซดาเพิ่ม แล้วเปลี่ยนเป็นผ้าแห้งผืนใหม่ด้วย
-
ซับด้วยน้ำยาซักแห้ง. เอาผ้าสะอาดชุบน้ำยาซักแห้ง จะยี่ห้ออะไรก็ได้ให้ชุ่ม แล้วใช้ซับที่คราบจนดูดซับน้ำยาไปจนหมด [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้น้ำส้มสายชู. ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเย็นในสัดส่วนที่เท่ากัน แล้วเทใส่ขวดสเปรย์ จากนั้นฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่เป็นคราบ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เสร็จแล้วใช้ผ้าแห้งสะอาดๆ ซับคราบและน้ำส้มสายชูขึ้นมา
- พอซับน้ำส้มสายชูขึ้นมาจนชุ่มแล้ว ให้ใช้แปรงขนแข็งขัดที่คราบจนหลุดออกมา สุดท้ายกลับไปใช้ผ้าแห้งซับตามอีกที
- จะผสมน้ำมันหอมระเหยปรับอากาศสัก 6 หยดเพื่อกลบกลิ่นด้วยก็ได้ หรือน้ำมันหอมระเหย Thieves Oil 8 หยด ก็ใช้ฆ่าเชื้อได้ถึง 99% เลย
- จะใช้น้ำส้มสายชูกลั่นขาว หรือน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลแทนก็ได้
- ย้ำว่าห้ามใช้ผ้าเช็ดถูคราบไปมา
- อย่าฉีดพ่นที่คราบเยอะเกินไป แค่พอให้ทั่วคราบ แต่อย่าให้พรมเปียกโชก
-
ลองใช้ hydrogen peroxide. ผสม hydrogen peroxide 1 ส่วน กับน้ำสะอาดหรือน้ำยาล้างจาน 1 ส่วน จากนั้นเทส่วนผสมราดพรม แล้วทิ้งไว้ 30 นาที ค่อยๆ ถูบริเวณนั้นด้วยผ้าขี้ริ้วจนขึ้นฟอง เสร็จแล้วใช้ผ้าแห้งดูดซับความชื้นส่วนเกิน
- เทน้ำตามเพื่อล้างบริเวณนั้นให้สะอาด ย้ำว่าต้องล้างน้ำยาจากพรมให้หมด ถ้าตกค้าง ฝุ่นและสิ่งสกปรกจะเกาะได้
-
ผสมน้ำยาทำความสะอาดอ้วกใช้เอง. ผสมน้ำอุ่น 2 ถ้วยตวง เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชูกลั่นขาว 1/2 ถ้วยตวง น้ำยาซักผ้าหรือน้ำยาล้างจานใส 1 ช้อนโต๊ะ และแอลกอฮอล์ล้างแผล 2 ช้อนโต๊ะ [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ใช้ฟองน้ำลงน้ำยาให้ทั่วคราบ จากนั้นซับคราบด้วยผ้าสะอาด จนแห้งสนิท
- ขจัดคราบแล้วให้ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกที โดยพรมน้ำให้ทั่วแล้วซับด้วยผ้าขนหนู ทำซ้ำประมาณ 2 - 3 ครั้ง
-
ลงน้ำยาทำความสะอาดผ้าหรือพรม ตามวิธีใช้ที่ฉลาก. ใช้น้ำยาขจัดคราบที่พรม น้ำยาที่แนะนำคือสูตรเอนไซม์ สำหรับฉีดทำความสะอาดเบาะรถและสัตว์เลี้ยง ย้ำว่าต้องใช้งานตามวิธีข้างฉลากเป๊ะๆ
-
ใช้เครื่องทำความสะอาดพรม. ถ้าเลอะหนักเป็นพิเศษ ให้ลองใช้เครื่องทำความสะอาดพรมดู ถ้ามีเครื่องทำความสะอาดพรมแบบเปียก ก็ใช้ขจัดคราบได้เลย ถึงไม่มีเครื่องนี้ที่บ้าน ก็ลองยืมเพื่อนที่มี หรือใช้บริการบริษัทรับทำความสะอาดพรมดู
-
ลองใช้แอมโมเนีย. ให้ผสมแอมโมเนีย 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 1 ถ้วยตวง จากนั้นใช้ฉีดพ่นหรือราดที่คราบ แล้วซับแอมโมเนียที่คราบด้วยฟองน้ำหรือผ้าขนหนู สุดท้ายล้างน้ำแล้วซับด้วยผ้าให้แห้ง
- ถ้ามีสัตว์เลี้ยงอย่าใช้แอมโมเนีย เพราะจะยิ่งดึงดูดให้มาฉี่ซ้ำที่เดิม [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้เตารีดขจัดคราบ. ฉีดพ่นคราบด้วยส่วนผสมจากน้ำ 2 ส่วน และน้ำส้มสายชูกลั่นขาว 1 ส่วน จากนั้นใช้ผ้าขาวชุบน้ำบิดหมาดวางบนคราบ พอปรับเตารีดเป็นระบบไอน้ำแล้ว ให้รีดทับจุดนั้น 30 วินาที แล้วรีดซ้ำหลายๆ รอบถ้าเป็นไปได้ [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เท่านี้คราบก็จะหลุดจากพรมมาติดที่ผ้าขนหนูแทน
- อย่าทับเตารีดไว้ที่เดียวนานๆ เพราะผ้าจะไหม้ได้ ให้ค่อยๆ ถูเตารีดไปมาบริเวณที่เป็นคราบ
- ห้ามรีดพรมโดยตรง ต้องเอาผ้ารองคั่นระหว่างพรมกับเตารีดซะก่อน ไม่งั้นพรมไหม้แน่นอน
โฆษณา
-
โรยด้วยเบคกิ้งโซดา. พอขจัดคราบแล้ว ให้โรยเบคกิ้งโซดาให้ทั่วบริเวณ ปกติเบคกิ้งโซดาเป็นด่าง ช่วยยับยั้งกรดได้ ซึ่งในอ้วกก็มีกรด รวมถึงช่วยขจัดกลิ่นได้ ไม่ใช่แค่กลบกลิ่น [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ทิ้งเบคกิ้งโซดาไว้ข้ามคืน แล้วค่อยดูดฝุ่นในวันถัดไป จะช่วยดูดซับความชื้นที่เหลือด้วย
-
ฉีดน้ำส้มสายชู. ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำในสัดส่วนที่เท่ากัน แล้วฉีดพ่นหรือราดบริเวณที่มีกลิ่น รับรองจะช่วยขจัดกลิ่นหรือทำให้กลิ่นจางลงได้ [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ข้อเสียของน้ำส้มสายชูคือทิ้งกลิ่นฉุนไว้
-
ฉีดสเปรย์ดับกลิ่น. หาสเปรย์ดับกลิ่นยี่ห้ออะไรก็ได้ ที่คนนิยมใช้กัน โดยเลือกสเปรย์ที่กำจัดกลิ่น ไม่ใช่ฉีดกลิ่นหอมกลบกลิ่น พวกเครื่องหอมกับน้ำหอมดอกไม้ต่างๆ แค่ใช้กลบกลิ่น ทีนี้พอตีกันกับกลิ่นอ้วก เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง ถ้าเป็นสเปรย์ขจัดกลิ่นจะกำจัดกลิ่นที่ต้นตอโฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าอ้วกแห้งไปแล้ว ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นเก็บเศษอาหารก่อน แล้วพรมน้ำบริเวณนั้นให้ชื้น จากนั้นกำจัดเหมือนคราบใหม่
- บางทีก็ต้องใช้หลายวิธีผสมกัน ให้ลองทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชูหรือผงซักฟอก แล้วปิดท้ายด้วยการใช้เบคกิ้งโซดาผสมน้ำจนเป็น paste เหนียวข้น
- พอดูดฝุ่นบริเวณที่มีอ้วกแล้ว ให้เปลี่ยนถุงเก็บฝุ่นหรือทำความสะอาดเครื่องดูดฝุ่น เพื่อป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์และแบคทีเรีย
- ก่อนจะลงน้ำยาที่พรม ต้องทดสอบแค่มุมเล็กๆ ก่อน โดยทิ้งผลิตภัณฑ์ไว้ที่พรมประมาณ 5 - 10 นาที จนแน่ใจว่าไม่กัดสีพรมแน่นอน
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://spotremoval.coit.com/how-to-clean-vomit-from-carpet
- ↑ http://www.howtocleanthings.com/stains/how-to-clean-vomit.htm
- ↑ http://www.stain-removal-101.com/vomit-stains.html
- ↑ http://enlightenme.com/vomit-carpet-clean/
- ↑ http://newlifeonahomestead.com/clean-vomit-from-carpet/
- ↑ http://www.goodhousekeeping.com/home/stain-buster/stains-vomit-may07
- ↑ http://spotremoval.coit.com/how-to-clean-vomit-from-carpet
- ↑ http://www.howtocleanthings.com/stains/how-to-clean-vomit.htm
- ↑ http://enlightenme.com/vomit-carpet-clean/
โฆษณา