ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัย คนหรือสัตว์ก็ตาม เกิดอ้วกแตกขึ้นมาเลอะเทอะ ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงแน่นอน ทั้งการกำจัดกองอ้วก คราบเลอะ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ถึงไม่มีเครื่องทำความสะอาดพรมหรือเบคกิ้งโซดาติดบ้าน บทความวิกิฮาวนี้ก็ยังมีวิธีการทำความสะอาดพรมเลอะอาเจียนมาฝากกัน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

กำจัดกองอาเจียน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เราต้องสวมถุงมือป้องกันไม่ให้สัมผัสกองอ้วกโดยตรงซะก่อน รวมถึงป้องกันไม่ให้กลิ่นติดมือ ที่สำคัญคือป้องกันเชื้อโรค
  2. ทันทีที่มีใครอ้วกใส่พื้น ให้รีบหาเกรียง/สปาทูล่าที่ไม่ใช้แล้ว หรืออะไรที่มีขอบเรียบ มาตักและขูดออกจากพื้น [1] อันไหนเป็นกองๆ ชัดเจน ให้ตักใส่ที่ตักผงหรือถุงพลาสติก
  3. ตักอ้วกด้วยผ้าขนหนูหรือทิชชู่ซับมัน.อีกวิธีทำความสะอาดกองอ้วก คือขยุ้มขึ้นมาด้วยผ้าขนหนู หลังจากขยุ้มอ้วกด้วยผ้ามากที่สุดแล้ว ให้เอาไปใส่เครื่องซักผ้า หรือใช้ทิชชู่หนาๆ สำหรับซับมันมาเก็บกองอ้วกแทนผ้า แล้วทิ้งถังขยะได้เลย
    • แต่ระวังว่าถ้ามีเศษอาหารปนมาในอ้วกด้วย อาจไปอุดตันในเครื่องซักผ้าได้
  4. จะเป็นกล่องซีเรียลหรือลังใส่ขวดเหล้าก็ได้ ไม่ก็ปกสมุดโน้ตเก่า ให้ใช้ขอบด้านข้างสอดเข้าไปใต้กองอ้วกส่วนที่พูนที่สุด ตักแล้วก็ทิ้งถังขยะได้เลย อีกทีคือแบ่งเป็น 2 แผ่น แล้วใช้แผ่นหนึ่งดันกองอ้วกไปอีกแผ่น ใช้แทนไม้กวาดและที่ตักผงได้เลย [2]
  5. กลับด้านถุงพลาสติกคลุมมือ ใช้แทนถุงมือได้เลย จากนั้นก็ใช้มือควักกองอ้วกขึ้นมา แล้วกลับด้านถุงให้อ้วกไปอยู่ข้างใน พอมัดปากถุงแล้วก็ทิ้งถังขยะได้เลย
    • เช็คก่อนว่าถุงไม่มีรูรั่วตรงไหน จะได้ไม่เลอะมือ
  6. อีกวิธีตักอ้วกจากพรม คือใช้สปาทูล่า ไม้พาย หรือจะตะหลิวเก่า โดยสอดขอบเรียบด้านข้างเข้าไปใต้กองอ้วก แล้วตักขึ้นจากพรม หรือใช้ช้อนตักแทนเลยก็ได้
    • อย่าใช้ไม้พายที่เจาะช่องเป็นขีดๆ ไว้ เพราะอ้วกจะไหลลงไปได้
    • ถ้าเป็นของเก่า ก็ทิ้งไปได้เลย แต่ถ้ายังใช้อยู่ ต้องฆ่าเชื้อช้อนหรือไม้พายนั้นให้ดีหลังใช้เสร็จ
  7. พอใครอ้วกเมื่อไหร่ ให้รีบเอาทรายกลบ ให้ทรายผสมกับอ้วกจับตัวเป็นก้อน แล้วใช้ไม้กวาดกับที่ตักผงตักได้เลย [3]
  8. ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนเก็บอ้วก ก็ห้ามเช็ดถูอ้วกที่พรมเด็ดขาด เพราะจะกดให้อ้วกซึมลงไปในเส้นใยผ้า ขจัดคราบออกยากเป็น 2 เท่า
    • ใช้ผ้าขนหนูก็เสี่ยงกดอ้วกให้ยิ่งซึมเข้าพรม [4] ให้สอดขอบเรียบด้านข้างของอะไรแบนๆ อย่างสปาทูล่า กระดาษลัง หรือเกรียงเข้าไปใต้กองอ้วกเพื่อกันไว้ก่อน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ดูดความชื้นส่วนเกิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เบคกิ้งโซดาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะจะใช้ทำความสะอาดอ้วกมาก เพราะช่วยให้ความชื้นส่วนเกินแห้งได้ จนอ้วกจับตัวเป็นก้อนเล็กๆ ให้เทใส่บริเวณที่เลอะพอประมาณ แล้วทิ้งไว้ 10 - 15 นาที หรือจนกว่าก้อนนั้นจะเริ่มแห้ง สุดท้ายก็ดูดฝุ่นกำจัดก้อนที่ว่าได้เลย และทำซ้ำได้ถ้ายังไม่สะอาดพอ
    • ถ้าอ้วกเหลวเป็นน้ำ ไม่มีเศษอาหารต่างๆ ให้กระจายเบคกิ้งโซดาให้ทั่วบริเวณ แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน เบคกิ้งโซดาจะช่วยดูดซับความชื้นให้กลายเป็นก้อน เก็บง่าย [5]
    • ให้ใช้ท่อดูดฝุ่นเลย ไม่ต้องเสียบหัวดูดฝุ่นอีกที
  2. อีกวิธีดูดซับความชื้นส่วนเกินจากอ้วก ก็คือให้โรยแป้งข้าวโพด (cornstarch) ให้ทั่ว อย่าให้มีส่วนไหนตกหล่นไปได้ แล้วทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 10 - 15 นาที จากนั้นใช้ท่อดูดฝุ่นเลย ไม่ต้องเสียบหัว [6]
  3. ใช้ผ้าขี้ริ้วสะอาดๆ กับน้ำอุ่นธรรมดา กำจัดคราบที่เหลือ. ให้ฉีดพ่นหรือเทน้ำอุ่นราดคราบ แล้วใช้ผ้าสะอาดซับความชื้นส่วนเกิน อย่าเช็ดถู เพราะเท่ากับกดเศษอาหารให้ฝังลงไปในพรม พอผ้าชุ่มแล้ว ให้เปลี่ยนผ้าสะอาดผืนใหม่ จากนั้นทำซ้ำ
    • เวลาซับ ให้กดเพื่อซับน้ำออกมาจากพรม กดลงไปแรงๆ ได้ แต่ห้ามเช็ดถูไปมาเด็ดขาด
    • ให้ใช้ผ้าขาว ลายหรือสีจะได้ไม่ตกใส่พรม
    • ถ้าไม่ใช้ผ้าขี้ริ้วหรือผ้าขนหนู จะใช้ทิชชู่หนาๆ สำหรับซับมันแทนก็ได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ขจัดคราบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เอาโซดาใส่ขวดสเปรย์ หรือเทราดคราบโดยตรงก็ได้ แล้วเอาผ้าสะอาดมากดซับความชื้นจนคราบจาง ถ้ายังไม่หาย ให้เทโซดาเพิ่ม แล้วเปลี่ยนเป็นผ้าแห้งผืนใหม่ด้วย
  2. เอาผ้าสะอาดชุบน้ำยาซักแห้ง จะยี่ห้ออะไรก็ได้ให้ชุ่ม แล้วใช้ซับที่คราบจนดูดซับน้ำยาไปจนหมด [7]
  3. ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเย็นในสัดส่วนที่เท่ากัน แล้วเทใส่ขวดสเปรย์ จากนั้นฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่เป็นคราบ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เสร็จแล้วใช้ผ้าแห้งสะอาดๆ ซับคราบและน้ำส้มสายชูขึ้นมา
    • พอซับน้ำส้มสายชูขึ้นมาจนชุ่มแล้ว ให้ใช้แปรงขนแข็งขัดที่คราบจนหลุดออกมา สุดท้ายกลับไปใช้ผ้าแห้งซับตามอีกที
    • จะผสมน้ำมันหอมระเหยปรับอากาศสัก 6 หยดเพื่อกลบกลิ่นด้วยก็ได้ หรือน้ำมันหอมระเหย Thieves Oil 8 หยด ก็ใช้ฆ่าเชื้อได้ถึง 99% เลย
    • จะใช้น้ำส้มสายชูกลั่นขาว หรือน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลแทนก็ได้
    • ย้ำว่าห้ามใช้ผ้าเช็ดถูคราบไปมา
    • อย่าฉีดพ่นที่คราบเยอะเกินไป แค่พอให้ทั่วคราบ แต่อย่าให้พรมเปียกโชก
  4. ผสม hydrogen peroxide 1 ส่วน กับน้ำสะอาดหรือน้ำยาล้างจาน 1 ส่วน จากนั้นเทส่วนผสมราดพรม แล้วทิ้งไว้ 30 นาที ค่อยๆ ถูบริเวณนั้นด้วยผ้าขี้ริ้วจนขึ้นฟอง เสร็จแล้วใช้ผ้าแห้งดูดซับความชื้นส่วนเกิน
    • เทน้ำตามเพื่อล้างบริเวณนั้นให้สะอาด ย้ำว่าต้องล้างน้ำยาจากพรมให้หมด ถ้าตกค้าง ฝุ่นและสิ่งสกปรกจะเกาะได้
  5. ผสมน้ำอุ่น 2 ถ้วยตวง เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชูกลั่นขาว 1/2 ถ้วยตวง น้ำยาซักผ้าหรือน้ำยาล้างจานใส 1 ช้อนโต๊ะ และแอลกอฮอล์ล้างแผล 2 ช้อนโต๊ะ [8] ใช้ฟองน้ำลงน้ำยาให้ทั่วคราบ จากนั้นซับคราบด้วยผ้าสะอาด จนแห้งสนิท
    • ขจัดคราบแล้วให้ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกที โดยพรมน้ำให้ทั่วแล้วซับด้วยผ้าขนหนู ทำซ้ำประมาณ 2 - 3 ครั้ง
  6. ลงน้ำยาทำความสะอาดผ้าหรือพรม ตามวิธีใช้ที่ฉลาก. ใช้น้ำยาขจัดคราบที่พรม น้ำยาที่แนะนำคือสูตรเอนไซม์ สำหรับฉีดทำความสะอาดเบาะรถและสัตว์เลี้ยง ย้ำว่าต้องใช้งานตามวิธีข้างฉลากเป๊ะๆ
  7. ถ้าเลอะหนักเป็นพิเศษ ให้ลองใช้เครื่องทำความสะอาดพรมดู ถ้ามีเครื่องทำความสะอาดพรมแบบเปียก ก็ใช้ขจัดคราบได้เลย ถึงไม่มีเครื่องนี้ที่บ้าน ก็ลองยืมเพื่อนที่มี หรือใช้บริการบริษัทรับทำความสะอาดพรมดู
  8. ให้ผสมแอมโมเนีย 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 1 ถ้วยตวง จากนั้นใช้ฉีดพ่นหรือราดที่คราบ แล้วซับแอมโมเนียที่คราบด้วยฟองน้ำหรือผ้าขนหนู สุดท้ายล้างน้ำแล้วซับด้วยผ้าให้แห้ง
    • ถ้ามีสัตว์เลี้ยงอย่าใช้แอมโมเนีย เพราะจะยิ่งดึงดูดให้มาฉี่ซ้ำที่เดิม [9]
  9. ฉีดพ่นคราบด้วยส่วนผสมจากน้ำ 2 ส่วน และน้ำส้มสายชูกลั่นขาว 1 ส่วน จากนั้นใช้ผ้าขาวชุบน้ำบิดหมาดวางบนคราบ พอปรับเตารีดเป็นระบบไอน้ำแล้ว ให้รีดทับจุดนั้น 30 วินาที แล้วรีดซ้ำหลายๆ รอบถ้าเป็นไปได้ [10] เท่านี้คราบก็จะหลุดจากพรมมาติดที่ผ้าขนหนูแทน
    • อย่าทับเตารีดไว้ที่เดียวนานๆ เพราะผ้าจะไหม้ได้ ให้ค่อยๆ ถูเตารีดไปมาบริเวณที่เป็นคราบ
    • ห้ามรีดพรมโดยตรง ต้องเอาผ้ารองคั่นระหว่างพรมกับเตารีดซะก่อน ไม่งั้นพรมไหม้แน่นอน
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

กำจัดกลิ่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พอขจัดคราบแล้ว ให้โรยเบคกิ้งโซดาให้ทั่วบริเวณ ปกติเบคกิ้งโซดาเป็นด่าง ช่วยยับยั้งกรดได้ ซึ่งในอ้วกก็มีกรด รวมถึงช่วยขจัดกลิ่นได้ ไม่ใช่แค่กลบกลิ่น [11]
    • ทิ้งเบคกิ้งโซดาไว้ข้ามคืน แล้วค่อยดูดฝุ่นในวันถัดไป จะช่วยดูดซับความชื้นที่เหลือด้วย
  2. ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำในสัดส่วนที่เท่ากัน แล้วฉีดพ่นหรือราดบริเวณที่มีกลิ่น รับรองจะช่วยขจัดกลิ่นหรือทำให้กลิ่นจางลงได้ [12] ข้อเสียของน้ำส้มสายชูคือทิ้งกลิ่นฉุนไว้
  3. หาสเปรย์ดับกลิ่นยี่ห้ออะไรก็ได้ ที่คนนิยมใช้กัน โดยเลือกสเปรย์ที่กำจัดกลิ่น ไม่ใช่ฉีดกลิ่นหอมกลบกลิ่น พวกเครื่องหอมกับน้ำหอมดอกไม้ต่างๆ แค่ใช้กลบกลิ่น ทีนี้พอตีกันกับกลิ่นอ้วก เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง ถ้าเป็นสเปรย์ขจัดกลิ่นจะกำจัดกลิ่นที่ต้นตอ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าอ้วกแห้งไปแล้ว ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นเก็บเศษอาหารก่อน แล้วพรมน้ำบริเวณนั้นให้ชื้น จากนั้นกำจัดเหมือนคราบใหม่
  • บางทีก็ต้องใช้หลายวิธีผสมกัน ให้ลองทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชูหรือผงซักฟอก แล้วปิดท้ายด้วยการใช้เบคกิ้งโซดาผสมน้ำจนเป็น paste เหนียวข้น
  • พอดูดฝุ่นบริเวณที่มีอ้วกแล้ว ให้เปลี่ยนถุงเก็บฝุ่นหรือทำความสะอาดเครื่องดูดฝุ่น เพื่อป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์และแบคทีเรีย
  • ก่อนจะลงน้ำยาที่พรม ต้องทดสอบแค่มุมเล็กๆ ก่อน โดยทิ้งผลิตภัณฑ์ไว้ที่พรมประมาณ 5 - 10 นาที จนแน่ใจว่าไม่กัดสีพรมแน่นอน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,412 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา