ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หากคุณเคยสงสัยว่าเจ้าแผ่นสะเก็ดเล็กๆ สีขาวๆ ที่หลุดลอกออกมาจากหนังศีรษะของคุณมันคืออะไร เรามีคำใบ้เล็กๆ จะมาบอก มันคือรังแคยังไงล่ะ! แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะปัญหานี้สามารถแก้ไขได้อย่างแน่นอน ข้อมูลที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้จะมีวิธีแก้ไขต่างๆ มากมาย ที่แม้จะยังไม่ได้รับการรับรองและก็ลองทำได้เองที่บ้าน แต่หากคุณกำลังประสบปัญหารังแคอย่างหนัก และวิธีการเหล่านี้รวมถึงยาสระผมที่จำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปไม่สามารถช่วยบรรเทาได้ คุณควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังนะ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 23:

น้ำมะนาว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยทาให้ทั่วๆ เท่าๆ กัน
  2. Watermark wikiHow to ขจัดรังแค (วิธีธรรมชาติ)
    ทิ้งไว้ให้น้ำมะนาวได้ทำปฏิกิริยาสักประมาณ 20-25 นาที. คุณอาจจะรู้สึกคันยิบๆ บริเวณหนังศีรษะ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะนี่ถือเป็นเรื่องปกติ
  3. Watermark wikiHow to ขจัดรังแค (วิธีธรรมชาติ)
    และใช้แชมพูด้วยนะถ้าจำเป็น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 23:

น้ำมันมะกอก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ขจัดรังแค (วิธีธรรมชาติ)
    ทาน้ำมันมะกอกก่อนที่จะลงมือสระผม จากนั้นปล่อยให้เจ้าน้ำมันได้ทำปฏิกิริยาสัก 5-10 นาที แล้วจึงล้างออก
  2. Watermark wikiHow to ขจัดรังแค (วิธีธรรมชาติ)
    คุณอาจใช้ผ้าขนหนูหรือหมวกผ้าฝ้ายคลุมผมไว้ หรือจะใช้ปลอกหมอนเก่าๆ เพื่อดูดซับน้ำมันก็ได้นะ แล้วคุณจะตื่นมาพร้อมหนังศีรษะที่ไร้รังแค
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 23:

ไข่แดง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ขจัดรังแค (วิธีธรรมชาติ)
  2. Watermark wikiHow to ขจัดรังแค (วิธีธรรมชาติ)
    โดยควรทาให้มากที่สุด และพยายามทาลงบริเวณหนังศีรษะเท่านั้น
  3. Watermark wikiHow to ขจัดรังแค (วิธีธรรมชาติ)
    แต่ขอเตือนไว้ก่อน กลิ่นของไข่แดงนั้นอาจไม่น่าพิสมัยเท่าไร และอาจจะไหลเลอะเทอะด้วยนะ
  4. Watermark wikiHow to ขจัดรังแค (วิธีธรรมชาติ)
  5. Watermark wikiHow to ขจัดรังแค (วิธีธรรมชาติ)
    คุณอาจต้องล้างถึง 2 ครั้งเพื่อล้างเจ้าไข่แดงออกให้หมด
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 23:

แนะนำวิธีการดูแลหนังศีรษะ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพราะรังแคเกิดจากการที่หนังศีรษะของคุณผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกมา มันไม่ได้เกิดจากสภาพผมของคุณหรอกนะ
    • เมโยคลินิก (Mayo Clinic) ซึ่งเป็นสถาบันทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า คุณควรสระผมทุกวันโดยใช้แชมพูขจัดรังแค จนกว่ารังแคจะลดลง จากนั้นจึงเปลี่ยนมาใช้แชมพูป้องกันรังแคเพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ [1]
    • การสระผมบ่อยเกินไป โดยเฉพาะการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรง เช่น ลอริล ซัลเฟตนั้น อาจทำให้หนังศีรษะของคุณเกิดการระคายเคืองและแห้งตกสะเก็ด ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดรังแคมากยิ่งขึ้น
  2. ให้เวลาเจ้าแชมพูขจัดรังแคได้ทำหน้าที่ของมัน. หากคุณเลือกใช้แชมพูขจัดรังแค คุณควรสระผมทิ้งไว้อย่างน้อย 5 นาทีแล้วจึงล้างออก [1] เพื่อให้เวลาแชมพูได้ทำปฏิกิริยาสักหน่อย
  3. หวีผมหลังจากอาบน้ำและสระผม เพื่อป้องกันการเกิดรังแค. เพราะการหวีผมจะช่วยให้น้ำมันที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติบนหนังศีรษะและผมของคุณกระจายออกจนทั่วหนังศีรษะ [2]
    • โดยเริ่มจากหนังศีรษะของคุณก่อน แล้วค่อยๆ หวีออกด้านนอกเพื่อให้น้ำมันจากหนังศีรษะกระจายออกจนทั่วศีรษะของคุณ
  4. เพราะความเครียดอาจก่อให้เกิดรังแคได้เช่นเดียวกัน [1] ดังนั้น จงขจัดความเครียดออกไปให้หมดไป หรือลองหาวิธีการดีๆ ที่ใช้ได้ผลเพื่อจัดการกับความเครียดของคุณ
    • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์. เพราะสิ่งที่คุณใส่เข้าไปในร่างกายนั้นมีผลต่อสิ่งที่ร่างกายของคุณผลิตออกมา และการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์มากเกินไป (เช่น อาหารขยะ หรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง) ก็มักเป็นสาเหตุของปัญหาบนผิวหนัง หนังศีรษะและผมของคุณ
    • อาหารที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุสังกะสีและวิตามินบี 6 เป็นแร่ธาตุที่สำคัญอย่างมากต่อการบำรุงผมและหนังศีรษะของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอ
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 23:

เมล็ดฟีนูกรีก

ดาวน์โหลดบทความ

เมล็ดฟีนูกรีกหรือลูกซัดนั้นมีประโยชน์อย่างมากต่อการขจัดรังแค [ ต้องการเอกสารอ้างอิง ]

  1. นำเมล็ดเมธิ (ลูกซัด) ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะมาบดหยาบๆ. บดด้วยมือก็พอนะ อย่าใช้เครื่องปั่นเชียว
  2. แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 23:

เบบี้ออยล์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทาเพียงเล็กน้อยก็ทั่วแล้วล่ะ จากนั้นให้นวดหนังศีรษะของคุณ แต่ระวังอย่านวดแรงเกินไปนะ
  2. นำผ้าขนหนูมาคลุมผมไว้ แล้วทิ้งเบบี้ออยล์ไว้บนหนังศีรษะเป็นเวลา 1 คืน.
  3. น้ำมันจะช่วยปรับสภาพหนังศีรษะของคุณในระหว่างที่คุณนอนหลับ
    โฆษณา
วิธีการ 7
วิธีการ 7 ของ 23:

ผงฟู

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผงฟูนั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมายหลากหลายวิธี และยังเป็นที่เลื่องลืออีกว่าเจ้าผงฟูนั้นเป็นวิธีการขจัดรังแคแบบธรรมชาติด้วยเช่นเดียวกัน
  2. แทนที่จะสระผมเหมือนทุกครั้ง ลองใช้ผงฟูประมาณ 1 ช้อนโต๊ะเต็มๆ ถูลงบนหนังศีรษะและผมที่เปียก. โดยควรถูประมาณ 1 นาทีแล้วจึงล้างออกให้สะอาด
  3. หลังจากสระผมด้วยผงฟูเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หนังศีรษะของคุณจะเริ่มผลิตน้ำมันตามธรรมชาติ ทำให้ผิวบริเวณหนังศีรษะชุมชื้นและไร้รังแคในที่สุด
    โฆษณา
วิธีการ 8
วิธีการ 8 ของ 23:

น้ำมะนาวและลิ่มน้ำนม

ดาวน์โหลดบทความ

หรือที่เรียกว่า นิมบู เออร์ ดาฮี (Nimbu aur Dahi)

  1. เตรียมลิ่มน้ำนม 1 ชามและผ่าครึ่งลูกมะนาวของคุณ.
  2. บีบน้ำมะนาวลงไปในลิ่มน้ำนม แล้วคนให้เข้ากัน. อย่าลืมเก็บเปลือกมะนาวของคุณเอาไว้ก่อนนะ
  3. โดยใช้เปลือกมะนาวถูให้ทั่ว
  4. หลังจากทาลิ่มน้ำนมลงบนศีรษะของคุณแล้ว ให้นวดหนังศีรษะโดยใช้ผิวมะนาวด้านใน
  5. แล้วรังแคจะหายไปจากหนังศีรษะของคุณในเร็ววัน
  6. อย่าลืมสระผมหลังทาลิ่มน้ำนม เพราะลิ่มน้ำนมมักจะทิ้งกลิ่นที่ไม่น่าพิสมัยเอาไว้.
    โฆษณา


วิธีการ 9
วิธีการ 9 ของ 23:

ผงฟูและมะนาว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แล้วทิ้งไว้ 2-3 นาที
  2. เมื่อรู้สึกคันยิบๆ บนหนังศีรษะ ให้คุณล้างออก.
  3. โดยใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลเป็นครีมนวด
    โฆษณา
วิธีการ 10
วิธีการ 10 ของ 23:

น้ำมันมะพร้าว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เป่าผมให้แห้งหลังจากอาบน้ำเสร็จ และต้องเป่าจนกว่าผมของคุณจะแห้งนะ อย่าให้จับแล้วยังดูนิ่มๆ เชียว
  2. ป้ายน้ำมันมะพร้าวลงบนหนังศีรษะ โดยพยายามอย่าให้โดนส่วนอื่นๆ ของผม.
  3. และต้องล้างออกให้สะอาดด้วยนะ คุณอาจต้องล้างถึง 2 ครั้งถึงจะล้างออกหมด แต่จริงๆ ครั้งเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว
  4. ทำเช่นนี้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จนกว่ารังแคจะหายไปจนหมด.
    โฆษณา
วิธีการ 11
วิธีการ 11 ของ 23:

ทีทรีออยล์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาซื้อแชมพูที่มีส่วนผสมของทีทรีออยล์และหมั่นใช้บ่อยๆ. ทีทรีออยล์เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมมาก แถมยังเป็นยาฆ่าเชื้อโรคตามธรรมชาติอีกด้วย นอกจากนี้ แชมพูที่มีส่วนผสมของทีทรีออยล์อย่างน้อย 5% ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดรังแคได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ [3]
  2. ถูแชมพูทีทรีออยล์ลงบนหนังศีรษะ แล้วปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลา 5 นาที.
  3. ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และทำเช่นนี้ซ้ำ 1 ครั้งต่อสัปดาห์.
    โฆษณา
วิธีการ 12
วิธีการ 12 ของ 23:

น้ำยาบ้วนปาก

ดาวน์โหลดบทความ

ขั้นตอนดีๆ นี้ควรทำสักประมาณ 1 ครั้งต่อเดือน เพื่อป้องกันการเกิดรังแค [ ต้องการเอกสารอ้างอิง ]

  1. เทส่วนผสมที่ได้ลงบนผมหลังจากสระผมตามปกติ
  2. จากนั้นก็จัดแต่งทรงผมตามปกติ โดย ไม่ต้อง ล้างออก
    โฆษณา
วิธีการ 13
วิธีการ 13 ของ 23:

น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผสมน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล 1 ส่วนเข้ากับน้ำ 1 ส่วน. สระผมตามปกติ จากนั้นค่อยๆ เทส่วนผสมของน้ำและน้ำส้มสายชูลงไปบนผม แล้วถูให้ส่วนผสมซึมเข้าไปในหนังศีรษะ แต่ต้องระวังอย่าให้เข้าตานะ และหากคุณเป็นโรคสะเก็ดเงิน มีรอยเกาหรือสะเก็ดแผลที่ยังไม่หายดี คุณจะรู้สึกแสบมากหน่อย (ถ้ารู้สึกแสบมากๆ ให้ล้างบริเวณที่รู้สึกแสบด้วยน้ำเปล่า)
  2. กลิ่นของน้ำส้มสายชูจะจางหายไปเมื่อผมแห้ง
  3. โฆษณา
วิธีการ 14
วิธีการ 14 ของ 23:

แอสไพริน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วางเม็ดยา 2 เม็ดลงบนเสื้อบางๆ หรือผ้าเช็ดหน้าแล้วทุบให้แตก. โดยใช้ค้อนหรือกระทะเหล็กทุบเม็ดยาเบาๆ
  2. แทนที่จะรับประทาน ให้คุณผสมผงแอสไพรินบดที่ได้เข้ากับแชมพูที่คุณใช้เป็นประจำ
  3. ในขณะที่สระผม ให้ทิ้งแชมพูไว้บนผมเป็นเวลา 2 นาทีก่อนล้างออก
    โฆษณา
วิธีการ 15
วิธีการ 15 ของ 23:

น้ำมันจากไม้ซีดาร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผสมน้ำมันหอมระเหยจากไม้ซีดาร์ (เจ็ดหยด) ต้นไซปรัสและจูนิเปอร์ (อย่างละสิบหยด) เข้ากับน้ำมันกระสายยา 5 มล.
  2. ถูจนซึมลงไปยังหนังศีรษะ แล้วทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง. จากนั้น ใช้แชมพูสูตรดีๆ และอ่อนโยนถูลงบนหนังศีรษะแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น เพื่อล้างน้ำมันหอมระเหยออก
    • และเพื่อให้หนังศีรษะพ้นจากรังแค ให้ผสมน้ำมันหอมระเหยต่างๆ ในปริมาณเท่าเดิมเข้ากับน้ำอุ่น 600 มล. คนให้เข้ากัน แล้วใช้เป็นน้ำล้างผมครั้งสุดท้าย
    โฆษณา
วิธีการ 16
วิธีการ 16 ของ 23:

กล้วยและน้ำส้มสายชู

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผสมเข้ากับน้ำส้มสายชู 2 ถ้วย
    • คนจนเข้ากันดี คุณจะลองใช้ซ้อมหรือที่ตีไข่ ตีให้ได้เป็นเนื้อครีมก็ได้นะ
  2. ใส่ใจมากขึ้นอีกสักหน่อย พยายามนวดๆ ให้ส่วนผสมซึมลงไปยังหนังศีรษะ โดยให้นวดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5-10 นาที หรือจนกระทั่งส่วนผสมกระจายจนทั่วศีรษะของคุณ
  3. จากนั้นล้างส่วนผสมออกให้สะอาด
  4. หลังจากนั้น คุณสามารถลดลงเหลือหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์เพื่อป้องกันการเกิดรังแค
    โฆษณา
วิธีการ 17
วิธีการ 17 ของ 23:

ผงฟูและน้ำส้มสายชู

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำน้ำส้มสายชูหมักจากมอลต์และน้ำส้มสายชูหมักจากไวน์ขาวผสมเข้าด้วยกันในอัตราส่วน 1:1. จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ผสมเข้ากับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:1 โดยให้ทำส่วนผสมประมาณ 70-100 มล.
  2. ทำผมให้พอเปียกหมาดๆ อย่าให้ชุ่มนะ จากนั้นจึงเทส่วนผสมที่ได้ลงบนศีรษะ. พยายามถูเยอะๆ ให้ส่วนผสมซึมลงไปในหนังศีรษะและกระจายไปทั่วทั้งศีรษะ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที หลังจากนั้นสักพัก คุณจะรู้สึกคันยิบๆ นิดหน่อย แต่นั่นก็เป็นเพราะตัวยากำลังกำจัดเซลล์ผิวตายที่ทำให้เกิดรังแค
  3. และต้องถูเยอะๆ เพื่อทำความสะอาดหนังศีรษะ
  4. ผสมกับน้ำ 30-40 มล. แล้วตีให้เป็นฟองเล็กน้อย
  5. ทำผมให้เปียกหมาดๆ แต่ต้องระวังอย่าให้ชุ่มจนเกินไป จากนั้นจึงเทส่วนผสมที่ได้ลงบนศีรษะ. ถูเยอะๆ ให้ส่วนผสมซึมลงไปยังหนังศีรษะและกระจายจนทั่วศีรษะของคุณ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที คุณจะรู้สึกแสบนิดหน่อย และอาจจะแสบมากกว่าและเร็วกว่าการใช้น้ำส้มสายชู แต่นั่นก็เป็นเพราะส่วนผสมกำลังกำจัดเซลล์ผิวตายซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดรังแคของคุณนั่นเอง
  6. และควรถูหนังศีรษะเยอะๆ ด้วยนะ
  7. แล้วปล่อยให้ผมแห้งตามธรรมชาติ เมื่อผมแห้งดีแล้ว ให้ก้มหัวลงไปที่พื้นแล้วใช้มือค่อยๆ สางผมอย่างเบามือ และค่อยๆ เกาผมเพื่อให้สะเก็ดรังแคที่หลงเหลืออยู่หลุดออกมา เก่งมาก ตอนนี้หนังศีรษะของคุณก็น่าจะสะอาดไร้รังแคแล้วล่ะ!
    โฆษณา
วิธีการ 18
วิธีการ 18 ของ 23:

โยเกิร์ต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สระผมแล้วล้างออกตามปกติ จากนั้นใช้โยเกิร์ตสูตรธรรมชาติถูลงไปยังหนังศีรษะ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที.
  2. ล้างออก แล้วจึงสระผมอีกครั้งโดยใช้แชมพูในปริมาณที่พอเหมาะ. คุณสามารถนำใบไทม์ ใบตำแย หรือใบเสจผสมเข้ากับน้ำมันสายชู 2 ช้อนโต๊ะ เพื่อใช้เป็นน้ำล้างครั้งสุดท้ายได้อีกด้วยนะ โดยถ้าอยากลองสูตรนี้ คุณสามารถใช้สมุนไพรแบบสดหรือแบบแห้ง ชนิดผงหรือที่เป็นถุงชาก็ได้
  3. ตั้งกาต้มน้ำ แล้วใส่สมุนไพร 1 ช้อนหวานลงไปในแต่ละถ้วยที่ใช้.
  4. แช่ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วนำไปล้างโยเกิร์ตออก โดยใช้ชามรองน้ำไว้ เติมใบชาที่เหลือลงไปเพื่อช่วยบำรุงให้หนังศีรษะสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 19
วิธีการ 19 ของ 23:

สะเดาและน้ำมันมะกอก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณจะเห็นว่าด้านในมีผงสะเดาป่นหยาบๆ อยู่
  2. ใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันชนิดอื่นๆ ที่คุณชอบในปริมาณ 4 ช้อนโต๊ะ.
  3. จากนั้นทาลงบนหนังศีรษะของคุณ คุณจะรู้สึกคันยิบๆ แต่นั่นถือเป็นเรื่องปกติ
  4. ทาทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงถึง 1 คืน (แล้วแต่คุณเลย). จากนั้นล้างออกด้วยแชมพูและครีมนวด และทำซ้ำตามความเหมาะสม
    โฆษณา


วิธีการ 20
วิธีการ 20 ของ 23:

โคลนฟูลเลอร์เอิร์ธ

ดาวน์โหลดบทความ

อย่างที่ทราบกันดี โคลนฟูลเลอร์เอิร์ธ (fuller earth) นั้นเป็นโคลนที่มีประโยชน์อย่างมากในการบำรุงผิวพรรณของคุณ และยังช่วยบำรุงผมและหนังศีรษะของคุณได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เพราะความเย็นที่ได้จากโคลนชนิดนี้จะช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกิน ช่วยให้หนังศีรษะรู้สึกผ่อนคลาย อีกทั้งยังช่วยต่อสู้กับอาการระคายเคืองและรังแคได้อีกด้วย

  1. ผสมน้ำเข้ากับโคลนฟูลเลอร์เอิร์ธให้พอเป็นยาป้าย จากนั้นเติมน้ำมะนาวลงไป.
  2. ทิ้งไว้อย่างนั้นประมาณ 20 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด.
    โฆษณา


วิธีการ 21
วิธีการ 21 ของ 23:

น้ำมันจากไข่ (Eyova)

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นวดน้ำมันไข่จนซึมลงไปยังหนังศีรษะประมาณ 5-10 นาที จากนั้นทิ้งไว้ 1 คืน. ในน้ำมันไข่จะมี:
    • กรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิดไม่อิ่มตัวแบบสายยาวอย่างเช่น กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (Docosahexaenoic Acid: DHA) ซึ่งสามารถช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวบริเวณต่อมรากผมได้
    • โคเลสเตอรอล ซึ่งช่วยให้ผมของคุณเปล่งประกายเงางาม อีกทั้งยังช่วยขจัดรังแคอีกด้วย
  2. สระออกในตอนเช้า โดยใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน และถ้าเป็นสูตรจากธรรมชาติด้วยจะดีมาก. และควรเทแชมพูลงไปเพียงครั้งเดียว เพราะการเทลงไปซ้ำๆ (เพื่อให้รู้สึกมีฟอง) จะล้างเอาน้ำมันตามธรรมชาติบนเส้นผมและหนังศีรษะออกจนหมด ทำให้ผมของคุณแห้งและเปราะบาง
  3. ควรใช้น้ำมันไข่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเป็นเวลาอย่างน้อย 12 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สังเกตได้. สิ่งสำคัญคือควรทำเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อบำรุงเยื่อหุ้มเซลล์บริเวณรากผมของคุณ
  4. นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันจากไข่อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรังแคอีกครั้ง.
    • น้ำมันจากไข่จะไม่ทิ้งคราบสกปรกและหยดเลอะเทอะ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สะดวกกว่าการทำมาส์กไข่แดง อีกทั้งยังไม่ส่งกลิ่นเหมือนไข่แดงดิบ และไม่สุกบนผมเมื่อคุณอาบน้ำอุ่นอีกด้วย และยังไม่มีแบคทีเรียซาลโมเนลลาที่อาจทำให้เกิดอาการติดเชื้อด้วยเช่นกัน
    โฆษณา
วิธีการ 22
วิธีการ 22 ของ 23:

สครับหนังศีรษะด้วยมะพร้าวและน้ำผึ้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผสมน้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก โยเกิร์ต และน้ำผึ้งเข้าด้วยกัน. โดยควรใช้ในอัตราส่วนประมาณ 2:2:3:2 เพื่อให้ได้เป็นเนื้อครีมที่หนืดกำลังพอดี คือนุ่มแต่ไม่เหลวมากเกินไปจนไหลเลอะเทอะลงมาจากศีรษะ โดยคุณสามารถใส่โยเกิร์ตและน้ำผึ้งเพิ่มอีกหน่อย เพื่อให้เนื้อครีมหนืดขึ้นตามความต้องการ
  2. โดยให้ใช้เวลาค่อยๆ นวดจนส่วนผสมกระจายจนทั่วตั้งแต่รากผมไปจนถึงปลายเส้นผม ทำเช่นนี้ประมาณ 10 นาที วิธีการนี้จะช่วยเปิดรูขุมขนบนศีรษะ และยังช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ มันยังทำให้คุณรู้สึก "ดีแบบสุดๆ" ไปเลย
  3. ปล่อยให้ครีมเซ็ตตัวประมาณ 20 นาทีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง. คุณอาจนั่งใต้เครื่องอบไอน้ำในระหว่างที่รอครีมเซ็ตตัว หรือถ้าไม่มีเครื่องอบไอน้ำ คุณสามารถทิ้งให้ครีมเซ็ตตัวในขณะที่คุณนอนแช่น้ำอุ่นสบายๆ แต่ถ้าไม่มีอ่างอาบน้ำก็ไม่ต้องกังวลไป เพียงแค่รอเวลาให้ครีมเซ็ตตัวนานขึ้นหน่อยเท่านั้นเอง (30-45 นาที)
  4. ใช้แชมพูล้างออกจนกระทั่งรู้สึกว่าหนังศีรษะของคุณสะอาดดีแล้ว. เข้าไปอาบน้ำและสระผมตามปกติ โดยคุณมักจะต้องสระและล้างประมาณ 2 ครั้งจึงจะล้างสครับออกจนหมด แต่ต้องระวังอย่าสระมากเกินไป เพราะมันจะดึงเอาความชุ่มชื้นที่ได้จากการสครับออกมาจากหนังศีรษะของคุณ และควรใส่ครีมนวดผมที่ใช้เป็นประจำ "เฉพาะบริเวณปลายผมเท่านั้น"
  5. หากคุณใช้ไดร์เป่าผม ให้ตั้งค่าเป็นความร้อนต่ำ. เพราะการเป่าผมโดยใช้ความร้อน เช่น ความร้อนจากไดร์เป่าผมนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังศีรษะของคุณแห้งตกสะเก็ดและเกิดเป็นรังแค หากคุณใช้ไดร์เป่าผมเพื่อจัดแต่งผมเป็นประจำแล้วล่ะก็ ให้ใส่ใจกับการเป่าผมมากขึ้นอีกสักนิด โดยระวังอย่าให้ความร้อนโดนหนังศีรษะโดยตรงมากเกินไป หรือคุณสามารถใช้ที่ยืดผมสำหรับจัดแต่งทรงผมอย่างที่คุณทำเป็นประจำแทนก็ได้
  6. ปิดท้ายด้วยการใช้น้ำมันมะพร้าวเพื่อเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผม. เทน้ำมันมะพร้าวประมาณ 4-5 หยดลงบนฝ่ามือแล้วถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน เพราะการทำเช่นนี้จะช่วยให้น้ำมันอุ่นขึ้น จากนั้นนำฝ่ามือทั้งสองข้างลูบไปตามเส้นผม เพื่อส่งต่อน้ำมันจากมือไปยังหนังศีรษะของคุณ ทำซ้ำตามความเหมาะสมจนกระทั่งน้ำมันกระจายทั่วหนังศีรษะ
    โฆษณา
วิธีการ 23
วิธีการ 23 ของ 23:

มาส์กเปลือกส้ม

ดาวน์โหลดบทความ

วิตามินซีและกรดซิตริกในส้มจะช่วยปรับสภาพผิวและบำรุงให้ผิวนุ่มขึ้น นอกจากนี้ เปลือกส้มยังมีคุณประโยชน์ในการบำรุงเส้นผมอีกด้วย เพราะความเป็นกรดในเปลือกส้มสามารถลดความมันส่วนเกินได้นั่นเอง และหากต้องการใช้เปลือกส้มในการขจัดรังแคอย่างถูกต้อง นี่เป็นรายละเอียดขั้นตอนที่คุณสามารถทำตามได้ง่ายๆ ที่บ้านของคุณเอง:

  1. ใส่น้ำมะนาวและเปลือกส้มลงในเครื่องปั่น และปั่นจนได้เป็นเนื้อครีม.
  2. ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยแชมพู.
  3. ทำตามวิธีการนี้ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่หวังไว้.
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ทำความสะอาดหวีเป็นประจำสม่ำเสมอโดยแช่ลงในน้ำส้มสายชู
  • ใช้น้ำมันป้องกันรังแค ซึ่งสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีได้
  • หวีผมโดยใช้หวีซี่เล็ก เพื่อหวีสะเก็ดรังแคเล็กๆ ออกไป หรือเทแป้งเด็กลงบนหนังศีรษะเล็กน้อย (ในบริเวณที่มีสะเก็ด) แล้วใช้หวีซี่เล็กหวีรังแคออกมาก็ได้เช่นเดียวกัน
  • ไม่ควรเกาศีรษะหรือดึงสะเก็ดบนหนังศีรษะของคุณ เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้หนังศีรษะเกิดการระคายเคืองและเป็นแผลได้ และยังอาจทำมีรังแคเพิ่มขึ้นอีกด้วย ให้คุณใช้ทีทรีออยล์นวดบริเวณหนังศีรษะหลังจากอาบน้ำเสร็จแทน เพื่อเพิ่มน้ำมันให้กับหนังศีรษะของคุณ
  • อย่าใช้แชมพูขจัดรังแคทุกวัน เพราะคุณควรปล่อยให้น้ำมันตามธรรมชาติบนศีรษะของคุณได้โชว์พลังบ้าง
  • เมื่อใช้แชมพู ลองผสมน้ำมะนาวลงไปสักเล็กน้อย เพื่อช่วยลดผลเสียจากการเกิดรังแค
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณเลือกวิธีที่ต้องใช้กล้วย ต้องตรวจดูให้แน่ใจว่าล้างเศษกล้วยออกจนหมดแล้ว คุณก็รู้ใช่ไหมว่าเพราะอะไร
  • ใช้วิธีการรักษาทางธรรมชาติแล้วสังเกตดูผลลัพธ์ที่ได้ สมาชิกในสมาคมนักอ่านหลายๆ ท่านที่สามารถลดรังแคได้สำเร็จแนะนำมาว่า ผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิว การตอบสนองของผิว และความเหมาะสมของวิธีการที่คุณเลือกใช้
  • หากคุณมีปัญหารังแคหนักมาก ขนาดเมื่อลมปะทะแล้วมีสะเก็ดรังแคหลุดร่วงออกมาตามสายลม คุณควรไปพบแพทย์ดูนะ เพียงแต่จำไว้ว่า ทุกๆ คนก็มีปัญหารังแคบ้างเหมือนกันหมด คุณจึงไม่จำเป็นต้องเครียดมากเกินไป
  • ก่อนใช้วิธีการรักษาสูตรโฮมเมดเหล่านี้ ต้องทำการทดสอบกับบริเวณเล็กๆ บนผิวก่อนทุกครั้งเพื่อดูว่าคุณแพ้หรือไม่ ห้ามใช้สูตรการรักษาใดๆ ที่มีส่วนผสมที่คุณรู้อยู่แล้วว่าคุณแพ้เป็นอันขาด
  • เมื่อคุณใช้แชมพูขจัดรังแคสักระยะ แล้วหยุดใช้ รังแคอาจกลับมาอีกครั้งและ เลวร้าย ยิ่งกว่าเก่า
  • หากคุณเทน้ำส้มสายชูลงบนผมโดยตรง ผมของคุณจะมีกลิ่นเหมือนน้ำส้มสายชูทุกครั้งที่ผมเปียกจนกระทั่งผ่านไปหลายวันแล้ว แต่อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ กลิ่นของน้ำส้มสายชูจะหายไปทันทีที่ผมแห้ง และนี่ก็เป็นเพียงราคาเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณต้องจ่ายเพื่อแลกกับการกำจัดเจ้ารังแคตัวร้ายที่สร้างความอับอายออกไปให้หมด
  • หากคุณเป็นรังแคอย่างต่อเนื่อง คุณอาจมีเชื้อราบนหนังศีรษะหรือต่อมไขมันอักเสบ ลองไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อขอคำแนะนำดูนะคะ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 37,620 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา