ริ้วรอยเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อเริ่มแก่ตัวลง แต่โชคดีที่มีวิธีการบางอย่างที่สามารถช่วยลดหรือขจัดริ้วรอยออกไปได้ ด้านล่างนี้คือวิธีที่เป็นที่นิยมในการขจัดริ้วรอย
ขั้นตอน
-
หลีกเลี่ยงแสงแดด. แสงแดดเป็นสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยและผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาก็ยืนยันในเรื่องนี้ ผลการทดลองในเมืองนิวยอร์คที่มีผู้ทดลองเป็นพี่น้องฝาแฝดได้เผยให้เห็นว่า แฝดคนที่โดนแสงแดดน้อยกว่ามีริ้วรอยน้อยกว่าและโดยรวมดูอ่อนเยาว์กว่าแฝดอีกคน
- ทาครีมกันแดด หากคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงแสงแดดในชีวิตประจำวันได้จริง ก็ให้ทาครีมกันแดดทุกวันแทน โลชั่นและครีมกันแดดจะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวเป็นมะเร็งผิวหนังและลดริ้วรอยไปในตัว
-
งดสูบบุหรี่. การสูบบุหรี่จะทำให้สภาพผิวแก่ลงเร็ว เนื่องจากมีการปล่อยเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของผิว
-
3นอนหลับให้เพียงพอ. การนอนไม่พอจะทำให้ขอบตาดำและเกิดริ้วรอย คุณควรนอนให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และรู้สึกสดชื่นยามตื่น ปกติแล้วการนอน 7-9 ชั่วโมงก็เพียงพอ แต่ก็อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ลองดูว่าคุณเหมาะจะใช้เวลาในการนอนนานเท่าใด และเปรียบเทียบผลที่เกิดขึ้นจากการนอนเต็มอิ่ม ระหว่างที่นอนหลับ ร่างกายจะผลิตโกรทฮอร์โมนซึ่งช่วยให้ผิวแข็งแรงยืดหยุ่นมากขึ้นและไม่เกิดริ้วรอย
-
นอนหงายหลัง. การนอนผิดท่าก็สามารถทำให้เกิดริ้วรอยได้ คุณอาจจะรู้สึกประหลาดใจที่แม้ว่าคุณจะนอนเต็มอิ่มแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีริ้วรอยเกิดขึ้นอยู่ หากนอนตะแคง ก็จะเกิดริ้วรอยตรงแก้มและคาง หากนอนคว่ำหน้า ก็จะมีริ้วรอยที่หน้าผาก ดังนั้นคุณจึงควรนอนหงายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า
-
ทานอาหารให้ได้สารอาหารอย่างครบถ้วน. การขาดวิตามินและแร่ธาตุจะทำให้เกิดริ้วรอยได้ คุณจะต้องทานอาหารให้ถูกโภชนาการ รวมถึงทานผักใบเขียวและผลไม้ด้วยโฆษณา
-
ผสมนมและน้ำผึ้งสำหรับล้างหน้า. [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ผสมน้ำผึ้งหนึ่งช้อนโต๊ะ (15 มิลลิลิตร) กับนมสดดิบ 1/2 ช้อนโต๊ะ (7.5 มิลลิลิตร) นวดส่วนผสมไปตามผิว โดยเฉพาะบริเวณที่มีริ้วรอย
- เมื่อครบ 10 นาที ให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น
- น้ำผึ้งมีส่วนผสมของสาร Humectant ซึ่งจะช่วยดูดและคงความชื้นไว้ในผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นและช่วยลดริ้วรอย
- กรดแลคติกในนมจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอยู่ลึกในรูขุมขน และเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวมากขึ้น
-
ขัดผิวด้วยน้ำมะนาวกับน้ำตาล. ผสมน้ำตาลดิบ 1 ช้อนชา (5 มิลลิลิตร) กับน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ (30 มิลลิลิตร) นวดส่วนผสมไปตามผิวแต่ให้เว้นบริเวณดวงตาไว้
- ล้างออกด้วยน้ำเย็นหลังนวดได้ประมาณ 10 นาที
- กรดไกลโคลิกในน้ำตาลจะช่วยซ่อมแซมผิวที่เสียหาย
- น้ำมะนาวมีกรดซิตริกซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนมากพอที่จะใช้ขัดเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก และเผยให้เห็นชั้นผิวที่เนียนนุ่มกว่า วิตามินซีในน้ำมะนาวยังมีส่วนช่วยในการผลิตคอลลาเจนอีกด้วย
-
ใช้ไข่เป็นมาส์กพอกหน้า. แยกไข่ขาวออกมาและตีด้วยเครื่องตีไข่หรือตีมือจนนุ่มฟู ป้ายไข่ขาวไปตามใบหน้า โดยเน้นส่วนที่มีริ้วรอย
- ล้างไข่ขาวออกด้วยน้ำเย็นหลังพอกได้ 20 นาที
- ผลของการใช้ไข่ขาวจะเห็นได้ชัดในทันทีและอยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
- ไข่ขาวจะทำให้ผิวกระชับซึ่งจะทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นชั่วคราว
-
ล้างด้วยเลมอนบาล์ม. แช่ใบเลมอนบาล์มหนึ่งกำมือในน้ำต้มเดือดปริมาณ 2 ถ้วยตวง (500 มิลลิลิตร) เมื่อเย็นลงแล้ว ให้ใช้น้ำล้างหน้าทุกเช้า
- เลมอนบาล์มเป็นสมุนไพรในตระกูลสะระแหน่
- พืชชนิดนี้มีสรรพคุณช่วยเพิ่มความกระชับซึ่งทำให้ผิวเต่งตึงชั่วคราว และลดเลือนริ้วรอยได้ด้วย
-
ล้างหน้าด้วยน้ำมัน. [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง น้ำมันที่มีกรดไลโนเลอิกจะช่วยคงความชุ่มชื้นให้ผิว ซึ่งจะช่วยลดริ้วรอยได้
- ผสมน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 2 ช้อนชา (10 มิลลิลิตร) กับน้ำมันเมล็ดแครอท 2 หยด นวดส่วนผสมไปตามผิวเป็นเวลา 30 วินาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
-
ควบคุมการทานอาหาร. อาหารบางชนิดสามารถช่วยบำรุงผิวให้แก่คุณได้
- สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยขจัดอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของปัญญาผิวซึ่งรวมถึงริ้วรอยด้วย ดังนั้นให้ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น บลูเบอร์รี่
- คุณควรทานวิตามินหลายชนิดให้มากขึ้นเหมือนสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน วิตามินบีรวมสามารถพบได้ตามเนื้อ ไข่ และโฮลวีต วิตามินเอ ซี และอีมักจะพบในผลไม้สดและใบผัก นอกจากนี้อัลมอนด์ยังมีวิตามินอีสูงอีกด้วย
- ทานช็อคโกแลตให้มากขึ้น ดาร์คช็อคโกแลตที่มีส่วนผสมเป็นโกโก้อย่างน้อย 72 เปอร์เซ็นต์ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ รวมถึง Epicatechin และ Catechin ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากแสง UV [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เลือกอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น แซลมอน และปลาน้ำเย็นอื่นๆ กรดไขมันนี้จะช่วยคงความชุ่มชื้นให้ผิว
-
นวดขจัดริ้วรอย. [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง การนวดใบหน้าจะช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เน้นนวดที่ต่อมน้ำเหลืองเพื่อขจัดของเหลวส่วนเกินบนใบหน้า
- นวดเป็นวงกลมโดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลาง
- เริ่มจากข้างใต้หูเรื่อยลงมาถึงข้างลำคอและไหปลาร้า
- จากนั้นให้นวดขึ้นมาจากคาง ไปใต้กราม และเรื่อยไปถึงหู
- นวดผิวบริเวณมุมตาจากด้านในออกไปสู่หางตา
- นวดไล่ไปยังขมับและลงมายังข้างใบหน้า
- นวดซ้ำตามขั้นตอนต่างๆ ห้าครั้งเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
โฆษณา
-
1ใช้มอยส์เจอไรเซอร์คงความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นประจำ. การใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำจะช่วยให้ผิวเนียนนุ่มและยืดหยุ่นปราศจากริ้วรอย ให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมเป็นสารจากธรรมชาติแทนการใช้สารเคมีสังเคราะห์
-
ใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์จากของใช้ภายในบ้าน. คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นเองจากของใช้ภายในบ้านและเครื่องสำอางบางชนิดเพื่อลดริ้วร้อยได้ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนซึ่งช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและเต่งตึง
-
ซื้อครีมลดเลือนริ้วรอย. [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ครีมลดเลือนริ้วรอยสามารถหาซื้อได้ทั่วไปที่แผนกสุขภาพและความงามของร้านสะดวกซื้อและร้านขายของชำ มันมีส่วนผสมพิเศษที่สามารถลดเลือนริ้วรอยได้ผลเช่นเดียวกับการใช้ของภายในบ้านลดริ้วรอย แต่บางครั้งก็อาจให้ผลดีกว่า
- อ่านคำแนะนำบนผลิตภัณฑ์ครีมลดเลือนริ้วรอยก่อนใช้ โดยปกติแล้วคุณจะต้องนวดครีมไปตามผิวจนครีมซึมหายไป แต่ครีมบางชนิดก็จำเป็นต้องล้างออก
- เลือกครีมที่มีส่วนผสมหลักเป็น Retinol, กรด AHA (หรือ Alpha hydroxy acid), Kinetin, Coenzyme Q10, Copper peptide หรือสารต้านอนุมูลอิสระ
-
ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะจุดที่มี Retinoid ตามใบสั่งจ่ายยาของแพทย์. แพทย์อาจจะสั่งจ่ายผลิตภัณฑ์ที่มี Retinoid เข้มข้น ยิ่งสารชนิดนี้เข้มข้นมากขึ้นเท่าไร มันก็จะช่วยลดเลือนริ้วรอยได้มากเท่านั้น
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีทาผลิตภัณฑ์
- Tretinoin และ Tazarotene เป็นตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ที่มีสาร Retinoid
- Retinoid คือสารจากอนุพันธ์วิตามินเอ
-
ทาไพรเมอร์. ไพรเมอร์คือเครื่องสำอางที่สามารถลดเลือนริ้วรอยชั่วคราวได้ในทันที [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ทาไพรเมอร์ก่อนจะลงเครื่องสำอางตัวอื่นทุกครั้ง โดยเฉพาะรองพื้น
- ทาไพรเมอร์ทันทีหลังจากทามอยส์เจอไรเซอร์แล้ว
- อย่าป้ายริ้วรอยด้วยรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์เพียงอย่างเดียว
- ไพรเมอร์มีส่วนประกอบเป็นแร่ไมกา ซึ่งจะซึมเข้าไปยังริ้วรอยบนใบหน้า สะท้อนแสงเพื่อป้องกันริ้วรอยจากแสง และลดเลือนริ้วรอย
-
ใช้เซรั่มพิษ. [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีเขียนไว้ว่า "เซรั่มพิษ" หรือ "ครีมพิษลดเลือนริ้วรอย" จะมีส่วนประกอบเป็นโปรตีนที่มีส่วนผสมของพิษงู โปรตีนชนิดนี้จะทำให้ผิวชา ซึ่งทำให้ผิวกระชับขึ้น และริ้วรอยก็จะจางลง
- ข้อดีของเซรั่มชนิดนี้ก็คือ มันให้ผลได้แทบจะในทันที
-
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Keratinocyte Growth Factor. โมเลกุลของมันจะคงความชุ่มชื้นและทำให้ผิวดูอิ่มเอิบ เป็นการลดเลือนริ้วรอยประมาณสองถึงสามสัปดาห์
- ทาตรงริ้วรอย และตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์
- หลังผ่านไปสามสัปดาห์ ผิวก็จะแข็งแรงขึ้น และริ้วรอยก็จะจางลง
โฆษณา
-
รักษาด้วย Botulinum. [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Botulinum คือการทำโบท็อกซ์ของยี่ห้อ Dysport ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อที่เป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยคลายตัวลง
- การใช้ Botulinum คือหนึ่งในวิธีการรักษาที่นิยมใช้ในการลดเลือนริ้วรอย
- เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวลง ผิวก็จะค่อยๆ เรียบเนียนขึ้น
- ผลจากการรักษาแต่ละครั้งจะอยู่ได้นานประมาณสามถึงสี่เดือน
-
ผลัดเซลล์ผิว. การผลัดเซลล์ผิวจะใช้กรดในการ "กัดกร่อน" หนังกำพร้าเพื่อเผยให้เห็นหนังแท้ข้างใต้ เมื่อผิวชั้นนอกสุดถูกผลัดออกแล้ว ผิวชั้นใหม่ก็จะเข้ามาแทนที่
- ผิวชั้นใหม่จะเนียนนุ่มกว่าเดิม
- นอกจากนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิวจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ด้วย
-
ขัดผิว. ผิวชั้นนอกจะถูกขัดออกด้วยหัวขัดหมุนได้ของเครื่องขัดผิว ผิวใหม่ที่เนียนนุ่มกว่าจะเข้ามาแทนที่
- รอยแดง อาการบวม และการตกสะเก็ดอาจอยู่ได้นานสองถึงสามสัปดาห์
- คุณอาจจะใช้เครื่องกรอหน้าแบบละเอียดแทนได้ วิธีนี้จะใช้แรงดูดและใช้ Aluminum oxide crystal เป็นตัวกรอผิวชั้นนอก ผิวจะถูกกรอออกไปน้อยกว่า ผลลัพธ์อาจจะไม่เห็นชัดเท่า แต่รอยแดงก็จะจางเร็วกว่าด้วย
-
รักษาด้วยเลเซอร์. การใช้เลเซอร์รักษา เลเซอร์จะทำลายชั้นหนังกำพร้า และทำให้หนังแท้ร้อนขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการสร้างคอลลาเจนใหม่
- อาจจะใช้เวลาประมาณสองถึงสามเดือนกว่าผิวของคุณจะหายดีและมีผิวชั้นใหม่ขึ้นมาแทนที่
- ปัจจุบันมีวิธีการรักษาด้วยเลเซอร์แบบใหม่ที่สร้างความเสียหายให้ผิวน้อยกว่าแต่ยังคงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอยู่ ผลลัพธ์อาจจะไม่เห็นชัดเท่า แต่ผลข้างเคียงก็จะน้อยลงตามไปด้วย
-
ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้สารเติมเต็ม. ไขมัน คอลลาเจน หรือกรดไฮยาลูรอนจะถูกฉีดเข้าไปยังริ้วรอยโดยตรง เพื่อเติมเต็มริ้วรอยส่วนนั้น
- ผิวของคุณจะดูอิ่มเอมและเนียนนุ่ม
- รอยแดง อาการบวม และรอยช้ำอาจเกิดขึ้นได้ทันทีหลังการรักษา
- จำเป็นต้องรับการรักษาซ้ำทุกๆ สองถึงสามสัปดาห์เพื่อให้ผลลัพธ์ยังคงเดิม
-
ยกกระชับผิวหน้า. การผ่าตัดวิธีนี้จะเป็นการนำผิวหนังและไขมันส่วนเกินบนใบหน้าและลำคอออก ทำให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อข้างใต้กระชับขึ้น ท้ายที่สุดริ้วรอยส่วนใหญ่ก็จะหายไป
- ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นาน 5 ถึง 10 ปี
- คุณอาจจะมีรอยช้ำหรืออาการบวมหลังการผ่าตัด และอาการอาจจะคงอยู่นานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
โฆษณา
-
ค้นหาวิธีการรักษาทางธรรมชาติอื่นๆ. นอกจากวิธีรักษาตามที่กล่าวมากในบทความนี้แล้ว น้ำมันองุ่น วิตามินอี น้ำมันมะพร้าว อาโวคาโด แตงกวา น้ำส้ม และน้ำมันละหุ่งก็มีสรรพคุณชะลอความแก่ซึ่งสามารถช่วยขจัดและลดเลือนริ้วรอยได้
-
เน้นจัดการกับริ้วรอยรอบดวงตา. หากริ้วรอยที่เห็นชัดที่สุดของคุณอยู่ข้างใต้หรือรอบดวงตา คุณก็สามารถเน้นรักษาเฉพาะจุดนี้ได้โดยการทาเจลปิโตรเลียมหรือใช้โรลนวดตา
-
ทำโยคะใบหน้าเพื่อลดริ้วรอยตรงหน้าผาก. โยคะใบหน้าเป็นการออกท่าทางต่างๆ บนใบหน้าเพื่อออกกำลังกายและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้า ซึ่งจะทำให้ริ้วรอยบนหน้าผากลดลง
-
รู้จัก Retin-A. ปกติ Retin-A จะใช้ในการรักษาสิว แต่ยาทาเฉพาะจุดที่แพทย์สั่งจ่ายก็สามารถใช้รักษาริ้วรอยได้เช่นกัน หากทาถูกวิธี
-
รู้จักการทำเลเซอร์ผลัดผิวหน้า. การผ่าตัดเสริมความงามวิธีนี้สามารถช่วยลดริ้วรอยได้ รักษาด้วย Fractionated laser หากปัญหาหลักของคุณคือเรื่องริ้วรอย
-
เข้าใจว่าการขจัดริ้วรอยลึกจำเป็นต้องใช้เวลา. หากคุณต้องการขจัดริ้วรอยลึก คุณก็ต้องเข้มงวดกับตัวเองในการดำเนินชีวิตประจำวัน คงความชุ่มชื้นให้ผิวตลอดเวลา ล้าง และผลัดผิวเป็นประจำ คอยระวังเรื่องความเครียดและสุขภาพโดยรวมของร่างกาย
-
ป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอย. คุณสามารถยับยั้งริ้วรอยไม่ให้เกิดขึ้นได้โดยการปกป้องผิวจากแสงแดด นอนหลับให้เพียงพอ รักษาระดับน้ำในร่างกาย ควบคุมการแสดงออกทางใบหน้า และรักษาสุขภาพให้ดีอยู่ตลอดเวลาโฆษณา
เคล็ดลับ
- โปรดระวังเวลาใช้เครื่องสำอางต่างๆ เพื่อลดเลือนริ้วรอย
- ปรึกษาแพทย์หากริ้วรอยของคุณเกิดจากอาการแพ้
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- นมโคแท้
- น้ำผึ้ง
- น้ำมะนาว
- น้ำตาล
- ไข่ขาว
- เลมอนบาล์ม
- น้ำเปล่า
- น้ำมันมะกอก
- น้ำมันเมล็ดแครอท
- อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
- ครีมลดเลือนริ้วรอยตามร้านขายยา
- ผลิตภัณฑ์รักษาเฉพาะจุดที่มีสาร Retinoid ตามใบสั่งจ่ายของแพทย์
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.naturalnews.com/031130_wrinkles_remedies.html
- ↑ http://www.redbookmag.com/beauty-fashion/tips-advice/natural-anti-aging
- ↑ http://www.nowloss.com/how-to-get-rid-of-wrinkles-naturally.htm
- ↑ http://www.redbookmag.com/beauty-fashion/tips-advice/cheap-anti-aging-treatments#slide-6
- ↑ http://www.mayoclinic.com/health/wrinkles/DS00890/DSECTION=treatments-and-drugs
- ↑ http://www.womansday.com/style-beauty/beauty-tips-products/how-to-get-rid-of-forehead-wrinkles#slide-3
- ↑ http://www.dailymail.co.uk/femail/article-2300123/Beauty-confidential-How-rid-wrinkles-instant.html
- ↑ http://magazine.foxnews.com/style-beauty/3-ways-get-rid-wrinkles
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,017 ครั้ง
โฆษณา