ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ริ้วรอยเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อเริ่มแก่ตัวลง แต่โชคดีที่มีวิธีการบางอย่างที่สามารถช่วยลดหรือขจัดริ้วรอยออกไปได้ ด้านล่างนี้คือวิธีที่เป็นที่นิยมในการขจัดริ้วรอย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

ป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แสงแดดเป็นสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยและผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาก็ยืนยันในเรื่องนี้ ผลการทดลองในเมืองนิวยอร์คที่มีผู้ทดลองเป็นพี่น้องฝาแฝดได้เผยให้เห็นว่า แฝดคนที่โดนแสงแดดน้อยกว่ามีริ้วรอยน้อยกว่าและโดยรวมดูอ่อนเยาว์กว่าแฝดอีกคน
  2. การสูบบุหรี่จะทำให้สภาพผิวแก่ลงเร็ว เนื่องจากมีการปล่อยเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของผิว
  3. 3
    นอนหลับให้เพียงพอ. การนอนไม่พอจะทำให้ขอบตาดำและเกิดริ้วรอย คุณควรนอนให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และรู้สึกสดชื่นยามตื่น ปกติแล้วการนอน 7-9 ชั่วโมงก็เพียงพอ แต่ก็อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ลองดูว่าคุณเหมาะจะใช้เวลาในการนอนนานเท่าใด และเปรียบเทียบผลที่เกิดขึ้นจากการนอนเต็มอิ่ม ระหว่างที่นอนหลับ ร่างกายจะผลิตโกรทฮอร์โมนซึ่งช่วยให้ผิวแข็งแรงยืดหยุ่นมากขึ้นและไม่เกิดริ้วรอย
  4. การนอนผิดท่าก็สามารถทำให้เกิดริ้วรอยได้ คุณอาจจะรู้สึกประหลาดใจที่แม้ว่าคุณจะนอนเต็มอิ่มแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีริ้วรอยเกิดขึ้นอยู่ หากนอนตะแคง ก็จะเกิดริ้วรอยตรงแก้มและคาง หากนอนคว่ำหน้า ก็จะมีริ้วรอยที่หน้าผาก ดังนั้นคุณจึงควรนอนหงายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า
  5. การขาดวิตามินและแร่ธาตุจะทำให้เกิดริ้วรอยได้ คุณจะต้องทานอาหารให้ถูกโภชนาการ รวมถึงทานผักใบเขียวและผลไม้ด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

รักษาด้วยของจากธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [1] ผสมน้ำผึ้งหนึ่งช้อนโต๊ะ (15 มิลลิลิตร) กับนมสดดิบ 1/2 ช้อนโต๊ะ (7.5 มิลลิลิตร) นวดส่วนผสมไปตามผิว โดยเฉพาะบริเวณที่มีริ้วรอย
    • เมื่อครบ 10 นาที ให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น
    • น้ำผึ้งมีส่วนผสมของสาร Humectant ซึ่งจะช่วยดูดและคงความชื้นไว้ในผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นและช่วยลดริ้วรอย
    • กรดแลคติกในนมจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอยู่ลึกในรูขุมขน และเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวมากขึ้น
  2. ผสมน้ำตาลดิบ 1 ช้อนชา (5 มิลลิลิตร) กับน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ (30 มิลลิลิตร) นวดส่วนผสมไปตามผิวแต่ให้เว้นบริเวณดวงตาไว้
    • ล้างออกด้วยน้ำเย็นหลังนวดได้ประมาณ 10 นาที
    • กรดไกลโคลิกในน้ำตาลจะช่วยซ่อมแซมผิวที่เสียหาย
    • น้ำมะนาวมีกรดซิตริกซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนมากพอที่จะใช้ขัดเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก และเผยให้เห็นชั้นผิวที่เนียนนุ่มกว่า วิตามินซีในน้ำมะนาวยังมีส่วนช่วยในการผลิตคอลลาเจนอีกด้วย
  3. แยกไข่ขาวออกมาและตีด้วยเครื่องตีไข่หรือตีมือจนนุ่มฟู ป้ายไข่ขาวไปตามใบหน้า โดยเน้นส่วนที่มีริ้วรอย
    • ล้างไข่ขาวออกด้วยน้ำเย็นหลังพอกได้ 20 นาที
    • ผลของการใช้ไข่ขาวจะเห็นได้ชัดในทันทีและอยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
    • ไข่ขาวจะทำให้ผิวกระชับซึ่งจะทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นชั่วคราว
  4. แช่ใบเลมอนบาล์มหนึ่งกำมือในน้ำต้มเดือดปริมาณ 2 ถ้วยตวง (500 มิลลิลิตร) เมื่อเย็นลงแล้ว ให้ใช้น้ำล้างหน้าทุกเช้า
    • เลมอนบาล์มเป็นสมุนไพรในตระกูลสะระแหน่
    • พืชชนิดนี้มีสรรพคุณช่วยเพิ่มความกระชับซึ่งทำให้ผิวเต่งตึงชั่วคราว และลดเลือนริ้วรอยได้ด้วย
  5. [2] น้ำมันที่มีกรดไลโนเลอิกจะช่วยคงความชุ่มชื้นให้ผิว ซึ่งจะช่วยลดริ้วรอยได้
    • ผสมน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 2 ช้อนชา (10 มิลลิลิตร) กับน้ำมันเมล็ดแครอท 2 หยด นวดส่วนผสมไปตามผิวเป็นเวลา 30 วินาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
  6. อาหารบางชนิดสามารถช่วยบำรุงผิวให้แก่คุณได้
    • สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยขจัดอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของปัญญาผิวซึ่งรวมถึงริ้วรอยด้วย ดังนั้นให้ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น บลูเบอร์รี่
    • คุณควรทานวิตามินหลายชนิดให้มากขึ้นเหมือนสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน วิตามินบีรวมสามารถพบได้ตามเนื้อ ไข่ และโฮลวีต วิตามินเอ ซี และอีมักจะพบในผลไม้สดและใบผัก นอกจากนี้อัลมอนด์ยังมีวิตามินอีสูงอีกด้วย
    • ทานช็อคโกแลตให้มากขึ้น ดาร์คช็อคโกแลตที่มีส่วนผสมเป็นโกโก้อย่างน้อย 72 เปอร์เซ็นต์ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ รวมถึง Epicatechin และ Catechin ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากแสง UV [3]
    • เลือกอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น แซลมอน และปลาน้ำเย็นอื่นๆ กรดไขมันนี้จะช่วยคงความชุ่มชื้นให้ผิว
  7. [4] การนวดใบหน้าจะช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เน้นนวดที่ต่อมน้ำเหลืองเพื่อขจัดของเหลวส่วนเกินบนใบหน้า
    • นวดเป็นวงกลมโดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลาง
    • เริ่มจากข้างใต้หูเรื่อยลงมาถึงข้างลำคอและไหปลาร้า
    • จากนั้นให้นวดขึ้นมาจากคาง ไปใต้กราม และเรื่อยไปถึงหู
    • นวดผิวบริเวณมุมตาจากด้านในออกไปสู่หางตา
    • นวดไล่ไปยังขมับและลงมายังข้างใบหน้า
    • นวดซ้ำตามขั้นตอนต่างๆ ห้าครั้งเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ใช้มอยส์เจอไรเซอร์คงความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นประจำ. การใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำจะช่วยให้ผิวเนียนนุ่มและยืดหยุ่นปราศจากริ้วรอย ให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมเป็นสารจากธรรมชาติแทนการใช้สารเคมีสังเคราะห์
  2. ใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์จากของใช้ภายในบ้าน. คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นเองจากของใช้ภายในบ้านและเครื่องสำอางบางชนิดเพื่อลดริ้วร้อยได้ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนซึ่งช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและเต่งตึง
  3. [5] ครีมลดเลือนริ้วรอยสามารถหาซื้อได้ทั่วไปที่แผนกสุขภาพและความงามของร้านสะดวกซื้อและร้านขายของชำ มันมีส่วนผสมพิเศษที่สามารถลดเลือนริ้วรอยได้ผลเช่นเดียวกับการใช้ของภายในบ้านลดริ้วรอย แต่บางครั้งก็อาจให้ผลดีกว่า
    • อ่านคำแนะนำบนผลิตภัณฑ์ครีมลดเลือนริ้วรอยก่อนใช้ โดยปกติแล้วคุณจะต้องนวดครีมไปตามผิวจนครีมซึมหายไป แต่ครีมบางชนิดก็จำเป็นต้องล้างออก
    • เลือกครีมที่มีส่วนผสมหลักเป็น Retinol, กรด AHA (หรือ Alpha hydroxy acid), Kinetin, Coenzyme Q10, Copper peptide หรือสารต้านอนุมูลอิสระ
  4. ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะจุดที่มี Retinoid ตามใบสั่งจ่ายยาของแพทย์. แพทย์อาจจะสั่งจ่ายผลิตภัณฑ์ที่มี Retinoid เข้มข้น ยิ่งสารชนิดนี้เข้มข้นมากขึ้นเท่าไร มันก็จะช่วยลดเลือนริ้วรอยได้มากเท่านั้น
    • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีทาผลิตภัณฑ์
    • Tretinoin และ Tazarotene เป็นตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ที่มีสาร Retinoid
    • Retinoid คือสารจากอนุพันธ์วิตามินเอ
  5. ไพรเมอร์คือเครื่องสำอางที่สามารถลดเลือนริ้วรอยชั่วคราวได้ในทันที [6]
    • ทาไพรเมอร์ก่อนจะลงเครื่องสำอางตัวอื่นทุกครั้ง โดยเฉพาะรองพื้น
    • ทาไพรเมอร์ทันทีหลังจากทามอยส์เจอไรเซอร์แล้ว
    • อย่าป้ายริ้วรอยด้วยรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์เพียงอย่างเดียว
    • ไพรเมอร์มีส่วนประกอบเป็นแร่ไมกา ซึ่งจะซึมเข้าไปยังริ้วรอยบนใบหน้า สะท้อนแสงเพื่อป้องกันริ้วรอยจากแสง และลดเลือนริ้วรอย
  6. [7] ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีเขียนไว้ว่า "เซรั่มพิษ" หรือ "ครีมพิษลดเลือนริ้วรอย" จะมีส่วนประกอบเป็นโปรตีนที่มีส่วนผสมของพิษงู โปรตีนชนิดนี้จะทำให้ผิวชา ซึ่งทำให้ผิวกระชับขึ้น และริ้วรอยก็จะจางลง
    • ข้อดีของเซรั่มชนิดนี้ก็คือ มันให้ผลได้แทบจะในทันที
  7. โมเลกุลของมันจะคงความชุ่มชื้นและทำให้ผิวดูอิ่มเอิบ เป็นการลดเลือนริ้วรอยประมาณสองถึงสามสัปดาห์
    • ทาตรงริ้วรอย และตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์
    • หลังผ่านไปสามสัปดาห์ ผิวก็จะแข็งแรงขึ้น และริ้วรอยก็จะจางลง
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

ใช้ยาและเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมความงาม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [8] Botulinum คือการทำโบท็อกซ์ของยี่ห้อ Dysport ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อที่เป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยคลายตัวลง
    • การใช้ Botulinum คือหนึ่งในวิธีการรักษาที่นิยมใช้ในการลดเลือนริ้วรอย
    • เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวลง ผิวก็จะค่อยๆ เรียบเนียนขึ้น
    • ผลจากการรักษาแต่ละครั้งจะอยู่ได้นานประมาณสามถึงสี่เดือน
  2. การผลัดเซลล์ผิวจะใช้กรดในการ "กัดกร่อน" หนังกำพร้าเพื่อเผยให้เห็นหนังแท้ข้างใต้ เมื่อผิวชั้นนอกสุดถูกผลัดออกแล้ว ผิวชั้นใหม่ก็จะเข้ามาแทนที่
    • ผิวชั้นใหม่จะเนียนนุ่มกว่าเดิม
    • นอกจากนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิวจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ด้วย
  3. ผิวชั้นนอกจะถูกขัดออกด้วยหัวขัดหมุนได้ของเครื่องขัดผิว ผิวใหม่ที่เนียนนุ่มกว่าจะเข้ามาแทนที่
    • รอยแดง อาการบวม และการตกสะเก็ดอาจอยู่ได้นานสองถึงสามสัปดาห์
    • คุณอาจจะใช้เครื่องกรอหน้าแบบละเอียดแทนได้ วิธีนี้จะใช้แรงดูดและใช้ Aluminum oxide crystal เป็นตัวกรอผิวชั้นนอก ผิวจะถูกกรอออกไปน้อยกว่า ผลลัพธ์อาจจะไม่เห็นชัดเท่า แต่รอยแดงก็จะจางเร็วกว่าด้วย
  4. การใช้เลเซอร์รักษา เลเซอร์จะทำลายชั้นหนังกำพร้า และทำให้หนังแท้ร้อนขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการสร้างคอลลาเจนใหม่
    • อาจจะใช้เวลาประมาณสองถึงสามเดือนกว่าผิวของคุณจะหายดีและมีผิวชั้นใหม่ขึ้นมาแทนที่
    • ปัจจุบันมีวิธีการรักษาด้วยเลเซอร์แบบใหม่ที่สร้างความเสียหายให้ผิวน้อยกว่าแต่ยังคงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอยู่ ผลลัพธ์อาจจะไม่เห็นชัดเท่า แต่ผลข้างเคียงก็จะน้อยลงตามไปด้วย
  5. ไขมัน คอลลาเจน หรือกรดไฮยาลูรอนจะถูกฉีดเข้าไปยังริ้วรอยโดยตรง เพื่อเติมเต็มริ้วรอยส่วนนั้น
    • ผิวของคุณจะดูอิ่มเอมและเนียนนุ่ม
    • รอยแดง อาการบวม และรอยช้ำอาจเกิดขึ้นได้ทันทีหลังการรักษา
    • จำเป็นต้องรับการรักษาซ้ำทุกๆ สองถึงสามสัปดาห์เพื่อให้ผลลัพธ์ยังคงเดิม
  6. การผ่าตัดวิธีนี้จะเป็นการนำผิวหนังและไขมันส่วนเกินบนใบหน้าและลำคอออก ทำให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อข้างใต้กระชับขึ้น ท้ายที่สุดริ้วรอยส่วนใหญ่ก็จะหายไป
    • ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นาน 5 ถึง 10 ปี
    • คุณอาจจะมีรอยช้ำหรืออาการบวมหลังการผ่าตัด และอาการอาจจะคงอยู่นานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

ใช้วิธีอื่นๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นอกจากวิธีรักษาตามที่กล่าวมากในบทความนี้แล้ว น้ำมันองุ่น วิตามินอี น้ำมันมะพร้าว อาโวคาโด แตงกวา น้ำส้ม และน้ำมันละหุ่งก็มีสรรพคุณชะลอความแก่ซึ่งสามารถช่วยขจัดและลดเลือนริ้วรอยได้
  2. หากริ้วรอยที่เห็นชัดที่สุดของคุณอยู่ข้างใต้หรือรอบดวงตา คุณก็สามารถเน้นรักษาเฉพาะจุดนี้ได้โดยการทาเจลปิโตรเลียมหรือใช้โรลนวดตา
  3. โยคะใบหน้าเป็นการออกท่าทางต่างๆ บนใบหน้าเพื่อออกกำลังกายและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้า ซึ่งจะทำให้ริ้วรอยบนหน้าผากลดลง
  4. ปกติ Retin-A จะใช้ในการรักษาสิว แต่ยาทาเฉพาะจุดที่แพทย์สั่งจ่ายก็สามารถใช้รักษาริ้วรอยได้เช่นกัน หากทาถูกวิธี
  5. การผ่าตัดเสริมความงามวิธีนี้สามารถช่วยลดริ้วรอยได้ รักษาด้วย Fractionated laser หากปัญหาหลักของคุณคือเรื่องริ้วรอย
  6. เข้าใจว่าการขจัดริ้วรอยลึกจำเป็นต้องใช้เวลา. หากคุณต้องการขจัดริ้วรอยลึก คุณก็ต้องเข้มงวดกับตัวเองในการดำเนินชีวิตประจำวัน คงความชุ่มชื้นให้ผิวตลอดเวลา ล้าง และผลัดผิวเป็นประจำ คอยระวังเรื่องความเครียดและสุขภาพโดยรวมของร่างกาย
  7. คุณสามารถยับยั้งริ้วรอยไม่ให้เกิดขึ้นได้โดยการปกป้องผิวจากแสงแดด นอนหลับให้เพียงพอ รักษาระดับน้ำในร่างกาย ควบคุมการแสดงออกทางใบหน้า และรักษาสุขภาพให้ดีอยู่ตลอดเวลา
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • โปรดระวังเวลาใช้เครื่องสำอางต่างๆ เพื่อลดเลือนริ้วรอย
  • ปรึกษาแพทย์หากริ้วรอยของคุณเกิดจากอาการแพ้
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • นมโคแท้
  • น้ำผึ้ง
  • น้ำมะนาว
  • น้ำตาล
  • ไข่ขาว
  • เลมอนบาล์ม
  • น้ำเปล่า
  • น้ำมันมะกอก
  • น้ำมันเมล็ดแครอท
  • อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
  • ครีมลดเลือนริ้วรอยตามร้านขายยา
  • ผลิตภัณฑ์รักษาเฉพาะจุดที่มีสาร Retinoid ตามใบสั่งจ่ายของแพทย์

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,017 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา