ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

รังแคหรือเซ็บเดิร์ม (seborrheic dermatitis ) เป็นภาวะทางผิวหนังที่พบได้ทั่วไป เกิดขึ้นที่หนังศีรษะ หู คิ้ว ข้างจมูก และเครา เราสามารถเป็นรังแคได้ไม่ว่าจะอยู่ในวัยทารก วัยรุ่น หรือวัยผู้ใหญ่ รังแคคือผิวที่มีลักษณะเป็นสะเก็ดแห้งบางบนหนังศีรษะหรือบริเวณอื่นของร่างกายพร้อมกับมีการอักเสบแดง [1] ถ้าเรามีรังแค เราจะสังเกตเห็นสะเก็ดสีขาวที่ไหล่หรืออก โดยจะเห็นได้ชัดเจนเมื่อใส่ชุดสีดำ การมีรังแคเยอะมากหรือการเป็นรังแคเรื้อรังอาจสร้างความรำคาญและความอับอายแก่เราได้ อีกทั้งยังทำให้คันมากและไม่สบายตัว อย่างไรก็ตามเราสามารถขจัดรังแคได้ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับขจัดรังแคโดยเฉพาะหรือใช้ของภายในบ้านขจัดรังแค รวมทั้งสามารถป้องกันไม่ให้รังแคกลับมาเกิดขึ้นอีกบนหนังศีรษะหรือบริเวณอื่นของร่างกายได้ เป้าหมายในการขจัดรังแคคือเราต้องลดยีสต์และการอักเสบที่เกิดจากเชื้อรา การทาครีมคอร์ติโคสเตียรอยด์หรือยาต้านเชื้อราจะลดยีสต์และการอักเสบที่เกิดจากเชื้อราได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ใช้ผลิตภัณฑ์ขจัดรังแค

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเราเป็นรังแคหนักมาก ก็อาจลองใช้แชมพูขจัดรังแคดูก็ได้ แชมพูขจัดรังแคมีส่วนประกอบที่สามารถฆ่าเชื้อราซึ่งมีส่วนทำให้เกิดรังแคได้ เราควรทดลองใช้แชมพูขจัดรังแคทีละยี่ห้อและดูสิว่ายี่ห้อไหนเหมาะกับเราที่สุด แชมพูขจัดรังแคสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา ร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ห้างสรรพสินค้า และทางอินเตอร์เน็ต เราควรหาซื้อแชมพูขจัดรังแคที่มีส่วนประกอบดังต่อไปนี้ [2]
    • ซิงก์ไพริไธออน (zinc pyrithione) สารประกอบนี้ช่วยฆ่าเชื้อรามาลาสซีเซีย (malassezia) ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดรังแค แชมพูที่มีซิงก์ไพริไธออนได้แก่ เฮดแอนด์โชวเดอร์ส (Head & Shoulders) คิวลีน (Q'lean) เคลียร์ (Clear)
    • กรดซาลิไซลิกและกำมะถัน ส่วนประกอบเหล่านี้ช่วยทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วบนหนังศีรษะนุ่มและหลุดร่วงจากหนังศีรษะ แชมพูที่มีส่วนประกอบเหล่านี้ได้แก่ นูโทรจีนา ทีแซล (Neutrogena T/Sal) ซีบูเลกซ์ (Sebulex) แต่หนังศีรษะของเราอาจแห้งหลังจากใช้แชมพูที่มีกรดซาลิไซลิก เราสามารถใช้ครีมนวดเพื่อทำให้หนังศีรษะชุ่มชื้นหลังจากใช้แชมพูขจัดรังแค
    • ซีลีเนียมซัลไฟต์ (selenium sulfide) 1% ถึง 2.5% ตัวยานี้ช่วยชะลอการผลิตเซลล์ผิวบนหนังศีรษะและขจัดรังแคที่เกิดจากเชื้อรา แชมพูที่มีตัวยานี้ได้แก่ เซลซัน (Selsun) เซลไฟด์ (Selfide) ไม่แนะนำให้คนที่มีผมสีบลอนด์ ถูกดัด ยืด หรือทำสีใช้แชมพูที่มีตัวยานี้เพราะแชมพูจะทำให้สีผมเปลี่ยน
    • คีโตโคนาโซล (ketoconazole) 1% ตัวยานี้ต่อต้านเชื้อราได้ดีมาก จึงสามารถขจัดและป้องกันการเกิดรังแคได้ ตัวยานี้พบในแชมพูไนโซรัล (Nizoral)
    • น้ำมันดิน ส่วนประกอบนี้ช่วยชะลอการเกิดสะเก็ดบนหนังศีรษะและป้องกันการเกิดรังแค ส่วนประกอบนี้พบในแชมพูนูโทรจีนา ทีเจล (Neutrogena T/Gel) แชมพูน้ำมันดินดอกเตอร์ทาร์ (DR. TAR)
    • ไม่ควรใช้แชมพูขจัดรังแคบางชนิด ถ้าตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร อ่านคำแนะนำที่ฉลากของแชมพูทุกครั้งก่อนใช้และปรึกษาแพทย์ถ้ามีข้อสงสัยเรื่องการใช้แชมพูขจัดรังแค
  2. ถ้าเราตัดสินใจเลือกใช้แชมพูขจัดรังแค เราก็ต้องใช้แชมพูตามคำแนะนำของฉลากแชมพูนั้นเพื่อให้สามารถขจัดรังแคอย่างได้ผล เราอาจใช้แชมพูหนึ่งครั้งต่อวันหรือวันเว้นวันไปจนกว่ารังแคจะหาย ยกเว้นแชมพูที่มีตัวยาคีโตโคนาโซล ต้องใช้เพียงแค่สองครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น [3]
    • เลือกใช้แชมพูมาหนึ่งชนิดและใช้ไปสักสองสามสัปดาห์เพื่อจะได้รู้ว่าแชมพูชนิดที่ใช้อยู่นี้ขจัดรังแคได้ผลไหม อย่าใช้แชมพูหลายชนิดในคราวเดียวกัน
    • ใช้แชมพูขจัดรังแคนวดหนังศีรษะและทิ้งไว้อย่างน้อย 5 นาทีเพื่อให้ส่วนประกอบในแชมพูได้ออกฤทธิ์
    • ถ้าใช้แชมพูขจัดรังแคแล้วได้ผล ลดการใช้แชมพูลงเหลือแค่ 2 ถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์
    • ถ้าใช้แชมพูแล้วไม่ได้ผลหลังจากผ่านไปหลายสัปดาห์และเราก็ยังเป็นรังแคหนักอยู่ เราควรพบแพทย์เพื่อจะได้เข้ารับการรักษาให้หาย
  3. นอกจากใช้แชมพูขจัดรังแคแล้ว เราอาจลองใช้ยาทาเพื่อขจัดรังแคได้ด้วย ให้ใช้ยาทาหนังศีรษะเพื่อขจัดรังแค มียาสองชนิดที่เราสามารถนำมาใช้ได้ [4]
    • คอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid) ยานี้สามารถลดการอักเสบหรืออาการผิวแห้งได้ ร้านขายยามียานี้ขายในขนาดความเข้มข้น 0.5% หรือ 1% เราสามารถใช้ยานี้ทาหนังศีรษะขณะที่ผมเปียกหลังใช้แชมพูขจัดรังแค
    • ยาต้านเชื้อรา ยาต้านเชื้อราสามารถนำมาใช้ขจัดรังแคอย่างได้ผล เพราะยานี้สามารถลดปริมาณยีสต์ที่อาศัยอยู่บนผิวหนังของเราซึ่งรวมทั้งบนหนังศีรษะด้วย หาซื้อยาทาที่มีโคลไตรมาโซล (clotrimazole) 1% และไมโคนาโซล (miconazole) 2% เราสามารถทายาต้านเชื้อราได้หนึ่งถึงสองครั้งต่อวัน
  4. ถ้าเรามีรังแคที่หนังศีรษะมาก เราอาจชโลมน้ำมันแร่อุ่นๆ ที่หนังศีรษะก่อนนอนเพื่อช่วยให้สะเก็ดคลายตัวลง สวมหมวกคลุมผม ทิ้งนำมันแร่ไว้บนศีรษะหนึ่งคืน จากนั้นใช้แชมพูขจัดรังแคสระผมในตอนเช้า
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใช้ของภายในบ้านขจัดรังแค

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำแอสไพรินที่ถูกบดละเอียดมาใส่ในแชมพูแล้วใช้แชมพูนั้นสระผม. แอสไพรินมีซาลิไซเลตซึ่งเป็นตัวยาสำคัญในแชมพูขจัดรังแคที่มีกรดซาลิไซลิก การนำแอสไพรินที่ถูกบดละเอียดมาใส่ในแชมพูแล้วใช้แชมพูนั้นสระผมเป็นวิธีขจัดรังแคที่เร็วและง่าย [5]
    • นำแอสไพริน 2 เม็ดมาบดเป็นผงละเอียด จากนั้นนำไปใส่ในแชมพูของเรา
    • ชโลมแชมพูที่มีแอสไพรินลงบนผม ขยี้ให้เกิดฟองและนวดแชมพูลงบนหนังศีรษะ ปล่อยทิ้งไว้สัก 1 ถึง 2 นาทีและจากนั้นล้างออก
    • สระผมอีกครั้งโดยใช้แชมพูธรรมดาเพื่อเอาผงแอสไพรินที่เหลืออยู่ออก
  2. ใช้น้ำมันธรรมชาติชโลมหนังศีรษะเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น. น้ำมันธรรมชาติอย่างเช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์ และน้ำมันมะกอกสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะและป้องกันการเกิดรังแคได้ [6]
    • นำน้ำมันธรรมชาติปริมาณหนึ่งถ้วยใส่ชามแล้วอุ่นให้ร้อน เวลาอุ่น ให้น้ำมันธรรมชาติร้อนพอมือสัมผัสได้ อย่าให้ร้อนจนเดือด จากนั้นชโลมน้ำมันทั่วหนังศีรษะ แล้วนวดให้น้ำมันซึมซาบเข้าสู่หนังศีรษะ
    • นำผ้าขนหนูโพกศีรษะแล้วปล่อยน้ำมันทิ้งไว้บนหนังศีรษะหนึ่งคืน
    • ในตอนเช้าล้างผมเพื่อเอาน้ำมันออก
  3. น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลเป็นยาสมานโดยธรรมชาติ สามารถป้องกันไม่ให้หนังศีรษะตกสะเก็ดและเต็มไปด้วยรังแคที่เกิดจากเชื้อรา ใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลล้างผมและหนังศีรษะหลังจากสระผมแล้ว [7]
    • นำน้ำส้มสายชูหมักจากแอบแปิลสองถ้วยมาผสมกับน้ำเย็นสองถ้วย
    • ก้มศีรษะเหนืออ่างล้างหน้าหรืออ่างน้ำแล้วล้างผมด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลที่ผสมน้ำไว้แล้ว
    • เราสามารถใช้น้ำส้มสายชูขาวชโลมหนังศีรษะได้เช่นกัน พอใช้น้ำส้มสายชูขาวชโลมหนังศีรษะเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ผ้าขนหนูโพกศีรษะไว้ ปล่อยน้ำส้มสายชูทิ้งไว้บนหนังศีรษะหนึ่งคืนและในวันถัดมาสระผมด้วยแชมพูตามปกติเพื่อล้างน้ำส้มสายชูออก
  4. ผงฟูเป็นของใช้ภายในบ้านซึ่งนำมาใช้ขจัดรังแคได้ดียิ่ง [8]
    • ใช้ผงฟูสระผมแทนการใช้แชมพู ใช้ผงฟูปริมาณหนึ่งกำมือนวดผมและหนังศีรษะ ล้างออกให้หมดด้วยน้ำอุ่น
    • เราสามารถใช้ผงฟูขจัดรังแคและนำมาใช้สระผมแทนแชมพูได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ป้องกันไม่ให้เกิดรังแค

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การหมั่นรักษาสุขอนามัยของเส้นผมและหนังศีรษะสามารถช่วยป้องกันการการเกิดรังแคและทำให้เส้นผมกับหนังศีรษะของเรามีสุขภาพดี พยายามสระผมวันละครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหนังศีรษะของเรามันหรือระคายเคือง [9]
  2. การใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมอย่างเช่น สเปรย์จัดแต่งทรงผม เจลจัดแต่งทรงผม มูส และแวกซ์จัดแต่งทรงผมอาจก่อให้เกิดการสะสมน้ำมันบนผมและหนังศีรษะ นำไปสู่การเกิดรังแค ลดการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรามีหนังศีรษะมัน หรือเริ่มมีรังแค [10]
  3. มีผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าแสงแดดสามารถช่วยป้องกันการเกิดรังแคได้ แต่เราควรทาครีมกันแดดให้ทั่วทั้งตัวทุกครั้งก่อนออกไปข้างนอกเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวได้รับอันตรายจากแสงแดด [11]
  4. จัดการความเครียด . มีผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าความเครียดกระตุ้นให้เกิดรังแค หรือทำให้เป็นรังแคหนักขึ้น พยายามลดความเครียดหรือความวิตกกังวลซึ่งเกิดขึ้นที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือที่ทำงาน [12]
  5. การกินอาหารที่มีสังกะสี และวิตามินบีสูง รวมทั้งการกินอาหารซึ่งมีไขมันที่ดีต่อสุขภาพจะช่วยบำรุงผมและหนังศีรษะให้แข็งแรงพอที่จะต่อต้านเชื้อราซึ่งก่อให้เกิดรังแคได้ [13]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,743 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา