ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ไม่ว่าคุณจะเผลอเอามันไปปั่นจนหดจิ๋ว หรือเป็นเพราะเสื้อยืดที่คุณซื้อมามันตัวเล็กเกินไปเอง ก็ยังพอมีหนทางที่จะทำให้มันยืดออกตามขนาดที่คุณต้องการได้ (เท่าที่จะสามารถเป็นไปได้นะ) เพราะผ้าฝ้ายทั่วไป ย่อมมีพื้นที่เผื่อไว้ให้ยืดออกอยู่แล้ว โดยเฉพาะเวลาที่มันเปียก ดังนั้นก่อนที่คุณจะโยนมันทิ้งไปด้วยความหงุดหงิด ลองทำตามขั้นตอนด้านล่างดูสิ
ขั้นตอน
-
เอาเสื้อยืดไปจุ่มในน้ำอุ่นให้เปียกชุ่ม. คุณสามารถทำได้ด้วยการเอามันไปจุ่มในอ่างหรือกะละมัง อย่าลืมใช้น้ำเย็นเท่าอุณหภูมิห้อง (หรือสูงกว่าเล็กน้อย) และจุ่มให้ทั่วบริเวณคอเสื้อที่ต้องการยืด ระดับของน้ำควรจะท่วมมิดเสื้อจนหมดด้วย
- คุณต้องแน่ใจด้วยว่าได้ใช้น้ำ เย็น (ประมาณอุณหภูมิห้อง) หากคุณใช้น้ำเย็นเจี๊ยบเลย หรือน้ำร้อนเกินไป เส้นใยของผ้าจะไม่สามารถยืดออก เพราะมันจะสามารถคลายตัวได้ในน้ำอุณหภูมิแบบกำลังพอดีๆ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เติมครีมนวดผมลงไปในน้ำประมาณ 1/4 ถ้วยชา. หลังจากเติมแล้ว ก็ตีน้ำด้วยมือของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าครีมนวดผมไม่จับตัวเป็นลิ่ม และได้ละลายในน้ำโดยสมบูรณ์แล้ว ครีมนวดผมจะช่วยทำให้เส้นใยนุ่มขึ้น และง่ายต่อการยืดออก
- หากไม่มีครีมนวดผมอยู่ใกล้มือ คุณก็สามารถใช้แชมพูเด็กได้
- ครีมนวดผมราคาถูกก็สามารถใช้ได้ อย่าเปลืองเงินไปกับครีมนวดผมราคาแพงในการยืดเสื้อของคุณ
-
วางเสื้อยืดให้แผ่ราบและจุ่มลงไปในน้ำประมาณ 10-15 นาที. วิธีที่ง่ายที่สุด คือ วางเสื้อยืดเอาไว้บนอ่างหรือกะละมัง และจากนั้นก็ค่อยๆ กดมันลงไปในน้ำ อย่าลืมมาดูให้แน่ใจว่า น้ำที่ผสมครีมนวดผมได้ซึมเข้าไปในทุกเส้นใยของเสื้อแล้ว เพราะหากมันไม่ชุ่มชื้นเสมอกัน แต่ละส่วนของเสื้อจะหดหรือยืดแตกต่างกัน
- จุ่มเสื้อลงไปให้แผ่ราบจนถึงก้นอ่างหรือกะละมัง อย่าให้มันห่อตัวหรือกระจุกรวมกัน ค้างไว้ประมาณ 1 ถึง 2 นาที เพื่อให้มั่นใจว่า น้ำที่ผสมครีมนวดได้ซึมเข้าไปในเส้นใยของเสื้อผ้าแล้ว ยิ่งมันเปียกชุ่มมากเท่าไหร่ มันก็จะสามารถนอนแน่นิ่งอยู่ในอ่างน้ำได้ด้วยตัวของมันเอง คุณก็แค่ปล่อยทิ้งไว้อีกเพียง 10 ถึง 15 นาทีเท่านั้น
-
ล้างน้ำออก. หยิบเสื้อออกมาจากอ่างหรือกะละมัง เทน้ำออก เติมน้ำใหม่ด้วยน้ำสะอาดและอุณหภูมิเท่าเดิมอีกครั้ง หรือจะใช้อ่างอีกใบนึงเลยก็ได้ ก็เหมือนตอนที่คุณล้างครีมนวดผมออกด้วยน้ำสะอาดเวลาสระผม คุณก็ต้องกำจัดมันออกจากเสื้อของคุณด้วยเช่นกัน ไม่งั้นมันจะกลายเป็นคราบตกค้างเหนียวๆ
- ใช้เวลาตามความเหมาะสม คุณอาจใช้เวลาสัก 5 นาทีหรือมากกว่านั้นในการล้างเสื้อ ให้แน่ใจว่าน้ำสะอาดได้ซึมเข้าไปในทุกอณูของเส้นใย เช่นเดียวกับตอนแรก
-
หาพื้นเรียบๆ ผึ่งเสื้อยืดเอาไว้. คุณอาจจะใช้บริเวณฝาด้านบนของเครื่องปั่น หรือเคาน์เตอร์ที่เป็นแกรนิต หรือด้านบนของตู้เย็นก็เหมาะสมเช่นกัน โดยอาจจะนำผ้ามาปูรองไว้ก่อนเพื่อปกป้องตัวเสื้อ (และพื้นผิวดังกล่าว หากคุณไม่ต้องการให้มันเปียกเลอะ)
- บิดน้ำออกจากเสื้อให้หมาด เพื่อป้องกันการไหลหยดตามทาง และเพื่อช่วยเร่งให้แห้งเร็วขึ้น
-
หากมีลวดลายกราฟฟิกบนเสื้อที่คุณไม่ต้องการให้มันยืด ก็ให้ใช้เตารีดมารีดให้แห้งก่อน. การยืดเสื้อออก อาจจะทำให้รูปภาพบนเสื้อของคุณเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม หากคุณทำให้มันแห้งเสียก่อน มันก็จะไม่ยืดเหมือนส่วนบนและส่วนด้านข้างของเสื้อ รวมถึงบริเวณอื่นๆ ที่คุณต้องการยืด เพราะบริเวณเหล่านั้นยังคงเปียกอยู่
-
สอดแขนด้านหน้าของคุณเข้าไปในเสื้อยืดบริเวณที่คุณต้องการยืด. หากคุณต้องการให้มันกางออก ก็ออกแรงยืดบริเวณนั้น อย่าลืมใช้แรงแต่พอประมาณ ไม่ออกแรงมากเกินไปในแต่ละจุด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดรอยขมวดแปลกๆ อยู่บนบางจุดของเสื้อ หากคุณรู้สึกว่า แขนคุณไม่มีแรงมากพอที่จะยืดเสื้อออกได้อย่างเหมาะสม ก็อาจจะใช้ขา หรือใช้ก้านแข็งๆ อะไรสักอย่าง รวมถึงหาคนที่มีพลกำลังแขนมากกว่าคุณมาช่วยยืดออก
- หากคุณต้องการให้เสื้อของคุณยาวขึ้น ก็ยืดมันออกตั้งแต่ส่วนคอเสื้อจนถึงชายเสื้อ ดึงมันให้กางออกในทิศทางตรงข้ามกัน และจากซ้ายไปขวาด้วย ดูให้แน่ใจว่าแต่ละด้านของเสื้อมันยึดออกเท่ากันแล้ว
-
กางเสื้อยืดออกและผึ่งบนผ้าเพื่อทำให้แห้ง. หากคุณกลัวว่ามันจะหดเยอะเกินไป ก็สามารถหาน้ำหนักอะไรมากดทับบริเวณขอบเอาไว้ หากคุณต้องการให้ส่วนหน้าอกหรือท้องขยายขึ้นมากกว่าเดิม คุณก็สามารถหาวัตถุบางอย่างมาสอดเข้าไป และถ่างมันออกได้ตามต้องการ
- เสื้อของคุณจะยังคงอยู่ในทรงเดิม จนกว่ามันจะถูกนำไปซักและทำให้แห้งอีกครั้งหนึ่ง หากคุณต้องการให้มันอยู่ในรูปทรงและขนาดที่คุณทำขึ้นใหม่ ก็อย่านำมันลงไปในเครื่องปั่นแห้งอีกล่ะ
โฆษณา
-
จุ่มเสื้อลงในน้ำเย็นหรืออุณหภูมิห้อง. ด้วยวิธีเดียวกันกับข้างต้น คือ ทำเสื้อของคุณให้เปียกทั้งหมดก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกเส้นใยมีความชุ่มน้ำเท่ากัน โดยกางออกในแนวราบและกดลงไปจนถึงก้นอ่างหรือกะละมัง เพื่อให้มั่นใจว่า แต่ละส่วนเปียกน้ำเท่ากันหมด
- ไม่จำเป็นต้องจุ่มเสื้อยืดของคุณขึ้นๆ ลงๆ ขอแค่ให้มันชุ่มน้ำที่เตรียมไว้ก็พอ เมื่อคุณแน่ใจว่ามันไม่สามารถชุ่มน้ำหรือเปียกมากกว่านั้นได้อีกแล้ว ก็นำมันขึ้นมาเตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไปได้เลย
-
กางเสื้อลงบนพื้นราบเพื่อรีด. บิดมันให้หมาดลงอีกเล็กน้อย เพื่อกำจัดน้ำที่ยังชุ่มอยู่ ป้องกันไม่ให้น้ำไหลหยด ซึ่งจะให้พื้นผิวหรือกระดานที่ใช้รองรีดเปียกตามไปด้วย อย่าลืมดูให้แน่ใจว่า พื้นผิวดังกล่าวสามารถทนความร้อนของเตารีดได้ดี การใช้แผ่นกระดานรองรีดผ้าโดยเฉพาะ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่คุณก็สามารถใช้พื้นผิวบนเคาน์เตอร์หรือพื้นห้องของคุณแทนก็ได้ แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง
- หากคุณต้องการ ก็อาจจะเริ่มขั้นตอนการยืดด้วยการสะบัด หรือดึงให้ตึงสักสองสามครั้ง แล้วคุณจะแปลกใจเมื่อพบว่า คุณสามารถทำอะไรได้บ้างด้วยเพียงแค่สองมือเปล่าของคุณ
-
รีดให้ทั่วบริเวณเสื้อของคุณโดยใช้ไฟเตารีดระดับกลางต่ำ. จับเตารีดด้วยมือข้างหนึ่ง และจับเสื้อด้วยมืออีกข้างหนึ่ง จากนั้น คุณสามารถเริ่มรีดและดึงเสื้อเข้าออกตามความเหมาะสม อย่าสักแต่ว่ารีดผ่านๆ อย่างเดียว ควรปล่อยให้น้ำหนักเตารีดกดทับมันไปในแต่ละส่วน เลื่อนเตารีดไปในทิศทางออกนอกตัวคุณ และเสื้อในบริเวณนั้นๆ มันก็จะยืดออกเอง
- ดูให้แน่ใจว่า คุณรีดไปทุกทิศทางเรียบร้อยแล้ว และดึงเสื้อขึ้นๆ ลงๆ รวมถึงด้านข้างด้วย และกลับด้านอีกครั้งหลังจากทำเสร็จแล้ว เพื่อเริ่มต้นรีดด้านหลังเสื้อของคุณด้วยเช่นกัน
- วิธีดังกล่าวนี้ อาจไม่ใช่วิธีที่ยอดเยี่ยมในกรณีที่คุณต้องการยืดเสื้อให้ขยายออกเยอะๆ แต่มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดหากคุณต้องการแค่ให้มันเข้ารูปมากขึ้นเล็กน้อย หรือยาวขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
-
ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง. ดูให้แน่ใจว่ามันแผ่เรียบ และอาจดึงกระตุกๆ มันอีกเป็นครั้งสุดท้าย กางมันออกให้ตึงๆ และหาวัตถุที่มีน้ำหนักมาวางทับไว้ตามขอบด้านต่างๆ ด้วยก็ได้ เพื่อให้มั่นใจว่า มันจะคงรูปอยู่ในระดับความกว้างและยาวตามที่คุณต้องการต่อไป
- เพื่อให้มั่นใจว่า มันจะคงรูปในขนาดดังกล่าวต่อไป คุณควรหลีกเลี่ยงในการปั่นแห้ง จากนี้ต่อไป คุณควรใช้วิธีตากให้แห้งแทน นอกจากนี้ คุณอาจจะต้องยืดมันอีกบ้างนานๆ ครั้ง แต่การไม่นำมันไปปั่น ก็จะช่วยให้มันมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าขนาดเดิมเสมอ
โฆษณา
-
ใช้น้ำหนักกำหนดขนาดของเสื้อยืด. หากคุณได้ใช้วิธีการข้างต้นมาแล้ว คุณอาจต้องใช้น้ำหนักในการขยายเสื้อยืดออกไปอีก ให้ได้เท่ากับขนาดที่คุณต้องการเป็นครั้งสุดท้าย คุณอาจจะใช้โถใหญ่ๆ หนังสือหนาๆ หรือกระสอบข้าว ฯลฯ มากดทับบริเวณขอบชายเสื้อ เพื่อตรึงมันเอาไว้ให้ยึดออก
-
คุณยังอาจจะนำวัตถุบางอย่างมาสอดไว้ ด้านใน ของเสื้อ. เช่น หากคุณต้องการให้มันยืดขยายบริเวณส่วนหน้าอก ก็อาจจะสอดลูกเทนนิสเข้าไป 2 ลูกในบริเวณดังกล่าว เพื่อให้ยืดตึงขึ้นมา หรือหากคุณต้องการให้แขนเสื้อกว้างขึ้น ก็สามารถนำกระบอกฉีดขนาดใหญ่ หรือชามขนาดเล็ก สอดเข้าไปตรึงเอาไว้โฆษณา
วิธีดังกล่าวนี้ได้ผลดีสำหรับเสื้อยืดขนาดเล็กหรือรัดรูปพอดี
-
ทำเสื้อให้เปียกทั่วถึงกัน. คุณจะใช้เครื่องซักผ้าหรือแค่จุ่มมันลงในอ่างน้ำก็ได้
-
นำเสื้อที่เปียกพอหมาดๆ มาสวมครอบพนักพิงหลังของเก้าอี้. คุณจะหาเก้าอี้ในครัวหรือจากที่ไหนก็ได้ ที่มีขนาดตามความเหมาะสม และไม่กลัวว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำที่เปียก
-
ปล่อยให้เสื้อแห้งตามธรรมชาติ. ในขณะที่มันกำลังแห้งลง แรงตึงจากรูปทรงของพนักพิงเก้าอี้ จะช่วยยืดขยายเสื้อออกไปได้อย่างสวยงามโฆษณา
เคล็ดลับ
- เทคนิคการยืดเสื้อจะได้ผลดีที่สุดสำหรับผ้าฝ้าย 100 เปอร์เซ็นต์ หากเป็นเสื้อที่ผสมเส้นใยแบบอื่นๆ ด้วย เช่น โพลีเอสเตอร์ มันก็จะมีความหยาบกระด้างมากกว่าและทำให้ยืดได้ยากกว่า
- หากมันเป็นเสื้อตัวโปรดของคุณ และคุณชอบใส่เป็นประจำ คุณก็สามารถใช้วิธีการยืดดังกล่าว ทำได้อย่างสม่ำเสมอ ขอแค่จำไว้อย่างเดียวว่า การนำมันไปลงในเครื่องปั่นแห้ง จะส่งผลให้ผลลัพธ์ที่คุณทำมาทั้งหมดมลายหายไปทันที
- คุณยังสามารถที่จะยืดส่วนคอเสื้อและแขนเสื้อด้วยวิธีเดียวกันนี้ได้อีกด้วย ปกติแล้วส่วนคอเสื้อจะยืดได้ง่ายกว่าเล็กน้อยดังนั้น พยายามอย่าออกแรงยืดมากเกินไปในช่วงแรก
- จำไว้ว่า การยืดเสื้อจากด้านข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง ย่อมจะส่งผลให้ความยาวของเสื้อสั้นลงโดยปริยาย ดังนั้น หากคุณต้องการรักษาความยาวเอาไว้ในระดับเดิม ก็ควรจะยืดด้วยการดึงบริเวณตะเข็บหรือชายเสื้อบริเวณหัวไหล่ไปทุกทิศทางก่อน จากนั้น จึงวางเสื้อราบกับพื้น ปล่อยให้มันแห้ง และคอยดูว่ามันได้สัดส่วนเสมอกันโดยทั่วทุกด้านแล้วหรือยัง
- เทคนิคต่างๆ ในบทความนี้ ยังสามารถใช้กับชุดวอร์มหรือเสื้อผ้าที่เป็นผ้ายืดต่างๆ ได้ด้วย แต่ควรจะทำด้วยความระมัดระวัง เพราะเนื้อผ้าเหล่านั้น มักมีความบอบบางกว่าเสื้อยืด
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- เสื้อยืด
- อ่างน้ำหรือกะละมัง
- ครีมนวดผมหรือเตารีด
- น้ำ
- ผ้าขนหนู
- วัตถุที่มีน้ำหนัก เช่น หนังสือหนาๆ หรือโถใหญ่ๆ (ตามความจำเป็น)
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา