ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณรู้สึกไหมว่าเวลาคุณทำอะไรให้ใคร แล้วได้รับคำขอบคุณจากใจจริง มันรู้สึกอบอุ่นดีอย่างบอกไม่ถูก คุณไม่ใช่คนเดียวหรอกที่รู้สึกแบบนั้น คิดดูว่าจะดีแค่ไหนถ้าคุณมอบความรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกนี้ให้กับคนอื่นผ่านการเอ่ยคำขอบคุณ คนเรามักจะซาบซึ้งใจเวลามีคนเห็นคุณค่าในตัวเรา การกล่าวคำว่า “ขอบคุณ” อย่างเปิดเผยและจริงใจนั้น นอกจากจะทำให้ตัวเรามีความสุขมากขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้เรามีสุขภาพที่ดีและมีพลังกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นต่อจากนี้ไปเมื่อมีคนทำอะไรให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็ตาม อย่าลืมใช้เวลาสักนิดเพื่อกล่าวขอบคุณล่ะ [1]

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

การขอบคุณทำได้ไม่ยาก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณกล่าวคำว่า “ขอบคุณ” ให้ใคร อย่าลืมที่จะยิ้มและสบตากับคนที่คุณพูดด้วย การแสดงออกเล็กน้อยแบบนี้ช่วยทำให้คำว่าขอบคุณนี้ดูจริงใจขึ้นได้มาก [2]
  2. การแสดงความซาบซึ้งใจนั้นเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่การถาโถมคำขอบคุณเข้าใส่ผู้อื่นจนเกินพอดีนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก และอาจทำให้คนที่คุณอยากจะขอบคุณนั้นทำตัวไม่ถูกหรือเคอะเขินได้ ดังนั้นเราจึงควรแสดงความรู้สึกขอบคุณอย่างง่ายที่สุด ตรงไปตรงมาและสร้างความสบายใจให้ทั้งสองฝ่าย [3]
  3. เราควรกล่าวคำขอบคุณแก่ผู้อื่นเพราะเรารู้สึกซาบซึ้งจากใจจริงกับสิ่งที่คนๆ นั้นทำให้เรา ไม่ใช่กล่าวขอบคุณคนอื่นเพียงเพราะมีคนบอกให้ทำหรือเพราะคุณรู้สึกว่ามันเป็นมารยาทที่ต้องทำ การแสร้งทำเป็นซาบซึ้งนั้นดูออกได้ไม่ยากและไม่น่าประทับใจหรอก [4]
    • ข้อนี้สำคัญมากโดยเฉพาะคนที่ทำงานด้านบริการค้าขายสินค้า เพราะการขอบคุณลูกค้าเป็นหน้าที่พื้นฐานที่ต้องทำอยู่ตลอด ถ้าคุณไม่จริงใจกับคำขอบคุณเหล่านั้น ลูกค้าคงรู้สึกได้ ถึงแม้การขอบคุณลูกค้าจะเป็นหน้าที่ เราก็ยังสามารถใส่ความรู้สึกจริงใจในคำขอบคุณเหล่านั้นได้นะ
  4. มีบางสถานการณ์ที่การพูดคำขอบคุณต่อหน้าอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ เช่น มีคนเลี้ยงอาหารมื้อเย็นหรือให้ของขวัญกับเรา เป็นต้น เมื่อสถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น การเขียนคำขอบคุณนั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ใครก็ตามที่มีน้ำใจและดูแลเราพิเศษขนาดนี้ก็ควรได้รับสิ่งตอบแทนที่พิเศษเช่นกัน การเขียนโน้ตหรือการ์ดแทนคำขอบคุณจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เราจะได้แสดงความซาบซึ้งใจกับสิ่งดีๆ ที่คนนั้นได้ทำให้แก่เรา [5]
    • ถ้าเลือกที่จะเขียนการ์ดแทนคำขอบคุณ ใช้การ์ดแบบที่ไม่มีลวดลายจะดีที่สุด เพราะการ์ดแบบนี้เหมาะจะเขียนคำขอบคุณสั้นๆ และดูเรียบร้อยดี
    • ไม่ว่ารูปแบบการเขียนโน้ตแทนคำขอบคุณของคุณจะเป็นแบบไหนก็ตาม อย่าลืมเอ่ยถึงเหตุผลที่ทำให้คุณรู้สึกซาบซึ้งใจจนมานั่งเขียนโน้ตอยู่ในตอนนี้ด้วย
    • ถึงการส่งอีเมล์จะดูเป็นกันเองดี แต่ควรหลีกเลี่ยงการส่งอีเมล์แทนคำขอบคุณ เพราะการส่งอีเมล์นั้นไม่สามารถแสดงความจริงใจและความตั้งใจจริงของเราได้ดีเท่าการเขียนโน้ตหรือการ์ด
  5. อย่าวานคนอื่นให้เอ่ยคำขอบคุณแทนตัวเราเอง เราต้องไปขอบคุณด้วยตัวเอง เพราะคำขอบคุณนั้น ถ้าไม่เอ่ยออกมาจากปากของเราโดยตรง ผู้ฟังอาจจะไม่รู้สึกถึงความจริงใจในคำขอบคุณนั้น [6]
    • ถ้าคุณยุ่งมากๆ จนแทบไม่มีเวลาว่างเลย ลองหาซื้อการ์ดแทนคำขอบคุณสำเร็จรูปแล้วเก็บไว้ใกล้ตัว หรือซื้อการ์ดแบบไม่มีลวดลายมาเก็บไว้ที่โต๊ะทำงาน เผื่อใช้ยามจำเป็นก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

การเตรียมคำขอบคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าไม่รู้ว่าจะกล่าวคำขอบคุณยังไงดี หรือไม่รู้ว่าต้องเขียนอะไรลงไปในการ์ดบ้าง ลองใช้รูปแบบ ใคร ทำอะไร เมื่อไหร่ อาจช่วยให้คำขอบคุณของคุณครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น [7]
  2. เริ่มแผนการขอบคุณโดยทำรายชื่อทุกคนที่คุณอยากส่งการ์ดแทนคำขอบคุณไปให้ ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าวันนั้นเป็นวันเกิดของคุณ คุณได้ของขวัญวันเกิดมากมาย คุณก็เขียนรายชื่อคนที่ให้ของขวัญกับคุณและชื่อสิ่งของที่คุณได้รับ คุณควรใส่ชื่อคนที่มีส่วนช่วยให้งานในวันนั้นเสร็จสมบูรณ์ (เช่น งานปาร์ตี้วันเกิด) ลงในรายชื่อนี้ด้วย [8]
  3. ในโน้ตแทนคำขอบคุณควรประกอบไปด้วย 6 ส่วน ได้แก่ คำทักทายขึ้นต้น การกล่าวคำขอบคุณ รายละเอียดของความรู้สึก การพบเจอกันครั้งหน้า ส่วนการสรุปย้ำ และคำลงท้าย [9]
    • คำทักทายขึ้นต้น ง่ายมาก เริ่มด้วยชื่อของคนที่คุณอยากขอบคุณ ถ้าเป็นโน้ตแทนคำขอบคุณที่เป็นทางการ ก็ใช้ภาษาทางการ เช่น เรียน คุณสมชายที่เคารพ เป็นต้น แต่ถ้าไม่เป็นทางการ ก็ใช้ภาษาระดับทั่วไปเช่น หวัดดีค่ะ/ครับ แม่
    • การกล่าวคำขอบคุณ เป็นส่วนแสดงคำขอบคุณใครก็ตามที่ทำอะไรให้คุณ สิ่งที่ง่ายที่สุดคือเริ่มต้นด้วยคำว่า “ขอบคุณ” แต่อาจจะสร้างสรรค์เพิ่มเติมอะไรลงไปก็ได้ตามที่คุณต้องการ เช่น ฉันประทับใจมากเลยนะ ตอนที่เปิดของขวัญที่คุณให้
    • รายละเอียดของความรู้สึก เป็นส่วนที่ต้องใส่รายละเอียดปลีกย่อยลงไปอย่างเฉพาะเจาะจง การใส่รายละเอียดยิบย่อยถึงสาเหตุของคำขอบคุณจะทำให้โน้ตแทนคำขอบคุณนี้ดูจริงใจและดูสนิทสนมเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น คุณอาจจะพูดถึงของขวัญแต่ละชิ้นที่คุณได้รับ หรือเล่าถึงเงินที่ได้เป็นของขวัญว่าเอาไปใช้ทำอะไรบ้าง เป็นต้น
    • การพบเจอกันครั้งหน้า เป็นส่วนที่พูดถึงการพบเจอหรือพูดคุยกันครั้งต่อไป ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณส่งโน้ตขอบคุณไปให้ปู่ย่าตายาย และเร็วๆ นี้คุณจะไปเยี่ยมพวกท่านในวันคริสต์มาส ก็ให้เขียนถึงเรื่องนี้ลงในโน้ตด้วย
    • ส่วนการสรุปย้ำ เป็นส่วนที่สรุปเนื้อหาทั้งหมดของโน้ตขอบคุณ อาจใช้คำพูดที่แตกต่างไปจากที่เขียนไปก่อนหน้านี้ อาจจะใช้ประโยคอื่นแทน เช่น ขอบคุณอีกครั้งสำหรับน้ำใจที่คุณมีให้ฉัน ฉันตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยอย่างมาก และเงินจำนวนนี้จะมีประโยชน์ต่อฉันอย่างแน่นอน หรือคุณอาจจะกล่าวคำขอบคุณง่ายๆ อีกสักรอบก็ได้
    • คำลงท้าย เหมือนกับคำทักทายขึ้นต้น ต่างกันตรงที่เราต้องใส่ชื่อตัวเองลงไป คำลงท้ายนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการขอบคุณใครและจำเป็นต้องใช้ภาษาระดับไหน หากเป็นแบบทางการ อาจลงท้ายว่า "ขอแสดงความนับถือ" หรือถ้าเป็นทางการน้อยหน่อย ก็ลงท้ายด้วยคำว่า “ด้วยรัก”
  4. ควรส่งโน้ตหรือการ์ดแทนคำขอบคุณภายในหนึ่งเดือนหลังเรื่องราวเกิดขึ้น ยิ่งส่งเร็วก็ยิ่งดี ถ้าส่งคำขอบคุณช้าไปสักหน่อยก็ควรเขียนคำขอโทษที่ส่งมาช้ากว่าที่ควรจะเป็นลงไปในโน้ตขอบคุณด้วย [10]
    • ถ้าคุณเขียนการ์ดแทนคำขอบคุณสำหรับเหตุการณ์ใหญ่ที่มีคนร่วมงานจำนวนมาก ให้วางแผนจัดสรรเวลาช่วงหนึ่งของทุกวันในการเขียนโน้ตขอบคุณจนกว่าจะเสร็จเรียบร้อย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

การขอบคุณอย่างเหมาะสม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การขอบคุณมีหลากหลายแบบแตกต่างกันไปตามวาระและโอกาสที่ต่างกัน แม้ว่าจะไม่มีกฎเกณฑ์มาบังคับว่าต้องทำยังไง แต่การขอบคุณก็มีวิธีปฏิบัติที่ทุกคนทำตามจนกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว การเขียนโน้ตหรือการ์ดแทนคำขอบคุณมักทำกันเป็นปกติ เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้: [11]
    • ได้รับของขวัญ รวมถึงเงิน อาจเป็นของขวัญเนื่องในวันเกิด วันครบรอบ วันจบการศึกษา วันขึ้นบ้านใหม่ วันหยุดเทศกาล ฯลฯ
    • ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็นหรืองานในโอกาสพิเศษที่บ้านคนอื่น เช่น งานวันขอบคุณพระเจ้า
  2. ในธรรมเนียมการเขียนการ์ดขอบคุณเนื่องในวันแต่งงาน คุณต้องส่งการ์ดขอบคุณที่เขียนด้วยลายมือให้กับทุกคนที่มีส่วนร่วมต่างๆ ในงานแต่งงานของคุณตามข้อที่อยู่ด้านล่างนี้ และควรส่งการ์ดเหล่านั้นภายใน 3 เดือนหลังงานจบลง จริงๆ แล้วจะง่ายกว่ามากหากคุณไม่รอส่งการ์ดขอบคุณหลังงานแต่งงานเสร็จสิ้นไป แต่ส่งการ์ดขอบคุณคนเหล่านี้ทันทีที่คุณได้รับของขวัญ [12]
    • คนที่ให้ของขวัญหรือเงินสำหรับงานหมั้น งานปาร์ตี้สำหรับเจ้าสาวหรืองานแต่งงาน
    • คนที่เป็นส่วนหนึ่งของงานเลี้ยงวันแต่งงาน เช่น เพื่อนเจ้าสาว เพื่อนเจ้าสาวที่สนิทที่สุด คนถือดอกไม้ เป็นต้น
    • คนจัดงานงานปาร์ตี้ให้แก่คุณ เช่น งานปาร์ตี้สำหรับเจ้าสาว ปาร์ตี้งานหมั้น เป็นต้น
    • คนที่ช่วยวางแผนและมีส่วนร่วมทำให้งานแต่งงานเกิดขึ้น รวมถึงผู้จัดจำหน่ายและผู้จัดหาสิ่งต่างๆ ที่ทำให้งานนี้สำเร็จลุล่วง เช่น คนอบขนม นักจัดดอกไม้ นักตกแต่ง พ่อครัวแม่ครัว เป็นต้น
    • คนที่เข้ามาช่วยเหลือคุณ ในขณะที่คุณง่วนอยู่กับการเตรียมตัววางแผนสำหรับงานแต่งงาน เช่น เพื่อนบ้านที่ช่วยตัดหญ้าในสวนให้คุณ เป็นต้น
  3. ถ้าคุณไปสัมภาษณ์เพื่อเข้าทำงาน ฝึกงานหรือเข้าทำงานในตำแหน่งอาสาสมัคร หลังสัมภาษณ์เสร็จ คุณควรส่งโน้ตหรือการ์ดแทนคำขอบคุณให้แก่ผู้ที่สัมภาษณ์คุณให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ [13]
    • อย่าลืมระบุตัวตนโดยการใส่รายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่ไปสัมภาษณ์ลงในโน้ตหรือการ์ดขอบคุณ หรืออาจจะพูดถึงสิ่งที่เจาะจงเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ครั้งนั้นก็ได้
    • ต้องแน่ใจว่าสะกดชื่อทุกคนได้ถูกต้อง คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการส่งโน้ตแทนคำขอบคุณหลังการสัมภาษณ์งานแล้วสะกดชื่อผู้สัมภาษณ์ผิดอีกแล้ว
    • คำทักทายขึ้นต้นในโน้ตขอบคุณต้องใช้ภาษาที่เป็นทางการ ถ้าผู้สัมภาษณ์แนะนำตัวเองด้วยชื่อสกุลและต้องการให้คุณเรียกเขาด้วยชื่อนั้น
    • ในกรณีของการส่งโน้ตขอบคุณหลังสัมภาษณ์ การส่งอีเมล์ขอบคุณเป็นการส่วนตัวถือว่าไม่แปลกและไม่ต่างอะไรกับการส่งการ์ดหรือจดหมาย การส่งอีเมล์อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าด้วยซ้ำในแง่ของการเดินทาง ถ้าหากการนำการ์ดหรือโน้ตขอบคุณไปให้ผู้สัมภาษณ์ทำได้ลำบากหรือใช้เวลานานกว่าจะถึงผู้รับ
  4. เขียนขอบคุณผู้มอบเงินอุปถัมภ์ เงินช่วยเหลือหรือทุนการศึกษา. การได้รับความช่วยเหลือค่าเล่าเรียนในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่วิเศษมาก ทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือมากมายที่จัดไว้ให้กับนักเรียนนักศึกษานั้นมาจากการบริจาค ไม่ว่าผู้บริจาคจะบริจาคคนเดียว บริจาคในนามครอบครัว องค์กรหรือบริจาคให้เพราะเป็นมรดก การเขียนโน้ตขอบคุณผู้ที่มอบทุนช่วยเหลือให้กับคุณก็เป็นวิธีการแสดงความรู้สึกขอบคุณได้ดี [14]
    • ถ้าคุณได้รับทุนการศึกษาหรือเงินช่วยเหลือค่าเล่าเรียนผ่านทางสถานศึกษา หน่วยงานที่ทำหน้าที่เลือกคนที่เหมาะสมกับทุนน่าจะช่วยหาที่อยู่ของผู้บริจาคให้คุณได้ เพื่อทำการส่งโน้ตแทนคำขอบคุณ
    • ผู้บริจาคไม่ใช่คนที่คุณสนิท ดังนั้นจึงต้องใช้ภาษาระดับทางการในการเขียนจดหมายขอบคุณแทนการใช้ภาษาที่เป็นกันเอง
    • ก่อนส่งจดหมายอย่าลืมตรวจทานสักสองครั้งให้แน่ใจว่าไม่มีการสะกดผิดหรือเขียนผิดไวยากรณ์ อาจให้ใครสักคนมาช่วยอ่านเพื่อตรวจทานอีกรอบก็ได้ เผื่อคุณมองข้ามข้อผิดพลาดอะไรไป
    • โน้ตขอบคุณประเภทนี้ควรใช้รูปแบบจดหมายธุรกิจและใช้กระดาษอย่างดีจะเหมาะสมที่สุด ต่างจากโน้ตหรือการ์ดขอบคุณที่เขียนด้วยมือ
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

การแสดงความสำนึกขอบคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความรู้สึกซาบซึ้งแตกต่างกับคำว่า “ขอบคุณ” อยู่นิดหน่อย ความรู้สึกซาบซึ้งเป็นความรู้สึกยินดี ความมีสำนึกในสิ่งนั้น ความนอบน้อม และยังเกี่ยวกับการมีมารยาท มีความเอื้อเฟื้อและการมองเห็นคุณค่าสิ่งต่างๆ ความรู้สึกซาบซึ้งคือการคิดถึงผู้อื่นมากกว่าตัวเอง การแสดงความซาบซึ้งให้ผู้อื่นเป็นการช่วยสร้างพลังบวกพลังด้านดีๆ ในสถานการณ์ต่างๆ อีกทั้งยังช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนอื่นได้อีกด้วย [15]
  2. ขั้นแรกของการแสดงความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณผู้อื่นนั้น เริ่มจากการที่ตัวเราเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่เราสำนึกขอบคุณอย่างแท้จริง การจดบันทึกสิ่งที่รู้สึกซาบซึ้งจะช่วยให้เราเข้าใจว่าตัวเราคิดยังไงกับตัวเองและผู้อื่น การจดบันทึกอาจใช้เวลาไม่กี่นาทีในการเขียน 3 สิ่งที่ทำให้รู้สึกซาบซึ้งใจในขณะนั้น [16]
    • คุณอาจเอาไอเดียการบันทึกความรู้สึกนี้ไปสอนลูก เพื่อให้เขาเข้าใจคำว่าสำนึกขอบคุณและความรู้สึกซาบซึ้งใจได้ดียิ่งขึ้น ทุกคืนก่อนเข้านอนให้เด็กๆ เขียน 3 สิ่งที่เขารู้สึกซาบซึ้งในแต่ละวัน ถ้ายังเด็กเกินไปที่จะเขียน ก็ให้วาดรูปแทน
  3. ตั้งเป้าหมายท้าทายตัวเองด้วยการแสดงความรู้สึกซาบซึ้งในรูปแบบใดก็ได้ 5 ครั้งต่อวัน ความรู้สึกขอบคุณนี้สามารถแสดงออกให้ทุกคนรับรู้ได้ ไม่จำกัดเพียงแค่คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิท ถ้าลองนั่งคิดดูดีๆ จะพบว่าในแต่ละวันมีคนมากมายช่วยเหลือเรา และพวกเขาแทบไม่เคยได้รับคำขอบคุณจากใครเลย เช่น คนขับรถโดยสาร พนักงานต้อนรับ พนักงานขายสินค้าผ่านโทรศัพท์ คนที่เปิดประตูให้ คนที่ลุกให้คนอื่นนั่งบนรถเมล์ หรือพนักงานทำความสะอาด เป็นต้น [17]
    • เวลาแสดงความขอบคุณ อย่าลืมเอ่ยชื่อคนที่เราต้องการขอบคุณ (ถ้ารู้ชื่อคนนั้น) บอกด้วยว่าเรารู้สึกซาบซึ้งในเรื่องใดและเพราะอะไรถึงรู้สึกเช่นนั้น ยกตัวอย่างเช่น “ตู่ ขอบคุณที่กดลิฟต์ให้นะ ถ้าไม่ได้เธอช่วยนะ ฉันคงไปประชุมสายแน่ๆ ”
    • ถ้ามีเหตุให้ไม่สามารถแสดงความรู้สึกขอบคุณต่อหน้าคนๆ นั้นได้ ให้คิดในใจหรือจดบันทึกแทน [18]
  4. การแสดงความรู้สึกขอบคุณไม่จำเป็นต้องเป็นวิธีธรรมดาอย่างการพูดคำว่า "ขอบคุณ" เสมอไป จะแสดงออกด้วยวิธีอื่นก็ได้ อาจลองหาวิธีการแสดงความรู้สึกซาบซึ้งวิธีใหม่ๆ โดยการทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน หรือทำในสิ่งที่ไม่ได้ทำมานานแล้วก็ได้ [19]
    • ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราเห็นคนรักเหนื่อย เราก็ทำอาหารเย็นให้ ดูแลลูกๆ สักคืนให้คนรักออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง อาสาขับรถส่งคนอื่นถึงบ้าน เสนอจัดปาร์ตี้วันคริสต์มาสให้ครอบครัว เป็นต้น
  5. คุณคงจำได้ว่าตอนเด็กๆ พ่อแม่ของคุณก็เคยพร่ำสอนให้เอ่ยคำขอบคุณเวลามีคนให้ขนม การรู้จักขอบคุณและมีสำนึกบุญคุณนี้อาจไม่ใช่สิ่งแรกที่เด็กๆ จะนึกถึง แต่มันเป็นจำเป็นที่เด็กๆ ต้องเรียนรู้ ขั้นตอนด้านล่าง 4 ขั้นตอนนี้จะช่วยสอนให้เด็ก ๆ รู้จักการสำนึกบุญคุณได้ดี: [20]
    • สอนให้รู้จักคำว่าการมีสำนึกขอบคุณ อธิบายความหมายและความสำคัญของคำๆ นี้ให้เขาเข้าใจโดยใช้ภาษาง่ายๆ และยกตัวอย่าง
    • แสดงความรู้สึกสำนึกขอบคุณให้เด็กๆ เห็นเป็นตัวอย่าง อาจทำให้ดูเฉยๆ หรือทำให้เห็นในชีวิตจริงก็ได้
    • ให้ลูกฝึกแสดงความรู้สึกขอบคุณแก่คนอื่น ถ้ามีลูกมากกว่าหนึ่งคน ให้เด็กๆ ยกตัวอย่างการแสดงความรู้สึกขอบคุณมาคนละหนึ่งอย่างและร่วมกันแสดงความคิดเห็น
    • อย่าหยุดที่จะสนับสนุนให้ลูกให้รู้จักสำนึกขอบคุณ ต้องให้กำลังใจและคำชมดีๆ เมื่อลูกทำดี
  6. อย่าเลือกแสดงการขอบคุณเฉพาะกับคนที่ดีกับคุณ. ถึงแม้มันจะยาก แต่คุณก็ต้องแสดงความรู้สึกขอบคุณให้กับคนที่คุณไม่ปลื้มเช่นกัน ต้องใจเย็นและอดทน อย่าทำน้ำเสียงประชดประชันล่ะ [21]
    • คนที่ทำให้คุณโกรธสุดขีดหรือรำคาญมากๆ นั้น ในความเป็นจริงแล้วเขาอาจจะเป็นคนที่มีมุมมองไม่เหมือนใครก็ได้ คุณอาจจะไม่เห็นด้วยกับมุมมองของเขาหรือมีมุมมองต่างออกไป แต่ไม่ได้หมายความว่าความคิดของเขานั้นไร้สาระ ต้องขอบคุณที่เขาเปิดใจแสดงความคิดเห็นเหล่านั้นออกมาให้คุณฟังและทำให้คุณมองสิ่งต่างๆ ในมุมมองที่ไม่เหมือนเดิม
    • ถึงคนพวกนี้จะทำคุณรำคาญแทบบ้า แต่พวกเขาอาจจะมีข้อดีที่น่าชื่นชมอยู่บ้างก็ได้ เขาอาจจะทำตัวน่ารำคาญ แต่เป็นคนตรงต่อเวลาหรือมีระเบียบสุดๆ เวลาคุยกับคนพวกนี้ก็เลือกมองแง่ดีของพวกเขาซะ
    • มองว่าการจัดการกับคนน่ารำคาญเป็นการฝึกทักษะในการใช้ชีวิต ต้องขอบคุณพวกเขาที่สอนให้เรารู้จักอดทนและใจเย็นในสถานการณ์ที่น่าเหนื่อยหน่าย
  7. การมีสำนึกขอบคุณและการแสดงความรู้สึกนั้นออกมาสามารถส่งผลดีอย่างไม่น่าเชื่อทั้งต่อตัวคุณเองและคนรอบข้าง การมีสำนึกขอบคุณนั้นสัมพันธ์กับความสุข คนที่มีความสุขกับชีวิตมากมักเป็นคนที่รู้จักซาบซึ้งคุณค่าสิ่งต่างๆ ในชีวิตมาก การมีคนมาแสดงความรู้สึกขอบคุณแก่เรานั้นทำให้เรารู้สึกดีได้ การนึกถึงแต่สิ่งที่ทำให้เราซาบซึ้งใจช่วยให้เรามองเห็นแต่สิ่งดีๆ ในชีวิตแทนสิ่งไม่ดี [22]
    • การใช้เวลาบันทึกสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณก่อนเข้านอนช่วยให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่ใช้เวลาก่อนนอนคิดถึงแต่สิ่งดีๆ แต่ยังเป็นการนำความคิดทั้งหมดในหัวมาไว้ในกระดาษ ช่วยทำให้สมองโล่งก่อนนอนได้ดี [23]
    • การรู้สึกสำนึกขอบคุณทำให้คุณเป็นคนเข้าอกเข้าใจผู้อื่นได้ดีขึ้น อาจเป็นเพราะคนที่มีสำนึกบุญคุณและซาบซึ้งในสิ่งต่างๆ มักให้ความสำคัญแต่กับอารมณ์ที่ดีที่เต็มไปด้วยพลังงานบวกแทนการใส่ใจกับอารมณ์ที่ไม่ดี พวกเขาจึงไม่ค่อยเสียอารมณ์ให้กับคนที่ทำตัวไม่ดีใส่
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 20,062 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา