ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เว็บ Amazon เป็นเว็บไซต์ขายของที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นตลาดในอุดมคติสำหรับการขายหนังสือหรือสิ่งของต่างๆ ของคุณ การขายของผ่านเว็บ Amazon นั้นเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับบุคคลที่ต้องการหารายได้เล็กๆ จากการขายของที่ไม่ได้ต้องการแล้ว ถ้าคุณอยากรู้วิธีการขายของผ่านเว็บ Amazon ก็ให้ศึกษาตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

สร้างบัญชีผู้ขาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บริเวณกล่องข้อความบนเว็บ Amazon homepage . คุณสามารถพบได้บริเวณใต้ชื่อของคุณที่มุมบนขวาของหน้าเว็บ
  2. โดยจะปรากฏใกล้กับด้านบนของเมนูตรงช่องทางขวาของหน้าเว็บ
  3. เมื่อคลิกแล้วระบบจะพาคุณไปยังหน้าเว็บใหม่ซึ่งคุณจะสามารถเลือกประเภทของผู้ค้าที่คุณต้องการได้ ให้คลิกที่ "Individual Sellers" หรือ "Professional Sellers" โดยขึ้นอยู่กับประเภทผู้ค้าที่คุณต้องการ Individual Sellers นั้นมักจะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการขาย (ด้วยข้อยกเว้นของการขายของบน Amazon ที่ใช้ในคำสั่งซื้อ) ในขณะที่ Professional Sellers จะมีค่าธรรมเนียมและมักจะใช้กับคนที่เปิดร้านขายของออนไลน์ (ที่มุ่งเน้นกำไร)
  4. ในหน้าถัดไปจะเป็นหน้าที่คุณต้องกรอกข้อมูลของผู้ขาย เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต (ซึ่งจะต้องใช้เวลาที่มีการฝากเงินโดนตรงจากยอดเงินคงเหลือและคุณจะต้องใช้เรียกเงินคืนจากคำสั่งซื้อโดยไม่ต้องขายของอื่นๆ) ชื่อผู้ขาย (ทางธุรกิจ) และที่อยู่สำหรับออกใบเสร็จ
  5. เพียงแค่กรอกหมายเลขโทรศัพท์ แล้วกด "Call now" และกรอกหมายเลข 4 หลักที่คุณได้รับจากโทรศัพท์หลังจากที่คุณได้รับสายตอบรับอัตโนมัติแล้ว
  6. ซึ่งถือเป็นอันเสร็จสิ้นการสร้างบัญชีผู้ขาย
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

สร้างรายการสินค้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณยังไม่ได้สร้างบัญชี Amazon ก็ให้เข้าไปที่หน้าเข้าสู่ระบบก่อน จากนั้น กรอกอีเมล์ในช่องใส่อีเมล์ แล้วคลิก “no to the password available” แล้วคลิก “Submit” จากนั้นอ่านข้อมูลที่ขึ้นมาบนหน้าเว็บ คุณจะต้องกรอกชื่อ อีเมล์ และรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่บัญชี ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที
  2. ค้นหารายการสินค้าที่คุณต้องการขายบนเว็บไซต์ Amazon. ค้นหาฐานข้อมูลของเว็บไซด์ด้วยการเลือกประเภทสินค้าที่คุณคิดว่าใกล้เคียงกับสินค้าของคุณมากโดยสุดโดยใช้คำค้นหา คำค้นหาควรจะประกอบไปด้วยชื่อสินค้า ชื่อหนังสือหรือภาพยนตร์ พร้อมกับรุ่นของสินค้า คุณยังสามารถใช้หมายเลข ISBN UPC หรือ ASIN ในการค้นหาได้อีกด้วย การค้นหาสินรุ่และรูปแบบของสินค้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะลูกค้าจะได้รับข้อมูลที่ตรงกับสิ่งที่พวกเขาสั่งซื้อ เตือนไว้ก่อนว่า: ลูกค้าที่ไม่พอใจจะวิจารณ์แย่ๆ กับคุณในฐานะบริการแย่
    • Amazon ยังแสดงรายการสินค้าที่คุณซื้อในฐานข้อมูลอีกด้วย ดังนั้น ถ้าคุณต้องการขายสินค้าเหล่านั้น คุณสามารถเลือกได้ทันที
  3. คุณสามารถเลือกสภาพของสินค้าได้ตามรายการที่แสดงแตกต่างกันไป ซึ่งมีตั้งแต่ของใหม่ไปจนถึงของที่ใช้แล้วหรือของสะสม เลือกสภาพที่สะท้อนถึงสภาพสินค้าที่แท้จริงของคุณ แม้ว่าคุณสามารถขายสินค้าบางอย่างภายใต้ “ของสะสม” แต่ผู้ค้าขายส่วนใหญ่จะเลือก Used-Like New (ใช้แล้วแต่เหมือนของใหม่) Used-Very Good (ใช้แล้วแต่ดูแลดีมาก) Used-Good (ใช้แล้วแต่ใช้อย่างดี) หรือ Used-Acceptable (ใช้แล้วแต่สภาพยังพอรับได้) นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์บางอย่างที่มีไว้สำหรับขายของภายใต้คำว่า “ของสะสม” ที่คุณสามารถพบได้เมื่อคุณพยายามจะขายสินค้าประเภทดังกล่าว
  4. เขียนข้อความแสดงสภาพของสินค้า “ของคุณ” จริงๆ. ข้อความแสดงสภาพสินค้าจะช่วยให้คุณเขียนข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพของสินค้าของคุณ ใช้ส่วนนี้ในการบอกให้ลูกค้าทราบรายละเอียดที่ยังบอกในคำอธิบายที่ให้ไว้กับเว็บไซต์ Amazon ที่ยังไม่ชัดเจน คุณอาจจะต้องการเพิ่มข้อความเกี่ยวกับบริการของคุณ ยกตัวอย่างเช่น:
    • ไม่มีกล่อง ห่ออย่างเดียว
    • ไม่มีคู่มือแบบไปในสินค้า
    • มีรอยขีดข่วนเล็กน้อยบริเวณหน้าปกและตัวแผ่นดิสก์
    • ส่งด้วยบริษัทชั้นนำ
  5. คุณสามารถตั้งราคาสินค้าเท่าใดก็ได้แต่คุณจะมีโอกาสในการขายที่มากขึ้นถ้าคุณตั้งราคาถูกกว่าราคาขายของเว็บ Amazon และถูกกว่าผู้ขายคนอื่น
  6. เลือกจำนวนว่าคุณมีสินค้าที่พร้อมจะขายมากแค่ไหน สำหรับผู้ค้าบุคคลนั้น ในส่วนนี้มักมีจำนวนอยู่ที่ 1 ชิ้น
  7. ส่วนนี้จะช่วยให้คุณขยายขอบเขตการจัดส่งไปยังประเทศต่างๆ และผ่านวิธีต่างๆ ที่มากกว่าการจัดส่งมาตรฐาน หรือ “Standard shipping” ผู้ค้าทุกรายสามารถเลือกการจัดส่งแบบด่วนพิเศษ (Expedited shipping) ได้ แต่ก็ตามมาด้วยข้อรับผิดชอบด้วยเช่นกัน ถ้าคุณเป็นผู้ค้าบุคคล การเลือกการจัดส่งภายในประเทศเป็นสิ่งที่สะดวกกว่า
  8. เมื่อกดแล้ว สินค้าก็จะเริ่มวางขายบนเว็บ Amazon ถ้าคุณยังไม่มีบัญชีผู้ขาย คุณต้องสร้างบัญชีขึ้นมากก่อนแล้วจึงยืนยันการวางขาย ถ้าคุณต้องการรู้วิธีสร้างบัญชีผู้ขาย ก็ให้ทำตามขั้นตอนในส่วนถัดไป
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

จัดส่งสินค้าของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณสามารถพบได้ใต้หัวข้อ "Manage Your Orders"
  2. ยืนยันเพื่อให้สินค้านั้นพร้อมส่ง โดยคลิกที่หมายเลขคำสั่งซื้อสินค้าดังกล่าว
  3. คุณสามารถทำโดยคลิกที่ "view your current orders" ในบัญชีผู้ขาย แล้วคลิกที่ "print packing slip" ซึ่งอยู่ถัดจากคำสั่งซื้อของคุณ โดยสลิปจะมีที่อยู่ของลูกค้าที่ต้องจัดส่งและสรุปคำสั่งซื้อ
  4. สินค้าของคุณต้องบรรจุเป็นอย่างดี เพื่อให้สินค้ายังมีสภาพที่ดีระหว่างการจัดส่งไปถึงมือลูกค้า โดยข้อสรุปของคำสั่งซื้อควรจะอยู่บนกล่องบรรจุสินค้าพร้อมกับที่อยู่ที่คนเขียนอยู่บนกล่องด้านนอกด้วยเช่นกัน
  5. คุณสามารถจัดส่งคำสั่งซื้อตามที่ต้องการได้ จำไว้ว่ายิ่งลูกค้าได้รับสินค้าเร็วเท่าใด ลูกค้าก็จะวิจารณ์คุณในแง่ที่ดีขึ้นมากเท่านั้น
  6. กลับไปที่หน้า "view your orders" แล้วคลิก "confirm shipment" จากนั้น กรอกข้อมูลการจัดส่ง
  7. เมื่อการจัดส่งได้รับการยืนยันแล้ว ระบบจะตัดเงินของบัญชีลูกค้า สำหรับเหตุผลทางกฎหมายนั้น ในการขายครั้งแรก ผู้ขายจะต้องรอ 14 วันก่อนที่เงินจะได้รับการโอนเข้าไปยังบัญชีของผู้ขาย หลังจากนั้น คุณจะสามารถเรียกรับเงินชำไรได้วันละ 1 ครั้ง
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บัญชีผู้ขายจะอยู่ในหน้า "your account" บริเวณด้านขวามือ หน้าบัญชีผู้ขายของคุณจะมีรายการสิ่งที่คุณต้องการขาย โดยในหน้านี้จะสามารถเชื่อมต่อคุณกับการใช้ Amazon ดังนี้ :
    • View your current inventory ระบบนี้จะช่วยให้คุณเห็นสินค้าที่คุณขายทั้งหมด
    • View your orders ส่วนนี้จะช่วยให้คุณเห็นคำสั่งซื้อที่ยังมีอยู่
    • View your payments account คุณสามารถติดตามการชำระเงินจากคำสั่งซื้อที่มีอยู่ได้ที่นี่
  2. เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มข้อมูลบัญชีของคุณได้โดยไปที่ "seller account information." ส่วนนี้จะใช้เพื่อปรับปรุงข้อมูลบัญชีใดๆ ก็ตามให้ทันสมัยที่อาจจะเกี่ยวข้องกับ Amazon หรือ ลูกค้าของคุณ
  3. ถ้าคุณอยากทราบสถานะของคำสั่งซื้อเฉพาะ คุณสามารถใช้กล่องค้นหาเพื่อหาได้
  4. เมื่อสินค้าของคุณถูกขาย คุณจะได้รับอีเมล์ยืนยันจาก Amazon โดยจะแนบรายละเอียดของคำสั่งซื้อ ระยะเวลาที่คุณต้องรอจะขึ้นอยู่กับความนิยมของสินค้าของคุณ สินค้าที่ได้รับความนิยมอาจจะขายได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง (สรุปได้ว่าราคาที่คุณตั้งไว้นั้นเหมาะสมกับลูกค้า)
  5. ผลตอบรับเป็นเครื่องมือที่มีค่ามากหลังจากที่คุณขายสินค้าไปแล้ว ยิ่งคุณได้รับความนิยมมากเท่าไหน ลูกค้าในอนาคตก็จะเข้ามาซื้อของจากคุณมากเท่านั้น ตรวจสอบความนิยมได้ที่หน้า “view your ratings and feedback” ในบัญชีผู้ขายของคุณ
  6. สร้างรายการสินค้าที่คุณต้องการขายอย่างต่อเนื่อง และคอยให้บริการลูกค้าอย่างดีอยู่เสมอ
  7. ในกรณีที่ลูกค้าไม่พอใจบริการของคุณแล้วคุณเห็นว่าควรคืนเงิน คุณสามารถคือเงินเต็มจำนวนหรือคืนบางส่วนได้ที่หน้า "issue a refund for an order" ในบัญชีผู้ขายของคุณ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ยังมีบริการจาก Amazon ไว้ช่วยเหลือคุณ ถ้าคุณต้องการจะจัดส่งสินค้า คุณสามารถเลือกใช้ Fulfillment by Amazon ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าลูกค้าสอบถามคุณเกี่ยวกับสินค้าและคุณไม่สามารถให้ข้อมูลสินค้าได้เพราะคุณไม่มีสินค้าอยู่ในมือแล้ว คุณอาจจะเสียลูกค้าในอนาคตไปได้
  • ตรวจสอบอีเมล์เป็นประจำเพื่อการยืนยันการขาย ถ้าคุณไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ทันเวลา ก็เตรียมใจรับคำวิจารณ์แย่ๆ ได้เลย
  • Amazon จะบอกผู้ค้าเสมอได้คุณมีเวลาไม่เกิน 2 วันจะการบรรจุ และจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า
  • คุณอาจจะได้รับไฟล์ 1099-K กับภาษีประจำปีของคุณ อย่างไรก็ตาม ข้อบังคับนี้จะถูกใช้เมื่อคุณมีการทำธุรกรรมเกิน 200 ครั้งต่อปี รวมไปถึงขายสินค้ารวมกันเกินกว่า 20,000 เหรียญสหรัฐ
  • การเพิ่มอาชีพค้าขายใน Amazon ในเรซูเม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณกำลังมองหางานขายที่ไม่ใช้อินเทอร์เน็ต ข้อมูลนี้อาจจะช่วยให้คุณได้งาน
  • อย่าโกหกสภาพสินค้าของคุณเด็ดขาด เพราะคุณอาจจะได้รับคำวิจารณ์ในทางลบก็เป็นได้
  • ถ้าคุณไม่สามารถทำตามที่ Amazom คาดหวังที่เขียนไว้ในข้อกำหนด ให้เตรียมตัวรับคำร้องเรียน (A-to-Z Claims) ได้เลย อย่างไรก็ตาม Amazon จะดูแลคำร้องเรียนนี้อย่างยุติธรรม ดังนั้น อย่าคิดมากเกินไปเมื่อคุณได้รับคำร้องเรียนดังกล่าว ให้ทำตามข้อกำหนดอย่างเคร่งขัดเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดและเพื่อให้แน่ใจว่าเงินทั้งหมดนั้นได้โยกย้ายไปอย่างยุติธรรมแล้ว จากนั้น ติดต่อ Amazon เพื่อดูว่าคนๆ นั้นมีปัญหาอะไร
  • Amazon บางแผนกจะต้องการใบอนุญาตการขาย ฝ่ายคอมพิวเตอร์ (ซอฟแวร์) ฝ่ายของเล่น และอีกบางฝ่ายมีกฎที่อยู่ในพื้นฐานผลงานในอดีต และอาจจะมีพื้นฐานจากผลตอบรับจากลูกค้าที่มีต่อบัญชีของคุณ
  • แม้ว่าอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในการจัดส่งสินค้า แต่การบรรจุโดยไม่มีค่าใช้จ่ายของ USPS จะช่วยคุณส่งสินค้าผ่าน Priority Mail ซึ่งอาจจะช่วยให้ลูกค้าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น เพราะสินค้าจะส่งถึงหน้าประตูบ้านลูกค้าภายใน 2-3 วัน (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) แต่ Amazon ไม่ได้บังคับหรือโฆษณาให้ใช้บริการ แต่ก็ไม่ได้ห้าม
  • คิดถึงแผนการคืนสินค้าและการจัดการกับสินค้าที่ตีกลับในกรณีที่จำเป็น ใครจะจ่ายค่าส่งคืนสินค้า คุณจะชดเชยลูกค้าด้วยการจ่ายค่าธรรมเนียมการส่งคืนหรือไม่ ตัดสินใจและตรวจสอบให้แน่ใจว่าเงินที่ลูกค้าจ่ายได้จะสามารถส่งคืนได้ และเงินพิเศษ (จากการจ่ายเช็ค) อาจจะต้องส่งให้ลูกค้าถ้าคุณเห็นว่าจำเป็นและลูกค้าต้องเห็นด้วยและเชื่อใจคุณว่าจะไม่ได้รับเช็คเด้ง
  • ติดตามข้อความจากลูกค้าอยู่เสมอ ซึ่งสามารถพบได้ที่แถบแจ้งเตือน (Notifications) บริเวณด้านซ้ายของตารางในหน้าของผู้ขาย (หน้า Amazon Seller Central)
  • Amazon จะติดต่อผู้ขายด้วยชื่ออาชีพว่า "Marketplace Seller."
  • เมื่อคุณต้องการพักผ่อน Amazon จะให้คุณยกเลิกบัญชีผู้ขายชั่วคราวได้ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการอาจจะใช้เวลา 24 ชั่วโมงกว่าจะบังคับใช้ ดังนั้น เตรียมตัวรับคำสั่งซื้อในช่วงเวลาดังกล่าวด้วยและหน้าบัญชีผู้ขายของคุณจะขึ้นว่าบัญชีนี้ถูกยกเลิก เมื่อคุณพร้อมกลับมาขายอีกครั้ง ก็สามารถเปิดบัญชีอีกครั้งได้ด้วยวิธีที่ง่ายมาก
  • ระหว่างช่วงวันหยุดและช่วงเดือนฤดูร้อนเป็นช่วงที่คาดว่าจะมีคำสั่งซื้อสินค้าของคุณเป็นจำนวนมาก
  • ถ้าอีเมล์ที่คุณใช้เปิดบัญชีนั้นถูกสแปมบ่อยครั้ง บางครั้ง (รายชื่อในกล่องปิดถาวร) อาจจะหายไปได้ Amazon มักจะปล่อยให้รายชื่อปรากฎเป็นเวลา 30-60 วัน หลังจากนั้นจะปิดลงโดยไม่มีผู้ซื้อ
  • ในบางโอกาส คุณจะได้รับอีเมล์เกี่ยวกับคำสั่งซื้อว่า Amazon บอกคุณว่า "in the works" โดยไม่ได้ให้ที่อยู่หรือชื่อของผู้รับ แต่จะบอกคุณว่าคำสั่งซื้อนั้นกำลังดำเนินการ เหตุการณ์นี้อาจจะเกิดขึ้นเพราะบางครั้ง Amazon ต้องการยืนยันว่ามีข้อมูลการจ่ายเงินอื่นๆ หรือด้วยเหตุผลอื่น โดยอาจจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน กว่าจะขึ้นข้อความว่า "Sold! Ship now!" ในคำสั่งซื้อของคุณ
  • บัญชีผู้ซื้อที่มีรายชื่อร้านเต็มตัว (เช่น ลิงก์ภายนอก) อาจจะมีรูปแบบ http://www.amazon.com/store/_storenamehere_ (ซึ่งอาจจะพบได้ในการตั้งค่าบัญชีของคุณ)
  • พยายามติดตามกระดาน "Sell on Amazon" ของผู้ค้าที่ Seller Forums page ซึ่งอาจจะเป็นของขวัญล้ำค่าสำหรับผู้ขาย และมีเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์แก่การเรียนรู้ หรืออาจจะมีกฎใหม่ๆ ที่มีผลบังคับใช้และอาจจะมีผลต่อบัญชีของคุณ
  • Amazon ต้องการให้คุณติดต่อกับลูกค้าผ่านเว็บไซต์เท่านั้น แม้ว่าเมื่อก่อนจะติดต่อผ่านวิธีอื่น แต่ก็ไม่เคยให้อีเมล์ของผู้ใช้งานเลยแม้แต่ครั้งเดียว
โฆษณา

คำเตือน

  • Amazon เรียกเก็บค่านายหน้าเล็กน้อยซึ่งจะเรียกเก็บจากคำสั่งซื้อของคุณที่จะหักเงินออกจากบัญชีโดยอัตโนมัติเมื่อลูกค้าซื้อของจากบัญชีของคุณจากการซื้อของด้วยตัวเอง
  • Amazon Marketplace ไม่เคย เก็บค่าใช้จ่ายจากการขายหรือจากภาษี ดังนั้น ถ้าคุณตัดสินใจที่จะใช้บรรจุภัณฑ์หรือใบเสร็จของ Amazon คุณไม่จำเป็นต้องวางแผนที่จะโดน “เรียกเก็บเงิน” แต่อย่างใด แม้ว่าคุณสามารถอธิบายถึงทางเลือกการจ่ายเงินตามที่ Amazon ต้องการได้ แต่คุณไม่สามารถเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องทางการเงินและส่งเบอร์โทรศัพท์โทรฟรีของ Amazon เพื่อพูดคุยเรื่องข้อมูลทางการเงินได้ มีเพียง Amazon เท่านั้นที่สามารถพูดคุยข้อมูลที่เป็นข้อมูลทางการเงินเท่านั้น
  • ส่งสินค้าของคุณ คุณจะไม่ได้รับชำระเงินถ้าลูกค้าร้องเรียนว่าไม่ได้รับสินค้า
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,746 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา