ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การขึ้นเครื่องบินอาจเป็นเรื่องที่สร้างความเครียดได้อย่างมหาศาล เพราะฉะนั้นการรู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะขึ้นเครื่องบินได้โดยไม่มีปัญหาจึงมีประโยชน์ไม่น้อย หยิบตั๋ว บัตรประชาชน และหนังสือเดินทาง (ถ้าต้องใช้) ตรวจสัมภาระ จากนั้นก็หาเกตแล้วรอเวลาขึ้นเครื่องซึ่งตามปกติแล้วจะต้องไปรอประมาณ 30 นาทีก่อนเวลาเครื่องบินออก ดูที่ตั๋วเพื่อหาหมายเลขเกต พอคุณได้หลายเลขเกตแล้ว เกตที่เลขน้อยจะได้ขึ้นเครื่องก่อนและเลขมากจะได้ขึ้นทีหลัง ถ้าคุณหรือคนที่คุณเดินทางด้วยเป็นเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือทหารผ่านศึก คุณก็มักจะได้ขึ้นเครื่องก่อนไม่ว่าหมายเลขเกตจะเป็นเลขอะไรก็ตาม ที่นั่งชั้นหนึ่ง ชั้นธุรกิจ และชั้นพิเศษจะได้ขึ้นเครื่องก่อนชั้นประหยัดเสมอ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ขั้นตอนในสนามบิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้ว่าหลายสายการบินจะอนุญาตให้คุณเช็กอินและปรินท์บอร์ดดิ้งได้ทางอินเทอร์เน็ต (ถ้าคุณไม่ได้โหลดกระเป๋า) แต่คุณจะมารับบอร์ดดิ้งพาสด้วยตัวเองที่สนามบินก็ได้ เข้าไปในสนามบิน เดินไปที่แถวของสายการบินที่คุณขึ้นแล้วไปที่เคาน์เตอร์ของสายการบิน พอไปถึงเคาน์เตอร์แล้ว ก็บอกชื่อและให้บัตรประชาชนกับพนักงานแล้วเขาจะปรินต์บอร์ดดิ้งพาสให้อัตโนมัติและถามเรื่องกระเป๋าที่จะโหลด
    • ถ้าคุณต้องเดินทางหลายเที่ยวบินเนื่องจากต้องหยุดพักระหว่างทาง ให้ขอให้พนักงานปรินต์บอร์ดดิ้งพาสของทุกเที่ยวบินมาเลย พนักงานบางคนจะทำให้เลย แต่ถ้าไม่ทำให้ก็ให้ขอให้เขาทำให้เลยจะดีกว่า
    • กระเป๋าที่โหลดมักจะต้องมีน้ำหนักน้อยกว่า 22 กิโลกรัมและเริ่มต้นที่ 750 บาท ซึ่งจะต่างกันไปแล้วแต่สายการบิน เพราะฉะนั้นคุณต้องเช็กข้อกำหนดของสายการบินนั้นๆ ในอินเทอร์เน็ตก่อน
    • ถ้าคุณไม่อยากกังวลเรื่องโหลดกระเป๋า คุณสามารถนำกระเป๋าเดินทาง 1 ใบและกระเป๋าส่วนตัวอีก 1 ใบขึ้นเครื่องบินได้ โดยใบหนึ่งจะอยู่ใต้ที่นั่งข้างหน้าคุณ ส่วนอีกใบจะอยู่บนที่เก็บของด้านบนเหนือที่นั่ง ถามเจ้าหน้าที่ประจำเกตว่ากระเป๋าคุณเล็กพอที่คุณจะถือขึ้นเครื่องไปด้วยได้มั้ย
    • ถ้าคุณปรินต์บอร์ดดิ้งพาสจากอินเทอร์เน็ตและไม่ได้โหลดกระเป๋า คุณก็ไม่ต้องแวะที่เคาน์เตอร์สายการบินก็ได้
  2. ถ้าคุณมีบอร์ดดิ้งพาสอยู่ในมือและเตรียมกระเป๋าที่จะนำขึ้นเครื่องไปด้วยเรียบร้อยแล้ว ก็ไปที่จุดตรวจสัมภาระได้เลย เตรียมบอร์ดดิ้งพาสกับบัตรประชาชน ใบอนุญาตขับขี่ หรือหนังสือเดินทาง (คุณต้องยื่นหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ถ้าคุณกำลังจะออกนอกประเทศ) ให้พร้อม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเทียบบอร์ดดิ้งพาสกับบัตรประชาชน และคุณจะต้องผ่านจุดตรวจสัมภาระไปได้โดยไม่ติดอะไร สิ่งของทั้งหมดจะต้องวางอยู่บนตะกร้าและผ่านเครื่องเอกซ์เรย์ในขณะที่คุณจะแยกไปที่เครื่องตรวจอีกเครื่องที่เป็นเครื่องสแกนร่างกายหรือเครื่องตรวจจับโลหะ (สำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ติดตัว)
    • สนามบินจะจุกจิกเรื่องความปลอดภัยมาก แต่เขาก็จะแจ้งให้ทราบอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นดูเครื่องหมายว่าคุณจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อที่จะได้ผ่านจุดตรวจสัมภาระไปได้อย่างไม่มีปัญหา และถ้ายังไม่แน่ใจให้ขอความช่วยเหลือ
    • ของเหลวและโน้ตบุ๊กจะต้องใส่ไว้อีกตะกร้าที่แยกจากของอื่นๆ
    • สิ่งของใดๆ ก็ตาม (รวมถึงหมากฝรั่งที่เคี้ยวอยู่และที่ยังไม่ได้เคี้ยวด้วย) ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงจะต้องสแกนผ่านเครื่องเอกซเรย์ด้วย และทุกสนามบินจะบอกให้คุณวางสิ่งของที่เป็นโลหะลงในตะกร้า (ซึ่งรวมถึงต่างหูและเครื่องประดับโลหะด้วย)
    • จุดตรวจสัมภาระบางที่จะขอให้คุณถอดเข็มขัด รองเท้า และเสื้อแจ็กเก็ตออก เพราะฉะนั้นให้มองหาป้ายว่าสนามบินที่คุณอยู่นั้นมีข้อกำหนดนี้ด้วยหรือเปล่า บางสนามบินอาจจะขอให้คุณถอดถุงเท้าออกด้วย แล้วแต่สนามบิน
    • เจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระจะบอกว่าคุณต้องทำอะไรบ้างถ้าเกิดบังเอิญมีอะไรอยู่ในกระเป๋าหรือในตัวคุณ
  3. เก็บของใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยและใส่รองเท้าเพื่อที่คุณจะได้ไปรอขึ้นเครื่องได้ถูกเทอร์มินอล! ดูบอร์ดดิ้งพาสเพื่อเช็กเทอร์มินอล (โดยทั่วไปจะเป็นตัวหนังสือ) และเกต (ตัวเลข) ที่สนามบินน่าจะมีป้ายบอกทางไปที่นั่น แต่ถ้าคุณหาทางไปที่เกตกับเทอร์มินอลไม่เจอ ก็แค่ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่สนามบินหรือเจ้าหน้าที่สายการบิน
    • ถ้าในบอร์ดดิ้งพาสไม่ได้บอกเลขเทอร์มินอล (แต่น้อยมากที่จะไม่บอก) ให้ไปหาจอทีวีที่บอกตารางเที่ยวบินและเช็กตรงนั้นแทน
  4. คุณควรไปถึงสนามบินเนิ่นๆ เสมอเพื่อที่คุณจะได้มีเวลาก่อนขึ้นเครื่องเผื่อว่าคุณต้องไปทำอะไรก่อน ไปเข้าห้องน้ำ หาอะไรรองท้อง หรือใช้ช่วงเวลาแห่งอิสรภาพไม่กี่นาทีเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ของสนามบิน ตามปกติแล้วผู้โดยสารจะเริ่มขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออกประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะฉะนั้นคุณมีเวลาให้ฆ่าเหลือเฟือ
    • ระวังอย่าเถลไถลไปไกลจากเกตเพราะคุณจะได้ไม่พลาดการประกาศสำคัญเกี่ยวกับเที่ยวบินของคุณหรือการได้ขึ้นเครื่องตั้งแต่เนิ่นๆ
    • ถ้าคุณอยากเปลี่ยนที่นั่ง คุณสามารถบอกกับพนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์หน้าเกตของคุณเรื่องการเปลี่ยนที่นั่งได้ ซึ่งเป็นโอกาสเดียวที่คุณจะได้เปลี่ยนที่นั่งหรืออัปเกรดไปเป็นชั้นธุรกิจหรือชั้นหนึ่ง [1]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ขึ้นเครื่องบิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องออก เจ้าหน้าที่ต้อนรับประจำเกตจะประกาศเวลาขึ้นเครื่อง ซึ่งการขึ้นเครื่องนั้นจะขึ้นเป็นส่วนๆ โดยอาจจะขึ้นเป็นกลุ่ม/ส่วน (กำหนดตามตัวหนักอักษร) หรือตามแถว/ที่นั่ง เช็กบอร์ดดิ้งพาสเพื่อดูว่าคุณอยู่ในกลุ่มที่เขาเรียกให้ขึ้นเครื่องหรือเปล่า ถ้าไม่ได้อยู่ก็ให้รอจนกว่าแถวหรือกลุ่มที่อยู่ในแถวนั้นจะถูกเรียก
    • ผู้โดยสารชั้นหนึ่งจะได้ขึ้นเครื่องก่อนเสมอ ตามด้วยชั้นธุรกิจและผู้พิการหรือผู้ที่มากับเด็กทารก
    • แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้จำเป็นเสมอไป แต่มันก็ดีถ้าหากคุณจะรีบไปเข้าแถวตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะว่าจะได้มีพื้นที่เก็บของเหนือศีรษะเหลืออยู่ ไม่อย่างนั้นถ้าที่เก็บของเต็มหมดแล้วคุณจะต้องโหลดกระเป๋าไปแทน
  2. หลังจากต่อแถวขึ้นเครื่องแล้ว จะมีพนักงานต้อนรับประจำเกตยืนอยู่ข้างทางเข้าเพื่อเช็กบอร์ดดิ้งพาส ถ้าคุณบินในประเทศ ยื่นบอร์ดดิ้งพาสให้พนักงานเช็กแต่ไม่ต้องแสดงบัตรประชาชนในจุดนี้ แต่ถ้าคุณบินไปต่างประเทศ ในจุดนี้คุณจะต้องยื่นหนังสือเดินทางให้พนักงานตรวจสอบด้วย หลังเช็กบอร์ดดิ้งพาสเสร็จแล้วอย่าเพิ่งเก็บใส่กระเป๋า เพราะคุณอาจจะต้องแสดงบอร์ดดิ้งพาสให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินด้วย
  3. แม้ว่าทางเดินขึ้นเครื่องส่วนใหญ่จะสั้น แต่บางเกตทางเดินก็อาจจะยาวและคดเคี้ยวกว่า
  4. ตามปกติแล้วพอตรวจบอร์ดดิ้งพาสเสร็จ แถวมักจะออกันอยู่เป็นบางจุด เพราะฉะนั้นคุณอาจจะต้องรอต่อแถวอยู่ก่อนถึงจะได้ขึ้นเครื่อง เช็กที่นั่งเพื่อให้แน่ใจว่าคุณเดินไปถูกทาง และอย่าลืมดูแถวที่นั่งด้วย ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือในการหาที่นั่ง ให้ถามคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ว่าที่นั่งไหนอยู่แถวไหน และตัวอักษรไหนคือที่นั่งไหน (ไม่มีคำอธิบายไหนในที่นี้ที่สามารถ "ใช้ได้กับทุกสถานการณ์") พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินส่วนใหญ่จะยุ่งอยู่กับการเตรียมของสำหรับเที่ยวบินของคุณให้พร้อม ถ้าคุณยังต้องการความช่วยเหลือเรื่องการหาที่นั่งอยู่ ให้เขยิบเข้าไปในแถวที่นั่งว่างที่อยู่ใกล้ๆ ทางเดิน แล้วพอพนักงานต้องรับบนเครื่องบินเดินมาตรวจสายรัดเข็มขัดที่นั่ง คุณก็ค่อยถามเขา
  5. พอคุณนั่งที่นั่งของตัวเองแล้ว สอดกระเป๋าใบเล็กไว้ใต้เก้าอี้และมองหาพื้นที่บนที่เก็บของเหนือศีรษะเพื่อเก็บกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ ซึ่งมันอาจจะไม่ง่ายเสมอไป เพราะฉะนั้นถ้าจำเป็นให้บอกให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินช่วยหาที่หรือเก็บกระเป๋าให้คุณ สุดท้ายพอคุณมานั่งที่นั่งของคุณแล้ว ให้นำกระเป๋าใบเล็กสอดไว้ใต้เก้าอี้ที่อยู่ข้างหน้าคุณ
  6. เสร็จแล้ว! ตอนนี้ก็ได้เวลานั่งชิวๆ ขณะที่เครื่องบินกำลังพาคุณไปยังจุดหมายอย่างสะดวกสบาย ระหว่างเดินทางคุณอาจจะได้รับเครื่องดื่มและอาหารฟรี (แล้วแต่สายการบินและระยะเวลาในการบิน) ถ้าต้องเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำจะอยู่ด้านหน้าและด้านหลังของเครื่องบิน ถ้ามีคำถามอื่นๆ เพิ่มเติม คุณสามารถถามพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินได้โดยตรง [2]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,186 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา