ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การขุนม้าให้อ้วน หรือที่เรียกว่า conditioning นั้นเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลา แต่รับรองว่าสุขภาพของม้าจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ที่ม้าคุณน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์อาจเป็นเพราะหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น เจอหน้าหนาวหินๆ ได้แคลอรี่ไม่พอ หรือให้หากินเองแต่ที่ทางของคุณไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ ถ้าม้าของคุณหนังหุ้มกระดูกแถมขนก็ไม่เงางาม แสดงว่าอาจเป็น "ill-thrift" หรือก็คือไม่มีแรง ใช้งานไม่ได้ ขี่ก็ไม่ได้ ก่อนที่คุณจะเริ่มเพิ่มอาหารให้ม้า ต้องตรวจให้แน่ซะก่อนว่าม้ากำลังป่วยด้วยโรคอะไรหรือเปล่า น้ำหนักถึงได้ไม่ขึ้น ถ้าเช็คแล้วม้าสุขภาพดีไม่มีโรค เราก็มีหลายวิธีในการขุนม้าให้อ้วนมาฝากกัน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

เช็คให้แน่ใจก่อนว่าม้าไม่มีโรค

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนจะเริ่มขุนม้า ต้องแน่ใจก่อนว่าม้าไม่ได้เป็นโรคอะไรก็ตามที่อาจทำให้น้ำหนักลด พาม้าไปหาหมอ (หรือพาหมอมาหาม้า) เพื่อตรวจร่างกายว่าสุขภาพปกติดี ถ้าม้าป่วย คุณหมอจะได้แนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสมต่อไป ทีนี้ก็หมดปัญหา น้ำหนักจะคืนมาดังเดิม [1]
    • 2 สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ม้าน้ำหนักลด ก็คือ พยาธิภายใน (internal parasites หรือ worms) กับสุขภาพฟันที่ย่ำแย่นั่นเอง
  2. ที่สังเกตได้ชัดคือม้าไม่ยอมให้ใส่เหล็กปากม้า (bit) หรือกินอาหารแล้วเลอะเทอะ เคี้ยวแล้วกระเด็นตกมาที่พื้น รวมถึงในชามใส่น้ำ (เป็นอาการที่เรียกว่า "quidding") ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะม้ามีปัญหาเรื่องฟัน แต่ถ้าปวดฟันเฉยๆ ตอนเคี้ยว ม้าจะเลิกกินซะอย่างนั้น ไม่ทนเคี้ยวอยู่หรอก จะไม่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย [2]
    • ยิ่งแก่ ฟันม้าก็อาจเกิด points (ขอบคม) hooks (ฟันขรุขระ ไม่สบกันกับฟันล่างหรือฟันบน) และ waves (กรามสึก) ซึ่งเป็นได้ทั้งฟันบนและฟันล่าง (arcades) อาการพวกนี้ทำให้ม้าเคี้ยวอาหารได้ไม่ปกติ จนทำให้ขาดสารอาหารไป
  3. บอกให้คุณหมอช่วยตรวจฟันม้า จะได้รู้กันไปเลยว่าที่น้ำหนักลดเป็นเพราะปัญหาสุขภาพในช่องปากหรือเปล่า คุณหมอจะบอกเองถ้าใช่ อันเป็นสาเหตุให้ม้าเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียดพอ
    • ฟันม้าจะงอกยาวไปเรื่อยๆ จนอายุได้ 20 กลางๆ เพราะงั้นควรตรวจฟันม้าบ่อยๆ และ float หรือตะไบฟันออกทุกๆ ปีถ้าจำเป็น [3]
  4. ส่วนใหญ่คุณหมอจะเก็บตัวอย่างขี้ม้าไปตรวจนับปริมาณไข่พยาธิ (complete egg count) เพื่อระบุสายพันธุ์ของปรสิตหรือพยาธิ ถ้าม้าของคุณมีพยาธิตัวกลม redworms (Cyathostomiasis) เยอะ จะทำให้เกิดอาการลำไส้อักเสบหรือปวดท้องได้ และย่อยอาหารได้ไม่สมบูรณ์ พอคุณหมอรู้ชนิดของพยาธิแน่ชัดแล้ว ก็จะถ่ายพยาธิให้ม้า 2 ครั้งด้วยกัน โดยแต่ละครั้งห่างกันประมาณ 3 อาทิตย์ เพื่อกำจัดพยาธิโตเต็มวัย รวมถึงไข่และตัวอ่อนที่กำลังจะโตด้วย [4]
    • ม้ามีแนวโน้มจะติดพยาธิได้ง่ายๆ ถ้าเลี้ยงแบบปล่อยให้กินหญ้ารวมกับม้าตัวอื่นๆ จนทั่วบริเวณเต็มไปด้วยขี้ม้า อันอุดมไปด้วยไข่พยาธิ
    • 95% ของไข่พยาธิตามทุ่งหญ้าจะเป็นพยาธิตัวกลม red worms เพราะงั้นถ้าปัจจัยครบก็ติดได้ง่ายมาก ส่วนพยาธิตัวกลมสายพันธุ์อื่นอย่าง strongylids worms ก็ทำให้ม้าน้ำหนักลดได้เช่นเดียวกัน
  5. เป็นขั้นตอนที่มีค่าใช้จ่ายสูงอยู่ แต่ตรวจเถอะ จะได้รู้กันไปเลยว่าม้าขาดแร่ธาตุสำคัญชนิดไหนไปหรือเปล่า และอวัยวะภายในต่างๆ ทำงานดีอยู่ไหม ข้อมูลนี้จะบอกได้เลยว่าม้าต้องการอาหารเสริมหรือเปล่า นอกจากนี้คุณหมอจะได้ตรวจด้วยว่าม้ามีปัญหาอื่นใดมาขัดขวางการกินไหม เช่น โรคทางเดินหายใจ ท้องร่วงเรื้อรัง แผลในกระเพาะอาหาร และปัญหาอื่นๆ ด้านพฤติกรรม เป็นต้น [5]
    • ปัญหาทางพฤติกรรมก็ทำให้ม้ากินยากขึ้นได้นะ อย่างการกินลม (wind sucking) หรือกัดราว (crib biting) อาการเหล่านี้จะทำให้ม้าดูดอากาศเข้าไปเยอะตอนกินอาหาร จนทำให้ท้องอืด เลยรู้สึกอิ่มเร็วกว่าปกติ ทั้งๆ ที่ในท้องมีแต่ลม ไม่มีอาหาร [6]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ให้อาหารม้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ม้าจะถูกแบ่งออกเป็นระดับ 1 - 9 โดยอ้างอิงจากปริมาณกล้ามเนื้อและไขมันในร่างกาย คุณวัดระดับได้ง่ายๆ ด้วยการมอง สัมผัส และประเมิน 6 จุดบนร่างกายม้า [7] จริงๆ แล้วให้คุณหมอช่วยวัดระดับก็ได้ คุณจะได้ตัดสินใจถูก ว่าควรจะขุนม้าหรือเปล่า โดยระดับที่เหมาะสมคือ 5 หรือ 6 [8]
    • ถ้าได้ 1 - 4 ถือว่าม้าผอมไป ต้องขุนเพิ่มน้ำหนักกันหน่อย
    • ม้าที่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์เข้าขั้นวิกฤติ ต้องขุนด้วยอาหารประเภทโปรตีนและไขมันสูง (เช่น รำข้าว) น้ำหนักถึงจะขึ้น
    • จำไว้ว่าระดับคะแนนที่ 9 หมายถึงม้ามีภาวะอ้วนมากและมีสุขภาพที่แย่
  2. ไม่ใช่ใคร ก็คนขายอาหารม้านั่นแหละ เขาจะรู้ดีที่สุดว่าอะไรเด่นด้านไหนมีประโยชน์ยังไง ให้คุณอธิบายอาการของม้าให้เขาฟัง เขาจะได้แนะนำว่าต้องใช้อาหารแบบไหน แต่จำไว้อย่างว่าอย่าให้ม้ากินธัญพืชมากไป เพราะมันย่อยยากน่าดู [9]
    • หรือจะขอคำแนะนำจากเหล่าคนรักม้าด้วยกันก็ได้ บรรดาคนเลี้ยงม้าทั้งหลายน่าจะต้องมีทิปและทริคดีๆ มาแนะนำคุณ ว่าต้องทำยังไง กินแบบไหน ถึงจะเหมาะสมกับสภาพร่างกายของม้า
  3. ถ้าม้าผอมไป ให้คุณหมอช่วยกำหนดว่าควรเพิ่มน้ำหนักมากแค่ไหน จากนั้นก็ค่อยไปอ่านฉลากข้างถุงอาหาร แล้วดูปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน อย่าใช้วิธีตักเอา เพราะจะกะปริมาณยาก เดี๋ยวอาจให้อาหารม้ามากเกินไป [10] นอกจากให้อาหารเสริมสร้างน้ำหนักแล้ว ควรปล่อยฟรีให้ม้าออกไปเล็มหญ้าตามเดิมด้วย
    • ปกติม้าต้องการอาหาร 1.8% - 2% ของน้ำหนักตัว (รวมอาหารเสริมแล้ว) เพราะฉะนั้นม้าสุขภาพดีทั่วไปจะต้องกินอาหารประมาณ 8 - 9 กิโลกรัมต่อวัน [11]
    • ถ้าคุณอยากขุนม้า ให้เพิ่มปริมาณอาหาร 2.3% - 2.5% ของน้ำหนักตัว น้ำหนักจะได้ค่อยๆ ขึ้นแบบไม่อันตราย
  4. ถ้าม้าของคุณน้ำหนักน้อยจนน่าตกใจ ให้ลองเปลี่ยนเป็นอาหารแข็งแบบโปรตีนสูงอุดมแคลอรี่แทน โดยให้อาหารอัดเม็ดโปรตีนสูง (500 - 700 กรัมต่อน้ำหนักตัวม้า 100 กิโลกรัม) ผสมกับแกลบ (ฟางสับเป็นอาหารสัตว์ หรือเปลือกเมล็ดพืช) ในปริมาณที่เท่ากัน หรืออาจให้ม้ากินข้าวบาร์เลย์แผ่นผสมกับรำข้าวชื้นๆ ในปริมาณที่เท่ากัน
    • อย่าอยู่ๆ ก็เพิ่มปริมาณอาหารเป็นเท่าตัว เดี๋ยวม้าจะยัดทะนานจนกลายเป็นท้องร่วงหรือกระทั่งภาวะเสียดท้อง (colic) ให้กำหนดปริมาณอาหารที่เหมาะสมกับน้ำหนักที่ต้องการก่อน แล้วค่อยแบ่งออกเป็น 3 - 4 มื้อต่อวัน [12]
  5. อย่าลืมว่าหญ้าเป็นอาหารหลักของม้า ถ้าขาดหญ้า ม้าจะกินอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน (ขาดกากใย) จนสุดท้ายก็ผอมอยู่ดี คุณต้องให้ม้าได้กินหญ้าอย่างน้อยทุก 3 - 4 ชั่วโมง แต่ไม่ใช่ว่าเอะอะก็ปล่อยฟรีออกไปเดินกินหญ้าข้างนอกทั้งวันนะ รับรองว่านอกจากที่ทางของคุณจะเหี้ยนเตียนแล้ว ม้าจะยังพุงกางซะจนเป็นโรคไข้ลงกีบ (laminitis) ท้องร่วง หรือภาวะเสียดท้อง (colic) ได้ [13]
    • ให้ม้าได้กินหญ้าแห้งคุณภาพดีก่อนแล้วค่อยปล่อยฟรี ม้าจะได้อยู่ท้อง ไม่ไปกินหญ้าสดเยอะเกินไป หญ้าแห้งจะช่วยเรื่องการขับถ่าย แถมทำให้ม้าไม่เสียพลังงานไปอย่างรวดเร็วด้วย
    • จำกัดการเดินกินหญ้าสดให้เหลือแค่ 2 ชั่วโมงก็พอ (เช้า 1 ชั่วโมงแล้วก็บ่ายอีก 1 ชั่วโมง) เพราะหญ้าสดพวกนี้อุดมคาร์โบไฮเดรต กินแล้วมีโอกาสสูงมากที่ม้าจะเป็นโรคไข้ลงกีบหรือท้องร่วง [14]
  6. เริ่มจากเติมน้ำมันแค่ 1/4 ถ้วยลงในอาหารประจำวัน จากนั้นค่อยเพิ่มอีก 1/4 ถ้วยใน 2 - 3 วันต่อมา สุดท้ายให้ใส่ประมาณ 2 ถ้วยต่อวัน จะน้ำมันข้าวโพด ถั่วลิสง คาโนล่า หรือน้ำมันพืชธรรมดาก็ได้ทั้งนั้น [15] การเติมน้ำมันผสมลงไปในอาหารจะช่วยให้ม้าเพิ่มน้ำหนักได้เร็ว แถมช่วยเรื่องการย่อยอาหารด้วย
    • ระหว่างที่ม้ากินอาหารแคลอรี่สูงอยู่ ควรให้ออกกำลังกายนิดๆ หน่อยๆ ร่วมด้วย เป็นวิธีที่ขุนให้อ้วนขึ้นและสร้างเสริมกล้ามเนื้อได้ชะงัดนัก [16]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • พยาธิแต่ละชนิดก็ต้องใช้ยากำจัดแตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นคุณต้องให้คุณหมอตรวจม้าให้รู้แน่ชัดก่อนว่าพยาธิในตัวเป็นชนิดไหน แล้วค่อยเลือกวิธีที่ได้ผลที่สุด [17]
  • ห้ามเสริมอาหารที่ไม่จำเป็นให้ม้า สารปรุงแต่งบางชนิด อย่างซีลีเนียมกับซัลเฟอร์นั้นเป็นพิษกับม้าถ้าได้รับในปริมาณมาก เพราะฉะนั้นต้องศึกษาปริมาณที่จำเป็นให้ละเอียด
  • ตอนขุนม้า พยายามซื้ออาหารที่คุณภาพสูงสุดเท่าที่จะหาได้ แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็ต้องสูงขึ้นตามตัว แต่รับรองว่าเห็นผลรวดเร็ว แถมพออาหารคุณภาพดี ม้าก็จะรูปร่างแข็งแรงสวยงามในเวลาไม่นาน
    • ธัญพืชแบบเฉพาะสำหรับม้าแก่ก็เห็นผลดีถ้าให้ม้ากินเสริมตอนขุน ถึงม้าไม่แก่ก็กินได้
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามเสริมอาหารที่ไม่จำเป็นให้ม้า สารปรุงแต่งบางชนิด อย่างซีลีเนียมกับซัลเฟอร์นั้นเป็นพิษกับม้าถ้าได้รับในปริมาณมาก เพราะฉะนั้นต้องศึกษาปริมาณที่จำเป็นให้ละเอียด
โฆษณา
  1. http://holistichorse.com/health-care/scoops-measure-volume,-not-weight/
  2. http://www.nacmo.org/horse_health.php
  3. Fattening Up a Thin Horse. Dr. John Kohnke. BVSc, RDA
  4. Fattening Up a Thin Horse. Dr. John Kohnke. BVSc, RDA
  5. Fattening Up a Thin Horse. Dr. John Kohnke. BVSc, RDA
  6. http://equusmagazine.com/article/feeding-weight-gain-25995
  7. Fattening Up a Thin Horse. Dr. John Kohnke. BVSc, RDA
  8. A Complete Guide to the Types of Worms Affecting Horses. Medical Animal

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,248 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา