ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การข้ามเพศจากผู้หญิงไปเป็นผู้ชายอาจเป็นประสบการณ์ที่สร้างความสุขได้อย่างแท้จริง แม้จะเป็นกระบวนการที่ยาวนานและอาจจะซับซ้อนก็ตาม ขณะที่คุณเริ่มเข้าสู่กระบวนการข้ามเพศ ให้คุณบอกเพื่อนๆ และครอบครัวก่อนว่าคุณเป็นคนข้ามเพศ เพราะคุณต้องการการสนับสนุนจากพวกเขา! จากนั้นคุณก็อาจจะข้ามเพศทางสังคมโดยการเปลี่ยนการแต่งกายและวิธีการดูแลเสื้อผ้าหน้าผม ถ้าคุณอยากจะข้ามเพศในทางการแพทย์ ให้หาแพทย์ที่คุณไว้วางใจและเริ่มการรักษาด้วยฮอร์โมน โดยคุณจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในเรื่องใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับการรักษาทางการแพทย์ และสุดท้ายคือตัดสินใจว่าคุณอยากผ่าตัดแปลงเพศหรือไม่

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

บอกคนอื่นว่าคุณเป็นคนข้ามเพศ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    คิดให้รอบคอบว่าจะบอกใครและจะพูดว่าอะไร. วางแผนบอกคนรอบข้างว่าคุณเป็นคนข้ามเพศถ้าคุณยังไม่ได้บอก เริ่มจากการบอกคนที่คุณไว้ใจก่อน เพราะพวกเขาสามารถช่วยคุณในฐานะระบบสนับสนุนได้ หาเวลาและสถานที่เหมาะๆ ที่คุณจะคุยกันแบบเป็นส่วนตัวได้และไม่มีอะไรขัดจังหวะ [1]
    • คุณอาจจะบอกน้องสาวว่า “พี่เรื่องสำคัญจะคุยด้วย มาหาพี่เย็นวันศุกร์ได้มั้ย” จากนั้นคุณจะพูดอะไรก็ได้ที่คุณสบายใจจะพูด “พี่เป็นคนข้ามเพศ และพี่ก็นิยามตัวเองว่าเป็นผู้ชาย” ก็ฟังดูเป็นการเปิดเรื่องที่ดี
  2. คุณไม่จำเป็นจะต้องบอกคนที่คุณไม่อยากบอก ถ้าคุณอยากบอกเพื่อนแค่คนเดียวหรือคนในครอบครัวแค่คนเดียว ก็ได้เหมือนกัน เพราะมันเป็นเรื่องราวของคุณที่คุณเลือกได้ว่าจะเล่าให้ใครฟัง ถ้ามีคนที่สนับสนุนคุณ คุณก็อาจจะขอให้เขาอยู่เป็นเพื่อนคุณตอนที่คุณบอกเรื่องนี้กับคนอื่น เพราะเขาจะเป็นแหล่งกำลังใจที่สำคัญเลยล่ะ!
    • ก่อนที่คุณจะบอกใคร คุณต้องแน่ใจว่ามันจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ความปลอดภัย หรือสถานการณ์ความเป็นอยู่ของคุณ ถ้าคุณคิดว่าอาจจะมีปัญหาตามมา ให้วางแผนเรื่องความปลอดภัยให้พร้อมโดยการเตรียมของที่จำเป็นใส่กระเป๋าและพร้อมจะไปทุกเมื่อ ถ้าจำเป็นให้วางแผนไปขออาศัยบ้านเพื่อนหรือบ้านญาติล่วงหน้า
    • คุณต้องแน่ใจก่อนว่าตัวเองสบายใจ กับอัตลักษณ์ทางเพศ ของตัวเองจริงๆ ก่อนจะคุยเรื่องนี้กับคนอื่น
  3. ศึกษาเรื่องการเป็นคนข้ามเพศเพื่อเตรียมตอบคำถาม. แย่หน่อยที่หลายคนไม่เข้าใจว่าการเป็นคนข้ามเพศคืออะไร จึงเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะมีคำถามมากมายมาถามคุณ ค่อยๆ ใช้เวลารวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเป็นคนข้ามเพศและกระบวนการข้ามเพศ คุณจะได้บอกข้อมูลกับคนที่เข้ามาถามได้ [2]
    • คุณสามารถค้นหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในอินเทอร์เน็ตได้ และอาจจะเข้าไปที่เว็บไซต์สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทยและสอบถามเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์
  4. หวังว่าคุณจะได้รับการสนับสนุนและความรักในทันที แต่บางคนก็ต้องการเวลาปรับตัวเรื่องที่คุณเป็นคนข้ามเพศสักหน่อย ซึ่งก็ไม่เป็นไร คุณเองก็อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยในการยอมรับเรื่องแบบนี้เหมือนกัน [3]
    • คุณอาจจะพูดว่า “ขอบคุณที่รับฟังนะ พี่รู้ว่าเธอต้องกลับไปประมวลอะไรเยอะแยะ ถ้างั้นอีก 2-3 วันเราค่อยมาเจอกันดีมั้ย เธอจะได้มีเวลากลับไปทำความเข้าใจก่อน”
  5. ประเทศไทยมีกฎหมายว่าด้วยความเท่าเทียมระหว่างเพศก็จริง แต่ในทางปฏิบัติแล้วบางแห่งก็ยังคงมีการกีดกันทางเพศอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าคุณคิดว่าอัตลักษณ์ทางเพศของคุณอาจทำให้เกิดปัญหาในงาน ก็ต้องระมัดระวังให้ดี [4]
    • ถ้าไม่มีกฎระเบียบที่ปกป้องคุณได้อย่างชัดเจน คุณอาจจะต้องติดต่อทนายความเพื่อขอคำปรึกษา
    • ถ้าคุณยังเรียนอยู่ คุณอาจจะเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ก่อนเปิดเผยเรื่องนี้กับใคร ครูที่สนิทกันหรือครูแนะแนวอาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าคุณอยากจะเปิดเผยเรื่องนี้ที่โรงเรียนมากแค่ไหน หวังว่าทุกคนคงสนับสนุนคุณ แต่ถ้าคุณถูกรังแก คนเหล่านี้ก็จะคอยช่วยคุณเอง [5]
  6. แม้ว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่การตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการข้ามเพศก็อาจเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆ มากมาย เพราะฉะนั้นนอกจากคนในครอบครัวและเพื่อนที่คุณไว้ใจแล้ว ให้ขอการสนับสนุนจากคนอื่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูดคุยกับคนที่เคยผ่านกระบวนการข้ามเพศมาแล้วเพื่อขอคำแนะนำจากเขาก็อาจเป็นประโยชน์กับคุณมากทีเดียว [6]
    • มองหากลุ่มสนับสนุนความหลากหลายทางเพศที่อยู่ในพื้นที่ของคุณ
    • นอกจากนี้คุณยังหาแรงสนับสนุนได้จากสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทยและสมาคมหญิงรักหญิงได้ด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

เข้าสู่กระบวนการข้ามเพศทางสังคม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หนึ่งในขั้นตอนแรกของการข้ามเพศทางสังคมก็คือ การบอกให้คนอื่นรู้ว่าคุณนิยามตัวเองว่าเป็นเพศอะไร สรรพนามเป็นเรื่องสำคัญเพราะมันบอกให้คนอื่นรู้ว่าคุณอยากให้พวกเขาเรียกคุณว่าอะไร [7]
    • เวลาที่เจอคนที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก คุณอาจจะพูดว่า “หวัดดี เรานัทนะ และจะดีมากเลยถ้าเธอใช้คำว่าเขาเวลาที่พูดถึงเรา”
    • คุณอาจจะแก้คำพูดของคนอื่นอย่างละมุนละม่อมเวลาที่เขาใช้สรรพนามผิด ลองบอกว่า “เธอช่วยเรียกเราว่าเขาหรือใช้ชื่อเราเวลาพูดถึงเราได้มั้ย ขอบคุณมากเลย”
  2. แต่ละคนเลือกวิธีการข้ามเพศไม่เหมือนกัน จำไว้ว่าคุณจะเลือกอะไรก็ได้ที่คุณอยากเลือก ถ้าคุณอยากเปลี่ยนชื่อ คุณก็สามารถทำได้ทั้งในทางกฎหมายหรือจะแค่ในทางสังคมก็ได้ [8]
    • คุณอาจจะค่อยๆ เริ่มจากการขอให้เพื่อนๆ และครอบครัวเรียกชื่อใหม่ของคุณก่อน คุณอาจจะบอกว่า “ก็รู้อยู่แหละว่าปกติเคยเรียกว่ามิ้น แต่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นไม้แล้วนะ”
  3. เปลี่ยนการดูแลหน้าผมและเสื้อผ้าให้ดูเป็น "ผู้ชาย" มากขึ้นถ้าอยากทำ. และคุณอาจจะไปไกลกว่านั้นด้วยการเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองด้วย เช่น คุณอาจจะลองตัดผมสั้น นอกจากนี้คุณก็อาจจะไปซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าที่แผนกเสื้อผ้าผู้ชาย และลองใส่เสื้อผ้าอย่างยีนส์กับเบลเซอร์เวลาไปงานกลางคืนข้างนอก จำไว้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องสบายใจที่จะทำแบบนั้น [9]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

เข้าสู่กระบวนการข้ามเพศด้วยการรักษาด้วยฮอร์โมน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โชคไม่ดีที่กระบวนการข้ามเพศในทางการแพทย์มักมีค่าใช้จ่ายสูง ราคาที่แท้จริงจะต่างกันไปตามพื้นที่ที่คุณอยู่และแพทย์ที่ทำการรักษา แต่ราคาน่าจะอยู่ที่หลายหมื่นบาท เพราะฉะนั้นคุณต้องศึกษาข้อมูลให้ดีว่าประกันสุขภาพของคุณครอบคลุมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไหม [10]
    • อย่างแรกให้ปรึกษาแพทย์ก่อนและขอคำอธิบายว่า การรักษาจะเป็นอย่างไรและค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ จากนั้นให้ดูแผนประกันสุขภาพของคุณ ถ้าคุณอ่านนโยบายแล้วยังไม่เข้าใจว่ามันครอบคลุมอะไรบ้าง ให้โทรศัพท์ถามตัวแทน
    • ถ้าประกันสุขภาพของคุณไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านนี้ ให้ลองหาข้อมูลว่ามีประกันสุขภาพเจ้าไหนที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้บ้าง
  2. ถ้าแพทย์ประจำตัวของคุณไม่มีประสบการณ์ในการช่วยเหลือให้คนเข้าสู่กระบวนการข้ามเพศ ให้หาแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง เพราะเขาจะสามารถช่วยแนะแนวทางให้คุณผ่านกระบวนการนี้ไปได้ดีกว่าและตอบคำถามคุณได้มากกว่าด้วย กำหนดเวลานัดหมายและปรึกษาแพทย์ถึงขั้นตอนที่คุณต้องทำเพื่อเข้าสู่กระบวนการข้ามแพทย์ทางการแพทย์ ซึ่งการรักษาด้วยฮอร์โมนน่าจะเป็นขั้นตอนแรก
    • ปรึกษาแพทย์เรื่องความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการรักษาด้วยฮอร์โมน ผลของการรักษาด้วยฮอร์โมนก็คือลักษณะสุขภาพโดยรวมของคุณจะเหมือนของผู้ชาย ซึ่งหมายความว่าคุณอาจจะเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจและความดันโลหิตสูงกว่า [11]
  3. เทสโทสเตอโรนสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 วิธีคือ ทางปาก (ยาเม็ด) แผ่นแปะผิวหนังหรือเจล และการฉีด วิธีที่เหมาะกับคุณจะขึ้นอยู่กับความต้องการด้านสุขภาพของตัวคุณเอง เพราะฉะนั้นให้สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับแต่ละวิธี อย่ากลัวว่าจะถามมากไป เพราะเขาต้องช่วยคุณอยู่แล้ว! [12]
    • การรับเทสโทสเตอโรนทางปากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุด ก็เลยไม่เป็นที่นิยม ถ้าคุณเลือกการรักษาทางผิวหนัง คุณก็จะต้องใช้แผ่นแปะผิวหนังหรือเจลทุกวัน แต่ถ้าแพทย์แนะนำการฉีดฮอร์โมน คุณก็น่าจะต้องไปฉีดทุกสัปดาห์หรือทุก 2 สัปดาห์
    • ปริมาณฮอร์โมนที่ให้จะแตกต่างอย่างมากในแต่ละคน มันอาจจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าคุณและแพทย์จะรู้ว่าปริมาณแค่ไหนที่เหมาะกับคุณ
  4. เตรียมใจรับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของผิวเป็นอย่างแรก. หลังจากรักษาด้วยฮอร์โมนไม่นาน ผิวของคุณจะดูและรู้สึกเปลี่ยนไป รูขุมขนจะกว้างขึ้นและคุณอาจจะสังเกตได้ว่าผิวด้านขึ้นและมันขึ้นด้วย และไม่แปลกเลยถ้าสิวจะเห่อ [13]
    • ประสาทรับรู้ด้านการสัมผัสก็อาจจะเปลี่ยนไปด้วย และสิ่งต่างๆ อาจจะ “รู้สึก” เปลี่ยนไปเวลาที่คุณสัมผัสมัน
  5. เตรียมใจรับความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของน้ำหนัก ผม และเสียงที่จะตามมาได้เลย. คุณอาจจะสังเกตว่าร่างกายของคุณเริ่มแบกรับน้ำหนักต่างไปจากเดิม เช่น คุณอาจจะเห็นน้ำหนักตรงสะโพกและต้นขาน้อยลง แต่ไปอยู่ที่หน้าท้องมากขึ้นแทน โดยรวมคือมวลกล้ามเนื้อของคุณอาจจะเพิ่มขึ้น [14]
    • หลังจากผ่านไปสัก 2-3 สัปดาห์ให้ฟังความเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียง เทสโทสเตอโรนจะทำให้เส้นเสียงของคุณหนา ซึ่งทำให้เสียงของคุณเหมือนเสียงปกติของผู้ชายมากขึ้น [15]
    • เตรียมใจไว้ว่าผมจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ จะหนาขึ้นและสีเข้มขึ้น ขนตามร่างกายก็จะเข้มขึ้นและหนาขึ้นเช่นกัน และจะยาวในอัตราที่เร็วกว่าด้วย [16]
  6. ถามแพทย์เรื่องการเปลี่ยนแปลงในระบบสืบพันธุ์. คุณอาจสังเกตได้ว่าประจำเดือนมาน้อยลง นานๆ มาที หรือไม่มาเลย แต่คุณก็อาจจะเจอช่วงที่ประจำเดือนมานานและมามากสักพัก ซึ่งแต่ละคนจะตอบสนองต่อการรักษาด้วยเทสโทสเตอโรนไม่เหมือนกัน [17]
    • ถ้าคุณมีข้อกังวล ให้ปรึกษาแพทย์ เขาจะช่วยคุณหาว่าอะไรที่ปกติสำหรับคุณ
  7. เข้ารับการบำบัดถ้าคุณไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ได้. หากคุณมีปัญหาในการรับมือกับอารมณ์ ให้พบนักจิตบำบัด การรักษาด้วยฮอร์โมนก็เหมือนกับการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์อีกครั้ง ซึ่งก็คือคุณไม่ได้แค่เจอความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเท่านั้น แต่คุณอาจจะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ด้วย กระบวนการข้ามเพศเป็นกระบวนการทางอารมณ์โดยตัวมันเองอยู่แล้ว แม้ว่าฮอร์โมนจะไม่ได้เข้าสู่ร่างกายของคุณก็เถอะ! [18]
    • ในระหว่างเข้ารับการบำบัด คุณจะได้เรียนรู้กลไกการรับมือต่างๆ ที่อาจเป็นประโยชน์กับคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากจำเป็นให้เข้าพบนักจิตบำบัดเพื่อขอรับการวินิจฉัย. ความทุกข์ใจในเพศสภาพเป็นสุขภาวะที่เป็นที่ยอมรับในทางการแพทย์ ซึ่งเป็นสภาวะที่อัตลักษณ์ทางเพศไม่สอดคล้องกับเพศสภาพโดยกำเนิด ความทุกข์ใจในเพศสภาพไม่ใช่อาการป่วยทางจิต คุณจึงไม่ต้องกังวลว่าแพทย์จะคิดแบบนั้น แพทย์ต้องขอใบวินิจฉัยก่อนผ่าตัดแปลงเพศให้ ซึ่งการบำบัดไม่ได้มีไว้เพื่อขอใบวินิจฉัยเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีที่ดีที่คุณจะได้เครื่องมือมาช่วยรับมือกับความเครียดที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดด้วย [19]
    • ก่อนที่จะทำการผ่าตัดแพทย์จะต้องทำการวินิจฉัยให้ได้ก่อนว่าเป็นโรคนี้หรือไม่ และมีขั้นตอนที่ต้องพิจารณาก่อนถึงจะทำการผ่าตัดได้
  2. ถ้าประกันสุขภาพของคุณครอบคลุมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ให้ดูว่าประกันจะจ่ายเท่าไหร่. หากประกันสุขภาพของคุณครอบคลุมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ให้ดูว่าประกันครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนไหนบ้าง ถ้าอ่านแล้วงงก็ไม่ต้องกังวล! แค่โทรหาตัวแทนแล้วให้เขาอธิบายสิทธิประโยชน์ที่ประกันคุ้มครองให้คุณฟัง แต่ก็อย่าลืมเช็กด้วยว่าแพทย์ที่ผ่าตัดให้คุณเข้ารับประกันด้วย [20]
    • ถึงคุณจะไม่มีประกันสุขภาพ คุณก็ยังมีทางเลือก คุณสามารถถามแพทย์หรือโรงพยาบาลว่าเขาทำแผนการชำระเงินไว้หรือเปล่า หรือคุณอาจจะพิจารณาทำสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อมาช่วยค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดก็ได้
  3. แล้วแต่คุณเลยว่าคุณจะอยากเข้ารับการผ่าตัดไหม และถ้าทำจะทำส่วนไหนบ้าง ค่อยๆ คิดว่าอะไรที่ทำให้คุณมีความสุข เพราะการเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่มีผิดถูก ปรึกษาแพทย์และตัดสินใจว่าคุณจะเข้ารับการผ่าตัดปรับรูปร่างหน้าอกให้แบนราบที่ต้องตัดหน้าอกและเนื้อเยื่อบริเวณหน้าอกออกหรือไม่ [21]
    • คุณจะต้องพักฟื้นอยู่ 2-3 วันหลังจากผ่าตัด ปฏิบัติตามแนวทางของแพทย์ในเรื่องของการยกแขนและการเคลื่อนไหว คนส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำงานได้หลังผ่าตัดไปแล้ว 7-9 วัน
  4. กำหนดวันตัดมดลูกเพื่อนำอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงออกจากร่างกาย. คุณอาจจะเลือกผ่าตัดเพื่อนำอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง เช่น มดลูก ออกจากร่างกาย ปรึกษาแพทย์ว่าการผ่าตัดมดลูกทิ้งทั้งหมดนั้นเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับคุณไหน เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ จึงไม่แปลกที่คุณจะมีคำถามมากมาย วิธีการตัดมดลูกมีหลายวิธีด้วยกันทั้งการผ่าตัดช่องท้องและการผ่าตัดช่องคลอด ขอให้แพทย์ค่อยๆ อธิบายทางเลือกแต่ละตัวเพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าผลที่ตามมาของแต่ละวิธีมีอะไรบ้าง [22]
    • หลายคนได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจจากการตัดมดลูก คุณแค่ต้องจำไว้ให้ดีว่ามันเป็นทางเลือกของใครของมัน เพราะฉะนั้นให้ทำในสิ่งที่คุณคิดว่าใช่สำหรับคุณ
  5. ปรึกษาแพทย์เรื่องการสร้างอวัยวะเพศชายแบบฟาโรห์. การผ่าตัดแปลงเพศด้วยวิธีนี้คือการสร้างอวัยวะเพศชายขึ้นมา การสร้างอวัยวะเพศชายแบบฟาโรห์จะทำให้คุณปัสสาวะและมีเพศสัมพันธ์ได้แบบผู้ชาย ปรึกษาแพทย์เรื่องความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับจากการผ่าตัดแปลงเพศวิธีนี้ [23]
    • การสร้างอวัยวะเพศชายแบบฟาโรห์มาพร้อมกับความเสี่ยงที่เกิดจากการผ่าตัดทั่วๆ ไป เช่น การติดเชื้อที่แผล เพราะฉะนั้นคุณจึงต้องไปพบศัลยแพทย์ตามสั่งเพื่อเข้ารับการดูแลหลังการผ่าตัด
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่ารู้สึกกดดันว่าจะต้องเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่าน “ทั่วไป” เพราะเส้นทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
  • มันอาจจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่ากระบวนการข้ามเพศจะสมบูรณ์ ซึ่งไม่เป็นอะไรเลย!
  • การรักษาทางการแพทย์และการผ่าตัดอาจมีค่าใช้จ่ายสูงมากๆ กำหนดงบประมาณเอาไว้เพื่อให้คุณสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้
  • ถ้าคุณไม่มีประกันสุขภาพ ให้ปรึกษานักวางแผนการเงินเพื่อช่วยให้คุณหาทางว่า ทางไหนจะช่วยให้คุณรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในกระบวนการนี้ได้
โฆษณา

คำเตือน

  • เข้ารับการรักษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ที่คุณไว้วางใจเท่านั้น
  • ปฏิบัติตามแนวทางของแพทย์ในการรักษาด้วยฮอร์โมนและในช่วงพักฟื้นหลังเข้ารับการผ่าตัด
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,267 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา