PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

เรื่องนี้อาจเป็นบทสนทนาที่กระอักกระอ่วนเป็นอย่างยิ่งในฐานะพ่อ/แม่ แต่การเสริมสร้างการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและรับผิดชอบตนเองได้ให้กับลูกวัยรุ่นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบในฐานะคนเป็นพ่อเป็นแม่ คุณสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการช่วยตัวเองและการมีเพศสัมพันธ์เพื่อให้บทสนทนาเป็นเรื่องของการให้ความรู้และกระอักกระอ่วนน้อยที่สุด

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

หาข้อมูล

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเปิดประเด็นเรื่องการช่วยตัวเองอาจไม่เหมาะสมเสมอไปแล้วแต่ทัศนคติด้านวัฒนธรรมหรือศาสนาที่มีต่อเรื่องนี้ โดยทั่วไปแล้วการหาโอกาสสอนลูกวัยรุ่นเรื่องสุขอนามัยและความปลอดภัยทางเพศด้วยการคุย "เรื่องเพศสัมพันธ์" นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่จำเป็นต้องเจาะจงพูดเรื่องการช่วยตัวเองเสมอไป
    • การเปิดประเด็นเรื่องนี้ไม่มีผิดไม่มีถูกและไม่มีวิธีการตายตัว ในด้านหนึ่งพ่อแม่ที่สนับสนุนการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องอาจจะมองว่า การส่งเสริมให้ลูกช่วยตัวเองหรือแม้กระทั่งหาเซ็กส์ทอยมาให้ลูกวัยรุ่น และการพูดคุยกันอย่างชัดเจนว่าความรักกับเซ็กส์ต่างกันอย่างไรเป็นเรื่องเหมาะสม ในขณะที่พ่อแม่คนอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับการมีเซ็กส์ก็อาจจะคิดว่าการทำแบบนั้นเป็นเรื่องน่าเกลียด
    • สรุปคือ คุณต้องตัดสินใจว่าคุณสบายใจกับอะไรและทัศนคติกับพฤติกรรมแบบไหนที่คุณอยากจะส่งเสริมให้แก่ลูกวัยรุ่นขณะที่พวกเขากำลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ [1] [2]
  2. งานวิจัยล่าสุดกล่าวว่า การเข้าใจเรื่องการช่วยตัวเองมากขึ้นนั้นถือเป็นส่วนสำคัญต่อการเข้าใจพัฒนาการทางเพศที่ดีในวัยรุ่นอย่างกว้างขวาง แทนที่จะบอกให้ลูกวัยรุ่นเลิกช่วยตัวเองหรือบอกว่าการช่วยตัวเองเป็นเรื่องปกติ คุณควรช่วยให้ลูกเข้าใจว่า การช่วยตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของสุขอนามัยและความเป็นอยู่ทางเพศที่ดีอย่างไร แม้ว่าบทสนทนาอาจฟังดูกระอักกระอ่วน แต่การเน้นประเด็นไปที่หัวข้อต่อไปนี้จะช่วยลดความกระอักกระอ่วนลงได้ ใช้โอกาสนี้ในการให้ความรู้แก่ลูกวัยรุ่นในเรื่อง :
    • สุขอนามัยและความสะอาด
    • ความเข้าใจผิดทั่วไป
    • ความพอเหมาะ
  3. ถ้าเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องที่พ่อแม่ลูกคุยกันแล้วกระอักกระอ่วน การคุยกันเรื่องการช่วยตัวเองอาจจะกระอักกระอ่วนยิ่งกว่า นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้โอกาสนี้เป็นโอกาสในการสอนและส่งเสริมเรื่องสุขอนามัยและความปลอดภัยทางเพศ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องละเลยเสมอไป คุณต้องถอยกลับมา ผ่อนคลาย และวางแผนว่าคุณจะพูดอะไรและพูดอย่างไร
    • ปฏิกิริยาที่คุณมีต่อการช่วยตัวเองของลูกวัยรุ่นอาจส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อรูปลักษณ์ทางกายของลูก ความเข้าใจเรื่องเพศสัมพันธ์ของลูก และการที่ลูกเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ คุณต้องนึกเรื่องนี้ไว้ให้ดี
  4. วัยรุ่นที่ช่วยตัวเองไม่ได้มีความผิดปกติทางจิตใจหรือทางชีววิทยาแต่อย่างใด จริงๆ แล้วการช่วยตัวเองนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของพัฒนาการทางเพศที่ดี แต่สำหรับพ่อแม่บางคนแล้ว ถ้าหากจะมีเรื่องพื้นฐานให้ต้องกังวลใจเกี่ยวกับการช่วยตัวเองของลูกวัยรุ่นแล้วล่ะก็คงหนีไม่พ้นเรื่องความกังวลด้านศาสนาหรือวัฒนธรรม ถ้าคุณได้รับการสั่งสอนให้คิดว่าการช่วยตัวเองเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม คุณก็ยังต้องให้สุขอนามัยของลูกเป็นหัวข้อหลักในการสนทนาอยู่ดี
    • คุณไม่ต้องแสดงความเห็นว่าการช่วยตัวเองเป็นเรื่องที่ "ผิด" หรือไม่แม้คุณจะคิดว่าผิดก็ตาม แต่ให้เน้นไปที่เรื่องความสะอาด สื่อลามก และหัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่าลูกวัยรุ่นของคุณไม่ได้สร้างนิสัยที่ไม่ดี
    • คัมภีร์ศาสนาส่วนใหญ่ไม่ได้พูดเรื่องการช่วยตัวเองเลย ทำให้เพศสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ก้ำกึ่งที่จะอยู่ในพื้นที่สีเทา เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรทำให้เรื่องนี้เป็น "เรื่องใหญ่" หรือพยายามทำให้ลูกวัยรุ่นไม่อยากช่วยตัวเองหรืออับอาย การช่วยตัวเองเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ ทั้งในแง่ของทางกายและทางใจ และไม่ได้เป็นเรื่องอันตรายแต่อย่างใด
  5. แก้ไขความเข้าใจผิดทั่วไปเกี่ยวกับการช่วยตัวเอง. ลูกวัยรุ่นของคุณน่าจะเคยได้ยินเรื่องเล่าปากต่อปากและข่าวลือเกี่ยวกับการช่วยตัวเองมากมายจากที่โรงเรียนหรือในกลุ่มเพื่อน ตัวคุณเองก็อาจจะเคยได้ยินเรื่องเล่าต่อๆ กันมานี้เหมือนกันแต่ไม่แน่ใจว่าอะไรจริงอะไรเท็จ คุณจึงต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อแยกให้ได้ว่าเรื่องไหนเป็นข้อเท็จจริงเรื่องไหนเป็นความเข้าใจผิด ถ้าคุณอยากจะแนะแนวทางลูกในเรื่องนี้ [3]
    • การช่วยตัวเองไม่ได้ทำให้ตาบอด ฝ่ามือมีขนรุงรัง หรือภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
    • การเคลื่อนตัวออกมาภายนอกร่างกายของน้ำอสุจิขณะนอนหลับ หรือ "ฝันเปียก" ไม่ใช่รูปแบบหนึ่งของการช่วยตัวเอง และไม่ได้เป็นสัญญาณของ "อสุจิอ่อนแอ" หรือบุคลิกภาพที่แสดงถึงการมีศีลธรรมต่ำแต่อย่างใด
    • ความคิดที่ว่า "ใครๆ ก็" หรือ "ไม่มีใคร" ช่วยตัวเองนั้นไม่ถูกทั้งคู่ หลายคนทั้งหญิงและชายต่างก็ช่วยตัวเองเป็นประจำ การช่วยตัวเองไม่ได้จำเป็นต่อการมีชีวิตที่มีความสุขและทำหน้าที่ต่างๆ ได้ดี แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่ทำให้เรามีชีวิตแบบนั้นไม่ได้เช่นกัน
  6. ให้ผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่นี้แทนคุณ และให้หนังสือเป็นของขวัญแก่ลูกวัยรุ่น วิธีนี้เป็นวิธียอดเยี่ยมในการลดความกระอักกระอ่วนในการสนทนา และยังช่วยให้แน่ใจได้ว่าลูกวัยรุ่นของคุณได้รับคำแนะนำเรื่องสภาพทางเพศที่ดีและเชื่อถือได้ในช่วงเวลาสำคัญของชีวิต หนังสือต่อไปนี้เป็นหนังสือแนะแนวสภาพทางเพศในวัยรุ่นที่ดี :
    • "หนังสือชุดเพศศึกษาวัยรุ่น เรื่อง เรื่องวุ่นๆ ของวัยรุ่นหญิง (หนูเป็นสาวแล้วค่ะ)" โดย Nuria Roca
    • "หนังสือชุดเพศศึกษาวัยรุ่น เรื่อง เรื่องวุ่นๆ ของวัยรุ่นชาย (ผมเป็นหนุ่มแล้วครับ)" โดย Nuria Roca
    • "เพศศึกษาที่เราอยากรู้" โดย ดัลซู ชอย
    • "ไม่ยากถ้าอยากรู้จักเพศศึกษา" โดย Kim Kyung-a
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

จับเข่าคุย

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. โต๊ะกินข้าวที่มีตากับยายนั่งอยู่ด้วยไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ คุยกันเรื่องนี้ให้สั้นและเจ็บปวดน้อยที่สุดด้วยการคุยกันเป็นการส่วนตัว ในช่วงเวลาที่เหมาะสมและไม่จริงจัง ไม่ใช่คุยกันตอนที่คุณรู้สึกไม่สบายใจเพราะคุณเพิ่งไปเจอ "หลักฐาน" บางอย่าง หรือว่าคุยกันเพราะคุณเกิดกังวลขึ้นมา
    • พยายามนึกภาพว่าตัวเองเป็นวัยรุ่นและลองคิดดูว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรเวลาที่คุณพูดเรื่องนี้ขึ้นมา วัยรุ่นหลายคนรู้สึกอายและโดดเดี่ยว รู้สึกเหมือนพวกเขาเป็นคนเดียวที่ต้องผ่านเรื่องพวกนี้ [4]
  2. การสนทนาในครั้งนี้อาจเป็นเรื่องน่าอายสำหรับวัยรุ่น เพราะฉะนั้นอย่าไปซักไซ้อะไรมาก คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าลูกวัยรุ่นของคุณช่วยตัวเอง "บ่อยแค่ไหน" หรือถามคำถามที่อาจสร้างความกระอักกระอ่วนอื่นๆ เน้นไปที่ว่าคุณอยากให้ลูกวัยรุ่นรู้อะไรและพูดออกไปง่ายๆ สั้นๆ คุณอาจจะพูดตามนี้ก็ได้ :
    • "แม่ไม่ได้อยากจะทำให้ลูกอายนะ แต่ลูกก็โตพอที่จะคุยเรื่องเซ็กส์และเรื่องช่วยตัวเองแล้ว แม่ก็มีบางอย่างที่คิดว่าลูกต้องรู้ไว้ โอเคนะ"
  3. การสนทนาในครั้งนี้ไม่ควรมีอะไรที่สื่อว่าลูกวัยรุ่นของคุณกำลังตกอยู่ในปัญหา ใช้น้ำเสียงเรียบๆ สงบๆ ที่ทำให้อีกฝ่ายสบายใจมากขึ้น เหมือนเสียงที่คุณใช้พูดเรื่องงานบ้านหรือการบ้าน ใช้น้ำเสียงแบบนี้ให้เป็นปกติ
    • ถ้าคุณรู้สึกไม่พอใจหรือกระอักกระอ่วน ให้พูดถึงสถานการณ์ว่า "พ่อแม่ของแม่ไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้กับแม่เลย ซึ่งแม่ก็อยากให้พวกท่านพูดนะ แม่คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ ถึงมันจะกระอักกระอ่วนสักหน่อยก็เถอะ"
  4. ถ้ามีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คุณต้องสื่อสารกับลูกวัยรุ่น ก็ควรจะเป็นการทำให้ลูกแน่ใจว่าสิ่งที่พวกเขาเผชิญอยู่เป็นเรื่องปกติและพวกเขาก็ไม่ควรรู้สึกผิด วัยรุ่นอาจจะได้รับสารที่สร้างความสับสนมากๆ จากเพื่อนๆ ที่โรงเรียน และการประนีประนอมความต้องการส่วนตัวกับสิ่งที่คนอื่นพูดนั้นก็เป็นเรื่องที่ชวนสับสนเอามากๆ
    • ให้พูดว่า "แม่รู้ว่าลูกอาจจะสับสนกับสิ่งที่ลูกเจอ แต่ลูกต้องรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติ ดีต่อตัวเอง และลูกก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับเรื่องนี้ด้วย"
  5. เมื่อเป็นเรื่องของการช่วยตัวเอง อีกเรื่องสำคัญที่ต้องบอกให้ลูกวัยรุ่นรู้ก็คือเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน เวลาที่วัยรุ่นสำรวจร่างกายตนเองครั้งแรก เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจหลงเข้าสู่พฤติกรรมเสี่ยง และคุณก็ต้องบอกให้ลูกรู้ว่าอะไรที่ต้องเลี่ยง
    • สำหรับเด็กผู้หญิง ในส่วนของการพูดคุยเกี่ยวกับสุขอนามัยทางเพศทั่วไปนั้น สิ่งที่ต้องส่งเสริมคือการล้างมือและของเล่นให้สะอาด ของเล่นหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสม และคุยเรื่องสุขอนามัยของทางเดินปัสสาวะและกิจกรรมทางเพศ
    • สำหรับเด็กผู้ชาย ต้องส่งเสริมเรื่องความสะอาดระหว่างและหลังช่วยตัวเอง และคุยกันเรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
  6. เพียงเพราะการช่วยตัวเองเป็นเรื่องปกติและดีต่อสุขภาพก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะกลายเป็นปัญหาไม่ได้ การเสพติดการช่วยตัวเองและการเสียสมาธิเป็นปัญหาที่วัยรุ่นอาจต้องเจอเมื่อเป็นเรื่องของการช่วยตัวเอง เพราะฉะนั้นคุณจึงต้องส่งเสริมให้ลูกช่วยตัวเองแต่พอประมาณ
    • คุณไม่จำเป็นต้องกำหนดความถี่ตายตัว เพราะความต้องการทางเพศของบางคนก็สูงมาก ในขณะที่บางคนก็ต่ำมาก ไม่มีผิดไม่มีถูก แต่คุณต้องส่งเสริมความคิดที่ว่า การช่วยตัวเองไม่ควรขัดขวางการใช้ชีวิตทางสังคมที่ดี การทำกิจกรรมตามปกติของวัยรุ่น และความรับผิดชอบอื่นๆ เช่นการบ้าน [5]
    • นอกจากนี้ควรส่งเสริมความพอประมาณในเรื่องของการรับความรู้สึกทางกายด้วยเช่นกัน วัยรุ่นต้องอ่อนโยนกับร่างกายของตัวเองในระหว่างที่ความสามารถในการมีเพศสัมพันธ์กำลังพัฒนา ระวังไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ แต่ก็ต้องมีกิจกรรมทางเพศที่ดีต่อตนเองด้วย
    • วัยรุ่นทุกคนต้องคุ้นเคยกับการควบคุมและเข้าใจความต้องการทางเพศ แยกระหว่างความใคร่กับความรักให้ออก
  7. สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณจะสามารถให้ลูกได้ในขั้นนี้ก็คือ การเปิดกว้างกับคำถาม คุณต้องพร้อมตอบคำถามของลูก และพยายามตอบคำถามเหล่านั้นอย่างเปิดกว้างและซื่อสัตย์ให้มากที่สุดโดยไม่ทำให้เรื่องมันกระอักกระอ่วนมากเกินไป อย่าดึงดันที่จะตอบคำถามมากเกินไปหากลูกไม่สนใจที่จะคุยเรื่องนี้แล้ว คุณต้องจบบทสนทนาด้วยการทำให้ลูกรู้ว่าคุณยินดีที่จะคุยด้วยเสมอ
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

หลีกเลี่ยงความกระอักกระอ่วน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าลูกของคุณเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์แล้ว พวกเขาจะได้ประโยชน์จากการคุยกันเรื่องการช่วยตัวเอง คุณไม่ "จำเป็นต้องหาหลักฐาน" และไม่จำเป็นต้องแอบย่องเข้าไปในชีวิตส่วนตัวของลูก ตรวจดูผ้าปูที่นอนกับชุดชั้นใน หรือเข้าไปค้นประวัติการเข้าเว็บไซต์เพื่อดูว่าลูกวัยรุ่นของคุณอาจจะช่วยตัวเองบ้างหรือเปล่า หรืออย่างน้อยเขามีประสบการณ์ฮอร์โมนพลุ่งพล่านที่ทำให้ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้นหรือไม่
  2. ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องลงโทษหากลูกช่วยตัวเอง นอกจากว่าคุณจะกังวลว่าลูกวัยรุ่น เริ่มติดการช่วยตัวเอง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นคุณควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า เพราะการลงโทษอาจทำให้ลูกวัยรุ่นเกิดความสับสนและความบอบช้ำทางจิตใจ ซึ่งถ้าเลี่ยงได้ก็จะดีที่สุด
  3. จำไว้ว่าการให้ความรู้นั้นต่างจากการสร้างกฎเกณฑ์ บ่อยครั้งที่เวลาที่เรารู้ข้อมูลที่ถูกต้องอย่างเพียงพอ เราก็จะตั้งกฎของเราขึ้นมาเองได้ ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับวัยรุ่นหลายคน ถ้าคุณเลือกที่จะจับเข่าคุยกับลูกวัยรุ่นในเรื่องนี้ จำไว้ว่าการให้ความรู้ธรรมดาสามารถสร้างอิทธิพลเชิงบวกให้กับลูกวัยรุ่นได้
  4. วัยรุ่นบางคนแค่คิดว่าต้องคุยกับพ่อ/แม่เรื่องการช่วยตัวเองก็อายจะแย่อยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะมันเป็นพฤติกรรมส่วนตัวมากๆ ที่ไม่ใช่ว่าจะเป็นหัวข้อสนทนาในสถานการณ์ไหนก็ได้ ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณอยากพูดเรื่องนี้เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพของลูกวัยรุ่น ก็ให้คุยเลย แต่ก็ต้องรู้ด้วยว่าเวลาไหนที่ต้องกำหนดขอบเขตและจบบทสนทนา โดยพูดเรื่องที่กระอักกระอ่วนสั้นๆ เท่านั้น
    • อย่าสอดส่องสิ่งที่คุณสงสัยว่าจะเป็นจริง และอย่ารู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องพูดเวลาที่สังเกตเห็นว่าลูกวัยรุ่นอ้อยอิ่งอยู่ในห้องน้ำระหว่างอาบน้ำ ถ้าคุณทำหน้าที่ของคุณและคุยกับลูกไปแล้ว ก็จบแค่นั้น
    • ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณต้องเข้ามาจัดการหรือรู้สึกว่าลูกวัยรุ่นมีปัญหาเรื่องการช่วยตัวเอง ให้จัดการกับปัญหานี้ด้วยการจำกัดเวลาที่ลูกจะได้อยู่คนเดียวและจำกัดการเข้าอินเทอร์เน็ตถ้าจำเป็น

เคล็ดลับ

  • สังเกตอารมณ์และพฤติกรรมโดยทั่วไปของลูกโดยที่ไม่ลุกล้ำความเป็นส่วนตัว บางครั้งนิสัยการช่วยตัวเองตลอดเวลาก็อาจจะเป็นพฤติกรรมที่บอกอาการของปัญหาอื่นๆ (แต่ก็อาจไม่ใช่ปัญหาที่ ลึกกว่า ) ถ้าคุณมีเหตุผลที่ดีที่จะสงสัยในเรื่องนี้ การอ่านบทความวิธีการต่างๆ แบบนี้ก็อาจจะช่วยอะไรคุณไม่ได้ และคุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า
  • คุณไม่จำเป็นต้องเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งด้านบน คุณสามารถใช้ทั้งสองวิธีควบคู่กันไปได้
  • คุณต้องส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้อินเทอร์เน็ตและมั่นใจว่าลูกวัยรุ่นเข้าอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย ซึ่งสิ่งนี้แปลว่าอะไรก็ขึ้นอยู่กับคุณ คุณอาจจะเลือกสอดส่องการใช้อินเทอร์เน็ตของลูกหรือไม่ก็ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรคุณก็ต้องคุยกับลูกเรื่องนี้ในแง่ที่เป็นบวกและอย่างเปิดใจ

คำเตือน

  • ไม่แนะนำให้ปิดกั้นการช่วยตัวเองในวัยรุ่น เพราะพัฒนาการทางเพศเป็นเรื่องซับซ้อนและอาจเป็นช่วงเวลาที่สับสนสำหรับวัยรุ่น และการปิดกั้นของพ่อแม่ก็อาจกลายเป็นเรื่องที่สร้างความบอบช้ำทางจิตใจอย่างร้ายแรงได้

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,015 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม