ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ปัจจุบันหลายคนติดมือถือเป็นอย่างมาก ถ้าทำหายหรือลืมเอามาก็เหมือนกับขาดอะไรบางอย่างในชีวิตไป มือถือในสมัยนี้เป็นอะไรที่มากกว่าเครื่องมือที่ใช้พูดคุยติดต่อสื่อสาร เพราะมันสามารถถ่ายรูป อัดวิดีโอ บันทึกข้อความ ฯลฯ เต็มไปด้วยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้มากมาย มือถือจึงมีความสำคัญไม่น้อย ดังนั้นถ้าตกอยู่ในมือของผู้ที่ไม่หวังดี เขาก็อาจล้วงข้อมูลต่างๆ ที่เก็บไว้ไปใช้ในทางที่ผิดก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราทำมือถือหาย เราก็ต้องรู้วิธีการค้นหา เพื่อป้องกันไม่ให้ใครนำมันไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ถ้าอยากรู้ว่าทำอย่างไร ก็ลองอ่านแล้วทำตามขั้นตอนที่อยู่ด้านล่างนี้ได้เลย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

การค้นหามือถือทั่วไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีที่ง่ายที่สุดในการตามหามือถือคือใช้เครื่องอื่นโทรเข้ามือถือของคุณ ไม่ว่าคุณจะใช้มือถือธรรมดาหรือสมาร์ทโฟนก็ใช้วิธีนี้ได้เช่นกัน เพียงแค่ขอให้ใครสักคนที่มีเบอร์คุณ โทรเข้ามือถือของคุณ ทั้งนี้ในต่างประเทศ ถ้าคุณไม่อยากรบกวนคนอื่น และมีคอมพิวเตอร์อยู่กับตัว คุณสามารถใช้บริการโทรผ่านเว็บอย่าง “wheresmycellphone.com” หรือ “freecall.com” ได้ด้วย [1]
  2. หลังจากโทรเข้าแล้ว ลำดับที่สองคือให้ใครสักคนส่งข้อความเข้าเครื่องของคุณ และถ้าคุณรู้ว่าตัวเองทำมือถือหายนอกบ้าน ไม่ใช่ลืมไว้ในบ้าน คุณควรส่งข้อความที่เป็นข้อมูลติดต่อกลับไปยังเครื่องของคุณ เผื่อมีคนเก็บได้ เขาจะได้รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ และสามารถหาตัวคุณถูก [2]
    • ทั้งนี้ในต่างประเทศ ถ้าคุณไม่อยากรบกวนคนอื่น หรือไม่มีมือถือที่ใช้ส่งข้อความได้ คุณสามารถใช้บริการส่งข้อความผ่านเว็บอย่าง “txt2day.com” ได้เช่นกัน
    • คุณสามารถส่งข้อความไปว่ามีรางวัลให้ผู้ที่เก็บมือถือได้ เพื่อจูงใจให้คนที่เจอติดต่อกลับและนำมือถือมาคืนคุณอย่างรวดเร็ว [3]
  3. การย้อนกลับไปค้นหาในสถานที่ที่คุณผ่านมา อาจช่วยให้คุณเจอมือถือหรืออะไรก็ตามที่หายไปหรือลืมไว้ก็ได้ ดังนั้น ถ้าคุณจำได้ว่าเมื่อครู่ยังถือเครื่องไว้อยู่ จากนั้นก็วางไว้ที่ไหนสักแห่งก่อนออกมา คุณควรย้อนกลับไปค้นหามือถือ ณ บริเวณดังกล่าวก่อน เผื่อเจอมันอยู่แถวนั้น (ถ้าไม่ถูกหยิบหรือขโมยไปเสียก่อน) [4]
    • ไม่ว่าจะหาเจอหรือไม่ อย่าตื่นตระหนก เพราะมันจะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก เนื่องจากคุณจะร้อนรนทำอะไรไม่ถูก จนไม่มีสติพอที่จะนึกว่ามันอยู่ไหน [5]
    • นั่งพักสักครู่แล้วนึกว่าคุณไปไหนและทำอะไรมาบ้าง พยายามนึกให้ได้ว่าคุณหยิบหรือใช้มือถือครั้งสุดท้ายที่ไหนเมื่อไหร่ และไปไหนหลังจากนั้น
    • ถ้าคุณไปร้านค้าหรือร้านอาหารก่อนที่จะทำมือถือหาย ลองสอบถามพนักงานในร้านนั้น เผื่อมีใครเจอหรือเก็บได้ และถ้าพนักงานบอกว่าเจอมือถือที่ลูกค้าลืมทิ้งไว้ คุณก็ต้องบอกยี่ห้อหรือรูปร่างลักษณะมือถือของคุณ เพื่อให้เขาเช็คว่าตรงกันหรือไม่ หรือบอกเบอร์โทรศัพท์ของคุณไป เพื่อให้เขาโทรเช็คได้ว่าเป็นมือถือของคุณจริงๆ
  4. ผู้ให้บริการมือถือบางรายเปิดให้ลูกค้าใช้จีพีเอสในการค้นหาตำแหน่งมือถือของตัวเองได้ แต่ถ้าไม่มีบริการดังกล่าว อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถยุติการให้บริการมือถือของคุณได้ [6]
    • คุณสามารถหาเบอร์ติดต่อผู้ให้บริการมือถือได้จากเว็บไซต์ หรือมองหาในแผ่นพับหรือใบปลิวในบูธของผู้ให้บริการสาขาที่ใกล้บ้านก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

การค้นหาตำแหน่งมือถือที่เป็นสมาร์ทโฟน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณทำมือถือที่ใช้ระบบแอนดรอยด์หาย คุณสามารถเช็คตำแหน่งของมันได้ผ่านหน้าเว็บ “Android Device Manager” ซึ่งการระบุตำแหน่งก็มีสองกรณีคือ กรณีแรก ถ้ามือถือเปิดอยู่และต่อเน็ตไว้ คุณสามารถเช็คตำแหน่งปัจจุบันของมันผ่านหน้าเว็บดังกล่าวได้เลย กรณีที่สอง ถ้ามือถือปิดอยู่หรือไม่ได้ต่อเน็ตไว้ คุณจะทำได้เพียงเช็คตำแหน่งสุดท้ายที่เครื่องเปิดใช้งานหรือต่อเน็ตเท่านั้น [7]
    • วิธีการใช้ “Android Device Manager” อันดับแรกเปิดหน้าเว็บ “Android Device Manager” ผ่านคอมพิวเตอร์หรือแท็บแล็ต จากนั้นลงชื่อเข้าใช้ด้วยกูเกิลแอคเคาท์ของคุณ เสร็จแล้วมันก็จะแสดงตำแหน่งมือถือของคุณบน “Google Maps” คุณสามารถล็อกเครื่อง สั่งให้มือถือส่งเสียงออกมา หรือลบข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในมือถือ ผ่านหน้าเว็บดังกล่าวได้เลย
    • คุณสามารถเช็คตำแหน่งมือถือที่บันทึกไว้ได้โดยไปยังเว็บ “google.com/settings/accounthistory” แล้วคลิกที่ “Places You Go” ตามด้วย “Manage History” การค้นหาด้วยวิธีนี้เป็นการระบุตำแหน่งโดยใช้สัญญาณไวไฟและสัญญาณมือถือ ไม่ใช่จีพีเอส ดังนั้นตำแหน่งที่แสดงขึ้นมาอาจไม่แม่นยำเท่ากับการใช้ “Android Device Manager”
  2. ถึงแบล็คเบอร์รีจะไม่มีแอปหรือบริการอื่นใดที่ใช้ระบุตำแหน่งมือถือเป็นของตัวเอง แต่คุณก็สามารถใช้บริการผ่านโปรแกรมของเจ้าอื่นได้ เช่น “Berry Locator” โดยมีค่าบริการอยู่ที่ 6.95 ดอลลาร์สหรัฐ โปรแกรมนี้สามารถระบุตำแหน่งมือถือของคุณ รวมถึงส่งข้อความเข้าไปยังมือถือได้เช่นกัน [8]
  3. คุณสามารถใช้แอป “Find My iPhone” ในการระบุตำแหน่งไอโฟนของคุณได้ ถ้าคุณยังไม่ได้ติดตั้งแอปดังกล่าวไว้ในมือถือ ก็ควรดาวน์โหลดและติดตั้งผ่าน “App Store” ไว้ก่อน เผื่อจำเป็นต้องใช้ แอป “Find My iPhone” สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำพอสมควร อย่างไรก็ตาม เครื่องที่ถูกระบุตำแหน่งนั้นต้องเปิดอยู่และเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตด้วย ถึงจะใช้งานได้ [9]
    • วิธีการใช้ “Find My iPhone” อันดับแรก ลงชื่อเข้าใช้ “iCloud” ผ่านคอมพิวเตอร์หรือมือถือเครื่องอื่น จากนั้นเปิดแอป “Find My iPhone” เสร็จแล้วมันก็จะแสดงตำแหน่งมือถือของคุณบนแผนที่ ซึ่งคุณสามารถติดตามเช็คความเคลื่อนไหวได้ทันที
    • คุณสามารถใช้ “Find My iPhone” สั่งการมือถือของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นสั่งให้ส่งเสียงออกมา (เพื่อให้คุณหรือคนที่อยู่ใกล้ได้ยินและค้นหาได้ง่าย และเพื่อเป็นการแจ้งสถานะว่าเป็นมือถือที่สูญหายหรือถูกขโมย) สั่งให้ส่งข้อความพร้อมข้อมูลติดต่อกลับของคุณ หรือสั่งให้ลบข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในเครื่องทั้งหมดก็ได้
  4. ผู้ใช้วินโดวส์โฟนสามารถใช้ฟีเจอร์ที่มาพร้อมกับ Windows 8.1 ขึ้นไป ในการติดตามค้นหามือถือได้ ซึ่งถ้ามือถือหาย คุณก็แค่ไปยังหน้าเว็บ “account.microsoft.com/devices” ผ่านคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใดๆ ก็ได้ แล้วล็อกอินเข้าไปดูลิสต์ของมือถือหรือแท็บแล็ตวินโดวส์ที่คุณมีอยู่ จากนั้นคุณก็สามารถเลือกเช็คตำแหน่งมือถือหรือแท็บเล็ตได้ตามต้องการ [10]
    • เมื่อคุณล็อกอินเข้าใช้ในเว็บดังกล่าว เพื่อค้นหาตำแหน่งมือถือที่หายไปแล้ว คุณสามารถสั่งการมือถือของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นการล็อกเครื่อง หรือลบข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดในมือถือ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ดำเนินการอย่างจริงจัง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณรู้ตัวว่ามือถือถูกขโมย คุณไม่ควรตามหาหรือจัดการด้วยตัวเอง แต่ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และปล่อยให้เขาดำเนินการให้คุณ เนื่องจากการจัดการด้วยตัวเองอาจก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรง ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตหรือทรัพย์สินได้
  2. เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่ก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายคน ขึ้นอยู่กับว่าข้อมูลที่อยู่ในมือถือนั้นสำคัญมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้มือถือในการรับส่งข้อมูลที่สำคัญผ่านทางออนไลน์เช่นการทำธุรกรรมออนไลน์ ยิ่งดำเนินการยกเลิกเร็วเท่าไหร่ ข้อมูลของคุณก็จะยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น ทั้งนี้คุณอาจจะต้องยกเลิกบัตรเครดิต/เดบิตที่ลงทะเบียนเพื่อใช้ซื้อสินค้าหรือบริการผ่านมือถือที่ถูกขโมยไปด้วย (เช่นบัตรเครดิตที่ใช้ซื้อแอปใน “App Store”)
    • ถ้าคุณกังวลว่ามือถือที่ทำหายอาจตกอยู่ในมือของคนอื่น คุณควรดำเนินการยกเลิกให้เร็วที่สุด เนื่องจากการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลกำลังเป็นปัญหาที่ร้ายแรงและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
    • ทางที่ดีควรสละเวลามารีเซ็ตพาสเวิร์ดและล็อกอิน ก่อนที่จะถูกใครเข้าใช้และขโมยข้อมูลไป วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นถ้ามีคนได้มือถือของคุณไป และพยายามเข้าไปดูข้อมูลของคุณ มันอาจจะยุ่งยากเล็กน้อย แต่ก็ดีกว่าถูกขโมยทั้งมือถือและข้อมูลส่วนตัว และถ้าได้มือถือคืน คุณก็แค่กรอกพาสเวิร์ดและล็อกอินใหม่เท่านั้น
    • การรีเซ็ตพาสเวิร์ดควรเริ่มจากพาสเวิร์ดที่ใช้กับข้อมูลที่สำคัญเป็นอันดับแรก คุณอาจมีพาสเวิร์ดที่ใช้กับบริการต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอีเมล เฟซบุ๊ก คลาวด์สตอเรจ หรือธุรกรรมทางการเงิน คุณควรรีเซ็ตพาสเวิร์ดที่ใช้กับข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินเป็นอันดับแรก เมื่อคุณรีเซ็ตพาสเวิร์ดดังกล่าวแล้วค่อยรีเซ็ตพาสเวิร์ดข้อมูลที่สำคัญรองลงไป
  3. ติดต่อไปยังเครือข่ายที่ให้บริการมือถือของคุณ. ถ้าคุณมีแอคเคาท์หรือรายละเอียดการใช้บริการอยู่ในมือ คุณสามารถยกเลิกบริการมือถือได้เลย (ถ้าคุณตั้งพาสเวิร์ดหรือพาสโค้ดไว้ คุณอาจจะต้องใช้มันในการยกเลิกบริการ) การยกเลิกบริการมือถือนี้จะป้องกันไม่ให้ใครก็ตาม (ไม่ว่าจะเป็นขโมยหรือผู้ที่เก็บมือถือของคุณได้) โทรออกผ่านซิมและเครื่องของคุณ
    • ถ้าคุณใช้มือถือแบบที่จ่ายตามการใช้งาน ไม่ได้ใช้แบบพรีเพด (prepaid) และไม่สามารถหามือถือเจอภายในสองชั่วโมง คุณควรติดต่อไปยังผู้ให้บริการมือถือของคุณทันทีเพื่อยกเลิกบริการ
  4. คุณอาจต้องใช้หลักฐานการแจ้งความในการยื่นเรื่องเพื่อเรียกประกันมือถือที่คุณทำไว้ นอกจากนี้บางบริษัทอาจใช้หลักฐานการแจ้งความในการยกเลิกบริการมือถือด้วย
    • มือถือที่หายส่วนใหญ่มักไม่มีใครสนใจและถูกปล่อยทิ้งไป เนื่องจากทุกคนคิดว่าคงไม่มีใครใจดีมากพอที่จะเก็บมันมาคืน
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

การป้องกันการสูญหายที่อาจจะเกิดขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มือถือทุกเครื่องจะมีซีเรียลนัมเบอร์หรือหมายเลขประจำเครื่องอยู่ หมายเลขที่ระบุตัวเครื่องนี้อาจเรียกว่า “IMEI” international mobile equipment identity) “MEID” (mobile equipment identifier) หรือ “ESN” (electronic serial number) ก็ได้ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของมือถือที่คุณใช้ ทั้งนี้ตำแหน่งของหมายเลขจะแตกต่างกันตามแต่ละยี่ห้อ แต่ส่วนใหญ่มักระบุอยู่ในสติกเกอร์ที่อยู่ใต้แบตเตอร์รี [11]
    • เมื่อคุณซื้อมือถือมาใหม่ อันดับแรกคือหาซีเรียลนัมเบอร์ของเครื่อง จากนั้นจดหมายเลขดังกล่าวไว้ และเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย
    • ถ้าคุณทำมือถือหาย คุณควรแจ้งซีเรียลนัมเบอร์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ให้บริการของคุณ เพื่อจะได้ง่ายต่อการตามหา
  2. บางเว็บไซต์อย่าง “MissingPhones.org” เป็นเว็บที่เปิดให้คุณลงทะเบียนมือถือของคุณไว้ ซึ่งจะช่วยให้คุณตามหามือถือได้ง่ายขึ้น ในกรณีที่ทำหายหรือถูกขโมย [12]
    • คุณจะต้องใช้ซีเรียลนัมเบอร์ของเครื่องในการลงทะเบียนมือถือในเว็บดังกล่าวด้วย
  3. ถ้าคุณชอบทำของหายหรือขี้ลืมเป็นประจำ คุณควรหาทางป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นบ่อยๆ ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะมีค่ามากน้อยเพียงใด โดยกำหนดพื้นที่ที่ใช้วางหรือเก็บสิ่งของต่างๆ ไว้ และต้องทำให้ติดเป็นนิสัย วิธีนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าจะต้องไปหาที่ไหนเมื่อมันหายไป [13]
    • ถ้าคุณชอบทำมือถือหายที่บ้าน ลองวางเก็บไว้บนชั้นวางของหรือโต๊ะรับแขกให้เป็นประจำ เวลาคุณไม่ได้ใช้หรือเก็บไว้กับตัว
    • เมื่อคุณเก็บมือถือไว้กับตัว ควรกำหนดกระเป๋าที่ใช้ใส่มือถือ และหมั่นตรวจเช็คสิ่งของในกระเป๋าทุกครั้งก่อนออกไปไหน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเก็บกุญแจ กระเป๋าตังค์ และมือถือไว้ในกระเป๋ากางเกง คุณก็ควรตบๆ ดู หรือล้วงเข้าไปเช็คว่าเอามาครบแล้วก่อนออกจากบ้าน
  4. เตรียมพร้อมเพื่อป้องกันการสูญหายที่อาจจะเกิดขึ้น. การป้องกันไม่ให้มือถือสูญหาย ถูกขโมย หรือลืมทิ้งไว้ สามารถทำได้หลายวิธี คุณจะลงทะเบียนเข้าใช้จีพีเอสในการระบุตำแหน่งมือถือก็ได้ หรือใช้บริการผ่านผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตหรือผู้ให้บริการรายอื่นๆ อย่าง “AccuTracking” หรือ “Belon.gs” ในการติดตามตำแหน่งมือถือก็ได้ นอกจากนี้ คุณควรจดซีเรียลนัมเบอร์ของเครื่องเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์หรือที่บ้านด้วย เผื่อคุณทำมือถือหาย จะได้ตามหาได้ง่ายๆ [14]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าทำได้ ควรตั้งพาสเวิร์ดในการเข้าใช้มือถือไว้เสมอ มือถือส่วนใหญ่สามารถตั้งพาสเวิร์ดสำหรับล็อกหน้าจอได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครก็ตามเข้าใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ควรแสดงข้อมูลที่ใช้ติดต่อกลับไว้ในหน้าโฮมสกรีน วิธีนี้จะช่วยให้ใครก็ตามที่เก็บมือถือได้ และอยากส่งคืนให้เจ้าของ สามารถติดต่อกลับไปได้ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจทำให้ผู้ที่ไม่ประสงค์ดีรู้ที่อยู่หรือข้อมูลของคุณ และนำไปใช้ในทางมิชอบได้
  • แบ็คอัพหรือสำรองข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในมือถือของคุณไว้ ในกรณีที่คุณเคยทำหายหรือถูกขโมยมาก่อน
  • ควรจดเลข “IMEI” ของเครื่องไว้ เผื่อทำหายในอนาคต คุณสามารถเช็คหมายเลข “IMEI” ผ่านมือถือได้โดยกด “*#06#” จากนั้นหมายเลขดังกล่าวก็จะปรากฏขึ้นมา ให้คุณจดและเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย เผื่อนำมาใช้เมื่อมือถือหายหรือถูกขโมย
โฆษณา

คำเตือน

  • การทำมือถือหายอาจทำให้คุณหงุดหงิดอารมณ์เสีย แต่ควรคิดไว้เสมอว่า มันก็เป็นแค่สิ่งของ คุณยังมีชีวิตอยู่ได้แม้ไม่มีมัน สิ่งสำคัญคือควรตั้งสติรวบรวมสมาธิ และรีบดำเนินการป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินถูกขโมยไป
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

แก้ไขเมื่อมือถือขึ้นข้อความเตือนว่าไม่มีซิม
ใช้งาน WeChat
กำจัดฟองอากาศบนฟิล์มกันรอย
หา PUK Code ของมือถือ
ปลดล็อคซิมโดยไม่ใช้รหัส PUK
เช็คเบอร์มือถือตัวเองจากซิม
โทรออกแบบไม่โชว์เบอร์
แก้ไขเมื่อมือถือขึ้นว่าโทรฉุกเฉินเท่านั้น
โทรเข้าเบอร์ต่อ (extension)
ค้นหา Apple Watch ที่หายไปอย่างไรเมื่อแบตเตอรี่หมด
เช็คว่ามือถือปลดล็อคเครือข่ายหรือยัง
โกงจำนวนนับก้าวในมือถือแบบไม่ต้องเดิน
หาเบอร์มือถือสำหรับใช้ชั่วคราว
เช็คผ่าน iPhone หรือ iPad ว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความของคุณหรือยัง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 29,066 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา