ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

สิ่งที่คุณรัก คือเหตุผลที่ทำให้คุณตื่นขึ้นมาในยามเช้า และเพียงแค่คิดถึงก็ทำให้คุณตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ สิ่งที่คุณรักอาจเป็นเพียงความรู้สึกพอใจอยู่เงียบๆ เพราะรู้ว่าคุณกำลังใช้ชีวิตอย่างที่คุณต้องการ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เขาหรือเธอรักคืออะไร แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาสิ่งที่คุณรักเพื่อเป็นแนวทางในการเริ่มต้นอาชีพใหม่ หรือกำลังมองหางานอดิเรกหรือกิจกรรมใหม่ๆ ที่คุณสามารถใช้เวลาจดจ่ออยู่กับมันได้อย่างเต็มที่ ในโลกนี้ก็มีวิธีการอยู่มากมายที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อค้นหาสิ่งที่คุณรัก

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 5:

พิจารณาจุดที่คุณยืนอยู่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลองคิดดูสิว่าสิ่งใดมักเป็นแรงจูงใจในการตัดสินใจของคุณ. สุดท้ายแล้ว ผู้คนจำนวนมากมักเลือกที่จะฟังความคิดของ "ตัวตนทางสังคม" ของพวกเขามากเกินไป ตัวตนนี้เป็นส่วนหนึ่งภายในตัวคุณที่ต้องการเป็นที่ยอมรับ และต้องการให้คนอื่นมองคุณในแง่ดี สุดท้ายเราจึงเลือกที่จะทำตามกฎเกณฑ์ของสังคม แต่ถึงแม้ความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมใหญ่นี้จะเป็นความคิดที่ดีไม่น้อย แต่การตัดสินใจทุกอย่างโดยตั้งอยู่บนรากฐานที่ว่า "คนอื่น" คิดว่าอะไรเหมาะสำหรับคุณนั้น สุดท้ายแล้วมันจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนคุณพลาดที่จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ [1]
    • สิ่งเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงชีวิตของคุณ แต่ตอนที่คุณอายุยังน้อยอาจจะเป็นช่วงเวลาที่คุณอ่อนไหวต่อเรื่องพวกนี้มากเป็นพิเศษ เพราะคุณอาจรู้สึกว่าคุณจำเป็นต้องเชื่อฟังพ่อแม่หรือผู้ใหญ่คนอื่นๆ [2]
    • หยุด "สั่งให้ตัวเองทำสิ่งที่ควร" หรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า "shoulding" วลี "shoulding" นั้นบัญญัติขึ้นโดยนักจิตวิทยา เคลย์ตัน บาร์บิว ซึ่งสร้างแนวคิดนี้ขึ้นมาเพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคนเราปล่อยให้แรงกดดันจากภายนอกเป็นตัวกำหนดความคิดว่าเรา "ควร" ทำอะไร [3] ความคิดแบบนี้มักทำให้คุณไม่มีความสุขหรือไม่ได้รู้สึกพอใจกับสิ่งที่คุณเลือกจริงๆ เพราะการตัดสินใจของคุณมันมาจากความรู้สึกผิดหรือความกลัวบางอย่าง ไม่ได้มาจากความต้องการของคุณเอง [4] ลองคิดดูสิว่าจริงๆ แล้วคุณ "ต้องการ" ทำอะไร โดยไม่ต้องไปใส่ใจสิ่งที่คุณรู้สึกว่า "ควร" ทำ เพราะคนอื่นบอกว่าคุณควรทำ
    • “ความชอบ” มีบ่อเกิดมาจาก ความจริงแท้ หรือความรู้สึกที่ว่าคุณกำลังให้เกียรติตัวเองในการตัดสินใจ มากกว่าที่จะพยายามเป็นอะไรที่คนอื่นต้องการให้เป็นเพียงเพื่อให้พวกเขาพอใจ ความรู้สึกนี้จะแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิงในแต่ละบุคคล ไม่มีใครอื่นสามารถบอกได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ "จริงแท้" สำหรับคุณ มีเพียงคุณเท่านั้นที่จะตัดสินใจได้ [5]
  2. คุณค่าที่คุณยกย่องคือความเชื่อหลักที่คุณยึดถือปฏิบัติในชีวิต ซึ่งอาจเป็นความเชื่อทางศาสนาหรือความเชื่อเกี่ยวกับจิตวิญญาณ สิ่งเหล่านี้สามารถสะท้อนให้เห็นบุคลิกของคุณ และยังเป็นสิ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้มากที่สุด [6] มีงานวิจัยหนึ่งชี้ให้เห็นว่า เมื่อไรก็ตามที่คุณใช้ชีวิตขัดกับสิ่งที่คุณเชื่อ คุณจะรู้สึกไม่มีความสุขและไม่มีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งใดๆ และยังอาจกลายเป็นคนที่ชอบผัดวันประกันพรุ่งมากกว่าเก่า เพราะคุณมองไม่เห็นว่าสิ่งที่คุณกำลังทำมันมีคุณค่าอะไรตรงไหน [7] [8]
    • การค้นหาคุณค่าที่คุณยกย่องมากที่สุดในชีวิตอาจเป็นไปได้ยาก หากคุณไม่เคยลองใคร่ครวญดูจริงๆ จังๆ สักที หรือหากในชีวิตของคุณ ความจำเป็นและความต้องการของผู้อื่นมักมาก่อนความต้องการของตัวคุณเองเสมอ ลองใช้เวลาพิจาณาสิ่งต่างๆ ที่คุณเคยทำในอดีต และคิดดูสิว่าอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามัน "ใช่" สำหรับชีวิตของคุณ [9]
  3. ลองถามคำถามที่จะทำให้คุณรู้จักตัวเองมากขึ้น. คนจำนวนมากไม่เคยนั่งลงและไตร่ตรองดูจริงๆ จังๆ ว่าสิ่งที่พวกเขาเชื่อนั้น ความจริงแล้วมัน "คืออะไร" ลองให้เวลาตัวเองได้ถามตัวคุณเองดูสิว่า อะไรกันแน่คือสิ่งที่ "ใช่" สำหรับคุณ และอะไรที่คุณทำแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ [10] [11]
    • ลองคิดถึงช่วงเวลาที่คุณรู้สึกมีความสุขมากที่สุด ตอนนั้นคุณกำลังทำอะไร? คุณอยู่กับใคร? คุณคิดว่าทำไมเหตุการณ์หรือสถานการณ์นั้นๆ จึงทำให้คุณมีความสุข? คุณสามารถทำอะไรได้บ้างที่จะทำให้คุณรู้สึกเช่นนั้นได้อีกครั้งในช่วงเวลาอื่นๆ ของชีวิต? [12]
    • ลองคิดถึงช่วงเวลาที่คุณรู้สึกได้รับการเติมเต็มหรือรู้สึกพอใจกับอะไรสักอย่าง ความจำเป็นหรือความต้องการใดที่ได้รับการเติมเต็ม? ช่วงเวลาหรือประสบการณ์ดังกล่าวมีความสำคัญกับคุณอย่างไร? ทำไมจึงคิดเช่นนั้น?
    • มีเรื่องอะไรบ้างที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่คิดถึงหรือพูดถึง? คุณคิดว่าเรื่องดังกล่าวมีผลต่อคุณอย่างไร? [13]
    • ลองคิดดูสิว่าอะไรที่คุณจะรีบวิ่งไปหยิบออกมาถ้าบ้านของคุณถูกไฟไหม้ (ในขณะที่คนในบ้านและสัตว์เลี้ยงของคุณปลอดภัยดีแล้ว) สิ่งของเหล่านั้นมีความสำคัญอย่างไรต่อคุณ? และมันบอกอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่สำคัญต่อคุณ? [14]
    • หากมีเพียงหนึ่งอย่างที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้เกี่ยวกับครอบครัว ชุมชน ที่ทำงาน ละแวกบ้าน หรือแม้แต่โลกใบนี้ คุณอยากจะเปลี่ยนอะไร และทำไมคุณจึงอยากเปลี่ยนสิ่งนั้น?
  4. ลองมองหารูปแบบหรือสาระสำคัญภายในคำตอบของคุณ. เมื่อคุณคิดหาคำตอบให้กับคำถามต่างๆ เรียบร้อยแล้ว (คุณสามารถตั้งคำถามขึ้นเองได้เช่นกัน หากต้องการ) ลองพิจารณาคำตอบของคุณดู อะไรที่ทำให้คุณมีความสุขและทำให้ชีวิตของคุณมีเป้าหมาย? อะไรทำให้คุณรู้สึกพอใจไม่ได้มากอย่างที่คุณคิด? [15]
    • เช่น บางที คุณอาจจำได้ว่าคุณรู้สึกภูมิใจในตัวเองเอามากๆ เมื่อคุณทำบางอย่างสำเร็จได้ด้วยตัวเอง นั่นแสดงว่าบางที แนวคิดที่คุณยกย่องอาจจะเป็น ความเป็นอิสระ การพึ่งพาตนเอง และความทะเยอทะยาน
    • คุณอาจรู้สึกว่าชีวิตของคุณได้รับการเติมเต็มมากที่สุดเมื่อคุณสามารถถ่ายทอดความเป็นตัวคุณออกมาผ่านงานศิลปะ ถ้าเป็นเช่นนั้น บางที สิ่งที่คุณยกย่องอาจจะเป็น ความคิดสร้างสรรค์ การค้นหาสิ่งใหม่ๆ และจินตนาการ
    • บางทีคุณอาจจะมีความสุขมากที่สุดเมื่อได้ช่วยสอนการบ้านเด็กๆ หรือได้ช่วยเพื่อนบ้านทำสวน นี่อาจจะหมายความว่าสิ่งที่คุณยกย่องอาจจะเป็น การให้ความช่วยเหลือ ชุมชน และการได้มีส่วนช่วยให้สังคมดีขึ้น
    • จำไว้ว่าสิ่งที่คุณยกย่องนั้นเป็นเป็นสิทธิ์ "ของคุณ" อย่าตัดสินสิ่งเหล่านี้โดยอาศัยมาตรฐานของคนอื่น เพราะบางคนอาจยกย่องความรู้สึก/การกระทำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือการแข่งขัน ในขณะที่บางคนยกย่องสิ่งที่มีระเบียบแบบแผนหรือการทำงานเป็นทีม และที่สำคัญคือ ไม่มีแนวคิดใด "ดีไปกว่า" แนวคิดใด
  5. ลองมองดูชีวิตของคุณ แล้วพิจาณาดูสิว่าคุณกำลังทำสิ่งที่คุณชอบอยู่แล้วรึเปล่า เพียงแต่อาจไม่ได้ทำบ่อยๆ ลองคิดดูว่ามีอะไรบ้างที่คุณชอบทำเอามากๆ เพราะการปรับเปลี่ยนสิ่งนั้นให้กลายเป็นสิ่งที่คุณรักสามารถช่วยค้นหาความปรารถนาที่ซุกซ่อนอยู่ภายในจิตใจของคุณได้ และนี่คือตัวอย่างคำถามที่คุณควรลองถามตัวเองดู: [16]
    • เป้าหมายของฉันคืออะไร?
    • ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำอะไร?
    • สิ่งใดที่ฉันพยายามทำอย่างต่อเนื่อง?
    • อะไรที่สามารถดึงดูดความสนใจของฉันได้?
    • หากมีสิ่งหนึ่งที่ฉันสามารถทำได้ตลอดชีวิต สิ่งๆ นั้นคืออะไร?
    • อะไรที่ฉันชอบทำเอามากๆ?
    • มีอะไรบ้างที่ฉันอยากทำ แม้จะไม่ได้เงินจากสิ่งนั้นก็ตาม?
    • อะไรที่สามารถทำให้ฉันลืมเรื่องอื่นๆ ไปเสียสนิท?
    • กิจกรรมอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าฉันอยู่ในที่ "ของฉัน" จริงๆ?
    • ฉันกำลังทำอะไรอยู่นะ ตอนที่ฉันรู้สึกว่านี่แหละมัน "ใช่" รู้สึกว่าฉัน "ดูดี" หรือรู้สึกว่าได้ทำอะไรที่ "เป็นตัวของตัวเอง"?
    โฆษณา
เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

Adrian Klaphaak, CPCC

โค้ชชีวิตและอาชีพ
เอเดรียน คลาฟากเป็นโค้ชอาชีพและผ฿้ก่อตั้ง A Path That Fits บริษัทโค้ชอาชีพและชีวิตในเบย์แอเรียซานฟรานซิสโก เขาได้ทำงานร่วมกับผู้คนมากมายที่มุ่งหวังจะสร้างสิ่งดีๆ บนโลกนี้ และยังช่วยคนเกิน 1000 คนสร้างเส้นทางอาชีพที่สำเร็จและมีจุดมุ่งหมายที่ชัดขึ้น
Adrian Klaphaak, CPCC
โค้ชชีวิตและอาชีพ

ไม่เป็นไรหรอกถ้าความชอบของคุณไม่ได้มีอะไรสูงสุดเพียงเรื่องเดียว การค้นพบความชอบเป็นการค้นพบตัวเองขั้นลึกขึ้น แต่คุณอาจไม่ได้มีความชอบสุดยอดเพียงสิ่งเดียว ความชอบส่วนใหญ่เริ่มจากการสงสัยใคร่รู้หรือความสนใจ นานไปมันก็เติบโตขึ้น ลองคิดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดของชีวิตที่ทำให้คุณรู้สึกคึกคักหรือทำให้คุณรู้สึกอยากรู้มากมาย ยิ่งคุณทุ่มเทกับเรื่องเหล่านี้มากแค่ไหน คุณก็จะยิ่งพัฒนาพรสวรรค์กับความเชี่ยวชาญมากขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณสามารถสร้างงานที่โดนใจหรือก่อแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่น

  1. ขั้นตอนนี้จะต่างจากการเขียนรายการสิ่งของทั้งหมดที่ทำให้คุณมีความสุข เพราะคุณจะต้องเขียนทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณฝันอยากทำมาโดยตลอด แต่ไม่ได้ทำสักที ซึ่งอาจเป็นเพราะคุณไม่มีเวลา ไม่มีเงิน หรืออาจเป็นเพราะมันไม่สามารถเป็นไปได้ หรืออาจจะเป็นอะไรที่น่ากลัวไปหน่อย และนี่คือตัวอย่างคำถามที่คุณควรลองถามตัวเองดู:
    • สิ่งหนึ่งที่ฉันเฝ้าฝันอยากทำมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยได้ทำสักทีคืออะไร?
    • ตอนเด็กๆ ฉันเคยฝันอยากทำอะไร?
    • ฉันมีความฝันอะไรบ้างนะ ที่ไม่สามารถเป็นจริงได้ จึงจำเป็นต้องละทิ้งไปในที่สุด?
    • ฉันชอบอ่านเรื่องอะไร หรือชอบนั่งฝันกลางวันถึงเรื่องอะไร?
    • มีอะไรบ้างที่ฉันกลัวจนไม่กล้าลองทำ เพราะมันทำให้ฉันต้องก้าวออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง?
    • มีอะไรบ้างที่ฉันอยากทำมาโดยตลอด แต่ไม่เคยได้ทำสักทีเพราะกังวลเรื่องเงิน?
    • มีอะไรบ้างที่ฉันอยากทำมาโดยตลอด แต่ไม่เคยได้ทำสักทีเพราะกลัวว่าจะล้มเหลว หรือแค่รู้สึกว่ายังไม่เก่งเรื่องนั้นมากพอ?
    • มีเรื่องอะไรบ้างนะ ที่เมื่อได้รู้ว่าคนที่ฉันรู้จักทำได้ ฉันก็รู้สึกตื่นเต้นแทนขึ้นมาเลย?
    • มีอะไรบ้างที่ฉันอยากทำ หากไม่มีข้อจำกัดใดๆ มาขวางกั้น?
  2. กระดานแปะอนาคต หรือที่คุณอาจเรียกว่า กระดานความฝันหรือกระดานความคิดสร้างสรรค์นั้น เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่อาจช่วยกระตุ้นความหลงใหลของคุณได้ เพราะบางคนอาจถนัดคิดจากภาพมากกว่า และสามารถตอบสนองต่อของสะสมที่สื่อถึงอะไรบางอย่างสำหรับพวกเขาได้ดีกว่า [17]
    • ลองสะสมภาพหรือคำคมสร้างแรงบันดาลใจที่สื่อถึงอะไรบางอย่างที่มีความหมายต่อคุณ คุณอยากเป็นเหมือนใคร คุณปรารถนาสิ่งใดจากชีวิตนี้ คุณอยากสร้างหรือผลิตอะไรบ้างไหม
    • นอกจากนี้ คุณยังสามารถสร้างกระดานแปะภาพอนาคตได้ในเว็บไซต์ต่างๆ เช่น Pinterest
  3. ลองตัดสินใจดูว่า อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ. ชีวิตคนเรามันต้องมีการลดหย่อนผ่อนปรนกันบ้าง เพราะคุณคงไม่มีเวลาและพลังงานมากพอจะทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ การตัดสินใจว่าสิ่งใดที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ [18] การค้นหาสิ่งที่คุณให้คุณค่ามากที่สุดในชีวิตจะช่วยให้คุณไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดกับการต้องพยายามขวนขวายให้ได้ทุกอย่างมาครอบครอง [19]
    • สำหรับคุณ มันสำคัญรึเปล่าที่คุณจะต้องรักในอาชีพที่คุณทำ เพราะคุณอาจต้องสละอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตเพื่อมาทำอาชีพนี้ เช่น งานอดิเรก หรือแม้แต่ความมั่นคงทางการเงิน
    • สำหรับคุณ มันสำคัญไหมที่จะต้องมีเงินเยอะๆ เพื่อให้คุณสามารถไล่ตามความฝัน ซึ่งอาจจะเป็นออกเดินทางท่องเที่ยว หรืองานอดิเรกอื่นๆ หากมันเป็นเรื่องสำคัญแล้วล่ะก็ คุณอาจต้องหางานที่มั่นคง รายได้ดี แต่น่าตื่นเต้นน้อยกว่า จะได้มีเงินเก็บเพื่อไปทำในสิ่งที่คุณต้องการ
    • พยายามระบุความต้องการของคุณให้ชัดเจนที่สุด การบอกเพียงว่าคุณต้องการ "ความสุข" และ "ความสำเร็จ" นั้นออกจะคลุมเครือเกินไปและไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ลองใช้สิ่งที่คุณค้นพบจากการพิจารณาคุณค่าที่คุณยกย่องและสิ่งที่คุณชอบทำ เพื่อเป็นแนวทางในการค้นหาว่า "อะไร" กันนะที่จะทำให้คุณมีความสุขได้
    • แม้การตัดสินเลือกจะทำให้คุณต้องสุญเสียบางอย่างหรือจำใจต้องลดหย่อนบางอย่างลงมาบ้าง แต่คุณก็จะรู้สึกพอใจกับชีวิตมากขึ้น และมีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น เพราะตอนนี้ สิทธิ์ในการตัดสินใจเลือกมันอยู่ในมือของคุณเอง ชีวิตของคุณจะไม่ถูกขับเคลื่อนด้วยความความคาดหวังของใครๆ อีกต่อไป แต่มันจะก้าวไปด้วยการตัดสินใจของ "คุณ" เอง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 5:

วางรากฐาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาจเป็นเป้าหมายใหญ่ๆ เช่น "หางานใหม่" หรืออาจจะเป็นเป้าหมายเล็กๆ เช่น "ไปเรียนศิลปะเพิ่ม" ลองพิจารณาคำถามต่อไปนี้ เพื่อช่วยให้คุณสามารถตั้งเป้าหมายที่น่าจะสำเร็จได้:
    • ใคร กันที่มีส่วนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายนี้? ส่วนใหญ่แล้วคนๆ นั้นมักจะเป็นตัวคุณเอง แต่หากเป้าหมายของคุณมีคนอื่นรวมอยู่ในนั้นด้วย เช่น คุณอาจ "ต้องการใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น" แสดงว่าครอบครัวของคุณก็มีส่วนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายนี้
    • รายละเอียดเกี่ยวกับเป้าหมายของคุณมี อะไรบ้าง ? สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใครหลายๆ คนทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จนั่นก็คือ การตั้งเป้าหมายที่คลุมเครือเกินไป คุณต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนมากที่สุด เป้าหมายอย่างเช่น ฉันอยาก "เรียนรู้วิถีแห่งศิลปิน" นั้นออกจะกว้างไปหน่อย ให้คุณลองตั้งเป้าหมายประมาณ "ฉันอยากเข้าชั้นเรียนศิลปะเพื่อค้นหาความเป็นศิลปินภายในตัวเอง" ซึ่งสามารถจัดการได้ง่ายกว่า
    • คุณจะ ใช้เวลาเท่าไร ในการดำเนินการแต่ละขั้นตอนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้นๆ ได้ในที่สุด? เป้าหมายหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะเป้าหมายใหญ่ๆ หรือยากๆ นั้นจำเป็นต้องอาศัยขั้นตอนมากมาย คุณจึงควรกำหนดเวลาให้ชัดเจนไปเลยว่าขั้นตอนนั้นๆ จะต้องสำเร็จให้ได้ภายในเมื่อไร เช่น "ฉันจะหาคอร์สเรียนศิลปะในละแวกบ้านให้ได้ภายในสัปดาห์นี้ แล้วสัปดาห์หน้าฉันจะลงทะเบียนและหาซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ และจะเข้าเรียนในอีกหนึ่งสัปดาห์ถัดจากนั้น"
    • เป้าหมายนี้จะเกิดขึ้น ณ ที่ใด ? สำหรับหลายๆ เป้าหมาย อย่างเช่น "ออกกำลังให้มากขึ้น" นั้น การรู้สถานที่ที่คุณจะดำเนินการอาจเป็นประโยชน์ก็ได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการออกกำลังกายให้ได้ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ คุณควรตัดสินใจด้วยว่าคุณจะไปออกกำลังที่ฟิตเนส ไปวิ่ง ออกกำลังกายที่บ้าน หรือจะเข้าคอร์สออกกำลังกายเลยดี
    • คุณจะใช้ วิธีการใด ในการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน? สิ่งนี้จะช่วยกำหนดกรอบเป้าหมายของคุณได้ ตัวอย่างเช่น หากเป้าหมายของคุณคือ "ไปฝรั่งเศส" ลองคิดดูสิว่าคุณจะต้องทำอะไรบ้างในแต่ละขั้นตอน เช่น "ดูคู่มือและเว็บไซต์ท่องเที่ยว" จากนั้นก็ "ลองคุยกับเพื่อนที่เคยไปฝรั่งเศสมาก่อน" จากนั้นก็ "จองตั๋ว" แล้วก็ "ทำพาสปอร์ต" ฯลฯ
    • คุณทำสิ่งนี้ไป ทำไม ? เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับแรงจูงใจที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้มากขึ้น และการบรรลุเป้าหมายนี้จะช่วยให้คุณได้ทำตามสิ่งที่คุณรักได้อย่างไร
  2. ตั้งคำมั่นปฏิญาณกับตัวเองไว้เลยว่าจะอยู่ให้ห่างจาก “วงจรความคิดที่ว่า ใช่แล้ว-แต่”. มาร์ธา เบค กูรูด้านการช่วยเหลือตัวเองใช้วลีนี้เพื่ออธิบายความกลัวที่ทำให้คุณไม่กล้าออกไปลองสิ่งใหม่ๆ คำว่า "ใช่แล้ว" นั้นอธิบายถึงความตื่นเต้นหรือแรงบันดาลใจที่ขับเคลื่อนให้คุณออกค้นหาสิ่งที่คุณรัก ในขณะที่คำว่า "แต่" นั้นสื่อถึงความกลัวที่แทรกซึมเข้ามา ทำให้คุณไม่กล้าออกไปตามหาความฝัน [20]
    • ดังนั้น ในคราวต่อไปที่คุณพบว่าตัวเองวกกลับมาคิดว่า “ใช่แล้ว ถ้าฉันได้เที่ยวรอบโลก/สร้างบ้านนก/หางานใหม่ มันจะต้องเจ๋งสุดๆ ไปเลย แต่...” จง หยุด คิดเดี๋ยวนี้
    • ถามตัวเองดูสิว่า เจ้าคำว่า “แต่” หรืออุปสรรค หรือสิ่งกีดขวางที่คุณกำลังคิดถึง มันเป็นสิ่งที่คุณจะเอาชนะไม่ได้จริงๆ เลยเหรอ? หรืออาจแค่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สักหน่อยก็น่าจะพอแก้ได้?
    • เช่น เป้าหมายของคุณอาจเป็น “ฉันอยากไปเที่ยวรอบโลก แต่ฉันไม่มีเงิน” เรื่องเงินอาจดูเหมือนเป็นอุปสรรคที่ไม่สามารถแก้ได้ แต่มันก็พอมีทางอยู่นะ ลองเก็บเงินโดยนึกถึงเป้าหมายของคุณเข้าไว้ หรือลองขายของที่คุณมีอยู่แล้วเอากำไรที่ได้มาใช้ จากนั้นค่อยอาศัยโบกรถและหวังพึ่งน้ำใจของคนแปลกหน้าดูสักหน่อย สุดท้าย มันต้องมีสักทางแหละที่จะทำให้คุณได้ทำในสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณมากจริงๆ
  3. ฝึกทำความเข้าใจกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง. หนึ่งในอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถดับฝันในการออกตามหาสิ่งที่คุณรักนั่นก็คือ ความกลัว [21] เมื่อการตัดสินใจของคุณถูกกระตุ้นจากความกลัว คุณจะไม่กล้าทำอะไรเสี่ยงๆ หรือทำให้ตัวคุณมีจุดอ่อน แต่ความจริงแล้ว การเปิดให้ตัวเองมีจุดอ่อนและการยอมเปิดใจบ้างนั้นถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความรู้สึกผูกพัน ทั้งกับตัวคุณและคนอื่นๆ [22] ความกลัวมักเกิดขึ้นเมื่อคุณหมกมุ่นเกี่ยวกับสิ่งที่ "อาจ" เกิดขึ้นมากเกินไป จนคุณไม่ยอมรับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การฝึกทำความเข้าใจกับอารมณ์ความรู้สึกของตนเองสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ [23]
    • ฝึกตั้งชื่อความกลัวของคุณ แต่อย่าไปตัดสินว่ามันผิดหรือถูก! แค่พยายามรับรู้ถึงสิ่งที่คุณกำลังรู้สึก ณ ขณะนั้น ตัวอย่างเช่น “ฉันกลัวที่จะเสี่ยงทำสิ่งนี้ เพราะมันอาจจะจบไม่สวย” [24] จากนั้นให้ปลอบตัวเองด้วยการบอกย้ำกับตัวเอง เช่นว่า “ฉันควบคุมไม่ได้ว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร สิ่งเดียวที่ฉันสามารถควบคุมได้นั่นคือ การกระทำของตัวฉันเอง"
    • อย่าพยายามเก็บกดความกลัวของคุณไว้ เพราะการเก็บกดอารมณ์บางอย่างไว้รังแต่จะทำให้มันรุนแรงมากขึ้น ให้คุณลองนั่งลงแล้วจมอยู่กับความรู้สึกนั้นสักพัก ลองสำรวจดูสิว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นอย่างไร พยายามอ่อนโยนกับตัวเอง บอกย้ำกับตัวเองว่าอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ใครๆ ก็เป็นกัน ความรู้สึกกลัวก็เช่นเดียวกัน [25]
    • ลองฝึกการเจริญสติ การเจริญสติช่วยให้คุณสามารถสำรวจความรู้สึกของคุณได้โดยไม่พยายามไปตัดสินมัน ซึ่งจะช่วยให้คุณก้าวพ้นความรู้สึกกลัวได้ในที่สุด
  4. การค้นหาสิ่งที่คุณรักนั้นจำเป็นต้องมีการลองผิดลองถูก และการลองผิดลองถูกก็อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย คุณอาจต้องลองโน่นลองนี่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอสิ่งที่ “คลิก” กับคุณ หลายๆ คนตามหาสิ่งที่พวกเขารักไม่เจอ เพราะพวกเขาเริ่มถอดใจเลิกค้นหาเมื่ออะไรๆ เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ [26] [27]
    • ยอมรับว่าคุณอาจต้องเจอสิ่งกีดขวางที่จะเข้ามาท้าทายคุณตลอดทั้งเส้นทาง แต่ก็ไม่เป็นไร! ลองมองทุกความท้าทายเป็นประสบการณ์ให้คุณได้เรียนรู้ และเมื่อถึงเวลาที่คุณได้ค้นพบสิ่งที่คุณรักอย่างแท้จริง ตอนนั้นคุณก็จะมีทั้งประสบการณ์และความรู้มากมายที่สั่งสมมาในระหว่างทางที่คุณออกตามล่าความฝัน
    • อ่อนโยนกับตัวเอง ใครบางคนอาจจะมาวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่คุณรัก พวกเขาอาจจะคิดว่ามันงี่เง่า ดูไม่มีความรู้ ไม่ฉลาด หรือน่าเบื่อไปหน่อย แต่จงอย่าให้คำวิจารณ์ของคนอื่นมาขัดขวางคุณได้ เพราะสิ่งที่คุณรักมันเป็น "สิทธิ์ของคุณ" คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายสิ่งที่คุณเลือกให้ใครๆ ฟัง นอกจากตัวคุณเอง [28]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 5:

ใช้ความสนใจของคุณให้เป็นประโยชน์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณอาจรู้สึกว่าชีวิตของคุณตอนนี้มักซ้ำซากจำเจหรือน่าเบื่อเกินกว่าที่คุณจะมีเวลามานั่งคิดเรื่องความฝันและสิ่งที่คุณรัก แต่มันต้องมีช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของคุณแหละ ที่คุณฝันอย่างจริงจังว่าจะได้ออกไล่ตามความฝันอย่างกล้าหาญและตื่นเต้นแบบสุดๆ ลองมองย้อนกลับไปยังตัวคุณในวัยเด็ก และคิดถึงสิ่งที่คุณเคยฝันอยากทำในช่วงที่คุณยังเป็นเด็กหรือยังเป็นวัยรุ่น ลองคิดดูสิว่าจะมีวิธีการใดที่จะทำให้คุณสามารถจุดประกายความฝันเหล่านั้นขึ้นมาอีกครั้ง [29]
    [30]
    • หากคุณเคยฝันอยากเป็นนักบินอวกาศ ตอนนี้ ความคิดนี้อาจไม่ดึงดูดใจคุณมากเท่าเมื่อก่อน แต่ให้ลองคิดดูสิว่าเหตุใดคุณจึงสนใจความคิดนี้ในตอนแรก บางทีอาจจะเป็นเพราะมันเกี่ยวกับการได้ออกสำรวจอวกาศ วิทยาศาสตร์ หรือการผจญภัย ถ้าอย่างนั้น ลองคิดดูสิว่าคุณจะสามารถหาความชอบใหม่ๆ จากสิ่งเหล่านี้ได้หรือไม่
    • จงกล้าเข้าไว้ หากคุณเคยฝันอยากเป็นนักร้องหรือนักแสดง ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง
    • โชคร้ายที่บางครั้ง คุณอาจต้องเลือกวิธีที่เป็นไปได้จริงสักหน่อย เช่น ถ้าตอนสิบขวบ คุณเคยฝันอยากเป็นนักยิมนาสติกโอลิมปิก แต่ตอนนี้คุณอายุสี่สิบ อนาคตเหรียญทองจึงดูไม่น่าเป็นไปได้แล้ว แต่ถ้าครั้งหนึ่งคุณเคยหลงใหลในกีฬายิมนาสติกอย่างมาก ลองคิดดูสิว่ามีทางอื่นไหมที่จะทำให้คุณสามารถย้อนกลับไปหามันได้ เช่น ไปเป็นเทรนเนอร์ โค้ช หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในโรงยิมที่เขากำลังฝึกให้ได้มากที่สุด
    • หากคุณโชคดีเคยเขียนไดอารี่ไว้ในสมัยเด็ก ลองเปิดอ่านและดูสิว่าความชอบใดที่เคยจุดประกายความฝันของคุณ และความฝันใดที่คุณเขียนถึงมันซ้ำแล้วซ้ำอีก
  2. คุณอาจจะมีความสามารถมากกว่าหนึ่งอย่าง บางทีคุณอาจจะเล่นจักรยาน BMX ได้เก่งสุดๆ และในขณะเดียวกันก็รักในการเขียนเอามากๆ ลองนึกภาพดูสิว่าคุณจะสามารถเขียนหนังสือเกี่ยวกับการเล่น BMX และเทคนิคการเล่นต่างๆ หรืออาจจะเขียนเรื่องจริงเกี่ยวกับนักเล่น BMX ที่เริ่มต้นทำสิ่งที่พวกเขารักออกมาได้ไหม นี่เป็นตัวอย่างอื่นๆ ในการรวมความสามารถของคุณเข้าด้วยกัน:
    • คุณอาจจะรักการแต่งกลอนมากพอๆ กับการเต้นเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก หากเป็นเช่นนั้น คุณสามารถถ่ายทอดความรู้สึกในกลอนผ่านการเต้นได้ไหม หรือจะเขียนบทกวีเกี่ยวกับความรักในการเต้นของคุณได้หรือเปล่า?
    • หากคุณเป็นนักเขียนมากความสามารถ จงใช้ประโยชน์จากทักษะการเขียนของคุณให้มากที่สุด หากคุณรักอะไรสักอย่าง การทำบล็อกหรือเว็บไซต์เกี่ยวกับสิ่งนั้นจะทำให้คุณสามารถแชร์สิ่งที่คุณรักกับคนอื่น ทำให้คุณได้ใช้ทักษะการเขียน และคุณยังสามารถนำสิ่งที่คุณรักมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในงานที่คุณกำลังทำ
    • หากคุณหลงใหลในภาษาและอีกศาสตร์หนึ่งที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย เช่น ธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ลองคิดดูสิว่าคุณจะสามารถใช้ทักษะทางภาษาของคุณเพื่อทำงานแปลหรือเป็นล่ามเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมได้หรือเปล่า
  3. เปลี่ยนงานอดิเรกที่ชอบเป็นสิ่งที่คุณรักในทุกวินาที. หากในชีวิตของคุณมีบางสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น มีความสุข หรือทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าในทุกครั้งที่ได้ทำ ทำไมไม่ลองเปลี่ยนงานอดิเรกหรือกิจกรรมนั้นๆ เป็นสิ่งที่คุณสามารถมุมานะได้แบบเต็มเวลาดูล่ะ แม้คุณอาจจะรู้สึกกลัวที่ต้องเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ แต่ถ้าคุณรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่คุณชอบคืออะไร ลองใช้เวลาทำสิ่งนั้นให้มากขึ้นเพื่อดูว่ามันเป็นสิ่งที่คุณรักหรือไม่
    • งานอดิเรกของคุณจะเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่การทำเครื่องเคลือบดินเผา วาดภาพ แต่งกลอน สอนโยคะ หรืองานพิมพ์สกรีน
    • หากคุณไม่สามารถสร้างเงินได้จากสิ่งที่คุณรัก (อย่างการวิ่งมาราธอน เป็นต้น) คุณยังสามารถเปลี่ยนงานอดิเรกของคุณเป็นอีกแรงบันดาลสำคัญในการใช้ชีวิตของคุณได้โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมในโลกแห่งการวิ่งด้วยวิธีการอื่นๆ
    • คุณสามารถใช้เวลากับงานอดิเรกที่คุณโปรดปรานเพิ่มมากขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อดูว่าสิ่งนั้นใช่สิ่งที่คุณรักหรือไม่ หากคุณกลัวว่าตัวเองจะละทิ้งทุกสิ่งและอุทิศตัวเองให้กับงานอดิเรกนี้ตลอดเวลา ให้คุณค่อยๆ ปรับเปลี่ยนทีละเล็กทีละน้อยแทน
    • จำไว้ว่า คุณไม่จำเป็นต้องสร้างรายได้จากสิ่งนั้นจึงจะเปลี่ยนสิ่งนั้นเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตได้ เช่น หากคุณรักการวิ่งมาราธอน แต่ไม่พบหนทางที่จะเปลี่ยนมันเป็นอาชีพ ก็ไม่ต้องไปใส่ใจ แค่ฝึกฝนแล้วก็วิ่งไปดังใจอยาก!
  4. ไม่ว่าสิ่งนั้นจะต้องอาศัยความเด็ดเดี่ยวเอามากๆ เสี่ยงแบบสุดๆ หรือไม่น่าจะเป็นไปได้มากแค่ไหน คุณก็ควรพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำฝันให้เป็นจริง ใครจะไปรู้ บางทีเมื่อคุณได้ลองเต้นซัลซาจริงๆ คุณอาจจะพบว่ามันไม่ใช่สำหรับคุณ หรือเมื่อได้เดินทางไปเกาะกาลาปากอสดังที่ฝันไว้ คุณอาจจะไม่เกิดแรงบันดาลใจอะไรเลยก็ได้ แต่การกล้าที่จะทำในสิ่งที่คุณฝันอยากทำมาโดยตลอด มักช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจบางอย่างในตัวคุณได้เสมอ
    • มุ่งมั่นที่จะไล่ตามความฝันแม้จะมีขีดจำกัดทางการเงินหรืออุปสรรคอื่นๆ ลองวางแผนที่จะช่วยให้คุณสามารถทำฝันให้เป็นจริง แม้มันจะเป็นจริงได้เพียงช่วงระยะเวลาสั้นก็ตาม คุณอาจต้องใช้เวลานานสักหน่อยในการเก็บเงินเพื่อไล่ตามความฝันหรือจัดการบางอย่างให้ลงตัว แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน
    • หากคุณกลัวการลองทำสิ่งใหม่ เช่น การปีนขึ้นไปบนยอดภูเขา ลองขอให้เพื่อนของคุณช่วยดู เพราะคุณไม่จำเป็นต้องลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่น่ากลัวตามลำพัง
    • เล่าให้คนอื่นฟังถึงสิ่งที่คุณกำลังจะทำก่อนจะเริ่มลงมือทำ เช่น หากคุณอยากสร้างบ้านต้นไม้เป็นของตัวเองเอามากๆ ลองเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังดู วิธีการนี้จะช่วยให้คุณมีโอกาสทำฝันให้เป็นจริงได้มากขึ้น เพราะถ้าทุกคนรู้กันหมดว่าคุณต้องการทำตามความฝัน คุณมีแนวโน้มที่จะยอมแพ้กับสิ่งนั้นน้อยลง
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 5:

ลองทำสิ่งใหม่ๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าสิ่งที่คุณรักจริงๆ แล้วอาจเป็นการขี่จักรยานเสือภูเขาหรือการยิงธนู แม้คุณจะคิดว่าคุณชอบออกไปวิ่งออกกำลังกายแบบนานๆ ครั้งเท่านั้น แต่คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่คุณรักคืออะไรจนกว่าจะได้ลอง นอกจากนี้ การได้ลองเล่นกีฬาใหม่ๆ จะทำให้อะดรีนาลีนของคุณพุ่งพล่าน ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นกับโลกใบนี้มากขึ้น และอาจกลายเป็นวิธีการออกกำลังกายที่คุณชื่นชอบแบบสุดๆ ไปเลยก็ได้ และหากคุณค้นพบว่าคุณหลงรักกีฬานี้ขึ้นมาจริงๆ คุณอาจผันตัวไปเป็นครู เป็นโค้ช หรืออาจจะเริ่มแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับกีฬาที่คุณรักกับผู้ที่ติดตามบล็อกของคุณอยู่เสมอ และนี่เป็นตัวอย่างกีฬาที่คุณสามารถทดลองเล่น:
    • เต้น: ลองเข้าคอร์สเรียนเต้นซัลซ่า บอลรูม ฟอกซ์ทรอท ฮิปฮอป หรืออะไรก็ได้ที่คุณนึกออก
    • โยคะ: ลองเข้าคอร์สเรียนโยคะหลายๆ รูปแบบเพื่อดูสิว่านี่ใช่สิ่งที่ชีวิตของคุณเรียกหาหรือเปล่า
    • วิ่ง: คุณสามารถลองวิ่งด้วยตัวเองเพื่อดูสิว่ามันทำให้คุณรู้สึกดีหรือเปล่า หรืออาจตั้งเป้าว่าจะฝึกฝนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันวิ่ง 5 กม. และฝึกจนได้เข้าร่วมการแข่งมาราธอนในที่สุด
    • ว่ายน้ำ: นอกจากการว่ายน้ำจะช่วยให้คุณสามารถออกกำลังได้ทุกส่วนแล้ว เมื่ออยู่ในน้ำ คุณอาจจะพบว่าว่าคุณรู้สึกสมองปลอดโปร่งแบบสุดๆ และร่างกายของคุณก็รู้สึกว่ามันได้อยู่ในที่ที่ของมัน นอกจากนี้ การได้ออกไปว่ายน้ำในทะเลสาปหรือทะเลจะทำให้คุณรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นด้วยนะ
    • ศิลปะการต่อสู้: ลองเข้าคอร์สเรียนคาราเต้หรือยิวยิตสู แล้วดูสิว่ามันทำให้คุณรู้สึกอย่างไร
    • กีฬาที่เล่นเป็นทีม: ลองเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโบว์ลิ่ง เบสบอล ซอฟต์บอล หรือวอลเลย์บอล เพื่อค้นหาสิ่งที่คุณรักในกีฬาใหม่ๆ และสนุกไปกับการได้แบ่งปันความสุขร่วมกับคนอื่นๆ
    • กีฬาที่ได้รับความนิยมน้อยกว่า: ลองเล่นเคอร์ลิง ยิงธนู ปีนเขา สเก็ตบอร์ด หรือกีฬาอื่นๆ ที่คุณสนใจมานานแล้ว
  2. คุณอาจจะมีความเป็นศิลปินเจ๋งๆ ซุกซ่อนอยู่โดยที่คุณไม่รู้ตัว และเพื่อค้นหาความเป็นศิลปินในตัวคุณ คุณสามารถลองวาดภาพ เขียนหนังสือ ทำการแสดง ร้องเพลง หรือลองออกแบบเสื้อผ้าดูก็ได้ นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นนะ เพราะในโลกนี้มีสิ่งต่างๆ มากมายที่คุณสามารถทำได้เพื่อค้นหาความเป็นศิลปินในตัวคุณ
    • เล่นดนตรี: สมัยเด็กๆ คุณอาจเคยชอบเล่นเปียโนเอามากๆ แต่ก็ต้องเลิกไป กลับไปลองอีกสักครั้งหน่อยเป็นไง
    • เขียนหนังสือ: ลองหยิบปากกาขึ้นมาเขียนบทละคร บทกวี เรื่องสั้น หรือนวนิยายดูสิ คุณอาจค้นพบว่าคุณมีเรื่องราวต่างๆ มากมายให้เขียนมากกว่าที่คุณคิดก็ได้นะ
    • แสดงละคร: คุณไม่จำเป็นต้องน่ารักขนาดญาญ่าถึงจะแสดงละครได้ คุณอาจไปเล่นละครเวทีสนุกๆ กับเพื่อนไม่กี่คน หรือไปลองแคสติ้งเล่นละครดูสักเรื่องก็ได้นะ
    • ร้องเพลง: หากคุณรักการร้องเพลงแต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้โชว์พลังเสียงให้คนอื่นได้ฟังสักที ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วล่ะ คุณอาจลองเข้าวงคอรัสหรืออะแคปเปล่าดูก็ได้นะหากคุณชอบสไตล์ร้องประสานเสียงมากกว่า
    • วาดภาพ ระบายสี หรือทำงานปั้น: ลองใช้อุปกรณ์หลายๆ ชนิดเพื่อสเก็ตภาพ วาดภาพทิวทัศน์ หรือทำรูปปั้น เพราะคุณอาจค้นพบสิ่งที่คุณรักได้จากการลองทำงานที่ใช้มือก็ได้
  3. มีงานอดิเรกมากมายที่ไม่ต้องอาศัยทักษะด้านกีฬาหรือศิลปะ และยังสามารถพัฒนาเป็นสิ่งที่คุณรักได้ คุณอาจอยากเป็นนักสะสมเหรียญ หรืออยากลองเรียนภาษาใหม่ๆ ทุกงานอดิเรกใหม่ๆ ที่คุณลองล้วนสามารถผันเปลี่ยนเป็นสิ่งที่คุณรักได้ทั้งสิ้น นี่เป็นตัวอย่างงานอดิเรกที่คุณอาจอยากลองทำ: [31]
    • ดูนก: คุณสามารถใกล้ชิดกับธรรมชาติได้ในขณะที่เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรของเหล่านกไปด้วย และหากคุณเกิดหลงใหลในสิ่งนี้ขึ้นมาล่ะก็ คุณอาจลองเขียนหนังสือหรือเป็นไกด์นำคณะไปสำรวจดูนกก็ได้นะ
    • เสริมสวยสัตว์เลี้ยง: คุณอาจเป็นคนที่รักสัตว์มากๆ ถ้าอย่างนั้นก็ได้เวลาเปลี่ยนงานอดิเรกยามว่างเป็นสิ่งที่คุณรักในทุกลมหายใจเข้าออกแล้วล่ะ หรือบางทีคุณอาจแค่อยากใช้เวลาสร้างความผู้พันกับสัตว์เลี้ยงของคุณให้มากขึ้น ความคิดนี้ก็เยี่ยมไม่แพ้กัน!
    • เรียนรู้ภาษาใหม่ๆ: คุณอาจแค่เลือกภาษาขึ้นมาสักภาษาเพื่อเรียนสนุกๆ แต่คุณอาจพบว่าไม่ทันไรคุณก็หายใจเข้าออกเป็นคำศัพท์ต่างประเทศแล้ว คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คุณรักได้โดยการทำงานเป็นนักแปล หรือหมกมุ่นกับภาษานี้ให้มากที่สุดจนคุณอ่านหนังสือและดูหนังในภาษานี้เท่านั้น หรืออาจถึงขั้นย้ายไปอยู่ต่างประเทศเพราะความหลงใหลนี้เลยก็ได้
    • ทำอาหาร: คุณอาจมองไม่เห็นคุณค่าของฝีมือทำอาหารระดับเชฟ 5 ดาวของคุณ แต่หากคุณรักการทำอาหารอยู่แล้ว ลองเริ่มดูรายการทำอาหารให้มากขึ้น อ่านบล็อกอาหาร และแชร์สูตรเด็ดของคุณกับเพื่อนๆ แล้วลองมาดูสิว่าคุณจะสามารถเปลี่ยนความชอบในการทำอาหารอร่อยๆ นี้เป็นสิ่งที่คุณรักในทุกลมหายใจเข้าออกได้หรือไม่
    • งานไม้: คุณอาจมีพรสวรรค์ในการทำเฟอร์นิเจอร์ เพียงแต่มีโอกาสได้ทำบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น ลองดูสิว่าคุณสามารถเปลี่ยนทักษะของคุณเป็นสิ่งที่คุณรักได้หรือไม่ ลองทำเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องทั้งห้องดู หรืออาจเริ่มทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ ดูก็ได้นะ หลายคนพบว่าการทำเฟอร์นิเจอร์หรือการแกะสลักงานสวยๆ นั้นเป็นงานที่จรรโลงใจหรืออาจถึงขั้นเติมเต็มจิตวิญญาณได้เลยทีเดียว
  4. หากคุณพบว่าการค้นหาสิ่งที่คุณรักนั้นช่างยากเย็นแสนเข็น บางทีมันอาจจะเป็นเพราะคุณคุ้นเคยกับการทำสิ่งเก่าๆ จนคุณรู้สึกสบายใจที่จะอยู่กับมันมากเกินไป นี่ถือเป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เกิดขึ้นจริง หากเรารู้สึกสบายใจกับงานที่ทำ มักจะทำให้ผลงานของเรามีประสิทธิภาพคงที่ แต่การอยู่ "ในพื้นปลอดภัย" มากเกินไปจะทำให้คุณไม่ได้ออกไปสำรวจหรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ [32] หากคุณต้องการค้นหาสิ่งที่คุณรักจริงๆ แล้วล่ะก็ คุณต้องหัดทดสอบตัวเองและกล้าที่จะออกมาจากพื้นที่ปลอดภัย เพื่อค้นหาสิ่งที่คุณสนใจจริงๆ และนี่คือตัวอย่างสิ่งที่คุณอาจลองทำ:
    • ลองเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม เช่น บันจี้จัมพ์ กระโดดร่ม หรือโหนสลิง คุณอาจจะค้นพบว่าคุณหลงรักกิจกรรมสุดระห่ำพวกนี้ก็ได้นะ
    • ทำสิ่งที่คุณคิดว่าคุณทำได้ไม่เก่ง หากคุณคิดว่าคุณเป็นคนที่เต้น ทำอาหาร ถักนิตติ้ง หรือเขียนนิยายได้ห่วยแบบสุดๆ ลองใช้เวลาทำสิ่งนั้นๆ สัก 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ คุณอาจจะทำให้ตัวเองรู้สึกประหลาดใจด้วยการค้นพบทักษะใหม่ๆ หรืออาจค้นพบสิ่งใหม่ที่คุณหลงใหลก็ได้
    • หากคุณเป็นคนที่ถนัดงานด้านศิลปะ ลองหาอะไรที่ต้องใช้ตรรกะมากกว่ามาลองทำดู อาจจะเป็นปริศนาอักษรไขว้หรือหมากรุก เป็นต้น แต่หากคุณเป็นคนถนัดการใช้ตรรกะแล้วล่ะก็ ให้ลองหางานที่ต้องใช้ศาสตร์แห่งศิลป์ที่ไม่มีกฎเกณฑ์มากมายมาลองทำดู เช่น วาดภาพสีน้ำมันหรือฝึกลูกคอ
    • หากคุณเป็นคนประเภทหูเพี้ยนร้องผิดคีย์ตลอด ลองหาเครื่องดนตรีสักอย่างมาเล่นดูนะ อาจจะลองเรียนรู้วิธีการเล่นเปียโน ฟลุต หรือขลุ่ยไม้ดู แล้วมาดูกันสิว่าสิ่งนี้จะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณอย่างไรบ้าง
  5. การท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งวิธีการดีๆ ที่จะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณ และยังช่วยให้คุณสามารถค้นหาสิ่งที่คุณรักได้ด้วยดวงตาดวงใหม่ แม้งบประมาณในกระเป๋าอาจไม่เอื้ออำนวยให้ท่องเที่ยวไปได้ไกลดั่งใจฝัน แต่คุณก็ควรพยายามทำอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ได้ไปในที่ใหม่ๆ ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ กินอาหารใหม่ๆ และสูดอากาศใหม่ๆ ไม่ว่าคุณจะออกเดินทางไปต่างจังหวัดหรือไปยังอีกฟากหนึ่งของโลก การเดินทางเหล่านี้ล้วนช่วยให้คุณสามารถค้นเจอสิ่งที่คุณอาจตกหลุมรักได้ทั้งสิ้น
    • คุณอาจได้เจอสิ่งที่คุณรักอย่างแท้จริงในระหว่างการเดินทาง หากพบว่าคุณหลงใหลในการเดินทาง จงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ให้มากที่สุด แล้ววางแผนไปเลยว่าแต่ละปี หรืออาจจะแต่ละเดือน คุณจะเดินทางไปที่ไหนดี
    • ในระหว่างที่เดินทางไปท่องเที่ยว อย่าลืมถ่ายภาพเก็บไว้เยอะๆ เพราะคุณอาจค้นพบสิ่งใหม่ที่คุณหลงรักได้จากภาพถ่ายก็ได้
    • เปิดรับแรงบันดาลใจ ใช้สิ่งรอบๆ ตัวคุณเพื่อค้นหาสิ่งที่คุณรัก หากคุณมีโอกาสได้ไปเที่ยวทะเลที่ภูเก็ต คุณอาจค้นพบว่าสิ่งที่คุณรักคือการสะสมหอย หรือหากคุณมีโอกาสได้ไปทัวร์พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในฝรั่งเศส คุณอาจค้นพบความหลงใหลในงานวิจิตรศิลป์ที่ซุกซ่อนมานาน
    • อย่าหวังพึ่งแต่สิ่งแวดล้อมเพื่อค้นหาสิ่งที่คุณรัก หากคุณไม่มีเงินมากพอจะไปท่องโลกอันกว้างใหญ่ ก็ลอง "เที่ยวใกล้ๆ บ้าน" ตามสถานที่ต่างๆ ในละแวกบ้านของคุณดูก็ได้! ลองไปยังสถานที่นั้นๆ โดยทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยว ไปผับหรือร้านที่คุณยังไม่เคยไป นั่งลงมองดูผู้คนจากในร้านกาแฟ พูดคุยกับคนแปลกหน้าตามท้องถนน การปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดสามารถเปลี่ยนชีวิตของคุณได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆ นะ ลองดูสิ
  6. หากคุณสละเวลาไปเป็นอาสาสมัครให้กับชุมชนของคุณ คุณอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ๆ ที่คุณรักก็ได้ ในชุมชนของคุณนั้นมีงานอาสาสมัครหลากหลายรูปแบบให้คุณเลือกทำ คุณสามารถไปช่วยสอนทักษะการเขียนอ่านได้ที่ห้องสมุดในชุมชน หรืออาสาช่วยทำอาหารในครัวประจำชุมชน หรือช่วยทำความสะอาดสวนสาธารณะในชุมชนดูก็ได้
    • หากคุณมีโอกาสได้ไปช่วยทำความสะอาดสวนสาธารณะ คุณอาจจะพบว่าคุณรักการทำสวน
    • หากคุณไปช่วยสอนเด็กอ่านหนังสือ คุณอาจจะเกิดความรักในการสอนทักษะการอ่าน หรือการสอนทั่วๆ ไปก็ได้
    • หากคุณได้ไปช่วยงานที่บ้านพักคนเร่ร่อน คุณอาจรับรู้ได้ว่าการช่วยเหลือคนที่เขาต้องการความช่วยเหลือนี่แหละคือสิ่งที่คุณรัก
    • หากคุณมีโอกาสได้เป็นแกนนำในกิจกรรมอาสาสมัคร เช่น ดูแลทีมที่จะไปอาสารับบริจาคเสื้อผ้า คุณอาจค้นพบว่าคุณหลงรักการเป็นผู้นำเข้าแล้ว
    • หากคุณอาสาไปทำงานในฟาร์มเกษตรอินทรีย์ คุณอาจได้ค้นพบว่าคุณหลงรักการปลูกต้นไม้ ลองไปยังเว็บไซต์ของ World Wide Opportunities on Organic Farms (WWOOF) เพื่อค้นหาโอกาสในการไปทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์ในต่างประเทศ (มีในประเทศไทยด้วยนะ) [33]
    • คุณสามารถไปยังเว็บไซต์ต่างๆ เช่น เว็บของเครือข่ายจิตอาสา เพื่อค้นหาโอกาสในการไปทำงานอาสาตามจังหวัดต่างๆ ภายในประเทศไทย [34] หรือไปยังเว็บไซต์ GoAbroad และ Projects Abroad เพื่อค้นหางานอาสาสมัครในต่างประเทศ [35] [36]
  7. ลองทำสิ่งใหม่ๆ โดยอาศัยความช่วยเหลือของคนอื่นๆ. คุณอาจมีเพื่อนที่บ้าการยิงธนูหรือชอบทำหนังสือการ์ตูนเอามากๆ หรืออาจมีสมาชิกในครอบครัวที่ทำของหวานได้อร่อยเลิศที่สุดในประเทศ ลองให้คนที่คุณรู้จัก หรืออาจจะเป็นคุณครูในชุมชนของคุณ ช่วยคุณค้นหาพรสวรรค์หรือความชอบใหม่ดูสิ
    • ลองให้สมาชิกในครอบครัวที่หลงใหลในการทำอะไรสักอย่างสอนคุณเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ ดู อาจจะเป็นการออกแบบหุ่นยนต์หรือการจัดดอกไม้ กิจกรรมหรือทักษะต่างๆ ที่เพื่อนของคุณหลงใหลก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้เช่นเดียวกัน
    • ลองให้สมาชิกในครอบครัวแนะนำสิ่งที่เขาชื่นชอบมากที่สุดในโลก ซึ่งอาจจะเป็นการซ่อมมอเตอร์ไซต์หรือการตกปลา คุณจะต้องตกใจเมื่อได้รู้ว่าคุณหลงใหลสิ่งที่คุณรู้จักมาเป็นปีๆ แต่ไม่เคยได้ลองทำสักทีจนหัวปักหัวปำ
    • เข้าคอร์สเรียน คุณอาจจะเข้าคอร์สเรียนศิลปะ หรืออาจจะไปเข้าชั้นเรียนประวัติศาสตร์สหภาพโซเวียตก็ได้ เพราะคุณอาจพบว่าการมีคุณครูหรือผู้เชี่ยวชาญมาอธิบายแนวคิดต่างๆ ให้คุณฟังสามารถจุดประกายความชอบของคุณขึ้นมาได้ ลองลงทะเบียนเรียนคอร์สที่ฟังดูน่าสนใจ อาจจะเป็นที่มหาวิทยาลัยของคุณ คอร์สเรียนตามอินเตอร์เน็ต หรือศูนย์นันทนาการใกล้บ้าน แล้วเตรียมพร้อมเปิดรับแรงบันดาลใจใหม่ๆ ไว้ได้เลย
    • อ่านหนังสือ การอ่านหนังสือที่เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ต่างๆ หรือหนังสือของบุคคลที่หลงใหลอะไรบางอย่างอย่างจริงจังสามารถช่วยจุดประกายความชอบของคุณได้
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 5:

นำสิ่งที่คุณรักไปใช้ประโยชน์ในการทำงาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งใหม่ๆ ที่คุณเริ่มหลงใหลอย่างละเอียด ลองพูดคุยกับคนที่มีประสบการณ์ด้วยตนเอง หาหนังสือจากห้องสมุด และเข้าคอร์สเรียน เพราะยิ่งคุณมีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณรักมากเท่าไร คุณก็จะพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ๆ มากเท่านั้น [37]
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณตัดสินใจแล้วว่าจะทำธุรกิจเป็นของตัวเอง คุณก็จำเป็นต้องรู้ว่าคุณควรทำอย่างไร คุณจำเป็นต้องใช้ทักษะด้านใดบ้าง คุณจำเป็นต้องใช้แหล่งเงินทุน สินค้า ฯลฯ ชนิดใดมาเตรียมไว้บ้างก่อนที่จะสามารถเปิดประตูร้านของคุณ
    • การพูดคุยกับคนที่อยู่ในสาขาอาชีพนั้นๆ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณหลงใหลนั้นสามารถช่วยได้มาก คนโดยทั่วไปมักจะยินดีให้คำแนะนำและบอกเล่าว่าพวกเขามาถึงจุดๆ นี้ได้อย่างไร นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถบอกได้อีกว่ามีอะไรที่ไม่ค่อยน่าพิศมัยเท่าไรเกี่ยวกับสิ่งที่คุณรัก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรจะรู้ไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้ไม่ตื่นตกใจในภายหลัง
  2. หลีกเลี่ยงการกระโจนเข้าเข้าหางานใหม่ตามสัญชาตญาณของตัวเอง. การโยนงานเก่าที่ไม่ได้ช่วยเติมเต็มชีวิตของคุณสักเท่าไร เพื่อพุ่งไปหางานใหม่ที่คุณเพิ่งค้นพบอาจฟังดูเป็นความคิดที่ดึงดูดใจคุณแบบสุดๆ แต่คุณก็ควรตรวจสอบงานใหม่ที่คุณเพิ่งค้นพบก่อนที่จะโยนงานเก่าที่มั่นคงทิ้งไป เพราะเมื่อค้นพบสิ่งใหม่ๆ ทุกคนมักจะรู้สึกกระตือรือร้นและตื่นเต้นแบบสุดๆ อยู่แค่ประมาณ 2-3 วัน แต่หากคุณค้นพบด้านที่ไม่ค่อยน่าพิศมัยหรือด้านที่ดูน่าเบื่อของสิ่งใหม่ที่เพิ่งค้นพบ แล้วยังรู้สึกรักในสิ่งนั้นอยู่แล้วล่ะก็ นั่นล่ะคือช่วงเวลาที่คุณรู้ว่าสิ่งนี้มันใช่สำหรับคุณจริงๆ [38]
    • ตัวอย่างเช่น เชฟอาจดูเป็นอาชีพในอุดมคติของคุณ แต่การที่คุณไม่ต้องไปขลุกกับสิ่งๆ นั้นทุกวัน ทุกวัน คุณจึงอาจมองว่ามันช่างสวยหรู ลองลงเรียนคอร์สทำอาหาร หรือจะลงทะเบียนในโรงเรียนสอนทำอาหารเลยก็ได้ เพื่อทำความคุ้นเคยกับปัญหาสำคัญๆ ที่คุณอาจต้องพบเจอ เช่น ชั่วโมงการทำงานอันแสนยาวนาน ห้องครัวร้อนๆ และค่าจ้างทั่วๆ ไปที่แสนต่ำ เป็นต้น เมื่อคุณได้ล่วงรู้ด้านที่แย่ที่สุดเกี่ยวกับสิ่งใหม่ที่คุณสนใจแล้ว แต่ยังนึกไม่ออกว่าคุณจะไปทำสิ่งอื่นนอกจากสิ่งนี้ได้อย่างไร คุณก็มั่นใจได้แล้วล่ะว่าคุณพบ "สิ่งที่คุณรัก" เข้าอย่างจังแล้ว
  3. ปฏิญาณตนไว้เลยว่าคุณจะลาออกหากรู้สึกว่างานนี้มันไม่ใช่. หากคุณกำลังจมปลักอยู่กับงานที่ไร้อนาคตและไม่ได้ช่วยเติมเต็มความต้องการใดๆ ของคุณนอกจากช่วยให้คุณสามารถจ่ายค่าเช่าห้องได้ทุกเดือน จงให้คำมั่นกับตัวเองไว้เลยว่าคุณจะหางานใหม่ทันที และคุณอาจค้นพบว่า การลาออกก่อนที่จะได้งานใหม่กลับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คุณพยายามมากยิ่งขึ้น. [39] นั่นก็เพราะสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า “พื้นที่สร้างความกังวลในระดับพอเหมาะ” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่อธิบายว่าการตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยนั้น สามารถทำให้คนเราเกิดความกังวลได้ในระดับที่พอเหมาะ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เรามีความพยายามมากยิ่งขึ้นและคิดอะไรได้สร้างสรรค์มากขึ้นอีกด้วย [40]
    • แต่จงระวัง เพราะความเครียดที่ "มากเกินไป" ก็อาจส่งผลเสียต่อคุณได้พอๆ กับการมีความเครียดน้อยเกินไป ดังนั้น หากคุณลาออกจากงานเก่าที่ไม่ช่วยเติมเต็มสิ่งใด โดยไม่มีเงินเก็บหรือยังไม่รู้ว่าจะออกไปทำอะไรต่อ ทั้งๆ ที่คุณยังมีค่าจำนองที่ดิน เงินกู้เพื่อการศึกษา หรือค่าเรียนของลูกๆ ที่ต้องจ่าย คุณอาจต้องมานั่งเครียดท่วมหัวจนไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง [41]
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • ลองพักทุกสิ่งทุกอย่างดูสักวัน แยกตัวเองออกมาจากโลกดูสักพัก ลองใช้เวลาทั้งวันโดยไม่มีเทคโนโลยี ไม่ทำงานบ้าน ไม่ทำความสะอาด ไม่นัดเจอเพื่อน ญาติๆ หรือแม้กระทั่งครอบครัว ถอดปลั๊กทีวี ปิดโทรศัพท์ปิดมือถือให้หมด แล้วลองจินตนาการว่าคุณไม่มีงานที่ต้องส่ง ไม่มีค่าจำนองที่ต้องจ่าย ไม่มีห่วงกังวลใดๆ และไม่มีภาระอะไรทั้งสิ้น นั่งลงผ่อนคลายดูสักพักแล้วจดจ่อไปที่ความคิดของคุณเอง จิตใจของคุณนึกถึงมือถือโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ รึเปล่า? หรือมองเห็นตัวคุณเองกำลังสร้างธุรกิจใหม่เป็นของตัวเอง หรืออาจจะกำลังออกแบบบ้านล้ำสมัยหลังใหม่? หรือรู้สึกอยากเริ่มทำโครงการที่คุณคิดไว้ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว?
  • ใช้เวลาได้นานเท่าที่คุณต้องการ แม้ความคิดของคุณอาจไม่โผล่เข้ามาในหัวในทันที แต่ในที่สุด คุณจะรู้ว่าความจริง คุณเองก็มีสิ่งที่คุณรักอยู่ในใจแล้วล่ะ คุณแค่ต้องลองเชื่อสัญชาตญาณของคุณบ้างเท่านั้นเอง และถ้ารู้สึกว่ามันใช่ ก็ลองดูสักตั้งหน่อยเป็นไง
  • หากพบว่าตัวเองไม่มีความสุขกับการทำงานอดิเรกบางอย่างมากเท่าแต่ก่อนก็ไม่เป็นไร เพราะมนุษย์เรานั้นย่อมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และต้องมีบางสิ่งในตัวเราที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง เพราะคนเรานั้นไม่เคยหยุดนิ่งเป็นเวลานานๆ หรอก
  • เก็บไดอารี่ไว้เขียนความคิดหรือความปรารถนาใดๆ ก็ตามที่ผุดขึ้นในหัว เขียนถึงสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นแบบสุดๆ จากนั้นลองเปิดดูทุกหน้าและค้นหาความฝันที่คุณสามารถออกไล่ล่าและทำให้เป็นจริงได้ ลองวางแผนความสำเร็จและเส้นทางที่คุณจะก้าวไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
  • สิ่งที่คุณเคยทำเป็นงานอดิเรกอาจแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่น่าเบื่อได้อย่างรวดเร็วหากคุณตัดสินใจที่จะลองหารายได้จากมัน หากการเปลี่ยนงานอดิเรกเป็นงานประจำทำให้คุณรักมันน้อยลงแล้วล่ะก็ ลองกลับไปทำอาชีพเก่าดูก่อนไหม ลองละวางจากกิจกรรมที่คุณ "รัก" ดูสักพัก แล้วค่อยกลับมาลองทำอีกครั้ง แล้วดูสิว่าคุณจะกลับมารักมันเหมือนเมื่อก่อนได้รึเปล่า
    • ตัวอย่างเช่น ตอนเด็กๆ คุณอาจชอบไอศกรีมแบบสุดๆ แต่พอคุณทำร้านไอศกรีมได้สัก 5 ปี คุณอาจจะพบว่าการทำงานที่ร้านทำให้คุณเกลียดไอศกรีมเข้าไส้ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เราแนะนำให้คุณพักเบรกจากงานที่ร้านไอศกรีมเพื่อหาสิ่งใหม่ๆ ทำดูสักพัก แล้วจึงค่อยกลับมาทำงานใหม่ เมื่อนั้นความรักในไอศกรีมของคุณอาจฟื้นคืนชีพขึ้นมาก็ได้
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าเอาแต่เชื่อสัญชาตญาณแบบเต็มเหนี่ยว ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา คุณต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ วางแผนอย่างรอบคอบ และหาข้อมูลให้มากๆ


โฆษณา
  1. http://www.wire.wisc.edu/yourself/selfreflectknowyourself/Yourpersonalvalues.aspx
  2. http://www.mindtools.com/pages/article/newTED_85.htm
  3. http://www.mindtools.com/pages/article/newTED_85.htm
  4. http://www.wire.wisc.edu/yourself/selfreflectknowyourself/Yourpersonalvalues.aspx
  5. http://www.wire.wisc.edu/yourself/selfreflectknowyourself/Yourpersonalvalues.aspx
  6. http://www.mindtools.com/pages/article/newTED_85.htm
  7. http://www.fastcodesign.com/3028946/find-your-passion-with-these-8-thought-provoking-questions
  8. http://www.entrepreneur.com/article/219709
  9. http://www.pickthebrain.com/blog/how-to-find-your-true-priorities/
  10. http://finance.yahoo.com/news/pro-tip-for-millennial-workers--stop-trying-to-find-your-passion-193221748.html
  11. http://www.oprah.com/omagazine/How-to-Find-Your-Passion-Martha-Beck
  12. http://www.huffingtonpost.com/jaimee-ratliff/find-your-passion_b_6798766.html
  13. http://www.forbes.com/sites/danschawbel/2013/04/21/brene-brown-how-vulnerability-can-make-our-lives-better/
  14. http://www.mindful.org/mindfulness-practice/a-mindfulness-practice-for-facing-your-fears
  15. http://www.mindful.org/mindful-magazine/glimpse-getting-started-2
  16. http://www.mindful.org/mindful-magazine/glimpse-getting-started-2
  17. http://www.huffingtonpost.com/jaimee-ratliff/find-your-passion_b_6798766.html
  18. http://www.forbes.com/sites/forbeswomanfiles/2014/07/02/3-practical-ways-to-find-your-lifes-passion-and-a-career-you-love/
  19. https://www.psychologytoday.com/blog/prescriptions-life/201205/five-steps-finding-your-passion
  20. https://www.psychologytoday.com/blog/prescriptions-life/201205/five-steps-finding-your-passion
  21. http://psychcentral.com/lib/6-clues-for-finding-your-purpose-and-passion/2/
  22. http://www.notsoboringlife.com/list-of-hobbies/
  23. http://psychclassics.yorku.ca/Yerkes/Law/
  24. http://www.wwoof.net/
  25. http://www.volunteerspirit.org/
  26. http://www.goabroad.com/volunteer-abroad
  27. http://www.projects-abroad.org/
  28. http://www.umassd.edu/fycm/decisionmaking/process/
  29. https://www.themuse.com/advice/how-to-make-a-big-career-change-without-hyperventilating
  30. http://www.forbes.com/sites/forbeswomanfiles/2014/07/02/3-practical-ways-to-find-your-lifes-passion-and-a-career-you-love/
  31. http://www.wsj.com/articles/SB10001424052702303836404577474451463041994
  32. http://www.news-medical.net/news/2008/04/04/36964.aspx

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 12,312 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา