ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การจบความสัมพันธ์นั้นไม่ใช้เรื่องง่าย หลายคนบอกว่าการจะจบการสัมพันธ์หรือบอกเลิกกับใครสักคนหนึ่งนั้นมันเป็นเรื่องที่เจ็บพอๆ กับการถูกทิ้งเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นเวลาที่จะบอกเลิกใครคุณต้องชั่งน้ำหนักให้ดีเสียก่อน และหลังจากที่แน่ใจแล้วคุณเองก็ต้องยอมรับให้ได้ด้วยว่าคุณกำลังจะกลายเป็นแฟนเก่าของเขาในอนาคต และที่สำคัญคุณจะต้องไม่ใช้วิธีที่ทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายมากเกินไปแต่ก็อย่าให้ความหวังกับเขา โดยคุณจะต้องคิดและไตร่ตรองให้ดีก่อนเพื่อที่จะช่วยให้คุณกับเขาเลิกรากันไปอย่างดีโดยไม่ทำร้ายจิตใจกันมากเกินไป ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็ต้องเตรียมใจไว้ด้วยเพราะมันอาจจะทำให้คุณเองก็เจ็บพอๆ กับเขาเช่นกัน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เตรียมใจให้พร้อมก่อนจะจบความสัมพันธ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คิดให้ดีว่าคุณต้องการเลิกกับอีกฝ่ายหนึ่งจริงๆ หรือไม่. อย่าเอาการบอกเลิกมาเป็นข้ออ้างเพื่อทำให้คุณได้สิ่งที่ต้องการ ถ้าคุณเลือกที่จะบอกเลิกเขาแล้วคุณก็ต้องเตรียมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นด้วย หรือไม่คุณก็ต้องมีการเคลียร์ปัญหาให้จบกันก่อนที่จะบอกเลิก ให้คุยเกี่ยวกับปัญหาระหว่างกันและกันอย่างตรงไปตรงมาก่อนที่จะตัดสินใจเลิกกันเพราะส่วนมากหลายๆ คู่ที่เลิกกันนั้นเกิดจากการที่คนสองคนมีปัญหาสะสมเป็นเวลาหลายปีแต่ไม่เคยหยิบขึ้นมาคุยกันมาก่อนเลย [1]
    • ถ้าคุณอยากจะจบความสัมพันธ์ในครั้งนี้จริงๆ คุณจะต้องเขียนสิ่งที่ทำให้คุณไม่มีความสุขในระหว่างที่คบกันออกมา ซึ่งสิ่งที่คุณเขียนออกมานั้นจะต้องเป็นสิ่งที่มันไม่สามารถแก้ไขได้แล้วเท่านั้น
  2. อย่าตัดสินใจบอกเลิกแฟนของคุณด้วยอารมณ์ชั่ววูบหรือช่วงที่คุณทั้งคู่ยังทะเลาะกันอยู่และโทษว่าความสัมพันธ์นั้นเป็นตัวการที่ทำให้เกิดเรื่อง ก่อนที่คุณจะตัดสินใจบอกเลิกซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คุณจะต้องปรึกษาคนอื่นก่อน เช่น เพื่อน พ่อแม่หรือใครก็ได้ที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับเขามากพอควร
    • หลังจากที่ตัดสินใจที่จะบอกเลิกอีกฝ่ายหนึ่งได้แล้ว อย่าพึ่งไปบอกเพื่อนหรือคนใกล้ชิดว่าคุณจะเลิกกับเขาเพราะเขาอาจจะมารู้จากคนพวกนี้ก็เป็นได้ ถึงแม้การปรึกษาเพื่อนหรือปรึกษาคนในครอบครัวนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่หลังจากที่คุณตัดสินใจด้วยตนเองว่าคุณจะเลิกแน่นอนแล้ว คุณก็ต้องเป็นคนที่ไปบอกแฟนของคุณด้วยตัวคุณเองเท่านั้น
  3. เลือกสถานที่และเวลาที่สามารถให้ความเป็นส่วนตัวกับคุณทั้งสองคนได้ [2] อย่าบอกเลิกใครในช่วงที่เขากำลังจะมีสอบหรือกำลังจะทำงาน ถ้าจะบอกเลิกจริงๆ วันศุกร์น่าจะเป็นวันที่เหมาะสมอีกวันหนึ่งที่คุณจะสามารถบอกเลิกเขาได้ เพราะว่าเขาจะได้มีเวลาเสียใจและพักฟื้นใจในวันเสาร์และวันอาทิตย์
    • อย่าบอกเลิกแฟนของคุณในที่ๆ ชอบไปกัน เช่น ร้านอาหารสุดโปรด บาร์ จุดใดจุดหนึ่งในสวนสาธารณะที่เคยไป ให้เลือกสถานที่ๆ ไม่มีความหมายพิเศษอะไรกับคุณทั้งคู่ในการบอกเลิก
    • เลือกเวลาที่คุณรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองคงที่ อย่าบอกเลิกแฟนของคุณหลังจากที่คุณเครียดจากการประชุมที่ทำงานถึงดึกในคืนก่อน
  4. เพื่อให้เกียรติอีกฝ่ายหนึ่งคุณจะต้องไปบอกเลิกกับอีกฝ่ายหนึ่งตัวต่อตัวเท่านั้น ถึงแม้ว่าคุณจะมีความกลัวมากแค่ไหนก็ตาม
    • คุณจะสามารถบอกเลิกผ่านทางโทรศัพท์ได้ก็ต่อเมื่อความสัมพันธ์ของคุณเป็นแบบความสัมพันธ์ระยะไกลหรือในกรณีที่ความสัมพันธ์ของคุณเป็นความสัมพันธ์ที่มีการใช้ความรุนแรง เพราะว่ามันจะปลอดภัยกว่าถ้าคุณจะโทรศัพท์ไปบอกเลิกเขาแทนที่จะบอกต่อหน้าเพื่อป้องกันการใช้ความรุนแรงจากอีกฝ่ายหนึ่งเวลาเขาควบคุมอารมณ์ตนเองเอาไว้ไม่อยู่
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

จบความสัมพันธ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ต้องมีความมั่นใจและหนักแน่นในสิ่งที่คุณพูดออกไป เพราะการอ้อมไปอ้อมมาไม่มีความหนักแน่นในการพูดและการหวังว่าอีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะเข้าใจและยอมไปเองนั้นสุดท้ายแล้วมันมีแต่จะทำให้ฝ่ายหนึ่งยิ่งเจ็บ และการบอกเลิกก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องดราม่าเสมอไป ขอให้คุณพูดออกไปตรงๆ เลยว่าคุณไม่อยากคบกับเขาอีกต่อไปแล้วและคุณไม่สามารถเข้ากับเขาได้ วิธีนี้อาจจะช่วยหลีกเลี่ยงการทะเลาะกันแรงๆ ได้ [3]
    • พยายามอย่าพูดให้เขาคิดว่าการบอกเลิกครั้งนี้เป็นเพียงแค่การห่างกันสักพักเท่านั้น
    • คุณอาจจะคิดว่าการพูดรักษาน้ำใจอีกฝ่ายหนึ่งสามารถทำให้เขาเจ็บน้อยลงได้ เช่น “ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม” หรือว่า “เดี๋ยวสักวันหนึ่งมันก็คงดีขึ้น” ถ้าเกิดจริงๆ แล้วคุณไม่ได้หมายความไปตามที่พูดล่ะก็มันจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยิ่งเจ็บกับคำพูดของคุณก็ได้
  2. คุณคงไม่อยากเห็นแฟนของคุณเดินจากไปพร้อมกับความสงสัยว่าทำไมคุณถึงบอกเลิกเขาแต่คุณก็คงไม่อยากเห็นแฟนของคุณเดินจากไปพร้อมกับสิ่งที่คุณไม่ชอบเกี่ยวกับตัวเขามากกว่า 20 อย่างเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นคุณต้องมีความซื่อสัตย์ในการบอกเลิก บอกเขาไปตรงๆ ว่าเป็นเพราะคุณรู้สึกทนไม่ไหวหรือรู้สึกว่าโดนบังคับและไม่ได้รับความเคารพมากเกินไป ให้พูดไปตรงๆ เลยอย่าอ้อมค้อมให้เสียเวลา [4]
    • เหตุผลที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับการบอกเลิกก็คือการที่คุณหมดรักกับเขาแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดอะไรของอีกฝ่ายหนึ่งเลย แต่อย่างไรก็ตามคุณก็ต้องมีความซื่อสัตย์ที่จะค่อยๆ บอกเขา ไปตรงๆ
    • และเมื่อคุณได้บอกเหตุผลหลักที่คุณอยากจะเลิกกับเขาไปแล้ว คุณก็ไม่ต้องลงลึกรายละเอียดให้มากมายและไม่ต้องนำเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาพูดอีก ยกเว้นเขาไม่เข้าใจจริงๆ คุณก็ค่อยอธิบายต่อ เพราะว่ามันไม่มีความจำเป็นที่จะขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาพูดให้รู้สึกเจ็บกันอีก
    • อย่าพูดอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกแย่เกี่ยวกับตัวเอง เช่น อย่าพูดว่า “ฉันอยากจะอยู่กับคนที่ดีกว่าคุณ” แต่ให้พูดดีๆ กับเขาแทนว่า “ฉันอยากให้คุณมีความมั่นใจและพัฒนาตัวเองมากกว่านี้อีกนิดหนึ่งนะ”
    • ไม่ว่าเหตุผลของคุณคืออะไรก็ตามพยายามอย่าพูดให้เขางงมากนัก เพราะถ้าคุณกับเขาต้องตอบคำถามกันไปเรื่อยๆ การบอกเลิกครั้งนี่มันก็จะไปไม่ถึงไหนเสียที
    • พยายามอย่ายกเหตุผลร้อยแปดมาบอกเลิกเขา ให้ใช้เหตุผลหลักๆ ที่คุณรับไม่ได้จริงๆ เช่น “เราเข้ากันไม่ได้ในเรื่องสำคัญๆ บางเรื่องนะ” “คุณไม่สนับสนุนหน้าที่การงานของฉันเลย” “ฉันอยากมีลูกแต่คุณไม่” หรือเรื่องอื่นๆ ที่ใกล้เคียง
  3. คนที่ถูกบอกเลิกยังไงๆ ก็ต้องมีความรู้สึกเสียใจ โกรธ สงสัยแล้วก็ต้องช็อคเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งโมโหใส่คุณ ก็ขอให้คุณใจเย็นๆ และพยายามทำให้เขาเย็นลงเสียก่อน โดยคุณต้องพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอย่าไปตะโกนใส่กัน แต่ถ้าเขาคุมตัวเองไม่อยู่แล้วคุณก็ต้องปล่อยให้เขาเย็นลงด้วยตัวเองสักพักหนึ่ง แต่หลังจากนั้นคุณก็ต้องกลับมาคุยกับเขาอีกรอบ พยายามอย่าพูดว่า “ลืมมันไปซะเถอะ ฉันไม่คุยกับเธอแล้ว”
    • ปลอบเขาได้ถ้าเกิดเขาต้องการแต่ก็อย่ามากเกินไปเพราะการที่คุณพูดในสิ่งที่คุณคิดออกมากับเขาทุกอย่าง อาจจะทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและเสียใจ โดยคุณเองก็คงไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนี้เช่นกันใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นขอให้เห็นใจเขาหน่อยแต่ก็ต้องมีความหนักแน่นและต้องรีบตัดบทถ้าเกิดว่าคุณมีแนวโน้มว่าจะใจอ่อน
    • ถ้าคุณกลัวว่าจะทิ้งเขาไว้คนเดียว ให้คุณโทรหาเพื่อนเขาและอธิบายให้พวกเขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เขายู่ที่ไหน และบอกเพื่อนๆ ไปเลยว่าคุณห่วงเขาเวลาเขาอยู่คนเดียว บอกเพื่อนเขาไปเลยว่าคุณต้องการให้เพื่อนเขามาช่วยดูแลอะไร จากนั้นก็ขอโทษเขาที่ทำให้เขาเจ็บแบบนี้และขอบคุณเพื่อนๆ เขาที่ให้ความช่วยเหลือกับคุณ
    • ถ้าแฟนคุณโกรธมากและไม่มีทีท่าว่าจะใจเย็นลงเลย ให้คุณพูดไปเลยว่า “คุยกันไปแบบนี้มันก็ไม่ไปถึงไหนหรอก ฉันตัดสินใจแล้วและฉันก็จะไม่เปลี่ยนใจด้วย ไปสงบสติอารมณ์สักพักหนึ่งก่อนแล้วกัน และถ้าใจเย็นแล้วค่อยโทรหาฉันใหม่ แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ทีหลังนะ” และถ้าแฟนคุณโทรกลับมาก็รับสายเขาซะแล้วก็ตอบคำถามเขาไปอย่างมีความซื่อสัตย์และจะต้องจำกัดบทสนทนาให้สั้นมากที่สุดไม่ยืดเยื้อเพื่อที่เขาจะได้ไม่รู้สึกเจ็บไปมากกว่าเดิม
  4. สร้างกำแพงในใจให้เข้มแข็งว่าจะไม่ใจอ่อนให้กันและกันในอนาคต. หลังจากที่บอกเลิกเขาไปแล้ว บอกเขาอย่างสุภาพให้แน่ใจไปเลยว่ามันจะต้องมีเส้นแบ่งระหว่างเขากับคุณให้ชัดเจนเพื่อในอนาคตจะได้ไม่กลับมาคุยกันในสถานะแฟนแบบเดิมอีก บอกเขาไปตรงๆ เลยโดยไม่ต้องอธิบายอะไรกับเขามากมายและพยายามนำความผิดพลาดของความสัมพันธ์ในครั้งนี้เป็นบทเรียนให้ตนเองนั้นได้เติบโตมากขึ้นและให้ตัวเองสามารถเลือกแฟนให้ดีได้ในอนาคต
    • ถ้าคนทั้งคู่มีเพื่อนร่วมกันคุณทั้งคู่ก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการเจอกันในหมู่เพื่อน โดยต้องตกลงร่วมกันให้ดีก่อนที่จะไปเจอเพื่อนๆ ของพวกคุณ
    • ถ้าคุณทั้งคู่มีร้านกาแฟหรือโรงยิมที่ชอบไปบ่อยๆ เหมือนกัน ให้คุณทั้งคู่พยายามจัดตารางเวลาให้ไม่ชนกันเพื่อจะได้ไม่ไปเจอกันในที่นั้นๆ โดยไม่ต้องจริงจังกับการจัดตารางเวลาอะไรมากนัก แต่แค่ต้องพยายามจัดไม่ใช้เจอกันและกันก็พอ
    • ถ้าคุณอยู่ด้วยกันและมีของที่ใช้ร่วมกันอยู่ ให้คุณหาวิธีจัดการกับของเหล่านั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่คุณจะได้ไม่มีเวลาอยู่ร่วมกันอีกในอนาคต
  5. รู้ว่าเมื่อไรควรจะเดินออกมาและเลิกติดต่ออีกฝ่ายหนึ่ง. ปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งในการจบความสัมพันธ์ก็คือ การที่คุณยังติดต่อกับเขาไปเรื่อยๆ โดยไม่จบสักที การที่คุณติดต่อเขาเพื่อที่จะตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายหรือทรัพย์สินต่างๆ นานาก็เรื่องหนึ่ง แต่คุณก็ต้องตัดเขาให้ขาดด้วยและอย่ายืดเยื้อไปนานมากเกินไป
    • เมื่อการสนทนาวนไปเวียนมาไม่จบสักที ให้คุณหยุดการสนทนานั้นเสียแล้วก็พูดกับเขาไปเลยว่า “เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันทีหลังดีกว่า” จากนั้นก็เดินจากออกมาเลย
    • ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงเลิกกับเขาให้คุณลองส่งข้อความไปหาเขาทีหลังแทน โดยพิมพ์ไปให้ชัดๆ เลยว่าสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อคืออะไร จากนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่คนอื่นที่มาเห็นข้อความอธิบายให้เขาฟังแทน วิธีอธิบายจากทางไกลแบบนี้อาจจะเป็นวิธีที่ง่ายกว่าการอธิบายตรงๆ ต่อหน้าก็ได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ใช้ชีวิตหลังจากการบอกเลิก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อย่าเพิ่งกลายเป็นแค่เพื่อนกันหลังจากเพิ่งบอกเลิก. การพยายามกลับไปเป็นเพื่อนกันอาจจะทำให้ความเจ็บปวดนั้นอยู่นานขึ้นได้ หลังจากที่เลิกกันควรจะใช้เวลาห่างกันซักระยะหนึ่ง อาจจะเป็นสามเดือน หนึ่งปีหรือมากกว่านั้นก็แล้วแต่ และเมื่อคุณทั้งสองกลับมาเจอกันความเจ็บมันก็จะทุเลาลงแล้ว และตอนนี้เองคุณก็จะสามารถคุยกันและกลับไปเป็นเพื่อนกันได้ แต่ถ้าในกรณีที่แฟนเก่าของคุณยังไม่พร้อมที่จะกลับไปเป็นเพื่อนของคุณ คุณก็ต้องอย่าพยายามกดดันเขาให้กลับมาเป็นเพื่อน ณ เวลานั้น แต่อาจจะพยายามให้เขากลับมาเป็นเพื่อนในอนาคตข้างหน้าแทน [5]
    • ถ้าแฟนเก่าของคุณถามคุณว่า “เราจะยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหม” ให้คุณพูดไปเลยว่า “ไม่ได้ ฉันเป็นเพื่อนกับคุณไม่ได้ ตอนนี้ฉันอยากให้เรื่องนี้มันจบไปซะ” หรือไม่อาจจะพูดว่า “ฟังนะ เราเริ่มความสัมพันธ์นี้จากการเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ถ้าเรากลับมาเป็นเพื่อนกัน มันก็เหมือนกับว่าเราต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้อยากกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกแล้ว ฉันอยากที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า ซึ่งก็หมายความว่าเราควรจะจบกันเพียงเท่านี้แหละดีที่สุดแล้ว และจะได้เปิดให้คนใหม่เข้ามาในชีวิตเราทั้งคู่ได้ ถ้าเราให้เวลากับตัวเองกันบ้างเราทั้งคู่จะได้มีโอกาสไปเจอคนที่ดีๆ ในอนาคตข้างหน้าได้ ซึ่งไม่แน่นะ ในอนาคตเราอาจจะได้เจอกันใหม่ก็ได้และอาจจะได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกในสักวันหนึ่ง” อย่างไรก็ตามการพูดประโยคแบบนี้จะต้องเป็นการพูดประโยคปิดสุดท้าย โดยคุณจะต้องไม่พูดถึงเรื่องอื่นๆ ต่อไปอีกแล้ว
    • ถ้าคุณกับเขามีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน คุณจะต้องบอกเพื่อนกลุ่มนั้นให้รับรู้ด้วยว่าคุณเลิกกับเขาแล้วและก็บอกพวกเขาไปด้วยว่าคุณจะไม่สามารถทำกิจกรรมใดๆ ที่มีเขาร่วมอยู่ด้วยได้อีกต่อไป ถ้าหากเพื่อนคนไหนต้องการที่จะเลือกข้างว่าจะอยู่กับเขาหรืออยู่กับคุณก็ปล่อยให้พวกเขาเลือกไป
  2. ใช้เวลาสักพักเพื่อยอมรับและทำใจกับการสูญเสีย. จริงอยู่ที่คุณนั้นเป็นฝ่ายบอกเลิกเขาก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสบายใจและสามารถออกไปฉลองอิสรภาพในคืนถัดไปได้ หลายๆ คนไม่เข้าใจว่าคนที่บอกเลิกนั้นก็เจ็บพอๆ กับคนที่ถูกบอกเลิกนั่นแหละ เพราะพวกเขาจะรู้สึกผิดมากเวลาที่จะบอกเลิกอีกฝ่ายหนึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่ามันเป็นการทำที่ถูกต้องแล้วก็ตาม [6]
    • หลังจากที่เลิกกันแล้วให้ใช้เวลาหันกลับมามองตัวเองด้วยว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไปและจะทำยังไงให้ตนเองมีความสุขในอนาคตได้
    • มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณอาจจะใช้เวลาสักสองสามอาทิตย์ในการทำใจ นอนร้องไห้ เขียนระบายในไดอารี่หรือจะนอนอยู่เฉยๆ บนเตียง แต่ว่าก็อย่าลืมที่จะออกมาเผชิญโลกความเป็นจริงและกลับมาสู่ชีวิตประจำวันของคุณให้ได้ด้วย
    • โทรหาเพื่อนสนิทดีๆ สักคนหนึ่งอาจจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่การที่คุณออกไปกินเหล้าตอนกลางคืนในบาร์นั้นไม่สามารถทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นมาได้หรอก
  3. เตรียมสนุกและเปิดรับกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ที่จะเข้ามา. เมื่อเวลาผ่านไปจากอาทิตย์กลายเป็นเดือน คุณก็จะเริ่มรู้สึกดีขึ้นอย่างช้าๆ และเริ่มที่จะสนุกกับชีวิตใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่ว่านี้ คุณกับแฟนเก่าก็คงแยกกันอยู่กันมาสักพักหนึ่งแล้วซึ่งก็น่าจะทำให้แต่ละฝ่ายเริ่มทำใจกันได้บ้าง และเมื่อคุณกลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้งหนึ่งคุณก็ต้องหันไปใช้เวลากับเพื่อนๆ ครอบครัว ทำในสิ่งที่ชอบหรือลองสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตดูบ้าง
    • คุณอาจจะอยากใช้ชีวิตแบบเดิมๆ เหมือนเมื่อก่อน ถึงแม้ว่าการเดินเขาหรือไปดื่มเหล้าในผับจะเป็นสิ่งที่คุณชอบทำแต่ว่าคุณก็ต้องหลีกเลี่ยงกาทำกิจกรรมต่างๆ ที่คุณกับแฟนเก่าเคยทำร่วมกันมาก่อน
    • ทำการเปลี่ยนแปลงสิ่งรอบๆ ตัวสักเล็กน้อย เช่น การจัดเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ทำความสะอาดรถ หางานอดิเรกใหม่ๆ ที่คุณยังไม่เคยทำมาทำ เช่น วาดรูปหรือวอลเลย์บอล
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ชัดเจนตั้งแต่แรกเพื่อป้องกันไม้ให้เขาคิดว่าคุณกับเขาจะมีโอกาสกลับมาคบกันในอนาคตได้อีก
  • พยายามอย่าดูรุนแรงและเกรี้ยวกราดจนเกินไปในกรณีที่คุณยังคุยกันดีๆ ได้ รอให้ทั้งสองฝ่ายเย็นลงเสียก่อนแล้วค่อยบอกเลิกกันดีๆ
  • อย่าเล่นเกมกับอีกฝ่ายหรือทำเป็นไม่สนใจสิ่งต่างๆ ตอนที่คุณบอกเลิก คุณจะต้องจบมันให้เร็วที่สุดเท่าที่คุณทำได้
  • ใช้เวลาอยู่ห่างกันสักพักเพื่อให้เวลาเขาทำใจก่อนที่จะเห็นคุณกำลังคบกับคนใหม่ อย่างต่ำอาจจะหนึ่งอาทิตย์หรืออาจจะนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับระดับความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ว่าคบกับมานานเท่าไรแล้ว ถ้าคบกันมามากกว่าหนึ่งปีแล้วการที่คุณเลิกกันทำให้เขาเจ็บมาก คุณก็ต้องพยายามอย่าให้เขาเห็นอะไรที่ทำร้ายจิตใจเขามากนัก เช่นการไม่พาแฟนใหม่คุณไปในที่ๆ คุณกับแฟนเก่าชอบไปเพราะอาจจะไปเจอเขาที่นั่น คุณต้องใจกว้างสักนิดเพื่อให้แฟนเก่าคุณได้ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ อย่างที่เขาคุ้นชิน ต้องคิดเอาไว้เลยว่าสำหรับคุณแล้วการเลิกกันนั้นเป็นเรื่องที่ทำใจได้ง่ายเพราะคุณเป็นฝ่ายที่เตรียมใจบอกเลิกเขาไว้ก่อนแล้วในขณะที่เขาไม่ คุณจะต้องปล่อยให้เขาใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ตามที่เขาต้องการโดยคุณก็จะต้องเสียสละเป็นฝ่ายเลี่ยงการไปเจอเขาแทนก็แล้วกัน
  • อย่ารอจนมีเซ็กส์กันก่อนแล้วค่อยบอกเลิกเพราะมันจะเป็นการเห็นแก่ตัวอย่างมาก
  • บอกเลิกกันต่อหน้าอย่าส่งข้อความบอก!
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าให้ความหวังว่าคุณกับเขาจะไปกันต่อได้ ถ้าคุณเลือกที่จะเดินหน้าต่อไปแล้วคุณก็ต้องยืนหยัดกับสิ่งที่คุณตัดสินใจ แต่ถ้ายังคงมีสิ่งที่คุณเห็นว่ามันแก้ไขกันได้ก็อย่าเพิ่งเลิกกัน ให้หันมาช่วยกันแก้ไขปัญหาแทนก่อนเพราะการบอกเลิกใครสักคนหนึ่งนั้นไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเขาเปลี่ยนหรือปรับปรุงอะไรได้
  • อย่าพูดว่า “คุณไม่ผิด ฉันเองที่ผิด” ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะผิดก็ตาม หลายๆ คนรู้ดีว่าการพูดแบบนี้มันเป็นสัญญาณว่าจริงๆ แล้วคุณจะบอกว่า “มันมีบางอย่างในตัวคุณที่ฉันไม่ชอบแต่ฉันไม่กล้าพอที่จะบอกคุณ” เท่านั้นเอง
  • อย่าใจอ่อนถึงเขาจะร้องไห้ จำไว้ว่าคุณมาเพื่อบอกเลิกเขา!
  • อย่าทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นฝ่ายผิดฝ่ายเดียวที่ทำให้คุณกับเขาต้องเลิกกัน
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เริ่มความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits
ทำให้แฟนเก่ากลับมารักคุณอีกครั้ง
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายไม่อยากคุยกับคุณแล้ว
รู้ว่าแฟนสาวของคุณแอบไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า
ทำให้ใครบางคนรู้สึกผิด
พิชิตหัวใจแฟนเก่ากลับมา หลังจากการเลิกรา
ทำให้แฟนเก่าคิดถึงคุณ
หาเสี่ยเลี้ยง
ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
ดูว่าเพื่อนอิจฉาคุณหรือไม่
เรียกความเชื่อใจจากเขาหรือเธอกลับมา
ดูว่าผู้ชายกำลังหลอกใช้คุณเพื่อเซ็กส์หรือไม่
จิตวิทยาการรับมือเพื่อเอาชนะคนหลงตัวเอง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 133,096 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา