ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หากคุณไม่เคยโดยสารเครื่องบิน หรือเคยแต่ไม่บ่อยนัก คุณอาจสับสนหรือรู้สึกว่าอะไรต่อมิอะไรมันมากมายไปหมดจนไม่รู้ว่าต้องพกอะไรไปบ้าง ตลอดเวลาที่ศึกษาคู่มือต่างๆ อะไรๆ ก็ดูน่าสับสนขึ้นเรื่อยๆ และบางครั้งก็อาจมีจ่ายค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายอีกใช่มั้ยล่ะ มันเป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะทำความเข้าใจกับเรื่องดังกล่าว แต่ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกนะที่รู้สึกแบบนี้ ให้คุณทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อจัดกระเป๋าได้อย่างดีทุกครั้ง ไม่ว่าจะต้องบินไกลหรือใกล้เพื่อไปทำงานหรือไปเที่ยว ข้อแนะนำนี้มีคำตอบทั้งหมดให้คุณแล้ว

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

จัดของใส่กระเป๋าสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณขาดของสิ่งนั้นไม่ได้ ให้พกขึ้นเครื่อง. พกของจำเป็น: ชุดชั้นใน รองเท้า เสื้อผ้าทั่วๆ ไปสักสองชุด สิ่งบันเทิง ยา และอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องน้ำ หากต้องบินไกล บางคนจัดกระเป๋าขึ้นเครื่องโดยคิดว่าอาจจะไม่ได้กระเป๋าเดินทางของตัวเองคืนมาอีกแล้ว – และนั่นก็มีข้อดีอยู่ พกแต่ของจำเป็นต่อการดำรงชีพไว้ในสัมภาระขึ้นเครื่อง หากว่ากระเป๋าเดินทางของคุณเกิดหายขึ้นมา
    • ให้แน่ใจว่าคุณพกยาและทุกอย่างที่จำเป็นต่อความสบายกายสบายใจ ยาที่แพทย์สั่งและยาทั่วไปได้รับอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ การนำของเหลวที่เกินมาผ่านด่านรักษาความปลอดภัยจะทำได้ง่ายขึ้นหากว่ามันมีความจำเป็นด้านการแพทย์ เช่น น้ำเกลือ
    • เพื่อเป็นการลดจำนวนของเสื้อผ้าที่จะต้องจัดลงกระเป๋า ให้เลือกเสื้อผ้าชิ้นที่สลับสับเปลี่ยนกันได้ ให้เลือกใช้เสื้อผ้าสองสามชิ้นที่เข้ากันได้ทั้งหมด แทนที่จะนำเสื้อผ้าที่ไม่เข้ากันเลย ใช้เครื่องประดับเป็นตัวช่วยให้คุณดูโก้เก๋มากขึ้น เช่น ผ้าพันคอ ซึ่งเป็นของชิ้นไม่ใหญ่และพกง่าย และยังสามารถใช้เป็นผ้าพันคอ ผ้าคาดศีรษะ หรือกระทั่งเข็มขัดก็ยังได้
    • พกชุดว่ายน้ำขึ้นเครื่องไปด้วยหากคุณเดินทางโดยเครื่องบิน เก็บรวมกันกับเสื้อผ้าที่จะใส่เที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่นถ้าคุณเป็นผู้หญิง หากกระเป๋าของคุณเกิดหายระหว่างทาง เสื้อผ้าส่วนมาก (เช่น กางเกงขาสั้นหรือเสื้อยืด) สามารถหาซื้อได้ที่เมืองปลายทาง แต่หากกระเป๋าหาย ชุดว่ายน้ำเป็นสิ่งที่หาซื้อยาก หากคุณไม่มีชุดว่ายน้ำใส่ คุณจะพลาดความสนุกบนชายหาด อ่างน้ำร้อน หรือ ณ ที่อื่นๆ ที่คุณจำเป็นต้องใช้ชุดว่ายน้ำ
  2. ของมีค่าควรอยู่ติดตัวในกระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่อง เผื่อว่ากระเป๋าเดินทางหายหรือเกิดชำรุดเสียหาย คุณก็ยังมีกระเป๋าสัมภาระติดตัวอยู่ หากคุณรู้ว่าตนจะใจสลายหากของมีค่าชิ้นนั้นสูญหายไป ก็ให้พกใส่สัมภาระขึ้นเครื่อง หากว่าคุณติดของชิ้นนั้นมาเที่ยวด้วย
    • เก็บเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่เป็นอย่างสุดท้าย จะได้หยิบเข้าหยิบออกง่าย คุณคงไม่อยากรื้อกระเป๋า ยามที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์นั้นๆ หรอกนะ
  3. [1] มีเหตุผลที่ดีสองข้อในการทำสิ่งนี้:
    • คุณอาจเกิดเบื่อระหว่างทางแม้ว่ามันอาจจะเพิ่งผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมง และการมีอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ในที่เดียวกันกันจะทำให้คุณรู้เลยว่าอะไรอยู่ที่ไหน คุณจะสามารถหยิบเอาไอพอด ไอแพด คินเดิล หรืออะไรก็ตามแต่ที่คุณต้องการได้สะดวกและรวดเร็วมากเท่าที่จะมากได้
    • หน่วยงานด้านความมั่นคงด้านการขนส่งของสหรัฐอเมริกา (TSA) กำหนดให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้องผ่านการตรวจสอบเสียก่อน – เมื่ออุปกรณ์ทุกอย่างอยู่ในที่เดียวกัน และเจ้าหน้าที่สามารถมองเห็นได้ง่าย คุณก็จะไม่ต้องอยู่ในแถวรอตรวจความปลอดภัยนาน
  4. เพื่อที่จะขึ้นเครื่องบิน คุณต้องการสิ่งที่ใช้ยืนยันตัวตน เช่น หนังสือเดินทาง หรือบัตรประชาชน อย่าลืมบัตรกดเงินสด และบัตรเครดิต หรือบัตรAAA อย่างไรก็ดี การไม่พกบัตรทุกชนิดที่มีไปเที่ยวก็อาจเป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน เพราะมีความเสี่ยงที่บัตรอาจจะหายได้
    • เก็บข้อมูลการเดินทางของคุณ เช่น สายการบิน เที่ยวบิน รหัสยืนยัน และรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเที่ยวบินนั้นๆ ไว้ในช่องกระเป๋าที่สะดวกในการหยิบเข้าออกของกระเป๋าติดตัวขึ้นเครื่อง ซึ่งจะมีประโยชน์เวลาใช้ตู้เช็กอินด้วยตนเอง ที่สายการบินจำนวนมากต่างเริ่มนำมาใช้แล้วที่สนามบิน
  5. คุณจำเป็นต้องใช้เครื่องใช้ในห้องน้ำนั้นจริงๆ หรือไม่? คุณคงไม่อยากจะนำของเหล่านี้ติดตัวไปมากมายหรอกนะ เช่น ป้าของคุณพกแชมพูมา และที่ประเทศเปรูก็น่าจะมียาสีฟันอยู่หรอก คุณอาจจะต้องแวะที่ร้านค้าระหว่างทางสักหน่อย แต่การเลี่ยงไม่พกขวด โลชั่น หลอดจำนวนมากใส่กระเป๋า จะทำให้คุณมีพื้นที่ในกระเป่าไว้ให้อย่างอื่นที่สำคัญกว่า
    • หากคุณจะพกไปจริงๆ ที่สหรัฐอเมริกามีกฎ 3-1-1 ที่กำหนดโดย TSA ซึ่งยังบังคับใช้อยู่ คุณอาจจะนำของใช้ของคุณกรอกใส่ขวด 3 ออนซ์ (100 มล.) จะกี่ขวดก็ได้ แล้วนำขวดทั้งหมดใส่ถุงพลาสติกซิปล็อก ‘’หนึ่ง’’ ถุง (จำกัดหนึ่งคนหนึ่งถุง) แต่คุณจะต้องหยิบถุงนั้นให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ณ จุดคัดกรองด้วย [2] ไปที่เว็บไซด์ www.tsa.gov เพื่อศึกษากฎและข้อบังคับทั้งหมด
  6. พกชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่เกี่ยวกับอาการปวด. บางครั้งเครื่องบินก็ทำให้ปวดหัว คุณจึงควรมียาเตรียมพร้อม เผื่อว่าเกิดมีอาการที่ต้องใช้ยาดังกล่าว มียาบางชนิดที่คุณอาจจะต้องพกติดตัวไว้:
    • ยาแก้ปวด
    • ผ้าพันแผล
    • ยาคลายกังวล (หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่ชอบวิตกกังวล)
    • ยากันคลื่นไส้
    • หมากฝรั่ง (เมื่อความกดอากาศเปลี่ยนแปลง)
    • กระดาษทิชชู่
    • ที่อุดหู (มีประโยชน์สำหรับการท่องเที่ยวทั่วๆ ไป)
    • ยาสำหรับอาการต่างๆ อาจจะเกิดกับคุณได้ เช่น อาการแพ้
  7. จำไว้ว่าคุณจะไม่โดนค่าปรับสำหรับเสื้อผ้าที่คุณใส่ขึ้นเครื่อง ระลึกสิ่งนี้ไว้ และใส่เสื้อผ้าทับกันหลายชั้น คุณจะได้มีเสื้อผ้าใส่เที่ยวเยอะขึ้น แทนที่คุณจะใส่เสื้อยืดและแจ็กเก็ต ให้ใส่เสื้อยืดใต้เสื้อแขนยาว และใส่เสื้อหนาวทับอีกชั้น เป็นต้น ใส่รองเท้าเดินป่า และเก็บรองเท้าแตะใส่กระเป๋า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่คุณเดินทางเพื่อไปทำงาน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

จัดกระเป๋าเดินทางที่จะโหลดลงเครื่องบิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นี่เป็นสิ่งที่คุณเรียนรู้ได้ในการเดินทางโดยเครื่องบิน สำหรับทริปทำงาน 3 เดือน คุณสามารถจัดข้าวของโดยไม่ต้องโหลดกระเป๋าเดินทางหากคุณตั้งใจจะทำเช่นนั้น สำหรับบางคน การโหลดกระเป๋าเดินทางเป็นอะไรที่น่าปวดหัว คุณต้องคอยกังวลกับการจัดของ ลากกระเป๋าเดินทางไปกับคุณทุกที่ ทำน้ำหนักไม่ให้เกินกำหนด เสี่ยงโดนค่าปรับโดยที่คุณไม่รู้เรื่องอะไร และต้องภาวนาไม่ให้สายการบินทำกระเป๋าของคุณหายอีก หากทริปที่คุณจะไป มีระยะเวลาไม่เกินสองสัปดาห์ ก็ลองพิจารณาสิ่งนี้ดู มันอาจเป็นอะไรที่ท้าทาย แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำได้
    • ลูกเรือทำสิ่งนี้ตลอดเวลา พวกเขาสามารถอยู่ได้นับสัปดาห์ด้วยกระเป๋าสัมภาระสำหรับขึ้นเครื่องเพียงใบเดียว [3] หากพวกเขาทำได้ คุณก็ทำได้เหมือนกัน แล้วคุณจะได้ใช้เงิน $50 ที่อาจได้เพิ่มมากับอะไรก็ได้ตามใจต้องการ
  2. นอกจากการต้องทำให้น้ำหนักกระเป๋าไม่เกินที่สายการบินกำหนดแล้ว มันง่ายกว่าในการที่จะแพ็คกระเป๋าให้เบาเข้าไว้ – ของมีโอกาสจะหายน้อยกว่า (จากการบิน หรือจากการลืมทิ้งไว้ในห้องพักโรงแรม) คุณจะมีกระเป๋าที่เบากว่าเพื่อสะพายติดตัวไปไหนมาไหน และคุณก็จะได้พื้นที่มากมายสำหรับของฝากและของที่คุณเกิดอยากซื้อขึ้นมา และ มันใช้เวลาน้อยกว่าในการจัดกระเป๋าใหม่ด้วย
    • แม้ว่าคุณควรหยุดความคิดที่จะนำรองเท้าไปหลายคู่ คุณก็ควรเตรียมไปบ้าง รองเท้าควรนำใส่ถุงพลาสติกเพื่อป้องกันเศษดินไปเลอะเปรอะของอื่นๆ เว้นเสียแต่ว่าเป็นคู่ใหม่แกะกล่อง และให้คุณพิจารณาการเอาถุงเท้าใส่ไว้ข้างในรองเท้าเพื่อเป็นการประหยัดที่
  3. เก็บสำเนาเอกสารสำคัญไว้ในกระเป๋าเดินทางที่จะโหลดลงเครื่องบิน. เผื่อว่าอาจมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับสัมภาระที่คุณนำติดตัวขึ้นเครื่อง คุณลืมหยิบอะไรบางอย่างใส่กระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่อง หรืออาจมีอะไรไม่คาดฝันเกิดกับทริปของคุณ ให้คุณเก็บสำเนาเอกสารต่างๆ ไว้ในกระเป๋าเดินทางที่จะโหลดลงเครื่องบิน สแกนหนังสือเดินทาง วีซ่า และอะไรก็ตามที่คุณอาจต้องใช้ในยามคับขัน หากคุณเตรียมพร้อมไว้ คุณอาจไม่ต้องใช้มัน แต่หากคุณไม่เตรียม คุณอาจต้องมาขวนขวายหาเมื่อถึงเวลา
  4. คิดไว้ก่อนว่าขวดทั้งหลายอาจรั่วได้เมื่ออยู่บนเครื่อง. หากคุณนำของใช้ในห้องน้ำติดตัวมา มันอาจรั่วไหลได้ คุณควรห่อขวดแต่ละขวดแยกจากกัน และเก็บไว้ในถุงเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรจะเปื้อนเสื้อผ้าคุณได้ เก็บขวดเหล่านี้แยกใส่กระเป๋าคนละบริเวณด้วย
    • เปิดฝาขวดและนำพลาสติกหุ้มตรงคอขวด แล้วนำฝาปิดกลับเข้าไป นั่นหมายความว่า มันจะไม่หกเลอะเทอะ หากฝาขวดดันเปิดออก [4]
  5. หากคุณไม่เคยม้วนเสื้อผ้ามาก่อน ถึงเวลาที่ต้องทำตามแล้วล่ะ การม้วนจะช่วยป้องกันรอยพับสี่เหลี่ยมประหลาดๆ และประหยัดที่ด้วย ไม่ต้องมัวรีรอแล้ว เริ่มม้วนจากเสื้อผ้าชิ้นหนักๆ ไว้ข้างใต้ เพราะชิ้นเบาๆ สามารถปรับรูปร่างไปตามรูปร่างของกระเป๋าส่วนบนได้
    • ยิ่งม้วนแน่นเท่าไหร่ก็ยิ่งประหยัดที่เท่านั้น แม้แต่การบีบอัดเพียงเล็กน้อย ก็สามารถช่วยเพิ่มพื้นที่กระเป๋าได้มาก
  6. สนามบินบางแห่งก็ใจดีพอที่จะจัดเตรียมถุงพลาสติกให้ผู้โดยสาร แต่ถ้าสนามบินที่คุณไปไม่มีสิ่งที่ว่า ก็ให้เตรียมไปเองเลย มันเป็นของที่ใช้ประโยชน์ได้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณเดินทางเป็นหมู่คณะ – จะต้องมีคนบางคนลืมอะไรบางอย่างเสมอ และหากว่ากระเป๋าของคุณเกิดเปื้อนสิ่งสกปรก คุณก็จะมีของไว้สำรอง
    • ถุงแบบที่มีซิป –ชนิดที่มีซิปจริงๆ. ชนิดที่เปิดปิดใหม่กี่ครั้งก็ได้ ดีกว่าแบบที่เปิดปิดได้แค่ครั้งเดียว แต่แบบที่เป็นซิปเลยจะดีที่สุด – ถุงแบบที่ปิดซ้ำใหม่ได้ ก็อาจจะเปิดออกได้หากเกิดมีแรงดันมาเกี่ยวข้อง
    • ถุงซิปล็อกคุณภาพดีสามารถนำมาใช้เพื่อให้คุณอัดของลงกระเป๋าได้มากขึ้น บางครั้งคุณอาจได้พื้นที่ในกระเป๋าเพิ่มถึงหนึ่งในสามของขนาดกระเป๋า หากคุณเก็บเสื้อผ้าของคุณในถุงซิปล็อก ซึ่งอากาศจะถูกไล่ออกจากถุงก่อนที่จะปิดถุง ถุงซิปล็อกยังช่วยปกป้องเสื้อผ้าจากการเปียกน้ำเวลาที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง และกันชุดชั้นในสกปรกๆ ออกจากเสื้อผ้าสะอาดด้วย
  7. เพื่อให้ใช้พื้นที่กระเป๋าคุ้มที่สุด คุณต้องจัดกระเป๋าตามรูปร่างและขนาดของสิ่งของที่จะเอาไปเริ่มจากการนำของที่หนักที่สุดไว้ล่างสุด และค่อยๆ ไล่จากหนักขึ้นมาเบา – นี่จะช่วยให้ปิดกระเป๋าได้ง่ายขึ้นในท้ายที่สุด หากมีของรูปร่างประหลาด ให้นำเสื้อผ้ามาพันรอบของสิ่งนั้น – อย่าให้เสียพื้นที่ไปเปล่าๆ
    • โดยทั่วๆ ไป การแพ็กของที่มีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาวๆ จะทำได้ง่ายกว่าขวดหรือบรรจุภัณฑ์รูปร่างแปลกๆ เพื่อให้คุณจัดกระเป๋าได้อย่างไร้รอยต่อในคราวต่อไป ให้มองหาของที่รูปร่างและขนาดปกติ กล่าวโดยสรุป คือ ของลักษณะดังกล่าวจะกินที่น้อยกว่า
  8. หากคุณกำลังวางแผนว่าจะไปช้อปปิ้งที่ร้านบูติคเก๋ๆ ในปารีสระหว่างเที่ยว ก็ไม่ต้องเอาเสื้อผ้าทั่วๆ ไปลงกระเป๋าจนเต็ม ให้เหลือที่ไว้สำหรับของที่จะซื้อระหว่างเที่ยวบ้าง
  9. บางกรณีอาจจะง่ายกว่าที่จะส่งของไปล่วงหน้า ไม่ว่าจะทางไปรษณีย์หรือใช้บริการ FedEx หรือ UPS. นี่อาจเป็นเรื่องสำคัญมากหากคุณจะไปเที่ยวนานๆ หรือต้องการอุปกรณ์พิเศษบางอย่าง เช่น อุปกรณ์พักแรมหน้าหนาว
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เตรียมตัวเดินทาง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รู้ว่าเที่ยวบินและทริปของคุณใช้เวลาเท่าไหร่. จุดหมายปลายทางของคุณจะเป็นตัวตัดสินว่าคุณควรนำสิ่งใดใส่กระเป๋าเดินทางบ้าง และระยะเวลาของทริปจะเป็นตัวกำหนดว่าจะต้องนำของแต่ละชิ้นไปกี่มากน้อย มีวันไหนที่มีงานสำคัญหรือไม่ และคุณจะใช้ของชิ้นเดิมซ้ำๆ ได้หรือเปล่า
    • ถ้าทำได้ให้พยายามเลี่ยงการโหลดกระเป๋า สายการบินหลายแห่งต่างคิดค่าโหลดกระเป๋าเดินทางใบแรกมากขึ้นเรื่อยๆ และเที่ยวบินราคาถูกอาจกลายเป็นเที่ยวบินราคาแพงขึ้นมาได้ทันที หากลูกเรือสามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยสัมภาระขึ้นเครื่องเพียงใบเดียวเป็นเวลานับสัปดาห์ คุณก็ทำได้เช่นกัน
  2. การตรวจสอบสภาพอากาศก่อนจัดกระเป๋าจะช่วยให้คุณเลือกสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เช่น อากาศที่เมืองเวอร์มอนต์โดยทั่วไปจะอบอุ่นในช่วงฤดูร้อน แต่ก็มี "คลื่นความร้อน" ด้วย นั่นจะทำให้อากาศของเมืองนี้เป็นแบบกึ่งเมืองร้อน การตรวจสอบสภาพอากาศจะช่วยให้คุณทราบว่าคุณจะเลือกหยิบเสื้อกล้ามหรือร่มลงกระเป๋าเดินทางกันแน่
    • พกของอเนกประสงค์ชิ้นไม่ใหญ่ที่จะช่วยคุณรับมือกับสภาพอากาศ ณ จุดหมายปลายทาง เช่น เสื้อกันลมที่กันน้ำได้ จะกินที่น้อยกว่าเสื้อโค้ตกันฝนและเสื้อแจ็กเก็ต
  3. หากออกนอกประเทศ ดูด้วยว่าคุณต้องใช้ที่แปลงไฟหรือไม่. หากคุณกำลังเดินทางไปต่างประเทศ มีโอกาสว่าบางสิ่งบางอย่างจะต่างจากประเทศของคุณ ดูว่าคุณต้องใช้อะแดปเตอร์แปลงไฟหรือไม่
  4. ตัวอย่างเช่น คุณอาจไม่สามารถนำไวน์ไปให้เจ้าภาพที่ประเทศซาอุดิอาระเบียได้ หรือการนำเมล็ดพันธุ์บางชนิดเข้าประเทศออสเตรเลียก็ทำไม่ได้เช่นกัน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เก็บของมีค่าไว้ในกระเป๋าสัมภาระที่คุณนำขึ้นเครื่องเผื่อว่ากระเป๋าเดินทางของคุณเกิดสูญหายขึ้นมา
  • หากคุณพกเข็มขัดไป ไม่ต้องม้วนเข็มขัด คนที่รู้วิธีประหยัดพื้นที่จะวางเข็มขัดไปตามเส้นรอบวงของกระเป๋าเดินทาง
  • การพกชุดชั้นในเผื่อไว้หรือให้เตรียมไว้มากกว่าที่จำเป็นต้องใช้ จัดว่าเป็นความคิดที่ดี ยีนส์และเสื้อยืดอาจใส่ซ้ำได้ แต่ชุดชั้นในตัวใหม่จะเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้
  • หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็คที่ไปทัวร์แกรนด์ยุโรป ให้เอาสิ่งที่ใช้เป็นประจำไว้ด้านบน เพื่อที่ว่าคุณจะไม่ต้องรื้อของที่อยู่ก้นกระเป๋าเพื่อหาของที่หายไปกลางสนามบินอันวุ่นวาย
  • อย่าพกรองเท้าหลายคู่ใส่กระเป๋าสัมภาระที่นำติดตัวขึ้นเครื่อง อย่างที่กล่าวไปแล้ว สำหรับรองเท้า: แค่สองคู่ก็มากพอแล้ว ไม่ว่าทริปของคุณจะยาวนานขนาดไหน ปัญหาของรองเท้าคือ มันกินที่ในกระเป่ามากเหลือเกิน และยังทำให้กระเป๋าหนักมากขึ้นเยอะเลย คุณแค่เลือกสักคู่ที่เป็นรองเท้าที่ใช้ได้กับ 'กิจกรรม' ต่างๆ และอีกคู่ที่เป็น 'คู่สวยสำหรับแต่งสวยหล่อ' หากคุณใส่รองเท้าหนึ่งคู่ไปสนามบิน เท่ากับว่าคุณได้พื้นที่ในกระเป๋าเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว
  • นำหูฟังเพื่อฟังเพลง และที่ปิดตาเพื่อช่วยให้หลับดียิ่งขึ้นติดตัวไป
  • กฎที่รู้กัน: หากคุณจะได้ใช้ของสิ่งนั้นๆ 3 ครั้งหรือมากกว่านั้น ให้นำมันไปเที่ยวด้วย หากคุณกำลังคิดว่าจะเอาอุปกรณ์สนอคเกิลไป "เผื่อว่าเราจะได้เล่นน้ำ" นั่นคือ การจัดกระเป๋าเกิน
  • ใช้ขวดบีบแทนที่จะแบกไปทั้งขวด
  • ระวังน้ำหนัก: สำหรับบางสายการบิน การโหลดกระเป๋าเดินทางที่น้ำหนักเกินกำหนดอาจทำให้ต้องเสียเงินมากกว่าการนำกระเป๋าสองใบที่น้ำหนักไม่เกินเกณฑ์ไป "น้ำหนักเกิน" มักหมายถึงสัมภาระที่หนักว่า 23 กิโลกรัม แต่ก็ให้ศึกษากฎของสายการบินให้ทราบรายละเอียดแน่ชัด
  • ให้ศึกษาคำแนะนำของสายการบินนั้นๆ ดูว่าคุณสามารถนำอะไรใส่กระเป๋าเดินทางได้บ้าง
โฆษณา

คำเตือน

  • ของบางชิ้นไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ เนื่องจากเป็นระเบียบของ TSA ให้คุณศึกษาดูว่าของชิ้นไหนที่คุณต้องนำมาแสดงต่อหน้าให้เจ้าหน้าที่ และชิ้นไหนที่เป็นของต้องห้าม
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • สบู่ (สบู่ก้อนหรือสบู่เหลว)
  • ยาสีฟัน แปรงสีฟัน
  • ที่ดับกลิ่นตัว
  • ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นกับผิวหน้า/ผิวกาย
  • คอนแทคเลนส์ น้ำยาคอนแทคเลนส์ และแว่นตา
  • เครื่องสำอาง (หากจำเป็น)
  • ผลิตภัณฑ์สำหรับสุขอนามัยสตรี (หากจำเป็น)
  • ยาที่หมอสั่ง (หากจำเป็น)
  • วิตามิน
  • เชิ้ตแขนสั้น
  • เชิ้ตแขนยาว
  • เชิ้ตกระดุมปก
  • เสื้อหนาว/เสื้อฟลีซ (ตามสภาพอากาศ)
  • เสื้อนอน
  • ยีนส์
  • กางเกงนอน
  • เสื้อชั้นในแบบยาว (ตามสภาพอากาศ)
  • รองเท้าสำหรับเดิน/รองเท้าบู๊ต
  • แจ็กเก็ตกันน้ำ
  • ถุงซิปล็อกสำหรับเครื่องใช้ในห้องน้ำ (ขวดขนาด 3 ออนซ์ ในถุงซิปล็อก)
  • กล้องและฟิล์ม
  • ชุดปฐมพยาบาล
  • กระเป๋าใช้ระหว่างวัน/ถุงผ้า
  • พาสปอร์ต ใบขับขี่ บัตรนักเรียน
  • เงิน/บัตรเครดิต/เช็คเดินทาง
  • เบอร์โทรศัพท์หากบัตรเครดิตถูกโจรกรรม
  • ที่ชาร์ตอุปกรณ์ต่างๆ
  • หูฟังแบบครอบศีรษะและ/หรือแบบใส่ในหู

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 18,514 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา