ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณมีปัญหากับการจัดการขยะในบ้านใช่ไหม การคิดให้มากกว่าเดิมอีกสักนิดว่าคุณจะจัดการกับขยะในบ้านอย่างไรสามารถช่วยให้คุณจัดการกับขยะได้อย่างเป็นระเบียบมากขึ้นได้ การวางแผนอย่างรอบคอบจะทำให้คุณสามารถประหยัดเงินและสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลงได้ อ่านขั้นตอน 1 เพื่อหาวิธีจัดการกับขยะ เศษอาหาร และขยะรีไซเคิล

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ลดการสร้างขยะ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มาตรการเล็กๆ นี้สามารถลดปริมาณขยะที่คุณนำเข้าบ้านได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าคุณจะชอปปิ้งที่ไหน คุณก็สามารถนำถุงผ้าที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ติดตัวไปด้วยแทนการรับถุงพลาสติกจากทางร้าน วางแผนล่วงหน้าด้วยการซื้อถุงที่นำกลับมาใช้ได้ใหม่หลายๆ ใบและเก็บไว้ในที่ที่คุณจะไม่ลืมพกติดตัวไปด้วยเมื่อถึงคราวชอปปิ้งครั้งต่อไป เช่น ในครัวหรือในที่เก็บของท้ายรถ
    • ถ้าคุณลืมนำถุงผ้ามาที่ร้านด้วย คุณก็ยังสามารถลดปริมาณขยะได้! บอกคนที่นำของลงถุงว่าไม่ต้องซ้อนถุง ตอนนี้ร้านค้าบางร้านก็มีถุงผ้าขายแล้ว เพราะฉะนั้นคุณสามารถจ่ายเงินซื้อถุงผ้าเหล่านั้นแทนการรับถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษได้ เชื่อเถอะว่าถุงผ้ามีติดบ้านไว้เท่าไหร่ก็ไม่พอหรอก
    • การใช้ถุงผ้าไม่ได้จำกัดแค่การซื้อของเข้าบ้านเท่านั้น พกถุงผ้าติดตัวเวลาไปซื้อเสื้อผ้า อุปกรณ์ หรือของอื่นๆ ที่คุณอาจต้องใช้
  2. ถ้าคุณมักจะซื้ออาหารที่บรรจุอยู่ในกล่องที่ห่อพลาสติกและมีห่อแยกแต่ละหน่วยข้างในอีกที คุณก็อาจจะกำลังสร้างขยะมากกว่าที่คุณต้องการก็ได้ มองหาวิธีที่จะซื้ออาหารที่มีการบรรจุหีบห่อเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติก แล้วคุณจะเห็นว่ากองขยะในแต่ละวันของคุณเหลือเพียงกองเล็กๆ เท่านั้น เคล็ดลับที่น่าลองคือ :
    • ซื้ออาหารตรงส่วนที่ซื้อยกแพ็ก คุณสามารถซื้อข้าว ซีเรียล ชา เครื่องปรุง และอาหารแห้งอื่นๆ ตรงส่วนที่ขายเป็นแพ็กได้ในซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นเก็บอาหารไว้ในภาชนะแก้วหรือพลาสติกที่ปิดมิดชิดเมื่อถึงบ้าน
  3. คุณสามารถทำระบบปุ๋ยจากไส้เดือนด้วยตัวเองได้
    • ทำอาหารเย็นแทนการอุ่นอาหารแช่แข็ง อาหารที่ซื้อกลับมารับประทานที่บ้านหรืออาหารเย็นแช่แข็งแบบอุ่นไมโครเวฟใช้บรรจุภัณฑ์เยอะมาก และสุดท้ายก็กลายเป็นขยะ แน่ล่ะว่ามันต้องใช้เวลากว่ากันมาก แต่ลองทำอาหารเย็นแบบบ้านๆ แทนการรับประทานอาหารสำเร็จรูปบ้าง แล้วเส้นรอบเอวของคุณก็จะขอบคุณคุณด้วย
    • ซื้อนมแบบคืนขวด บริษัทนมบางแห่งมีระบบคืนขวดที่คุณสามารถซื้อนมแล้วคืนขวดได้ วิธีนี้เป็นวิธีลดการใช้พลาสติกได้เป็นอย่างดี
    • ซื้อของจากตลาดเกษตรกร ที่ตลาดเกษตรกรมีกองทัพผักผลไม้สดๆ ที่ไม่ผ่านการหีบห่อด้วยพลาสติก พกถุงผ้าไปไว้ใส่ของกลับมาบ้านด้วย
  4. น้ำเปล่าบรรจุขวดหรือเครื่องดื่มบรรจุขวดอื่นๆ เป็นแหล่งขยะใหญ่ๆ ในหลายๆ ที่ ในประเทศไทยการดื่มน้ำบรรจุขวดนั้นปลอดภัยกว่าการดื่มน้ำก๊อก แต่คุณก็สามารถทำให้น้ำก๊อกสะอาดขึ้นได้โดยการใช้เครื่องกรองน้ำและกรอกใส่ขวดติดตัวไปด้วย วิธีนี้ทั้งประหยัดกว่าและดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า
    • ถ้าคุณอยากทำมากกว่านั้นจริงๆ คุณจะเลิกซื้อทั้งเครื่องดื่มบรรจุขวดและเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องไปเลยก็ได้ เช่น แทนที่จะซื้อจิงเจอร์เอลล์ยกแพ็ก ทำไมไม่ทำเองล่ะ น้ำมะนาวคั้นเองก็เป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน
    • ถ้าคุณเลือกที่จะซื้อน้ำดื่มบรรจุขวด ให้เลือกซื้อถังใหญ่แทนการซื้อขวดเล็ก ซื้อน้ำเปล่าเป็นถังใหญ่ขนาด 18.9 ลิตรแบบมีหัวจ่ายแทนการซื้อขวดเล็กๆ แบบยกแพ็กโหลครึ่ง
  5. ถ้าคุณชอบใช้คอมพิวเตอร์ ก็แทบไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่คุณจะต้องสร้างขยะจากกระดาษในบ้าน การใช้มาตรการลดปริมาณขยะจากกระดาษที่คุณซื้อรวมทั้งการลดปริมาณกระดาษที่ส่งมาทางไปรษณีย์จะช่วยให้คุณไม่ต้องมาปวดหัวกับการแยกประเภทกองกระดาษต่างๆ
    • เมื่อเป็นเรื่องของการจ่ายบิล ไม่ต้องใช้กระดาษ เลือกจ่ายแบบออนไลน์แทน
    • อ่านข่าวออนไลน์แทนการให้หนังสือพิมพ์มาส่งที่บ้าน
    • หามาตรการหยุดอีเมลขยะไม่ให้หลั่งไหลเข้ามาใน mailbox ของคุณ
  6. ลองทำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในบ้านและผลิตภัณฑ์ซักผ้าใช้เอง. บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและผลิตภัณฑ์ซักผ้าส่วนใหญ่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ จึงมักลงเลยอยู่ในกองขยะ ถ้าคุณมีเวลาและมีใจที่จะทำ การทำน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาซักผ้าใช้เองและเก็บไว้ในภาชนะแก้วจะช่วยประหยัดเงินได้มากและลดปริมาณการสร้างขยะอย่างเห็นได้ชัด และคุณยังได้สร้างสิ่งแวดล้อมที่ปราศจากสารเคมีให้กับครอบครัวคุณด้วย :
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

นำกลับมาใช้ใหม่และนำไปรีไซเคิล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณมีเสื้อผ้าเก่า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือสิ่งของอื่นๆ ที่คุณไม่ต้องการแล้วแต่ว่ายังอยู่ในสภาพดี ให้นำไปบริจาคแทนการทิ้งลงถังขยะ จะดีกว่าถ้ามันไปอยู่ในห้องเรียนหรือตู้เสื้อผ้าของใครสักคนแทนที่จะเป็นหลุมฝังกลบ
    • เสื้อผ้าเก่าและเศษผ้าสามารถบริจาคได้ที่โรงงานรีไซเคิลเศษผ้า
    • โรงเรียนมักจะรับบริจาคคอมพิวเตอร์เก่าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
    • ติดต่อศูนย์พักพิงคนเร่ร่อน ร้านขายของมือสอง หรือศูนย์รับบริจาคในท้องถิ่นเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการบริจาคเฟอร์นิเจอร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ หรือของอื่นๆ ที่คุณไม่ใช้แล้ว
  2. ภาชนะที่ทนทานสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้นับครั้งไม่ถ้วนกว่ามันจะลงเอยเป็นขยะหรือถูกนำไปรีไซเคิล ขวด กล่อง และถุงสามารถใช้เพื่อจุดประสงค์รองได้หากคุณรู้ว่าจะต้องใช้มันอย่างไร
    • ใช้ถุงกระดาษใส่ของรีไซเคิลถ้าคุณไม่มีถังขยะ นอกจากนี้คุณยังสามารถนำถุงกระดาษมาทำเป็นปกห่อหนังสือได้ด้วย นึกถึงสมัยเรียนประถมเลยใช่ไหมล่ะ
    • นำกระดาษกลับมาใช้ใหม่ด้วยการใช้ทั้งสองด้าน หรือให้ลูกๆ วาดภาพลงบนหน้าเปล่าของกระดาษใช้แล้ว
    • ใช้ภาชนะแก้วสำหรับใส่อาหาร (ที่ไม่ได้ปนเปื้อนสิ่งที่เป็นพิษมาก่อนหน้านี้) เก็บอาหารแห้งและอาหารที่เหลือ
    • ภาชนะพลาสติกสามารถใช้เก็บอาหารได้ แต่ระวังเรื่องการนำกลับมาใช้ใส่อาหารซ้ำบ่อยครั้งเกินไป พลาสติกแม้ว่าจะเป็นเกรดสำหรับใส่อาหารก็สามารถแตกตัวได้ในที่สุดและจะเริ่มปล่อยสารเคมีเข้าไปในอาหาร
  3. ประเทศไทยมีการรณรงค์แยกขยะแห้ง ขยะเปียก และขยะรีไซเคิล แต่ด้วยแนวทางการปฏิบัติที่ไม่แน่ชัดจึงไม่มีผู้ปฏิบัติตามสักเท่าไหร่ แต่คุณสามารถเข้าเว็บไซต์เพื่อหาดูว่ามีศูนย์รับซื้อขยะรีไซเคิลใกล้บ้านหรือไม่ วิธีนี้ยังช่วยให้คุณมีรายได้เล็กๆ น้อยๆ จากการขายขยะด้วย
    • โดยทั่วไป ขยะในบ้านต่อไปนี้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ :
      • ภาชนะพลาสติกหมายเลข 1 - 7 [1]
      • ผลิตภัณฑ์ที่เป็นกระดาษอย่างกระดาษพิมพ์งานคอมพิวเตอร์ ถาดไข่กระดาษ หนังสือพิมพ์ และกล่องลัง
      • ภาชนะแก้ว
      • กระป๋องอะลูมิเนียม ฟอยล์อะลูมิเนียม
  4. ของใช้ในบ้านบางอย่างไม่สามารถนำไปรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ของเหล่านี้ต้องทิ้งไปกับขยะหรือนำไปทิ้งที่ศูนย์กำจัดของเสียอันตรายสถานเดียว พยายามลดการบริโภคสิ่งของต่อไปนี้ และถ้าหากใช้ก็ให้นำไปทิ้งให้ถูกต้องตามหลักการ :
    • แบตเตอรี่
    • สี
    • ทีวี คอมพิวเตอร์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
    • หลอดไฟ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ทำปุ๋ย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เศษอาหารและเศษหญ้าที่ตัดแล้วไม่จำเป็นทิ้งไป แต่ให้คุณนำมาหมักเป็นปุ๋ยและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดินที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ทำให้สวนของคุณเจริญงอกงาม หรือจะให้คนอื่นที่เขาสามารถนำไปใช้เป็นปุ๋ยสำหรับสวนของเขาได้ วิธีการหมักปุ๋ยมีหลายแบบ ปุ๋ยบางแบบสามารถใช้เศษอาหารอย่างเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์นมได้ แต่ปุ๋ยบางอย่างก็จำกัดแค่เศษผักและผลไม้เท่านั้น สำหรับการเริ่มหมักปุ๋ยขั้นพื้นฐานนั้น ให้เก็บของต่อไปนี้ :
    • ของ สีเขียว ที่ย่อยสลายอย่างรวดเร็ว เช่น เปลือกผักสด กากกาแฟ ถุงชา เศษหญ้า ใบไม้
    • ของ สีน้ำตาล ที่ย่อยสลายช้า เช่น ไม้และกิ่งไม้ กระดาษ กระดาษลัง เปลือกไข่ ขี้เลื่อย
  2. เลือกพื้นที่ที่โดนแดดหรือมีร่มเงาบางส่วนในสวนของคุณเพื่อทำเป็นที่หมักปุ๋ย ในอุดมคติแล้วคุณควรหมักปุ๋ยบนดินหรือหญ้าโดยตรง แต่ถ้าสวนของคุณไม่ได้มีพื้นที่เยอะ คุณจะหมักปุ๋ยไว้ตรงลานบ้านที่เป็นคอนกรีตก็ได้ วิธีสร้างที่หมักปุ๋ยของคุณได้แก่ :
    • ทำกองปุ๋ย วิธีนี้เป็นวิธีหมักปุ๋ยที่ง่ายที่สุด ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือหมักกองปุ๋ยไว้ที่ลานบ้าน ซึ่งควรอยู่ห่างจากตัวบ้านประมาณนึง เพราะบางครั้งจะมีหนูและแมลงมาอยู่ที่กองปุ๋ยหมัก
    • ทำลังหมักปุ๋ย คุณสามารถสร้างลังตามขนาดที่เหมาะกับความต้องการของคุณได้จากไม้พาเล็ตเก่าๆ
    • ซื้อถังหมักปุ๋ย ซึ่งมีขายตามร้านขายของจัดบ้านและสวนส่วนใหญ่ และมีรูปร่างและขนาดต่างๆ ให้เลือกซื้อมากมาย
  3. การทำกองปุ๋ยหมักเย็นไม่ต้องทำอะไรมาก แต่ใช้เวลานานกว่าปุ๋ยจะพร้อมใช้ ในขณะที่กองปุ๋ยหมักร้อนต้องใช้ความพยายามมากกว่ากันนิดหน่อย แต่คุณจะมีปุ๋ยใช้ภายในเวลาเพียง 6 – 8 สัปดาห์ ความแตกต่างคือ :
    • การทำ กองปุ๋ยหมักเย็น ใส่ของเขียวและของน้ำตาลลงไปในถังหนาประมาณ 2 – 3 นิ้ว เติมเศษอาหารได้เรื่อยๆ เมื่อคุณต้องกำจัดเศษอาหารหรือแกนกระดาษทิชชู่ พอถังเต็มแล้ว ก็ปล่อยให้มันหมักกลายเป็นปุ๋ย อาจต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเป็นปุ๋ยพร้อมใช้ แต่คุณสามารถใช้ปุ๋ยที่หมักอยู่ก้นถังได้ตามต้องการ
    • การทำ กองปุ๋ยหมักร้อน ผสมของเขียวกับของน้ำตาลเข้าด้วยกัน และเคล้าด้านล่างขึ้นมา (หรือสุมเป็นกองใหญ่ๆ) กองปุ๋ยจะอุ่นขึ้นและเริ่มร้อนเมื่อสัมผัส พอปุ๋ยหมักร้อนแล้ว ให้คลุกให้เข้ากัน จากนั้นปุ๋ยจะเย็นขึ้น ผ่านไป 2 – 3 วันหรือ 2 – 3 สัปดาห์ปุ๋ยหมักจะร้อนขึ้นอีกครั้ง ก็ให้คลุกอีกที คลุกต่อไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะหยุดร้อนหลังจากคลุก จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นปุ๋ยพร้อมใช้
  4. ถ้าดูเหมือนว่าปุ๋ยเน่าเร็วเกินไปและเป็นโคลนเหลว ให้เติมของน้ำตาลเพื่อให้เน่าช้าลง ถ้ามันดูแห้งเกินกว่าจะนำไปใช้เป็นปุ๋ยได้ ให้เติมน้ำหรือของเขียวเข้าไป คลุกกองปุ๋ยเป็นระยะๆ หรือเมื่อมันเริ่มมีกลิ่นเหมือนแอมโมเนีย [2] ยิ่งคุณดูแลเอาใจใส่ที่หมักปุ๋ยมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งได้ปุ๋ยที่พร้อมใช้งานเร็วขึ้นเท่านั้น
  5. อาจใช้เวลา 1 หรือ 2 เดือนกว่าจะได้ปุ๋ยที่พร้อมใช้งาน คุณจะรู้ว่าปุ๋ยพร้อมใช้ก็ต่อเมื่อปุ๋ยกลายเป็นสีน้ำตาลหรือดำและเป็นกลิ่นดิน ปุ๋ยที่ได้สามารถนำไปใช้บำรุงดินในแปลงผักหรือแปลงดอกไม้ หรือคุณจะแค่นำไปโรยลงบนสนามหญ้าเพื่อเพิ่มสารอาหารให้แก่หญ้าและพืชอื่นๆ ก็ได้
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,907 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา