PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ไม่ว่าคุณจะตั้งใจเตรียมพร้อมสำหรับการบำบัดด้วยกลิ่นหอมหรือเพียงต้องการเพิ่มความสดชื่นภายในบ้านของคุณ ลองเลือกใช้ก้านไม้หอมปรับอากาศที่ช่วยให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับกลิ่นหอมได้ง่ายๆ ขั้นตอนการใช้ก้านไม้หอมปรับอากาศที่บ้านไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงคุณเสียบก้านไม้ลงไปในขวดแก้วที่เติมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นต่างๆ ไว้ จากนั้นน้ำมันหอมระเหยจะเริ่มดูดซึมผ่านตามรูพรุนภายในก้านไม้ขึ้นมาจนถึงปลายของก้านไม้ก่อนส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่วทั้งห้อง ตราบใดที่คุณมีน้ำมันหอมระเหยและน้ำมันตัวพาครบถ้วนแล้ว สิ่งที่คุณต้องเตรียมมีเพียงก้านไม้และแจกันทรงยาวหรือภาชนะอื่นๆ ที่มีปากแคบเท่านั้น

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

จัดเตรียมอุปกรณ์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เริ่มต้นจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำก้านไม้หอมปรับอากาศของคุณด้วยการมองหาภาชนะที่เหมาะสมสำหรับใส่ก้านไม้สักใบหนึ่ง พยายามเลือกใช้ภาชนะประเภทเซรามิก แก้ว สแตนเลสสตีล ดินเผา หรือไม้ที่สูงประมาณ 5-10 นิ้วและมีปากแคบและหลีกเลี่ยงภาชนะประเภทพลาสติกที่อาจเกิดปฏิกิริยาต่อน้ำมันหอมระเหยได้ [1]
    • ปากภาชนะที่เล็กจะช่วยลดอัตราการระเหยของน้ำให้น้อยที่สุด เพราะอัตราการระเหยของน้ำที่มากเกินไปจะส่งผลให้สัดส่วนของน้ำมันหอมระเหยสูงขึ้นจนส่งกลิ่นฉุนจัดไปทั่วทั้งห้อง
    • หากคุณมีขวดโหลที่มีจุกไม้คอร์กปิดอยู่ คุณสามารถใช้วิธีเจาะรูบนจุกไม้คอร์กเพื่อช่วยลดอัตราการระเหยของน้ำให้น้อยลงได้เช่นเดียวกัน
    • ลองใช้ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มเติมด้วยการเลือกสีของภาชนะที่กลมกลืนกับสีภายในห้องของคุณหรือตกแต่งด้านนอกของภาชนะให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น
    • คุณสามารถหาซื้อขวดแก้วหรือแจกันหลากหลายขนาดได้ตามร้านขายอุปกรณ์งานฝีมือในราคาที่ไม่แพงนัก
  2. คุณสามารถหาซื้อก้านหวายสำหรับกระจายกลิ่นได้ทั้งจากร้านค้าออนไลน์หรือร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ หมั่นเปลี่ยนก้านไม้ใหม่เป็นประจำ เนื่องจากก้านไม้อันเก่าจะเริ่มสูญเสียประสิทธิภาพเมื่อเกิดการอิ่มตัวจากน้ำมันหอมระเหยที่ดูดซึมเข้ามา [2]
    • ก้านไม้จะต้องมีความยาวมากพอจนสูงเกินปากภาชนะที่คุณเลือกใช้ขึ้นไปประมาณหนึ่ง คุณยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายกลิ่นด้วยการเลือกใช้ก้านไม้ที่มีความยาวเป็นสองเท่าขึ้นไปของภาชนะ
    • โดยทั่วไปแล้วก้านไม้สำเร็จรูปมักมีความยาวให้เลือกซื้อตั้งแต่ 10, 12 และ 15 นิ้ว (25, 30 และ 38 ซม.)
    • คุณยังสามารถเลือกใช้ไม้เสียบอาหารแทนได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามก้านหวายจะมีประสิทธิภาพในการกระจายกลิ่นที่ดีกว่า
  3. เลือกน้ำมันหอมระเหยชนิดต่างๆ ที่คุณชื่นชอบ โดยควรแน่ใจว่าน้ำมันหอมระเหยที่เลือกใช้เป็นชนิดบริสุทธิ์ 100% ไม่เช่นนั้นกลิ่นที่ระเหยออกมาอาจไม่แรงมากพอ คุณสามารถเลือกใช้น้ำมันหอมระเหยเพียงชนิดเดียวหรือจะจับคู่น้ำมันหอมระเหย 2 ชนิดขึ้นไปที่มีกลิ่นเข้ากันได้ดีก็ได้เช่นกัน [3]
    • ตัวอย่างน้ำมันหอมระเหยที่สามารถจับคู่เข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม ได้แก่ ลาเวนเดอร์และเปปเปอร์มินต์ ส้มและวานิลลา สเปียร์มินต์และพิมเสน หรือคาโมไมล์และลาเวนเดอร์
    • น้ำมันลาเวนเดอร์ มะลิ เนโรลี และเจอเรเนียมมีกลิ่นหอมที่ช่วยให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย
    • น้ำมันเปปเปอร์มินต์ โรสแมรี่ ทีทรี เลมอน โหระพา และขิงมีกลิ่นหอมที่ชวนให้รู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า
    • น้ำมันคาโมไมล์ ส้ม ไม้จันทน์ ลาเวนเดอร์ และมาร์จอรัมมีส่วนช่วยในการขจัดความวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพ [4]
  4. น้ำมันตัวพาเป็นน้ำมันที่มีรสเป็นกลางที่ใช้สำหรับผสมกับน้ำมันหอมระเหยเพื่อเจือจางไม่ให้กลิ่นฉุนจัดจนเกินไป โดยน้ำมันตัวพาที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือน้ำมันดอกคำฝอยและน้ำมันอัลมอนด์ แต่หากคุณไม่ต้องการหาซื้อน้ำมันตัวพา คุณสามารถเลือกใช้น้ำเปล่าผสมเข้ากับแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 90% แทนได้เช่นกัน [5]
    • คุณสามารถเลือกใช้ได้ทั้งรับบิ้งแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์สำหรับผสมน้ำหอม หรือวอดก้าสำหรับผสมกับน้ำเปล่าเพื่อใช้แทนน้ำมันตัวพา
    • น้ำมันตัวพาที่เป็นที่นิยมได้แก่ น้ำมันสวีทอัลมอนด์ น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันโรสแมรี่ น้ำมันไม้จันทน์ น้ำมันโป๊ยกั้ก น้ำมันกานพลู น้ำมันอบเชย น้ำมันส้ม หรือน้ำมันเกรปฟรุต
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ประกอบอุปกรณ์เข้าด้วยกัน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เทน้ำมันตัวพาลงไปในถ้วยตวงให้ได้ปริมาณ ¼ ถ้วย (60 มล.) หรือหากคุณเลือกใช้น้ำเปล่าและแอลกอฮอล์ ให้คุณเทน้ำเปล่าลงไป ¼ ถ้วย (60 มล.) และเติมแอลกอฮอล์ที่คุณเลือกเพิ่มลงไป 1 ช้อนชา (5 มล.) ก่อนผสมให้เข้ากัน [6]
    • คุณอาจปรับเปลี่ยนปริมาณของน้ำมันตัวพาเล็กน้อยหากเลือกใช้ภาชนะที่มีขนาดเล็ก แต่พยายามให้สัดส่วนของน้ำมันตัวพาต่อน้ำมันหอมระเหยอยู่ที่ประมาณ 85:15 ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจลดสัดส่วนลงเป็น 17:1 แทนสำหรับภาชนะขนาดเล็ก หรือหากคุณต้องการให้ก้านไม้หอมปรับอากาศมีกลิ่นหอมที่แรงและเข้มข้นมากขึ้น คุณก็สามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนของน้ำมันตัวพาต่อน้ำมันหอมระเหยให้อยู่ที่ประมาณ 75:25 แทนได้เช่นกัน
    • จำไว้ว่าส่วนผสมน้ำเปล่าและวอดก้าจะมีอัตราการระเหยที่รวดเร็วกว่าน้ำมันตัวพา ดังนั้นคุณจึงอาจจำเป็นต้องเติมเพิ่มเข้าไปบ่อยครั้งยิ่งขึ้น
  2. เติมน้ำมันหอมระเหยที่คุณต้องการ 25-30 หยดเพิ่มลงไปในถ้วยตวงที่บรรจุน้ำมันตัวพาไว้ หรือหากคุณเลือกใช้น้ำมันหอมระเหย 2 ชนิด ให้คุณเติมลงไปอย่างละ 15 หยด [7]
  3. แกว่งถ้วยตวงเป็นวงกลมหรือใช้ช้อนคนเบาๆ เพื่อผสมให้น้ำมันตัวพาและน้ำมันหอมระเหยเข้ากันเป็นเนื้อเดียว [8]
  4. ค่อยๆ เทส่วนผสมน้ำมันลงไปในภาชนะปากแคบที่คุณเตรียมไว้ ในกรณีที่ถ้วยตวงของคุณไม่มีปากสำหรับเท คุณอาจใช้กรวยวางลงบนปากขวดเพื่อช่วยให้คุณสามารถเทส่วนผสมน้ำมันลงไปในภาชนะได้ง่ายยิ่งขึ้น [9]
  5. เสียบก้านไม้ 4-8 ก้านลงไปในภาชนะ และเพื่อให้ก้านไม้สามารถกระจายกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ให้คุณแผ่ก้านไม้ให้กระจายออกจากกันและไม่เกาะกลุ่มเอนไปทางด้านใดด้านหนึ่ง [10]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เริ่มต้นใช้งาน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. แช่ก้านไม้ในส่วนผสมน้ำมันทิ้งไว้นาน 1 ชั่วโมงก่อนนำขึ้นมาและเสียบกลับลงไปใหม่อีกครั้งโดยกลับด้านให้ปลายก้านไม้ที่แห้งแช่ในน้ำมันหอมระเหยแทน วิธีนี้จะทำให้น้ำมันหอมระเหยถูกดูดซึมเข้ามายังปลายก้านไม้ทั้งสองด้านและช่วยเร่งให้กลิ่นหอมแพร่กระจายไปทั่วทั้งห้องได้เร็วยิ่งขึ้น [11]
    • คุณจะเริ่มได้กลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยหลังผ่านไป 1 วัน
  2. แกว่งน้ำมันหอมระเหยไปมาเบาๆ ประมาณสัปดาห์ละครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำมันตัวพาและน้ำมันหอมระเหยยังคงผสมเข้ากันดี หรือหากคุณเลือกใช้น้ำเปล่าและวอดก้าสำหรับเป็นเบสแทนน้ำมันตัวพา ให้คุณเพิ่มจำนวนครั้งในการแกว่งน้ำมันไปมาเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง [12]
  3. หลังกลับด้านก้านไม้ในครั้งแรกแล้ว พยายามหมั่นกลับด้านก้านไม้เป็นประจำทุกๆ 3-4 วันเพื่อป้องกันไม่ให้ก้านไม้แห้งลงและยังสามารถกระจายกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยได้อย่างต่อเนื่อง [13]
    • คุณสามารถกลับด้านก้านไม้หลังจากที่คุณแกว่งน้ำมันไปมาหรือเมื่อไรก็ได้ที่คุณต้องการ
  4. เติมน้ำมันเพิ่มลงไปเมื่อกลิ่นหอมเริ่มจางลง. หลังผ่านไป 1 เดือน คุณอาจสังเกตเห็นว่ากลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยเริ่มจางลงแม้คุณจะหมั่นกลับด้านก้านไม้อย่างสม่ำเสมอ ลองตรวจสอบดูว่าส่วนผสมน้ำมันที่บรรจุในขวดโหลหรือแจกันยังคงเหลืออยู่มากน้อยเพียงใดและเติมน้ำมันตัวพาและน้ำมันหอมระเหยเพิ่มลงไปให้มีปริมาณเท่าเดิมโดยให้อัตราส่วนของน้ำมันตัวพาต่อน้ำมันหอมระเหยยังคงเดิมคือ 75-85:15-25 [14]
    • หากคุณเลือกใช้น้ำเปล่าและแอลกอฮอล์สำหรับเป็นเบส คุณอาจจำเป็นต้องเติมน้ำเปล่าและแอลกอฮอล์พร้อมน้ำมันหอมระเหยเพิ่มลงไปมากกว่าเดือนละครั้งโดยให้อัตราส่วนของน้ำเปล่าและแอลกอฮอล์ต่อน้ำมันหอมระเหยอยู่ที่ 85:15 เสมอ
  5. หลังผ่านไป 1 เดือน คุณอาจสังเกตเห็นด้วยเช่นกันว่าก้านไม้ดูดซึมน้ำมันหอมระเหยเข้าไปในปริมาณมากจนเกิดการอิ่มตัว ดังนั้นคุณจึงควรเปลี่ยนก้านไม้ใหม่เป็นประจำทุกเดือนหรือเมื่อก้านไม้เริ่มเกิดการอิ่มตัว [15]
    • ส่วนผสมน้ำมันจะส่งผลให้สีของก้านไม้ดูเข้มขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ดังนั้นหากก้านไม้มีสีเข้มจนทั่วทั้งก้าน แสดงว่าก้านไม้นั้นดูดซึมน้ำมันหอมระเหยเข้าไปจนเกิดการอิ่มตัวแล้ว
    • หลังจากที่ก้านไม้เกิดการอิ่มตัวแล้ว ก้านไม้นั้นจะไม่สามารถกระจายกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยได้อีก ด้วยเหตุนี้การเปลี่ยนก้านไม้ใหม่เป็นประจำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หมั่นกลับด้านก้านไม้และแกว่งน้ำมันหอมระเหยไปมาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ก้านไม้หอมปรับอากาศยังสามารถกระจายกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพดังเดิม
  • หากจุดประสงค์ในการใช้ก้านไม้หอมปรับอากาศของคุณคือการบำบัดด้วยกลิ่นหอม ลองเลือกน้ำมันหอมระเหยโดยพิจารณาจากคุณสมบัติของน้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิด ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันลาเวนเดอร์และน้ำมันมะลิมีคุณสมบัติที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ในขณะที่น้ำมันเปปเปอร์มินต์และน้ำมันเลมอนมีคุณสมบัติที่ชวนให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ภาชนะที่มีปากแคบที่ไม่ใช่ประเภทพลาสติก
  • น้ำมันหอมระเหยเพียงชนิดเดียวหรือ 2 ชนิดขึ้นไป
  • น้ำมันตัวพา เช่น น้ำมันอัลมอนด์
  • รับบิ้งแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 90% หรือวอดก้า
  • ก้านหวาย
  • ถ้วยตวง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 25,890 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา