ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าคุณมีหนังศีรษะที่ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปอยู่แล้ว คุณก็ไม่ควรเพิ่มน้ำมันในผมอีก แต่ถ้าผมของคุณแห้งตามธรรมชาติหรือไม่มีน้ำมันธรรมชาติออกมาเพราะสระผมบ่อย คุณก็สามารถใช้น้ำมันชโลมผมได้ การเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยน้ำมันเป็นขั้นตอนสำคัญของการรักษาสุขภาพผมและหนังศีรษะ [1] นอกจากนี้การชโลมผมด้วยน้ำมันยังทำให้ผมแข็งแรงขึ้น นุ่มสลวย และเป็นประกายเงางามอีกด้วย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

เลือกน้ำมัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณอาจจะใช้น้ำมันแค่ 1 ชนิด หรือ 2-3 ชนิดในการชโลมผม แล้วแต่ว่าคุณยินดีจ่ายมากแค่ไหนและคุณอยากได้การบำรุงผมด้วยน้ำมันที่ล้ำลึกแค่ไหน
    • ประเภทพื้นฐานของน้ำมันได้แก่น้ำมันตัวพาและน้ำมันหอมระเหย
    • น้ำมันตัวพาจะใช้เป็นเบสสำหรับผสมน้ำมันหอมระเหยเข้มข้นเข้าด้วยกัน
    • หลายคนเลือกใช้น้ำมันตัวพาอย่างเดียวชโลมผม คุณไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันหอมระเหยถ้าคุณไม่อยากใช้
    • น้ำมันหอมระเหยมีความเข้มข้นสูงกว่ามาก หลังจากละลายด้วยน้ำมันตัวพาแล้ว ให้คุณทาลงบนหนังศีรษะและรากผมเท่านั้น
  2. ไม่ว่าคุณจะเลือกละลายน้ำมันหอมระเหยในน้ำมันที่เป็นเบสหรือไม่ คุณก็ต้องใช้น้ำมันที่เป็นเบสอยู่ดี น้ำมันที่เป็นเบสมีอยู่หลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีประโยชน์และข้อเสียต่างกัน
    • น้ำมันอัลมอนด์: น้ำมันอัลมอนด์อุดมไปด้วยวิตามินอีและไขมันดีที่ช่วยบำรุงผมให้ดูสลวย และใช้ในการรักษาอาการหนังศีรษะแห้งตกสะเก็ดและรังแคได้ดีเป็นพิเศษด้วย
    • น้ำมันอาร์แกน [2] : น้ำมันอาร์แกนเป็นผลิตภัณฑ์ของประเทศโมร็อกโกที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แม้ว่าคนที่ใช้หลายคนจะการันตีว่ามันช่วยให้ผมและผิวดีขึ้นอย่างมาก แต่มันก็ราคาแพง น้ำมันอาร์แกนราคาไม่แพงที่คุณหาซื้อได้ทั่วไปมักจะไม่ใช่น้ำมันแท้และไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป
    • น้ำมันอะโวคาโด [3] : น้ำมันอะโวคาโดเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชาวแอฟริกันอเมริกันที่ปล่อยผมตามธรรมชาติ เพราะมันเพิ่มความชุ่มชื้นในผมได้เป็นอย่างมาก แถมยังไม่แพงด้วย!
    • น้ำมันละหุ่ง: เชื่อกันว่าน้ำมันละหุ่งสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและลดอาการผมร่วง รักษาหนังศีรษะแห้ง ป้องกันผมแตกปลาย และเพิ่มประกายให้ผม แต่ว่ามันก็เป็นน้ำมันที่ข้นจนดูไม่น่าใช้ที่หลายคนไม่ค่อยชอบ ถ้าคุณจะใช้ คุณควรเจือจางด้วยน้ำมันที่จางกว่า เช่น น้ำมันเมล็ดองุ่น
    • น้ำมันมะพร้าว [4] : นอกจากจะเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะแล้ว น้ำมันมะพร้าวยังอุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งสามารถช่วยรักษาผมเสียได้ เพราะในเส้นผมเองก็มีโปรตีนอยู่มาก แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งก็คือน้ำมันมะพร้าวถ้าเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เย็นจะแข็งตัว ในการละลายน้ำมันมะพร้าวนั้น ให้คุณนำมาถูกับมือก่อนใช้หรือจะอุ่นในไมโครเวฟ 2-3 วินาทีก็ได้
    • น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ [5] : เชื่อกันว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษปกป้องอาการผมร่วง รักษาอาการหนังศีรษะแห้ง และเพิ่มความชุ่มชื้นและประกายให้แก่เส้นผม นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียและเชื้อราที่ป้องกันหนังศีรษะไม่ให้เกิดปัญหา เช่น รังแค แต่ก็อาจจะมันเกินไปสำหรับผมบาง
    • น้ำมันเมล็ดองุ่น [6] : น้ำมันเมล็ดองุ่นเป็นน้ำมันบางเบาที่มีประโยชน์มากที่สุดสำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมมากนัก เพราะฉะนั้นถ้าผมของคุณสุขภาพดีอยู่แล้ว ให้ใช้เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์สำหรับปรับสมดุลเส้นผม
  3. คุณอาจจะมองว่าน้ำมันหอมระเหยก็คือน้ำมันที่มีกลิ่นหอม แต่มันมีประโยชน์มากกว่านั้น! น้ำมันแต่ละชนิดมีประโยชน์ที่ต่างกันและสามารถช่วยให้สุขภาพผมของคุณดีขึ้นได้ ถ้าคุณเลือกน้ำมันหอมระเหยที่เหมาะกับคุณ รับรองว่าคุณจะได้เกลียวผมที่หอมเหมือนขนมแน่นอน
    • น้ำมันหอมระเหยจากโรสแมรี [7] : น้ำมันโรสแมรีสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ การทาน้ำมันโรสแมรีลงบนหนังศีรษะจะช่วยบำรุงรากผมและปุ่มรากผม นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้กันดีด้วยว่า โรสแมรีเป็นแหล่งของสารประกอบที่มักพบในไมน็อกซิดิล จึงสามารถใช้รักษาและป้องกันผมขาดหลุดร่วงได้ คุณอาจจะมีอาการคันยิบๆ หลังจากทาน้ำมันโรสแมรีลงบนหนังศีรษะ แต่ก็เป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้น้ำมันโรสแมรียังเป็นน้ำมันธรรมชาติไม่กี่ชนิดที่สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมได้จริงๆ
    • น้ำมันหอมระเหยจากส้มโอ [8] : น้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นหอมชนิดนี้สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและปรับสมดุลผมมันได้
    • น้ำมันหอมระเหยจากดอกกุหลาบ [9] : น้ำมันหอมระเหยจากดอกกุหลาบใช้ในการเพิ่มความแข็งแรงให้กับรากผมและป้องกันผมร่วง นอกจากนี้มันยังหอมมากๆ ด้วย!
    • น้ำมันเมล็ดแคร์รอต น้ำมันเมล็ดแคร์รอตอุดมไปด้วยวิตามินและสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมได้จริงๆ ด้วยการกระตุ้นการผลัดเซลล์ใหม่
    • น้ำมันดอกลาเวนเดอร์ ดอกลาเวนเดอร์ช่วยบำรุงหนังศีรษะและลดอาการหนังศีรษะแห้ง ความคัน และรังแค นอกจากนี้กลิ่นยังช่วยผ่อนคลายมากๆ ด้วย
    • น้ำมันดอกลาเวนเดอร์ผสมกับน้ำมันทีทรี การผสมน้ำมันทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกันช่วยสลายผลิตภัณฑ์ตกค้างที่อาจสะสมอยู่ที่เส้นผมของคุณ นอกจากนี้ยังเป็นสูตรชโลมผมที่ลดการอักเสบโดยที่ยังรักษาความชุ่มชื้นของผมไว้ได้ด้วย
    • น้ำมันดอกคาโมมายล์ ดอกคาโมมายล์ช่วยบำรุงและรักษาเส้นผม และยังมีกลิ่นที่ผ่อนคลายด้วย
    • น้ำมันยูคาลิปตัส ยูคาลิปตัสนอกจากจะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมแล้ว ยังช่วยทำความสะอาดเส้นผมอีกด้วย น้ำมันยูคาลิปตัสเหมาะนำไปใช้หมักผมสักครู่แล้วล้างออกมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีหนังศีรษะมันหรือมีรังแค นอกจากประโยชน์อื่นๆ แล้ว น้ำมันยูคาลิปตัสยังช่วยเพิ่มความเงางามให้แก่เส้นผมด้วย
    • น้ำมันซีดาร์วูด น้ำมันซีดาร์วูดเป็นตัวเลือกที่ดีในการบำรุงผมแห้ง และยังกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย [10]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ทาน้ำมันตัวพาอย่างเดียว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. กฎทั่วไปของการชโลมผมด้วยน้ำมันมีอยู่ข้อเดียวคือ คุณควรหวีผมเพื่อป้องกันไม่ให้ผมพันกันยุ่งเหยิง นอกนั้นก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าเส้นผมควรจะสะอาดก่อนบำรุงด้วยน้ำมันหรือเปล่า บางคนก็ยืนยันว่าการชโลมผมด้วยน้ำมันมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อผมมันและสกปรกบ้างอยู่แล้ว ก็คือประมาณ 2 หรือ 3 วันหลังจากสระผมครั้งล่าสุด แต่อีกฝ่ายก็ยืนกรานว่าการชโลมผมด้วยน้ำมันได้ผลดีที่สุดหลังจากที่คุณเพิ่งสระผม ซึ่งเป็นช่วงที่ผมสะอาดและไม่มีสิ่งอื่นมาเคลือบ ลองทำทั้งสองวิธีแล้วดูว่าคุณชอบแบบไหนมากกว่ากัน
  2. โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเพิ่งเคยชโลมผมด้วยน้ำมันเป็นครั้งแรก เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะทำหกเลอะเทอะ
    • เอาผ้าขนหนูเก่าๆ หรือกระดาษชำระอเนกประสงค์มาแผ่ไว้รอบบริเวณที่คุณจะทาน้ำมันลงบนเส้นผม ซึ่งรวมถึงบนโต๊ะและพื้นด้วย
    • นำผ้าขี้ริ้วมาวางไว้สำหรับทำความสะอาดน้ำมันที่หกเป็นหยดๆ
    • ถ้าคุณจะเข้านอนทั้งที่หมักน้ำมัน ให้ใช้ที่คลุมปลอกหมอนพลาสติกคลุมหมอนไว้อีกที
  3. Watermark wikiHow to ชโลมผมด้วยน้ำมัน
    เทน้ำมัน 1 ช้อนชาลงบนฝ่ามือ ถูสองมือเข้าหากันเพื่อให้น้ำมันกระจายทั่วฝ่ามือ หลักๆ แล้วคุณจะใช้ปลายนิ้วนวดน้ำมันลงบนหนังศรีษะเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นให้เน้นตรงบริเวณนี้
    • ใช้ปลายนิ้วนวดน้ำมันลงบนหนังศีรษะ
    • ใช้การนวดน้ำมันลงบนหนังศีรษะเพื่อให้น้ำมันซึมเข้าไปและกระตุ้นหนังศีรษะไปในตัว (แถมยังรู้สึกดีด้วยนะ!)
    • คุณต้องนวดน้ำมันให้ทั่วหนังศีรษะ รวมถึงหนังศีรษะด้านหลัง เหนือต้นคอ และหลังหูด้วย
  4. Watermark wikiHow to ชโลมผมด้วยน้ำมัน
    แบ่งผมตรงกลางหนังศีรษะออกเป็นสองส่วน ให้ส่วนหนึ่งอยู่เหนือไหล่ซ้ายและอีกส่วนหนึ่งอยู่เหนือไหล่ขวา วิธีนี้จะช่วยให้คุณทาน้ำมันตัวพาลงบนเส้นผมได้ง่ายขึ้น
    • คุณอาจจะมัดแกละไว้ข้างนึงแยกไว้ขณะที่ทาน้ำมันลงบนเส้นผมอีกข้างหนึ่ง
    • ถ้าผมคุณหนาหรือหยิก ให้แบ่งผมออกเป็นสี่ช่อเพื่อง่ายต่อการทาน้ำมันให้เท่าๆ กัน แบ่งผมครึ่งหนึ่งตรงกลางก่อน จากนั้นก็แบ่งครึ่งของครึ่งอีกทีหนึ่ง
  5. Watermark wikiHow to ชโลมผมด้วยน้ำมัน
    ถ้าผมของคุณยาว คุณก็อาจจะอยากเทน้ำมันลงบนฝ่ามือทีเดียวเยอะๆ แต่มันจะทำให้น้ำมันหยดเลอะเทอะแน่ๆ ไม่ว่าคุณจะผมยาวแค่ไหน ให้เทน้ำมันลงบนฝ่ามือครั้งละ 1 ช้อนชา แล้วค่อยเทน้ำมันเพิ่มตามต้องการ
    • เอามือสางลงมาตามทางยาวของเส้นผม เริ่มจากหนังศีรษะและลงมาที่ปลายผม ถ้าปลายผมของคุณแห้ง ให้ใส่น้ำมันเพิ่มจนกว่าผมจะเป็นประกายเงางาม
    • อย่าลืมเส้นผมที่อยู่ด้านหลัง
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ทาน้ำมันหอมระเหยและน้ำมันตัวพาผสมกัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เช่นเดียวกับการชโลมผมด้วยน้ำมันตัวพาอย่างเดียว ให้คุณหวีผมเพื่อสางเส้นผมที่พันกัน ผมของคุณอาจจะเพิ่งสระหรือหลังจากสระผมครั้งล่าสุดไป 2 หรือ 3 วันแล้วก็ได้ แผ่ผ้าขนหนูเก่าๆ หรือกระดาษชำระอเนกประสงค์รอบๆ เพื่อป้องกันน้ำมันหกเลอะเทอะ
  2. น้ำมันหอมระเหยนั้นเข้มข้นเกินกว่าจะทาลงบนหนังศีรษะในปริมาณมากๆ ได้โดยตรง แม้จะใช้วิธีการเจือจางแบบนี้ แต่คุณก็อาจจะยังรู้สึกคันยิบๆ แปลกๆ บนหนังศีรษะอยู่ดี แต่ไม่ต้องกังวลเพราะมันเป็นเรื่องปกติ แค่น้ำมันหอมระเหยเริ่มออกฤทธิ์เฉยๆ!
    • เทน้ำมันตัวพาที่คุณเลือกลงบนฝ่ามือ 1 ช้อนชา
    • หยดน้ำมันหอมระเหยที่คุณเลือกลงไป 2-3 หยด
    • เอามือถูกันเพื่อผสมน้ำมัน และให้น้ำมันกระจายทั่วฝ่ามือและปลายนิ้ว
    • ถ้าคุณอยากผสมไว้ทีละเยอะๆ ให้ผสมน้ำมันหอมระเหย 1 ช้อนโต๊ะลงในน้ำมันตัวพา 25 ถ้วย
  3. น้ำมันหอมระเหยไม่มีประโยชน์ต่อเส้นผมและปลายผม เพราะฉะนั้นคุณควรเน้นบริเวณหนังศีรษะ ปุ่มรากผม และรากผมมากกว่า
    • ใช้ปลายนิ้วนวดน้ำมันลงบนหนังศีรษะ
    • อย่าลืมนวดให้ทั่วหนังศีรษะ ไม่ใช่แค่ตรงหนังศีรษะด้านบนอย่างเดียว
  4. ใช้หวีซี่ห่างหวีผมเพื่อสางผมที่พันกัน และวิธีนี้ยังช่วยกระจายน้ำมันสู่เส้นผมที่นิ้วทาไม่ถึงด้วย ใช้มือแบ่งผมตรงกลางออกเป็นสองช่อเพื่อให้คุณทาน้ำมันได้ทีละช่อ ไม่ต้องทาทั้งศีรษะทีเดียว
  5. ทาน้ำมันที่เป็นเบส/น้ำมันตัวพาไปตามแนวยาวของเส้นผม. เทน้ำมันที่เป็นเบสหรือน้ำมันตัวพาลงบนฝ่ามือ ถูฝ่ามือหากันเพื่อให้น้ำมันกระจายทั่วทั้งฝ่ามือและปลายนิ้ว
    • ถ้าคุณใช้น้ำมันละหุ่ง ให้ผสมน้ำมันละหุ่ง ½ ช้อนชากับน้ำมันที่บางเบากว่า (เช่น น้ำมันเมล็ดองุ่น) เพราะน้ำมันละหุ่งมันข้นและเหนียวอยู่แล้ว
    • ใช้ฝ่ามือและปลายนิ้วสางผมเพื่อให้น้ำมันเข้าสู่เส้นผม
    • ให้เริ่มจากปลายบริเวณที่ทาส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยกับน้ำมันตัวพาเอาไว้ ตรงใกล้ๆ กับหนังศีรษะ
    • เอามือลูบลงมาจนถึงปลายผม
    • ลูบน้ำมันให้ทั่วผมที่แบ่งไว้ส่วนหนึ่ง อย่าลืมเน้นเส้นผมที่อยู่ด้านหลังของศีรษะด้วย
    • ทำแบบเดียวกันกับผมที่แบ่งไว้อีกส่วนหนึ่ง
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ชโลมผมด้วยน้ำมันเพื่อจุดประสงค์ต่างๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าผมของคุณแห้งมากเป็นพิเศษ คุณอาจจะต้องชโลมผมทุกวัน เช่น คนแอฟริกันอเมริกันหลายคนที่ไว้ผมตามธรรมชาติพบว่า การชโลมผมด้วยน้ำมันทุกวันช่วยทำให้ผมสวยขึ้น เพราะมันเพิ่มความชุ่มชื้นและความเงางามให้แก่เส้นผม
    • อย่าทาน้ำมันลงบนหนังศีรษะทุกวัน หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเส้นผมบริเวณที่อยู่ใกล้หนังศีรษะมักจะค่อนข้างสุขภาพดีอยู่แล้ว การทาน้ำมันเพิ่มลงไปทุกวันอาจจะทำให้เส้นผมแย่ลงได้ เพราะมันทำให้ผมมันตั้งแต่ตรงรากผม
    • ทาน้ำมันบางๆ ลงบนเส้นผม โดยเน้นไปที่ปลายผม น้ำมันจากหนังศีรษะจะไหลลงจากรากผมไปที่ปลายผม แต่ถ้าผมยาวเส้นทางที่น้ำมันจะลงมาที่ปลายผมก็จะยาวไปด้วย เพราะฉะนั้นปลายผมจึงมักจะแห้งและเปราะ ผมหยิกก็มักจะแห้งตรงปลายเหมือนกันเพราะว่าส่วนที่หยิกและม้วนจะทำให้น้ำมันมันสามารถไหลลงมาได้
    • ถ้าคุณชโลมเส้นผมด้วยน้ำมันทุกวัน อย่าใส่น้ำมันมากเกินไป ผมของคุณไม่ควรจะมันย่อง เพราะคุณคงไม่อยากเดินไปไหนมาไหนพร้อมกับผมที่มันย่องและเรียบแบนตลอดเวลาหรอกใช่ไหม!
  2. Watermark wikiHow to ชโลมผมด้วยน้ำมัน
    ฉีดน้ำมันลงบนเส้นผมเพื่อใช้เป็นทรีตเมนต์ประจำวันแบบไม่ต้องล้างออก. ซื้อขวดสเปรย์ขวดเล็กๆ ที่คุณสามารถฉีดน้ำมันได้ทั่วเส้นผมทั้งศีรษะ วิธีนี้จะทำให้คุณได้พรมละอองน้ำมันบางเบาลงบนเส้นผมแทนที่จะมีน้ำมันเคลือบเป็นชั้นหนาๆ จากการใช้นิ้วมือ เจือจางน้ำมันด้วยน้ำเปล่าเพื่อไม่ให้น้ำมันอุดอยู่ที่หัวฉีด
    • ฉีดน้ำมันผสมน้ำให้ทั่วเส้นผมทั้งศีรษะทันทีหลังจากอาบน้ำในแต่ละวัน ผมของคุณควรจะยังหมาดๆ อยู่ และฉีดน้ำมันลงบนปลายผมเท่านั้น อย่าฉีดตรงรากผม
    • หวีผมเพื่อสางผมที่พันกันและฉีดน้ำมันให้ทั่วปอยผม
    • ปล่อยผมให้แห้งตามธรรมชาติและใช้ชีวิตตามปกติ
  3. ทุก 1 หรือ 2 สัปดาห์ คุณควรมาส์กเพื่อบำรุงผมอย่างล้ำลึกด้วยน้ำมัน
    • ทาน้ำมันลงบนเส้นผมให้ชุ่ม ถ้าเป็นการชโลมน้ำมันประจำวัน คุณอาจจะให้น้ำมันเคลือบผมเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นทรีตเมนต์แบบไม่ต้องล้างออก คุณต้องทาน้ำมันให้ชุ่มเส้นผม
    • มัดผมขึ้นไปเป็นทรงบัน วิธีนี้จะทำให้น้ำมันไม่เปื้อนไหล่และเสื้อผ้าด้านหลัง
    • ใส่หมวกคลุมผมได้ตามต้องการ วิธีนี้มีประโยชน์มากเป็นพิเศษหากคุณไม่มีที่คลุมพลาสติกสำหรับคลุมปลอกหมอน
    • ถ้าคุณไม่ใช้หมวกคลุมผม ให้ใช้ปลอกหมอนไวนิลหรือผ้าขนหนูเก่าซ้อนกันสองชั้นคลุมหมอนไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นคราบน้ำมัน
    • หมักผมด้วยน้ำมันอย่างน้อย 8 ชั่วโมงหรือจนกว่าคุณจะอาบน้ำอีกครั้งในวันถัดไป
  4. ทาน้ำมันลงบนผมที่เปราะบางมากเป็นพิเศษตอนผมหมาด. หลายคนพบว่าผมที่แห้งและเปราะได้ประโยชน์จากการชโลมน้ำมันมากที่สุดเมื่อทาน้ำมันลงบนผมตอนหมาดๆ ทาน้ำมันที่เป็นเบสแทนครีมนวดผมทั่วไปสัปดาห์ละ 2 ครั้งทันทีหลังจากล้างแชมพูออกจากเส้นผม เพราะแชมพูจะไปดึงน้ำมันธรรมชาติออกจากเส้นผม ทำให้ผมแห้ง เพราะฉะนั้นเวลานี้จึงเหมาะกับการเติมความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม
    • สระผมและทาน้ำมันทันทีที่คุณเริ่มอาบน้ำ ทิ้งน้ำมันไว้บนเส้นผมขณะที่คุณอาบน้ำตามปกติจนกว่าจะเสร็จ
    • พยายามให้น้ำมันอยู่บนเส้นผม 5-10 นาที
    • การใส่หมวกคลุมผมเอาไว้จะช่วยไม่ให้ผมโดนน้ำ ซึ่งอาจจะไปล้างน้ำมันออกจากผมก่อนถึงเวลา
    • ระมัดระวังเวลาทาน้ำมันลงบนเส้นผมในห้องน้ำ เพราะเมื่อคุณล้างน้ำมันออกจากผม อ่างอาบน้ำจะลื่นมาก
    โฆษณา

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ถ้าผมของคุณแห้ง:

  • ใช้น้ำมันบางเบานวดลงบนหนังศีรษะ น้ำมันอาร์แกน น้ำมันโรสแมรี และน้ำมันเทียนดำช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผมและหนังศีรษะ และยังช่วยเรื่องผมขาดหลุดร่วงได้ด้วย
  • เลือกแชมพูที่เพิ่มความชุ่มชื้นและครีมนวด ถ้าผมของคุณแห้ง คุณต้องใช้แชมพูที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่เส้นผม และต้องใช้ครีมนวดบำรุงผมอย่างล้ำลึกทุกสัปดาห์หรือสัปดาห์เว้นสัปดาห์
  • อบไอน้ำเพื่อเปิดเปลือกชั้นนอกของเส้นผม ขณะอบไอน้ำ คุณจะนั่งอยู่ใต้ไดร์เป่าผม และไอน้ำจะบังคับให้เปลือกชั้นนอกของเส้นผมเปิดออกมา วิธีนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแบบล้ำลึกลงไปในเส้นผมและกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ข้างใน
  • ดื่มน้ำให้มากขึ้นตลอดทั้งวัน ผมแห้งมักเกิดจากหนังศีรษะที่แห้ง ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยการเพิ่มปริมาณน้ำที่คุณดื่มในแต่ละวัน

เคล็ดลับ

  • การนวดน้ำมันลงบนหนังศีรษะสามารถเพิ่มการเจริญเติบโตของเส้นผมได้
  • พยายามอย่าให้น้ำมันโดนหน้า เพราะอาจทำให้สิวเห่อได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,889 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา