เสื้อผ้าสีขาว ถ้าใช้ไปนานๆ จะเริ่มโทรม สีไม่สดใสเหมือนเก่า แต่ถ้าใช้น้ำยาฟอกขาว ก็จะช่วยรักษาสภาพไม่ให้เก่าไปกว่าเดิม หรือดีกว่านั้นคือช่วยให้ขาวสว่างเหมือนใหม่ เวลาใช้งานให้ผสมน้ำยาฟอกขาวไปเลยตอนซักผ้าในเครื่องซักผ้า แต่ถ้าเสื้อผ้าชิ้นไหนบอบบางหน่อย ก็ควรฟอกขาวแบบซักมือในอ่างหรืออ่างล้างจาน นอกจากนี้คุณยังใช้น้ำยาฟอกขาวกัดสีผ้าให้ซีดหรือเป็นลายตามชอบได้ด้วย
ขั้นตอน
-
แยกผ้าปูที่นอนกับเสื้อผ้าสีขาวออกมา. สำรวจผ้าที่จะซัก แล้วแยกผ้าขาวออกมาอีกกอง ต้องเป็นผ้าที่สีขาวล้วนเท่านั้น ถ้ามีลายหรือแถบสีผสม ก็ต้องใช้น้ำยาฟอกขาวแบบใช้กับผ้าสีได้ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
อ่านป้าย (แท็ก) ติดเสื้อผ้า. ให้แน่ใจว่าเสื้อผ้าชิ้นนั้นซักเครื่องได้ โดยเฉพาะ “น้ำร้อน” เพราะเสื้อผ้าสีขาวล้วนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเสื้อลูกไม้ จะเขียนไว้ว่าให้ซักมือ ผ้าคอตตอนก็ต้องซักมือหรือฟอกขาวเฉพาะจุดด้วย เพื่อป้องกันการหด
-
เลือกซักด้วย “น้ำร้อน (hot)”. ส่วน settings อื่นให้เป็น “regular” ตามปกติ น้ำร้อนจะทำให้ฟอกขาวได้ผลดี ผ้าหายสีตุ่น [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เทน้ำยาซักผ้าใส่เครื่อง. ในปริมาณที่ใช้ตามปกติตอนซักผ้าเยอะเท่ากัน น้ำยาซักผ้าจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและคราบต่างๆ ออกจากเสื้อผ้า ให้เทน้ำยาซักผ้าลงไปในถังซักผ้าเลย [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ตวงน้ำยาฟอกขาวมา 3/4 ถ้วยตวง (180 มิลลิลิตร). จะเทน้ำยาฟอกขาวใส่ฝาขวดน้ำยาเองโดยตรง หรือใช้ถ้วยตวงสำหรับตวงน้ำยาโดยเฉพาะก็ได้ แต่ค่อยๆ เท ระวังหกหรือกระเด็น [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าผ้าเยอะเกินครึ่ง ½ ของถังซักผ้า ให้เพิ่มน้ำยาฟอกขาวไปอีกหน่อย แต่ถ้าน้อยกว่า ¼ ของเครื่องซักผ้า ก็ให้ใส่น้อยลง
- น้ำยาฟอกขาวที่ใช้ได้มีหลายแบบ อย่างชนิดที่ผสมคลอรีนก็ใช้ฆ่าเชื้อผ้าได้ด้วย แต่จะแรงเกินไปสำหรับเนื้อผ้าบอบบาง ส่วนน้ำยาฟอกขาวผสมออกซิเจน จะใช้กับผ้าสีได้ (color-safe หรือ all-fabric) เลยสารพัดประโยชน์กว่า [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หรือผสมน้ำยาฟอกขาวใช้เอง โดยใช้น้ำกับน้ำมะนาว (เลมอน) หรือน้ำส้มสายชูในสัดส่วนที่เท่ากัน
-
เทน้ำยาฟอกขาวในถาดใส่น้ำยาของเครื่องซักผ้า. ที่เป็นลิ้นชักเล็กๆ ดึงออกมาได้ ปกติอยู่ทางด้านบนของเครื่องซักผ้า พอใส่น้ำยาฟอกขาวแล้ว เครื่องจะปล่อยลงมาผสมกับน้ำในถังซักผ้าหลังน้ำร้อนได้ที่ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าเครื่องไม่มีลิ้นชักใส่น้ำยาฟอกขาวโดยเฉพาะ ก็เทลงไปตรงๆ ในน้ำซักผ้าหลังน้ำไหลออกมาในเครื่อง รอสัก 2 - 3 นาทีให้น้ำยาฟอกขาวผสมกับน้ำ แล้วค่อยเอาเสื้อผ้าใส่ลงไป
-
เปิดเครื่อง. ให้ดึงหรือหมุนปุ่ม power ไปที่ “On” บางเครื่องก็มีปุ่มเดียวให้กดง่ายๆ เปิดเครื่องแล้วน้ำจะเริ่มไหลออกมาทันที
- ถ้าใช้เครื่องซักผ้าฝาหน้า ก็ใส่เสื้อผ้าในถังก่อนแล้วค่อยเปิดเครื่อง
-
เอาเสื้อผ้าใส่เครื่อง. เปิดฝาถังตอนน้ำยาฟอกขาว น้ำยาซักผ้า และน้ำร้อนกำลังผสมกัน ให้ทยอยเอาผ้าใส่ทีละ 2 - 3 ชิ้น อย่าให้กระจุกตัวกัน เสร็จแล้วก็ปิดฝาได้เลย [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
อบหรือตากให้แห้ง. ถ้าแท็กบอกห้ามใช้เครื่องอบผ้า ก็เอาไปตากจนแห้งแทน แต่ถ้าไม่ได้เน้นเป็นพิเศษ ก็เอาเข้าเครื่องอบผ้า แล้วปรับความร้อนตามความเหมาะสม
- ถ้าผ้าออกมาไม่ขาวสว่างเท่าที่คิด ก็ให้ฟอกขาวซ้ำจนได้ผลตามต้องการ
โฆษณา
-
แยกผ้าที่เนื้อบางออกมาก่อน. อ่านวิธีซักที่แท็ก แล้วแยกผ้าชิ้นที่เขียนว่า “ซักมือ (hand wash)” หรือ “เนื้อผ้าบาง (delicate)” [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าผ้าค่อนข้างสกปรก ให้เอาแช่น้ำยาซักผ้าแบบลวกๆ ในอ่างหรืออ่างล้างจาน แล้วค่อยเอาไปฟอกขาว น้ำยาฟอกขาวจะได้เข้าถึงทุกซอกทุกมุมของผ้า
-
ผสมน้ำยาฟอกขาวกับน้ำ. เอาจุกอุดท่อในอ่าง แล้วผสมน้ำยาฟอกขาว 1/2 ถ้วยตวง (120 มล.) กับน้ำ 1 แกลลอน (4 ลิตร) เข้าด้วยกัน ถ้าใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนได้จะดีที่สุด แต่ถ้าแท็กบอกให้ซักด้วยน้ำเย็น ก็ต้องทำตามนั้น [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เช็คก่อนว่าอ่างล้างจานโดนน้ำยาฟอกขาวได้ ถ้าจะฟอกขาวผ้าในนั้น เพราะบางวัสดุที่ใช้ทำอ่างล้างจาน/ล้างมือ เช่น หินอ่อน ถ้าโดนน้ำยาฟอกขาวก็ด่างแน่นอน
-
แช่ผ้าในน้ำยาฟอกขาวที่ผสมแล้ว. กดผ้าให้จม จะได้ชุ่มน้ำยาทั่วถึง หรือกวนผ้าให้หมุนช้าๆ ทั้งหมดนี้ต้องทำโดยสวมถุงมือยาง แช่ผ้าไว้ 15 นาทีขึ้นไป [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ห้ามแช่มือเปล่าในส่วนผสมเด็ดขาด ต้องสวมถุงมือยางที่แนบสนิทป้องกันไว้ก่อน
-
ครบ 15 นาทีแล้วล้างด้วยน้ำเย็น. ให้ระบายน้ำทิ้ง หรือค่อยๆ ย้ายผ้าแต่ละชิ้นจากอ่างไปใส่อ่างล้างมือ/ล้างจานเพื่อล้างน้ำ โดยที่ยังสวมถุงมืออยู่ ให้เปิดก๊อกหรือราดน้ำเย็นจัดใส่ผ้าแต่ละชิ้น จะช่วยขจัดสารเคมีตกค้างได้ [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
แขวนหรือแผ่ไว้จนแห้ง. ผ้าเนื้อบางจะเข้าเครื่องอบผ้าไม่ได้ ให้แขวนเรียงกันไปตามราวตากผ้า หรือปูผ้าที่พื้นราบ แล้วแผ่เสื้อผ้าแต่ละชิ้นลงไปโฆษณา
-
คราบที่จะฟอกขาวต้องไม่ใช่คราบน้ำมัน. ผ้าที่จะฟอกขาวเฉพาะจุดก็ต้องเป็นผ้าขาว แล้วใช้ฟอกได้เฉพาะคราบบางชนิด เช่น คราบกาแฟหรือหญ้า/ดิน ถ้าเป็นคราบน้ำมันจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ เช่น คราบน้ำมันเครื่อง ดีไม่ดีจะทำให้คราบฝังลึกหรือเลอะเทอะกว่าเดิม [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าจะขจัดคราบน้ำมัน ควรเอาไปร้านซักแห้งจะดีกว่า เพราะเขามีสารเคมีที่มีประสิทธิภาพกว่าน้ำยาฟอกขาวเยอะเลย
-
ปูผ้าสะอาดบริเวณที่จะทำงาน. ควรจะหาพื้นผิวที่เรียบและมั่นคง เช่น โต๊ะหรือเคาน์เตอร์ แล้วปูผ้าคอตตอนสะอาดๆ ลงไป จากนั้นเอาเสื้อผ้าส่วนที่เป็นคราบวางลงไป ผ้าขี้ริ้วหรือผ้าสะอาดที่ใช้ปูรองต้องหนาพอที่จะซับน้ำยาฟอกขาวส่วนเกินได้ [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เอาคราบคว่ำลง. เพราะเราจะลงน้ำยาที่ด้านหลังของบริเวณที่มีคราบ พอลงน้ำยาฟอกขาว คราบจะหลุดหรือละลายออกมา แล้วซึมลงไปในผ้าที่ปูรองไว้แทน ถ้าเสื้อเชิ้ตเป็นคราบ ให้เอาผ้าขนหนูหรือผ้าขี้ริ้วสอดไว้ระหว่างเสื้อเชิ้ตด้านหน้าและหลัง
-
ผสมน้ำยาฟอกขาวกับน้ำ. หาชามเล็กๆ แล้วผสมน้ำยาฟอกขาว 1 ส่วน กับน้ำ 30 ส่วนลงไป จากนั้นเอาช้อนคนจนเข้ากัน ให้ผสมทีละน้อยแต่พอใช้ ถ้าจะใช้เพิ่มค่อยผสมใหม่ [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เอาผ้าขาวสะอาดๆ ชุบน้ำยาที่ผสมแล้ว. ให้ใช้ผ้าที่เลอะแล้วทิ้งได้ เอาขอบหรือมุมผ้าชุบน้ำยา แล้วใช้เช็ดบริเวณที่เป็นคราบ อาจจะต้องจุ่มน้ำยาเพิ่มเป็นพักๆ โดยใช้มุมใหม่ที่ยังสะอาด เพราะคราบจะติดมาได้
-
เช็ดถูเบาๆ บริเวณคราบ. กดแล้วลากเบาๆ จากขอบคราบเข้ามา คราบจะได้ไม่กระจายวงกว้าง ทำซ้ำจนคราบเลยละลายหรือจางลง [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ซักทำความสะอาดตามคำแนะนำที่แท็ก. เช็คว่าคราบจางหรือสะอาดแล้ว ค่อยเอาใส่เครื่องซักผ้าหรือเครื่องอบผ้า ไม่งั้นคราบจะฝังแน่น ขจัดไม่ออก แต่ถ้าคราบหายสนิทแล้ว ก็เอาใส่เครื่องซักผ้า/อบผ้าได้เลยตามคำแนะนำในแท็ก หรือซักมือแล้วแขวนตากแทนถ้าเนื้อผ้าบาง [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิงโฆษณา
เคล็ดลับ
- น้ำยาฟอกขาวสูตรคลอรีนจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน หลังจากนั้นจะเริ่มเสื่อมประสิทธิภาพ
- ถ้าฟอกขาวเสื้อผ้าเรื่อยๆ ระวังจะทำร้ายเส้นใยจนเนื้อผ้าเสียหายได้ในที่สุด พยายามฟอกขาวเฉพาะกรณีที่จำเป็นจริงๆ ดีกว่า
โฆษณา
คำเตือน
- ต้องเก็บน้ำยาฟอกขาวให้พ้นมือเด็ก
- อย่าผสมน้ำยาฟอกขาวกับสารเคมีอื่น เช่น แอมโมเนีย เพราะจะเกิดควันพิษที่สูดดมเข้าไปแล้วเป็นอันตราย อาจถึงตายได้เลย
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.clorox.com/cleaning-and-laundry-tips/laundry/laundry-advice/how-to-use-bleach/# Ez6VfCu1trrPQ4KW.99
- ↑ https://www.clorox.com/cleaning-and-laundry-tips/laundry/laundry-advice/how-to-use-bleach/# Ez6VfCu1trrPQ4KW.99
- ↑ https://www.clorox.com/cleaning-and-laundry-tips/laundry/laundry-advice/how-to-use-bleach/# Ez6VfCu1trrPQ4KW.99
- ↑ https://www.clorox.com/cleaning-and-laundry-tips/laundry/laundry-advice/how-to-use-bleach/# Ez6VfCu1trrPQ4KW.99
- ↑ https://www.thespruce.com/types-of-bleach-1900685
- ↑ https://www.clorox.com/cleaning-and-laundry-tips/laundry/laundry-advice/how-to-use-bleach/# Ez6VfCu1trrPQ4KW.99
- ↑ https://www.clorox.com/cleaning-and-laundry-tips/laundry/laundry-advice/how-to-use-bleach/# Ez6VfCu1trrPQ4KW.99
- ↑ https://theidleman.com/manual/advice/how-to-fade-clothing/
- ↑ https://theidleman.com/manual/advice/how-to-fade-clothing/
- ↑ https://theidleman.com/manual/advice/how-to-fade-clothing/
- ↑ https://theidleman.com/manual/advice/how-to-fade-clothing/
- ↑ https://www.cleanipedia.com/gb/laundry/how-to-bleach-clothes
- ↑ https://www.cleanipedia.com/gb/laundry/how-to-bleach-clothes
- ↑ https://www.cleanipedia.com/gb/laundry/how-to-bleach-clothes
- ↑ https://www.cleanipedia.com/gb/laundry/how-to-bleach-clothes
- ↑ https://www.cleanipedia.com/gb/laundry/how-to-bleach-clothes
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,679 ครั้ง
โฆษณา