PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการซ่อนชื่อและเบอร์ของคุณเวลาโทรหาคนอื่น แต่ระวังว่า block หรือซ่อน caller ID แล้ว คนอื่นอาจไม่ยอมรับสายของคุณได้ แถมบางคนอาจใช้แอพหรือบริการสกรีนสายเข้า ให้ตัดสายทันทีถ้ามีเบอร์ซ่อน caller ID โทรเข้ามา ย้ำกันตรงนี้ว่าการซ่อน caller ID ของตัวเอง ไม่ได้ช่วยเรื่อง ป้องกันคนแปลกหน้าโทรรบกวน แต่อย่างใด

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ซ่อนด้วยโค้ด

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าอยากซ่อน caller ID ในการโทรแค่ครั้งเดียว ก็เติมโค้ดไปหน้าเบอร์ตอนโทรออกได้เลย เพื่อซ่อน caller ID แค่การโทรออกครั้งนั้น พูดง่ายๆ คือจะโทรแบบซ่อน caller ID เมื่อไหร่ก็ให้เติมโค้ดไปข้างหน้าเบอร์ทุกครั้ง
    • แต่วิธีนี้อาจใช้ไม่ได้ผล ถ้าอีกฝ่ายมีแอพหรือบริการ unmask (แสดง) caller ID ที่ถูกซ่อน
  2. ลองสอบถาม call center ของค่ายมือถือที่ใช้ดู ว่าถ้าไม่อยากโชว์เบอร์ ต้องกดอะไร เช่น ของ AIS ต้องกด *515 เป็นต้น หรือของต่างประเทศ เช่น อเมริกา ถ้าใช้มือถือระบบ GSM (เช่น Android ส่วนใหญ่) ให้กด #31# ส่วนค่ายอื่นๆ ของอเมริกา ให้กด *67 นอกจากนี้เรายังรวบรวมโค้ดของประเทศอื่นๆ ไว้ข้างล่างแล้ว
    • *67 — อเมริกา (ยกเว้น AT&T), แคนาดา (โทรศัพท์บ้าน), นิวซีแลนด์ (โทรศัพท์ Vodafone)
    • #31# — อเมริกา (โทรศัพท์ AT&T), ออสเตรเลีย (มือถือ), แอลเบเนีย, อาร์เจนตินา (มือถือ), บัลแกเรีย (มือถือ), เดนมาร์ก, แคนาดา (มือถือ), ฝรั่งเศส, เยอรมนี (บางค่ายมือถือ), กรีซ (มือถือ), อินเดีย (หลังจากปลดล็อคค่ายแล้ว), อิสราเอล (มือถือ), อิตาลี (มือถือ), เนเธอร์แลนด์ (โทรศัพท์ KPN), แอฟริกาใต้ (มือถือ), สเปน (มือถือ), สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์ (มือถือ)
    • *31# — อาร์เจนตินา (โทรศัพท์บ้าน), เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์ (โทรศัพท์บ้าน)
    • 1831 — ออสเตรเลีย (โทรศัพท์บ้าน)
    • 3651 — ฝรั่งเศส (โทรศัพท์บ้าน)
    • *31* — กรีซ (โทรศัพท์บ้าน), ไอซ์แลนด์, เนเธอร์แลนด์ (แทบทุกค่าย), โรมาเนีย, แอฟริกาใต้ (โทรศัพท์ Telkom)
    • 133 — ฮ่องกง
    • *43 — อิสราเอล (โทรศัพท์บ้าน)
    • *67# — อิตาลี (โทรศัพท์บ้าน)
    • 184 — ญี่ปุ่น
    • 0197 — นิวซีแลนด์ (โทรศัพท์ Telecom หรือ Spark)
    • 1167 — โทรศัพท์แป้นหมุนในอเมริกาเหนือ
    • *9# — เนปาล (เฉพาะแบบเติมเงิน/รายเดือนของ NTC)
    • *32# — ปากีสถาน (โทรศัพท์ PTCL)
    • *23 หรือ *23# — เกาหลีใต้
    • 067 — สเปน (โทรศัพท์บ้าน)
    • 141 — อังกฤษ, ไอร์แลนด์
  3. เปิดแอพ dialer (แป้นตัวเลขเวลาจะโทรออก) ของมือถือ. แตะไอคอนของแอพ Phone หรืออาจจะต้องแตะ dialpad tab ก่อนเพื่อให้แป้นพิมพ์โผล่มา
    • ถ้าใช้เบอร์บ้านหรือโทรศัพท์ฝาพับ ก็ต้องยกหูขึ้นมาก่อน
  4. กดเลขในแป้นพิมพ์ เพื่อใส่โค้ด 3 - 4 ตัวที่ต้องใช้
    • เช่น ถ้าจะซ่อน caller ID ของมือถือค่าย AIS ก็ให้พิมพ์ *515 เป็นต้น
  5. อย่าเพิ่งกดปุ่ม "Call" (โทรออก) ให้พิมพ์เบอร์ที่จะโทรให้ครบก่อน
    • ถ้าอยากลองใช้หลายโค้ด เพื่อหาโค้ดที่ใช้งานได้จริง ก็ควรโทรเข้าเบอร์เพื่อนหรือคนในครอบครัวก่อน อย่าเพิ่งโทรไปหาคนที่คุณไม่อยากโชว์เบอร์
    • เบอร์ที่ต้องโทรจะเป็น [โค้ด][เบอร์ปลายทาง] หรือก็คือ *515(080)1234567
  6. เพื่อซ่อน caller ID ของตัวเอง แค่นี้โทรไปหาใครก็ไม่โชว์เบอร์ให้เขาเห็นแล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ใช้ Google Voice

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. Google Voice ใช้สร้างเบอร์โทร 10 หลักให้คุณซะใหม่ เอาไว้ใช้เวลาโทรออกผ่าน Google Voice
    • ถึงเวลาโทรออกผ่าน Google Voice คนอื่นจะยังเห็นเบอร์ Google Voice ของคุณ แต่ก็ไม่เห็นเบอร์โทรจริงๆ ของคุณแน่นอน ถึงอีกฝ่ายจะใช้แอพหรือบริการ unmask ก็เถอะ
    • ใช้ Google Voice แล้วรับรองเข้าถึงอีกฝ่ายที่ปกติบล็อกสายเข้าที่ไม่โชว์เบอร์ได้แน่นอน แถมไม่ต้องโชว์เบอร์ที่แท้จริงของคุณอีกต่างหาก
  2. เป็นแอพฟรี ใช้ได้ทั้งใน iPhone และ Android คุณดาวน์โหลดได้โดย
  3. โดยแตะ OPEN ใน app store ของมือถือ
    • หรือแตะไอคอนของแอพ Google Voice ที่เป็นรูปโทรศัพท์สีขาวบนพื้นเขียวเข้ม เพื่อเปิดขึ้นมา
  4. ตรงกลางหน้าจอ
  5. แตะสวิตช์ทางขวาของบัญชีที่จะพ่วงกับ Google Voice
    • ถ้ายังไม่ได้ล็อกอิน Google Account ในสมาร์ทโฟน ให้แตะ Add account แล้วพิมพ์อีเมลกับรหัสผ่านก่อน
  6. ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะเด้งขึ้นมา
    • ถ้ามีให้เลือกเบอร์ของบัญชี Google Voice ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไป รวมถึงอีก 2 ขั้นตอนถัดไป
  7. กลางเมนูที่เด้งขึ้นมา
  8. จะเห็นตัวเลือกนี้ในหัวข้อ "Account" ทางด้านบนของหน้า
    • ถ้าใช้ Android ให้แตะ Get a Google Voice number ตรงนี้
  9. ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ
  10. แตะช่องค้นหาที่ด้านบนของหน้าจอ แล้วพิมพ์ชื่อเมือง/จังหวัด (หรือรหัสไปรษณีย์) ที่จะใช้เป็นต้นทางของเบอร์โทร
  11. ให้เลือกเบอร์ที่อยากจะใช้ จากในรายการเบอร์โทรที่มี
  12. ทางขวาของเบอร์ที่จะใช้
  13. ตัวเลือกนี้จะอยู่มุมขวาล่างของหน้าจอ
  14. พิมพ์เบอร์โทรจริงๆ ของคุณ
  15. ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ แล้ว Google Voice จะส่งโค้ด 6 หลักไปที่แอพ Messages ของมือถือ
  16. เราจะมาหาโค้ดโดย
    • ย่อแอพ Google Voice (อย่าเพิ่งปิด)
    • เปิดแอพ Messages ในสมาร์ทโฟน
    • เลือก SMS ใหม่ที่ Google ส่งมา
    • จดโค้ด 6 หลักใน SMS
    • เปิด Google Voice ขึ้นมาใหม่
  17. พิมพ์โค้ด 6 หลักที่ได้จาก SMS
  18. ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ
  19. แตะ CLAIM ตอนที่ขึ้น แล้วแตะ FINISH ตอนที่ขึ้นเช่นกัน เพื่อไปยังหน้าหลักของ Google Voice
  20. เวลาจะโทรออก Google Voice จะมีเบอร์แยกให้ ระหว่างเบอร์นี้กับเบอร์ที่ Google Voice ให้มาในบัญชี คนที่คุณโทรหาจะไม่เห็นเบอร์โทรจริงๆ ของคุณ เวลาจะโทรออกให้
    • แตะ tab Calls
    • แตะไอคอนแป้นพิมพ์สีขาวเขียว ที่มุมขวาล่าง
    • กดเบอร์ที่จะโทรหา
    • แตะปุ่ม "Call" สีขาวเขียวที่ท้ายหน้าจอ
    • รอจนมีหน้าต่างใหม่พร้อมเบอร์ใหม่โผล่ขึ้นมา
    • แตะ Call เพื่อโทรออก
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หลายค่ายมือถือจะซ่อน caller ID ให้ถาวรเลย ถ้าคุณติดต่อสอบถาม ขอรับบริการจาก call center แต่ก็มักจะมีค่าใช้จ่ายรายเดือนเพิ่มเติมด้วย
  • block code ชั่วคราวใช้ซ่อน caller ID เวลาโทรไปเบอร์ฉุกเฉินต่างๆ ไม่ได้ (เช่น แจ้งตำรวจหรือศูนย์กู้ภัยต่างๆ) รวมถึงเบอร์ toll-free (เช่น เบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย 1-800 ของอเมริกา) ด้วย เพราะงั้นถ้าคิดจะซ่อนเบอร์ด้วยจุดประสงค์ผิดๆ ถึงใช้โค้ดไปก็ไม่ได้ช่วยให้คุณหนีความผิดหรือหนีคดีได้ [1]
  • ถ้าอยากโทรออกแบบไม่ให้คนรู้ชื่อ เบอร์โทร ที่อยู่ หรือสาวกลับมาที่คุณไม่ได้ แนะนำให้ใช้โทรศัพท์สาธารณะจะปลอดภัยที่สุด
โฆษณา

คำเตือน

  • ถึงจะซื้อซิมใหม่มาใช้ เดี๋ยวนี้ตอนเปิดซิมครั้งแรกก็ต้องมีให้แจ้งชื่อ-นามสกุล และบัตรประชาชนอยู่ดี เพราะงั้นก็แน่ใจไม่ได้ 100% ว่าจะปกปิดตัวตนหรือซ่อน caller ID ได้ แถมบางค่ายมือถือยังโชว์เบอร์หรือข้อมูลของคุณให้ปลายสายอยู่ดี
  • ถ้าเบื่อจะใช้เบอร์ Google Voice เก่าแล้ว ต้องรอ 90 วัน ถึงจะขอเบอร์ใหม่ได้
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 12,526 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา