PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

งูเป็นสัตว์ที่ทำให้เรารู้สึกพิศวงและทำให้เรากลัวในตัวมัน ตราบใดที่มันกับเรายังอยู่ร่วมโลกเดียวกันอยู่นี้ ถือเป็นอะไรที่เป็นตำนานจริงๆ ขณะที่มีงูน้อยกว่า 1/3 ของสายพันธุ์ทั้งหมดที่มีพิษ (ยกเว้นว่าคุณจะอยู่ในออสเตรเลีย เพราะมันมีพิษกันถึง 65% เลยล่ะ!) แต่การที่จะดูมันให้ออกก็เป็นสิ่งที่ดีนะ ระวังพวกงูเอาไว้ให้ดี แต่ถ้าโดนงูไม่มีพิษกัดมันก็จะไม่เจ็บมากหรอก เหมือนโดนเข็มจิ้มอะไรประมาณนั้นแหละ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

งูในอเมริกาเหนือ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในสหรัฐอเมริกานั้น มีงูสี่สายพันธุ์ที่มีพิษ ได้แก่ คอตตอนเมาธ์, หางกระดิ่ง, คอปเปอร์เฮด และงูปะการังแปลง
  2. งูคอตตอนเมาธ์จะมีม่านตาเป็นรูปวงรี และมีสีไปตั้งแต่ดำถึงเขียว มีลายสีขาวอยู่ด้านข้างหัวมัน มักจะเจออยู่บริเวณรอบๆ แหล่งน้ำ แต่บางทีก็อาจย้ายขึ้นมาอยู่บนพื้นดิได้ งูชนิดนี้เมื่อยังเด็กจะมีหางเป็นสีเหลืองอ่อน มักจะอยู่ตัวเดียว ฉะนั้นถ้าคุณเจองูที่อยู่ด้วยกันหลายๆ ตัวด้วยความสงบ นั่นก็อาจไม่ใช่งูคอตตอนเมาธ์
  3. ให้ดูที่กระดิ่งหาง งูที่ไม่มีอันตรายอืนๆ อาจส่งเสียงด้วยการใช้หางลากปัดผ่านใบไม้ แต่มีเพียงงูหางกระดิ่งเท่านั้นที่จะส่งเสียงออกมาจากปลายหางที่ดูคล้ายของเล่นเด็กที่เขย่าแล้วมีเสียงรัวออกมา ถ้าคุณมองไม่เห็นกระดิ่ง ก็ให้มองว่ามันมีหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม และตาเป็นรูปวงรีคล้ายแมว
  4. งูแสนสวยตัวนี้มีรูปร่างคล้ายกับคอตตอนเมาธ์ แต่สีจะสว่างกว่า อยู่ที่สีประมาณน้ำตาลทองแดงไปถึงส้มสว่าง หรือชมพูหม่นไปถึงสีพีช เมื่อยังเด็กก็จะมีหางสีเหลืองอ่อนด้วย
  5. งูอีกชนิดที่สวยแต่อันตรายก็คืองูปะการังแปลงนั่นเอง มันสวยมากๆ และมีงูที่ดูคล้ายกับมันด้วย เป็นงูไม่มีพิษที่ชื่อว่างูมิลค์ พวกมันมีสีที่ดูโดดเด่น ด้วยสีดำ เหลือง และแดง มีหัวเป็นสีเหลือง และมีวงแหวนสีดำอยู่บนจมูกของมัน สิ่งหนึ่งที่ช่วยแยกระหว่างงูปะการังแปลงออกจากงูมิลค์ได้คือ 'สีแดงติดเหลืองคืออันตราย สีแดงติดดำคือไม่อันตราย' อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วงูปะการังแปลงจะไม่ค่อยกัด เพราะมันขี้อายมากๆ นั่นเอง ไม่มีผู้เสียชีวิตจากงูปะการังแปลงอริโซนา และมีผู้เสียชีวิตจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจากงูปะการังแปลงฝั่งตะวันออก
  6. งูพิษในสหรัฐอเมริกามักจะมีสีสันที่หลากหลาย งูส่วนใหญ่ที่มีสีเดียวทั้งตัวมักจะไม่มีอันตรายโดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม คอตตอนเมาธ์ก็เป็นงูพิษเช่นกัน ฉะนั้นจึงไม่มีอะไรที่จะแยกมันออกมาคร่าวๆ ได้ และระวังตัวจากงูพิษด้วยนะ
  7. งูไม่มีพิษจะมีหัวเป็นทรงมนคล้ายช้อน และงูพิษจะมีหัวที่ค่อนข้างเป็นสามเหลี่ยมมากกว่า นั่นก็เพราะต่อมผลิตพิษของมันนั่นเอง (ค่อนข้างมองยากสำหรับงูปะการังแปลง).
  8. ถ้างูมีกระดิ่งอยู่ที่หางก็แปลว่ามันเป็นงูหางกระดิ่ง และมันมีพิษ อย่างไรก็ตาม งูไม่มีพิษบางชนิดก็เลียนแบบงูหางกระดิ่งด้วยการสั่นหางของมัน แต่ก็จะไม่มี"ปุ่มหาง"ที่ทำให้เกิดเสียงเหมือนเขย่าขวดเกลือได้
  9. งูพิษบางชนิดในสหรัฐอเมริกาจะมีรอยบุ๋มเล็กๆ ระหว่างตากับรูจมูกของมัน ซึ่งจะเรียกตรงนั้นว่าช่องรับความร้อน ซึ่งงูจะใช้ตรวจจับความร้อนจากเหยื่อของมันนั่นเอง ส่วนงูปะการังแปลงไม่ใช่งูประเภทที่มีช่องรับความร้อน จึงไม่มีคุณสมบัติในด้านนี้
  10. งูไม่มีพิษบางตัวก็เลียนแบบลวดลายและพฤติกรรมให้เหมือนงูพิษ งูทางมะพร้าวจะดูคล้ายงูหางกระดิ่ง และงูมิลค์ที่ไร้พิษภัยก็ดูคล้ายงูปะการังแปลง
    • ทำตัวให้เหมือนว่าเจองูพิษตลอดเวลาถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นงูพิษหรือไม่ และถึงแม้ว่าคุณจะรู้ว่างูตัวนั้นมันอันตราย ก็อย่าไปฆ่ามันซะล่ะ เพราะมันจะผิดกฏหมาย (ในสหรัฐอเมริกา) ได้น่ะสิ และการฆ่างูไม่มีพิษก็จะทำให้ประชากรงูพิษและพวกสัตว์อันตรายเพิ่มขึ้นอีกด้วย
  11. งูกะปะจะมีม่านตาเป็นรูปวงรี แต่งูน้ำที่ไร้พิษภัยจะมีม่านตาเป็นวงกลม. ควรปล่อยมันให้อยู่ตัวเดียวหรือให้มันออกไปจากบริเวณตรงนั้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

งูในประเทศอังกฤษ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. แอดเดอร์ งูพิษวงศ์ไวเปอร์ หรืออีกชื่อคือ vipera Berus จะมีรอยรูปตัว V หรือ X และยังมีรูม่านตาเป็นวงรีแนวตั้ง รอยซิกแซกบนหลัง และด้านข้างที่มีรูปวงรีสีเข้มยาวตลอดทาง ส่วนที่เป็นสีเข้มจะมีตั้งแต่สีเทา ฟ้า ไปถึงสีดำ (ส่วนใหญ่) ส่วนสีตัวมักจะเป็นสีเทาอ่อน หรืออาจเป็นสีน้ำตาลหรือแดงอิฐก็ได้
    • งูแอดเดอร์มักจะเจอที่อังกฤษบ่อยๆ โดยเฉพาะบริเวณทางตอนใต้ แม้ว่าการถูกมันกัดจะเจ็บปวดและต้องรีบไปพบแพทย์โดยไว แต่ถ้าถูกงูแอดเดอร์กัด ปกติมันก็จะไม่ร้ายแรงมากนัก
    • ปกติแล้วงูแอดเดอร์จะไม่มีนิสัยเกรี้ยวกราดยกเว้นว่ามันจะถูกรบกวน ถ้าให้เลือก มันจะขอเลือกไปที่อื่นที่ไม่ต้องอยู่ใกล้คุณมากกว่า
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

งูในประเทศอินเดีย

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. อินเดียเป็นแหล่งที่มีงูอยู่เยอะมาก และก็มีที่เป็นงูพิษอยู่จำนวนมากด้วย แต่พี่ใหญ่สี่พันธุ์นี้จะพบเห็นได้หลายๆ ที่ และมันก็เป็นงูพิษด้วยล่ะ
  2. เมื่อคุณนึกถึงหมองูกับงูที่อยู่ในตะกร้า (กับงูในหนังเรื่องเลื้อยฉก เที่ยวบินระทึก) งูที่คุณนึกภาพอยู่นั้นคืองูเห่านั่นเอง
    • ความยาวของลำตัวมีตั้งแต่ประมาณ 0.9 เมตร ถึงประมาณ 1.8 เมตร และมีส่วนหัวที่กว้าง มันสามารถแผ่แม่เบี้ยบนหัวออกมาได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้มันมีรูปร่างที่โด่งดังและน่ากลัวมากๆ นั่นเอง
    • สีตัวมันมีหลากหลายต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ปกติแล้วงูเห่าในอินเดียตอนใต้จะมีสีเหลืองไปจนน้ำตาล ส่วนตอนเหนือมักจะเป็นสีน้ำตาลเข้มไปถึงสีดำ
    • งูเห่ามีนิสัยขี้อาย มันจะคุกคามก็ต่อเมื่อถูกกระตุ้น แต่ทางที่ดีอยู่ให้ห่างๆ จะดีกว่านะ ถ้ามันโจมตีขึ้นมาล่ะก็ การพุ่งของมันจะไวมากเลยล่ะ และบางครั้งมันก็จะพุ่งกัดซ้ำๆ ด้วย งูเห่าตัวใหญ่อาจกัดแล้วฝังเขี้ยวเพื่อปล่อยพิษออกมาให้มากที่สุดด้วย!
    • ถ้าถูกงูเห่าฉกเข้า ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน งูเห่านี่แหละที่เป็นปัจจัยทำให้คนในอินเดียเสียชีวิตมามากมายแล้ว
  3. งูสามเหลี่ยมมีความยาวตั้งแต่ประมาณ 1.2 เมตร ถึง 2 เมตร หัวมันจะค่อนข้างกว้างกว่าคอและดูเหมือนถูกกดต่ำลงไป ปากจะกลมๆ ตาเล็กและเป็นสีดำทั้งดวง
    • งูสามเหลี่ยมมีลำตัวสีดำ และมีลายเป็นวงเส้นเดียวหรือสองเส้นสีออกขาวนมรอบตัว เกล็ดของมันจะเป็นรูปหกเหลี่ยม และเกล็ดใต้หาง (เกล็ดที่อยู่ด้านใต้ของหาง) จะไม่ได้แบ่งออกชัดเจน
    • งูสามเหลี่ยมเป็นสัตว์กลางคืน ในเวลากลางวันจะพบมันได้ในที่ที่มืดและแห้ง มันจะเชื่องและขี้อายในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนมันก็จะโจมตีหากถูกกระตุ้น
  4. งูแมวเซาเป็นงูที่ตัวใหญ่ มีลำตัวสีน้ำตาลแซมด้วยสีแดงและเหลือง และจะมีจุดรูปร่างคล้ายลูกตาเรียงแถวตามแนวยาวสามจุดสีน้ำตาลหรือดำ เริ่มจากหัวและเริ่มจางลงไปทางหาง จุดข้างลำตัวทั้งสองด้านจะเล็กกว่าและกลมกว่าเมื่อเทียบกับจุดด้านบน
    • หัวเป็นทรงสามเหลี่ยม จมูกจะชี้ๆ และหัวค่อนข้างใหญ่กว่าคอมากอยู่ และจะมีรอยรูปสามเหลี่ยมสองรอยอยู่ด้วย ม่านตาเป็นแนวตั้ง และลิ้นของมันจะสีดำอมม่วง
    • งูแมวเซามีพิษร้ายแรงพอที่ควรจะไปพบแพทย์ทันทีหากถูกฉก ถ้าคุณไปกระตุ้นมัน (ไม่ใช่เผลอไปเหยียบมันเข้าให้นะ) มันจะเตือนด้วยการส่งเสียงวี้ดสูงๆ เหมือนเสียงเวลาหม้อหุงข้าวสุก
  5. เป็นงูพิษที่พบได้มากเป็นอันดับสองในอินเดีย รองลงมาจากงูแมวเซา ความยาวของลำตัวอยู่ที่ประมาณ 15 นิ้ว (40 ซม.) ถึงประมาณ 30 นิ้ว (80 ซม.) สีลำตัวมีตั้งแต่น้ำตาลเข้ม ไปถึงแดง เทา หรือสามสีนี้ผสมๆ กัน มีจุดสีอ่อนซึ่งอาจเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาลอ่อนมากๆ โดยมีเส้นสีเข้มสานต่อผ่านไปอยู่ด้วย
    • งูไวเปอร์เกล็ดเลื่อยจะเกรี้ยวกราดมากถ้าหากถูกกระตุ้น และจะส่งเสียงคล้ายเสียงเลื่อยด้วยการถูเกล็ดข้างหลังเข้าหากัน ถ้าคุณได้ยินเสียงทำนองนี้ก็อย่าเข้าใกล้ล่ะ เพราะงูไวเปอร์เกล็ดเลื่อยเป็นสายพันธุ์ที่ฉกได้ไวที่สุดในโลก!
    • ถ้าถูกกัดก็ให้ไปรักษาซะ บางทีเลือดอาจไม่ออก แต่จะมีเพียงการตรวจขั้นสูงเท่านั้นถึงจะบอกได้ว่าปลอดภัยหรือไม่
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

งูในประเทศออสเตรเลีย: งูที่อันตรายที่สุดในโลก

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. อีกชื่อหนึ่งคือ Fierce Snake งูชนิดนี้ถือว่าเป็นงูที่มีอันตรายร้ายแรงที่สุดในโลก พิษของมันแรงกว่าพิษของงูสายพันธุ์อื่นหลายเท่าตัวนัก แต่ก็ยังไม่มีบันทึกว่ามีคนเสียชีวิตจากงูชนิดนี้
    • งูชนิดนี้มีความยาวลำตัวถึง 1.8 เมตร และมีสีไล่ตั้งแต่น้ำตาลเข้มไปถึงสีเหลืองฟางอ่อนๆ และสีตัวมันจะเข้มขึ้นกว่าตอนฤดูร้อนเมื่อเข้าฤดูหนาว หัวมันจะเป็นสีดำแทบทั้งหมด
    • มันอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า black soil plains ซึ่งเป็นที่ที่ชายแดนของรัฐควีนส์แลนด์, เซาท์ออสเตรเลีย และนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีมาบรรจบกัน
  2. ต่างจากงูพิษ ที่ร้ายแรงที่สุด อย่างงูไทปันโพ้นทะเล เพราะงูสีน้ำตาลตะวันออกเป็นสาเหตุที่ทำให้คนในออสเตรเลียเสียชีวิตมากที่สุด และเหมือนกับงูชนิดอื่นๆ ที่จะชอบหนีมากกว่าจะสู้ แต่ถ้ามันถูกคุกคาม ถูกจับ หรือถูกเหยียบ ก็ลืมไปได้เลยว่ามันจะหนี
    • ตัวมันยาวได้ถึง 2 เมตร และว่องไวมากๆ โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน มันมีรูปร่างที่เพรียว มีสีตั้งแต่สีแทนไปถึงสีเทาหรือน้ำตาลเข้ม ช่วงท้องของมันจะมีสีที่อ่อนกว่า และจะมีจุดสีส้มเข้มอยู่ด้วย
    • มันอาศัยอยู่ออสเตรเลียฝั่งตะวันออก ตั้งแต่ช่วงทะเลทรายไปถึงชายฝั่งทะเล และชอบที่จะอยู่ในพื้นที่ที่เป็นหญ้าโล่ง ทุ่งเลี้ยงสัตว์ และในป่า
    • แทบไม่ต้องพูดเลยล่ะว่าถ้าคุณถูกงูชนิดนี้กัดล่ะก็ รีบไปหาหมอซะ!
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จำไว้ว่า จริงๆ แล้วงูกลัวเรามากกว่าที่เรากลัวมันเสียอีก เหตุผลเดียวที่มันกัดเราก็เพราะว่ามันคิดว่าเรามารุกรานมัน โดยเฉพาะพวกงูมีพิษจะทำแบบนั้น ตอนเดินอยู่ก็ระวังด้วยนะ
  • ลืมตาอยู่ตลอดเวลา สำรวจบริเวณที่คุณทำงานอยู่ และทำเสียงให้ดังๆ เพื่อให้โอกาสงูได้หนีห่างจากคุณออกไป
  • เมื่ออยู่ในที่ที่มีทั้งงูปะการังแปลงที่มีพิษและงูมิลค์ที่ไม่มีพิษ ให้จำไว้ว่าสีแดงติดกับสีเหลืองแปลว่าอันตรายแล้ว แต่ถ้าสีแดงติดกับสีดำถือว่าปลอดภัย แล้วก็นะ' ตัวจริงมันมีอยู่แค่ในอเมริกาเหนือช่วงตะวันออกเท่านั้นแหละ!
  • อย่ายื่นมือยื่นเท้าออกไปยังที่ที่คุณไม่สามารถเห็นมันได้ในทันที ด้วยสาเหตุนี้ทำให้นักปีนเขาจำนวนหนึ่งถูกพวกมันกัดเอา
  • หาดูงูบริเวณท้องถิ่นของคุณในอินเทอร์เน็ต เป็นการดีที่จะรู้ไว้ว่ามีงูชนิดใดบ้างที่อยู่รอบๆ พื้นที่ของคุณ ถ้าคุณอยู่ในที่ที่มีงูอยู่มากมาย ก็ให้พกคู่มือคำแนะนำเอาไว้ใช้ช่วยตอนที่คุณจะระบุสายพันธุ์มันด้วย
  • ห้ามสัมผัสงูถ้าคุณไม่รู้ว่ามันมีพิษหรือไม่ และอย่าเลี้ยงงูพิษเด็ดขาดล่ะ
  • ใส่รองเท้าบูทหรือรองเท้าดีๆ พร้อมกับถุงเท้าหนาๆ และกางเกงแสล็ค (ห้ามเป็นกางเกงขาสั้น) ทุกครั้งเวลาที่คุณจะไปยังบริเวณที่มีงูมีพิษอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มักจะสวมรองเท้าบูทที่สูงถึงเข่าเวลาออกไปยังพื้นที่เหล่านี้
  • งูจะฉีดพิษออกมาเป็นจำนวนมากจากความตกใจกลัวกะทันหัน อย่างไรก็ตาม งูตัวใหญ่ที่โตเต็มวัยจะรู้ถึงข้อจำกัดของพิษ ซึ่งไม่ได้ทำให้ปลอดภัยเลย
  • ถ้าคุณเจองูอยู่ข้างบ้าน ให้บอกเพื่อนบ้านให้รู้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ยังคงระมัดระวังขณะที่ออกไปด้านนอกกับลูกๆ หรือสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะถ้าคุณคิดว่างูตัวนั้นมีพิษด้วยยิ่งแล้วใหญ่
  • การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะทำให้เราปลอดภัยจากงู เรียนรู้ถึงงูสายพันธุ์ต่างๆ ในที่ที่คุณต้องไป พวกคู่มือแนะนำในสถานที่นั้นไปด้วย มันถือเป็นสิ่งสำคัญเลยล่ะ
  • ถ้าคุณเข้ามายังแหล่งของงูที่เป็นป่า ตอนกลับต้องเดินกลับไปช้าๆ ด้วยนะ ไม่ก็ให้เดินแค่ที่ที่มีต้นหญ้าขึ้นเตี้ยๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
  • งูที่อาศัยบนต้นไม้ก็มีเช่นกัน ระวังรอบๆ ข้างด้วยล่ะ
โฆษณา

คำเตือน

  • การดูที่ตาของงูไม่ใช่วิธีที่จะระบุว่างูตัวนั้นมีพิษหรือไม่ได้ งูเห่า งูแบล็กแมมบา และสายพันธุ์อื่นๆ ที่เป็นงูพิษร้ายแรงจะมีลูกตาม่านตาแบบวงกลมขณะที่งูโบอาหางแดง งูเหลือมมรกตต้นไม้ และงูหลามต้นไม้สีเขียวจะมีม่านตาแบบวงรี อย่าเข้าไปยุ่งกับงูเพียงเพราะม่านตามันเป็นแบบกลม ใช่ว่าจะหมายความว่ามันไม่มีพิษ
  • งูพิษส่วนใหญ่ตอนนี้กำลังตกอยู่ในอันตรายหรือถูกคุกคามอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งขัดกับกฏของรัฐบาลกลางที่ว่าด้วยกรฆ่าหรือรบกวนทำให้สัตว์ที่ใกล้สูญพันธ์ นั่นรวมถึงงูพิษด้วย นอกเหนือจากนั้น ในหลายๆ รัฐถือว่าการฆ่า จับ ทำร้าย หรือครอบครองงูป่าสายพันธุ์ใดก็ตาม มีพิษหรือไม่มีพิษเป็นสิ่งผิดกฏหมาย
  • งูบางตัวที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษก็อาจมีพิษ หรือไม่ก็อาจเป็นในทางกลับกัน ขอให้แน่ใจว่าคุณ รู้จัก สายพันธุ์งูที่อยู่ในท้องถิ่นของคุณมาก่อน
  • ห้าม รังแกหรือเข้าใกล้งูมากเกินไปเพื่อจะระบุสายพันธุ์ ยกเว้นว่าคุณจะมั่นใจว่ามันไม่มีพิษจริงๆ งูส่วนใหญ่จะเลี่ยงหนีไปมากกว่า
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,565 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา