ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเป็นคนที่ดู ไร้อารมณ์ โดยสิ้นเชิงนั้นเป็นข้อได้เปรียบมหาศาล การควบคุมอารมณ์ทำให้คุณได้อำนาจในการควบคุมการเจรจา หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และยังดูเท่อีกด้วย แม้ว่าการซ่อนความรู้สึกจะดูไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก แต่คุณก็ต้องฝึกฝนมากพอสมควรถึงจะดูไร้อารมณ์ได้อย่างสิ้นเชิง คุณต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมการแสดงออก การเคลื่อนไหว และคำพูดของตัวเองให้ได้ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ควบคุมการแสดงออกที่ไม่ใช่คำพูด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สายตาและปากสามารถสื่ออารมณ์ทั้งหลายทั้งมวลออกมาได้มากมาย เพราะฉะนั้นคุณจึงต้องควบคุมดวงตาและปากอยู่ตลอดเวลา วิธีที่ดีที่สุดก็คือการพยายามฝึกการไม่แสดงอารมณ์ สีหน้าว่างเปล่าคือสีหน้าที่คนใช้ในการเว้นระยะจากคนอื่น คุณสามารถเห็นสีหน้าแบบนี้ได้เวลาอยู่ในลิฟต์แน่นๆ เกือบทุกที่ มันคือใบหน้าที่เป็นเหมือนป้ายห้ามรบกวน [1]
    • ค่อยๆ ตั้งใจคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้า แล้วคุณจะประหลาดใจว่ากล้ามเนื้อมันเกร็งขึ้นมาได้ง่ายแค่ไหนแม้ว่าคุณจะไม่ได้มีอารมณ์อะไรก็ตาม
    • คนเล่นโปกเกอร์ฝึกศิลปะของการสร้างใบหน้าโปกเกอร์ที่ไร้อารมณ์ ศึกษาว่าคนเล่นโปกเกอร์เขาเล่นโดยไม่แสดงความตื่นเต้นหรือความวิตกกังวลได้อย่างไร
    • อย่าหลบตา การหลบตาอาจมองว่าเป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์อย่างหนึ่งได้ แค่มองไปที่คนๆ นั้นเหมือนเวลาที่คุณมองเก้าอี้หรือผนัง
  2. อิริยาบถเล็กๆ น้อยๆ บอกอะไรได้มากมาย แม้ว่าเราจะไม่ทันได้รู้ตัวตลอดเวลาก็ตาม ซึ่งโดยปกติแล้วถือเป็นส่วนที่ยากที่สุดของการเป็นคนไร้อารมณ์ และไม่ว่าคุณจะพยายามแค่ไหน มันก็ยังจะมีอิริยาบถเล็กๆ น้อยๆ ที่บอกว่าคุณรู้สึกอย่างไรโผล่ออกมาอยู่ดี
    • อย่าแสดงอาการกระสับกระส่าย เช่น หักข้อนิ้วหรือกัดเล็บ
    • อย่าแสดงสัญญาณว่าคุณเหนื่อยด้วยการขยี้ตาหรือหาว
    • การเคาะเท้าอาจทำให้คุณดูวิตกกังวลได้
    • การมองต่ำมากเกินไปอาจทำให้คุณดูเป็นคนขี้อายหรือเศร้า
    • แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะทำหน้าโปกเกอร์ได้ แต่แม้แต่มือของนักเล่นโปกเกอร์เองก็ยังทรยศพวกเขา และสายตาที่แหลมคมจะจับไต๋ที่ชัดเจนเช่นนี้ได้ [2] การเคลื่อนไหวมือและแขนแบบลังเลจะแสดงความกลัว ความไม่แน่ใจ ความวิตกกังวล หรือความตื่นเต้นออกมา ลองเคลื่อนไหวแบบลื่นไหลและตั้งใจเท่านั้น อย่าขยับถ้าไม่จำเป็น จากนั้นก็ให้ขยับอย่างมั่นคงและมั่นใจ
  3. อย่าแสดงอารมณ์ผ่านท่าทางการยืนหรือนั่ง
    • อย่ากอดอกเพราะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการปกป้องตัวเอง ปล่อยแขนสบายๆ ไว้ข้างลำตัว
    • นั่งหลังพิง ท่าทางที่ผ่อนคลายไม่กังวลอะไรเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงให้เห็นว่าคุณไม่มีอารมณ์ใดในใจเลย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มระยะห่างระหว่างคุณกับคนที่อยู่กับคุณด้วย การโน้มตัวไปข้างหน้าอาจทำให้คุณดูกระตือรือร้นหรือตื่นเต้น
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

สนทนาแบบไร้อารมณ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปลุกความเป็นสป็อคในตัวคุณและพยายามพูดคุยแบบที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลย เช่น ถ้าคุณออกไปกินมื้อเย็นนอกบ้านแล้วมีคนถามคุณว่าเบอร์เกอร์เป็นยังไงบ้าง ก็ให้บอกเขาไปว่ามันสุกปานกลางและมันเล็กน้อย อย่าบอกว่าอร่อยหรือชวนแหวะแม้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม บอกแค่ข้อเท็จจริงเท่านั้น
    • ถ้ามีคนถามคำถามว่าคุณรู้สึกยังไงบ้างหรือถามอะไรที่ไม่สามารถตอบเป็นข้อเท็จจริงได้ วิธีการที่ดีที่สุดก็คือให้ถามคำถามกลับไป หรือคุณจะลองตอบคำถามที่คลุมเครือหรือกำกวมก็ได้
  2. ระวังจังหวะและระดับเสียงในการพูด การพูดเสียงแหลมอาจเป็นสัญญาณที่บอกถึงความตื่นเต้นหรือความไม่สบายใจ การลดเสียงลงต่ำและพูดช้าลงอาจดูเหมือนว่าคุณไม่แน่ใจหรือไม่สบายใจ พยายามพูดเหมือนกับว่าคุณกำลังอ่านคู่มือออกมาดังๆ การพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ให้ข้อมูล และไม่มีความรู้สึกสนใจใดๆ จะช่วยให้การพูดของคุณไม่น่าสนใจเอาเสียเลย
  3. หลายคำแสดงอารมณ์ต่างๆ บางคำก็ชัดเจนมาก แต่บางคำก็บอกเป็นนัย แม้ว่าคุณจะรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่ควรพูดคำว่าเศร้าหรือมีความสุข แต่คุณก็ไม่ควรพูดว่าคุณแน่วแน่ ใจเย็น หรือลังเล เพราะคำพูดพวกนี้ก็บอกสภาวะอารมณ์ของคุณได้เช่นกัน
    • อย่าใช้คำคุณศัพท์เพื่ออธิบายคำที่เผยถึงความรู้สึกของคุณ อย่าพูดว่าหนัง น่าตื่นเต้น หรือ โรแมนติก แต่ให้พูดว่าหนัง มีฉากแอ็คชั่นเยอะ หรือ เป็นหนังดรามา
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

รับมือกับอารมณ์ของตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนอ่อนไหวอาจดึงคุณเข้าสู่ความวุ่นวายในชีวิตของเขาและทำให้คุณดูเป็นคนไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิงได้ยาก คุณไม่จำเป็นต้องตัดใครออกจากชีวิตไปเสียทีเดียว แต่คุณอาจจะจำกัดการติดต่อกับเพื่อนที่อารมณ์อ่อนไหวบ้าง [3]
    • ถ้าคุณออกไปข้างนอกแล้วบังเอิญเจอเพื่อนที่เป็นคนอ่อนไหวง่าย ให้เตรียมข้ออ้างให้พร้อมเพื่อให้คุณปลีกตัวออกมาได้แบบไม่น่าเกลียด แค่บอกเขาว่าคุณต้องไปคืนวิดีโอหรืออะไรทำนองนั้น
  2. ส่วนสำคัญของการดูเป็นคนไร้อารมณ์ก็คือการไม่ปล่อยให้อะไรมากวนใจคุณ พอคุณตระหนักได้ว่าคุณไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องส่วนใหญ่ในชีวิตอยู่แล้ว เรื่องต่างๆ ก็อาจจะไม่ได้กวนใจคุณมากนัก ถ้าคุณเลิกพยายามควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้น คุณก็จะยอมรับเวลาที่สิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามคาดได้ง่ายขึ้น [4]
  3. การดูรายการทีวีหรือภาพยนตร์รุนแรงเป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่ใช้เพื่อสร้างความชินชาให้ตัวเอง แม้จะมีการถกเถียงกันว่าวิธีนี้อันตราย แต่ก็มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าการดูรายการทีวีทำให้คนดูไม่ทุกข์ร้อนกับความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของมนุษย์ [5] ถ้าคุณหวังจะเลี่ยงไม่ให้ตัวเองประสบกับอารมณ์เหล่านั้น ให้ลองดูทีวีบ่อยๆ
  4. อาจจะฟังดูงี่เง่าแต่การมองเงินมักทำให้คนเราแสดงท่าทางแบบนักธุรกิจมากขึ้น [6] นักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานว่า การมองที่เงินทำให้เรายอมรับการแสดงอารมณ์ออกไปข้างนอกหรือใช้คำพูดแสดงอารมณ์บรรยายความคิดน้อยลง
  5. ไม่ว่าคุณจะเก็บทุกอย่างไว้ข้างในได้ดีแค่ไหน บางครั้งคุณก็ต้องปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดออกมาบ้าง การเขียนหรือการเล่นดนตรีเป็นวิธีปลดปล่อยความกดดันทางอารมณ์ที่ดี แต่บางคนก็อาจจะคิดว่าการระบายความคับข้องใจผ่านมวยเตะเป็นวิธีที่ดีกว่า คุณจะเลือกวิธีไหนก็ได้ตราบใดที่มันช่วยให้คุณได้ปลดปล่อยความวิตกกังวลที่อยู่ในใจแทนที่จะจู่ๆ ก็ฟูมฟายต่อหน้าทุกคน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าไม่พอใจถ้าคนรู้จักบอกว่าคุณเป็นคนเย็นชาและไม่สนใจใคร เพราะมันหมายความว่าคุณมาถูกทางแล้ว
  • อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยสิ้นเชิง คุณยังคงมีความสนใจเหมือนเดิม เช่น กีฬาหรืออย่างอื่นที่คุณชอบได้ แค่ซ่อนอารมณ์ที่มีต่อสิ่งนั้นก็พอ
  • อย่าระบายอารมณ์ด้วยการทำร้ายตัวเอง มันจะยิ่งทำให้คุณดูอ่อนไหวเพราะคนอื่นจะเห็นรอยบาดแผล
  • เวลาที่พูด ให้พูดสั้นๆ และตรงประเด็น
  • ถ้ามีคนถามคุณว่า "เป็นอะไรหรือเปล่า" คุณก็อาจจะตอบสั้นๆ ไปว่า "ไม่มีอะไร" หรือ "แค่เหนื่อยเฉยๆ" แล้วถ้าเขายังคงถามต่อหรือไม่เชื่อ ก็ให้เปลี่ยนเรื่อง
  • พยายามทำตัวนิ่งๆ และผ่อนคลาย การทำตัวตึงเครียดไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น และยิ่งอาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนจะระเบิดได้ทีหลัง
  • สิ่งที่ควรทำคือเอียงคอเล็กน้อย มันจะทำให้คุณดูนิ่งมากๆ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 10,695 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา