ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณจะรู้ได้ว่าตัวเองได้พบกับแจ็คพอตดอกไม้สุดเลิศ เมื่อต้นไม้ที่คุณเจอขึ้นชื่อทั้งในเรื่องความงามของดอกไม้ และ ใบสวยๆ และบีโกเนียก็มีคุณสมบัติด้านความงามครบทั้ง 2 ข้อ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังดูแลสุดแสนง่าย ไม่ว่าจะปลูกไว้ในหรือนอกบ้าน สรุปก็คือ บีโกเบียนี่ล่ะคือพันธุ์ไม้สุดเจ๋ง เพราะฉะนั้น ไม่รอช้า เราไปอ่านขั้นตอนด้านล่างเพื่อเรียนรู้วิธีการดูแลต้นไม้สุดเพอร์เฟคนี้กันเลยดีกว่า

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

บีโกเนียชนิดปลูกในที่ร่ม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกบีโกเนียชนิดปลูกในร่มพันธุ์ที่ต้องการ. ชนิดของบีโกเนียที่เติบโตได้ดีในที่ร่มมีรายชื่อยาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียว แต่สิ่งสำคัญที่คุณต้องจำไว้คือ บีโกเนียบางชนิดนิยมปลูกเพราะดอกมีสีสันสดสวย ในขณะที่บางชนิดนิยมปลูกเพราะความงามและโดดเด่นของใบ ต้นบีโกเนียส่วนใหญ่ที่หาซื้อได้จากร้านจำหน่ายต้นกล้าจะแบ่งออกเป็นชนิดปลูกในร่มกับชนิดปลูกกลางแจ้ง
    • ถ้ายังไม่แน่ใจว่าต้นไม้ของคุณจะเติบโตได้ดีในบ้านรึเปล่า อาจจะลองสอบถามจากพนักงานในร้านจำหน่ายต้นกล้าใกล้บ้านดู
  2. Watermark wikiHow to ดูแลต้นบีโกเนีย
    ปลูกบีโกเนียชนิดปลูกในร่มลงในกระถางดินที่เหมาะสม. เมื่อนำบีโกเนียลงกระถาง ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงมี 3 อย่างด้วยกัน คือ ชนิดของดิน ขนาดกระถาง และปริมาณดินที่ใช้ [1]
    • เมื่อเลือกวัสดุเพาะในกระถาง จะต้องเลือกดินที่มีค่า pH เป็นกลางหรือเป็นกรดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
    • กระถางของคุณควรมีขนาดพอดี โดยต้องไม่ลืมคำถึงถึงการเติบโตของราก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กระถางที่ใหญ่จนเกินไป
    • กระถางที่ใหญ่เกินไปอาจทำให้ใช้ดินมากเกินไป และเมื่อกระถางมีดินมากเกินไป ดินก็อาจจะเปียกโชกจนอาจทำให้ราก ‘จมน้ำ’ จนบีโกเนียของเราเน่าตายได้นั่นเอง
  3. Watermark wikiHow to ดูแลต้นบีโกเนีย
    วางต้นบีโกเนียชนิดปลูกในร่มไว้ในที่ที่ได้รับแสงสว่าง. เพราะต้นบีโกเนียชอบแสงมากเป็นพิเศษ จึงควรนำไปวางไว้ใกล้กับขอบหน้าต่างที่หันไปทางทิศตะวันออกหรือตะวันตก เพื่อให้ต้นไม้ของเราได้รับแสงหลายชั่วโมงในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงหน้าต่างทางทิศใต้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงสิ้นกันยายน เพราะในช่วงนี้จะมีแสงแดดส่องเข้ามามากเกินไป เว้นแต่คุณจะมีม่านบางๆ ที่ช่วยกรองแสงได้ [2]
    • ในกรณีที่เลือกใช้ไฟฟลูออเรสเซนต์ ควรวางหลอดไฟไว้เหนือต้นไม้ประมาณ 6-12 นิ้ว และควรเปิดไฟไว้ประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน อย่างไรก็ตาม ผู้ปลูกบีโกเนียบางรายอาจจะเปิดไฟทิ้งไว้ถึง 14 ชั่วโมง แต่ต้องคำนึงไว้เสมอว่าคุณจะต้องรดน้ำให้บ่อยขึ้นเมื่อใช้แสงจากหลอดไฟ [3]
  4. ดูแลรักษาบีโกเนียชนิดปลูกในร่มให้อุ่นอยู่เสมอ. คุณจะต้องดูแลให้อุณหภูมิขั้นต่ำช่วงกลางคืนอยู่ที่ 13ºC (55ºF) เพราะบีโกเนียของเราทนอากาศหนาวไม่ได้มากนัก และจะทุกข์ทรมานถ้าอุณหภูมิต่ำกว่านี้
  5. Watermark wikiHow to ดูแลต้นบีโกเนีย
    รดน้ำต้นไม้เมื่อรู้สึกว่าหน้าดินในกระถางชื้นแต่ไม่เปียกชุ่ม โดยควรรดน้ำให้บ่อยขึ้นเมื่อสภาพอากาศค่อนข้างอุ่น หรือแสงสว่างจ้า หรือเมื่อบีโกเนียออกดอกบานสะพรั่ง รวมถึงในช่วงที่แตกหน่อใหม่ โดยรดจนกว่าน้ำจะไหลออกมาจากรูระบายใต้กระถาง [4]
    • ทิ้งให้ดินในกระถางแห้งลงสักเล็กน้อยระหว่างการรดน้ำแต่ละครั้ง ในช่วงที่มีแสงน้อยและอุณหภูมิต่ำปลายฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
    • ถ้าหากเป็นไปได้ ควรใช้น้ำอุณหภูมิห้องที่ผ่านการกลั่นแล้ว และเทน้ำที่ระบายออกมาในถาดหรือจานรองทันที
    • พ่นไอน้ำลงบนใบของต้นบีโกเนียชนิดเรกซ์ (ใบงาม) 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออาจจะให้ความชื้นสูงเพื่อป้องกันใบร่วง โดยควรใช้น้ำอุ่นกับขวดพ่นไอน้ำ
  6. Watermark wikiHow to ดูแลต้นบีโกเนีย
    คุณควรให้ปุ๋ยกับต้นไม้โดยใช้ปุ่ยสูตรน้ำเดือนละครั้งเพื่อกระตุ้นการออกดอกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงกันยายน และควรให้ปุ๋ยน้อยลงในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว เพราะต้นบีโกเนียจะเติบโตได้ไม่ต่อเนื่องในช่วงเวลานี้ [5]
    • ควรผสมปุ๋ยตามที่แนะนำไว้บนฉลาก
    • ควรรอให้ครบ 3 เดือนก่อนที่จะให้ปุ๋ย ถ้าวัสดุเพาะที่ใช้มีปุ๋ยผสมอยู่แล้ว
  7. Watermark wikiHow to ดูแลต้นบีโกเนีย
    คุณควรเด็ดดอกและใบที่แห้งออก รวมถึงตัดแต่งก้านที่หักเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต และปัดฝุ่นที่เกาะตามใบออกตามความจำเป็น
    • เด็ดดอกเล็กๆ ของบีโกเนียชนิดเร็กซ์ออกเมื่อดอกเริ่มบาน เพื่อให้สารอาหารไปเลี้ยงใบได้อย่างเต็มที่
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

บีโกเนียชนิดปลูกกลางแจ้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ดูแลต้นบีโกเนีย
    เลือกสถานที่ที่เหมาะสำหรับปลูกต้นไม้ของเรา. ต้นบีโกเนียชนิดปลูกกลางแจ้งทุกชนิดควรปลูกในที่ที่มีร่มเงาเพียงบางช่วงหรือเล็กน้อย และควรลงมือปลูกหลังจากสภาพอากาศที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำแข็งเกาะผ่านพ้นไปแล้ว โดยใช้บีโกเนียชนิดมีหัว (Tuberous begonia) ถ้าปลูกในกระถางหรือตะกร้าแขวน และใช้บีโกเนียชนิดมีรากฝอยเพื่อสร้างแปลงดอกไม้สวยๆ [6]
    • วางต้นบีโกเนียไว้ในที่ที่เขาจะได้รับแสงแดดในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงบ่ายแก่ๆ เพื่อให้ต้นไม้บานสะพรั่งมากที่สุด หรือจะวางไว้ในที่ที่บีโกเนียจะได้รับแสงแดดอ่อนๆ ตลอดทั้งวันก็ได้เช่นเดียวกัน
    • หลีกเลี่ยงการใส่บีโกเนียไว้ในกระถางที่พื้นผิวร้อน เช่น ยางมะตอยหรือคอนกรีต
    • เริ่มปลูกบีโกเนียชนิดมีหัวภายใน 3 เดือนก่อนที่น้ำค้างแข็งสุดท้ายช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิจะมาถึงเพื่อให้ดอกบานสะพรั่งสวยงามที่สุด ลองดูคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการเริ่มต้นได้เลย
  2. Watermark wikiHow to ดูแลต้นบีโกเนีย
    บีโกเนียชอบดินที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งอัดแน่นไปด้วยสารอาหารต่างๆ และคุณสามารถทำดินแบบนี้เองได้โดยใส่พีทมอสลงในบริเวณที่ปลูก ตามด้วยการใส่ปุ๋ยหมักจากพืชผักเน่าเสียให้ทั่วถึง
    • พยายามหลีกเลี่ยงการปลูกบีโกเนียในพื้นที่ที่มีลมแรง เพราะบีโกเนียมีลำต้นที่อ่อนแอและอาจเสียหายได้เมื่อเจอลมกรรโชกแรงๆ
  3. Watermark wikiHow to ดูแลต้นบีโกเนีย
    คุณต้องรดน้ำต้นบีโกเนียจนดินชุ่มแต่ไม่ถึงกับเปียกโชก ซึ่งหมายความว่าคุณควรทิ้งระยะให้ประมาณ 1 นิ้วจากหน้าดินแห้งดีก่อนที่จะรดน้ำใหม่อีกครั้ง เพราะดินที่เปียกโชกอาจทำให้ต้นบีโกเนียเน่าหรือตายได้นั่นเอง [7] [8]
    • รดน้ำบีโกเนียที่ปลูกในกระถางจนกว่าน้ำจะไหลออกทางรูระบาย และอย่าลืมเทน้ำที่ไหลออกมาในถาดหรือจานรองทันทีหลังจากรดน้ำ
    • หมั่นตรวจเช็คบีโกเนียในตะกร้าแขวนบ่อยๆ เพราะมันอาจแห้งตายได้ภายในเวลาเพียงวันเดียว ถ้าสัมผัสดูแล้วพบว่าดินแห้ง ให้รีบรดน้ำทันที
  4. Watermark wikiHow to ดูแลต้นบีโกเนีย
    ต้นบีโกเนียชอบปุ๋ยในระดับกลางๆ นั่นหมายความว่าปุ๋ยที่ใช้ควรจะมีค่าเป็นกลาง มากกว่าที่จะเป็นกรดหรือด่าง โดยให้ใส่ปุ๋ยเม็ดเล็กๆ ชนิดละลายน้ำช้าลงในดินที่ตั้งใจจะลงต้นบีโกเนีย [9]
    • อ่านและทำตามคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณการใช้ที่ระบุบนฉลาก
    • เติมปุ๋ยซ้ำในอีก 3 เดือน โดยค่อยๆ ใส่ลงไปในดินรอบๆ ต้น
    • ควรใส่ปุ๋ยสูตรน้ำสำหรับไม้ดอกสัปดาห์ละครั้งถ้าไม่อยากใช้ปุ๋ยเม็ด
  5. Watermark wikiHow to ดูแลต้นบีโกเนีย
    วิธีการนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าส่วนที่ยังสมบูรณ์แข็งแรงของบีโกเนียจะเติบโตต่อไปได้อย่างเต็มที่
  6. Watermark wikiHow to ดูแลต้นบีโกเนีย
    ตัดแต่งต้นบีโกเนียชนิดรากฝอยหรือบีโกเนียในแปลงประมาณ 3” (7.6 ซม.) ทุกๆ 4 เดือน ในช่วงที่สภาพอากาศอบอุ่นไม่มีน้ำแข็งเกาะให้ต้องย้ายต้นไปปลูกใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าบีโกเนียของเราจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและสมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ
    • ในช่วงหน้าหนาว ควรย้ายต้นบีโกเนียในแปลงนอกบ้านเข้ามาปลูกในบ้าน โดยรีบขุดใส่กระถางก่อนที่หิมะแรกจะมาเยือน และตัดแต่งต้นให้เหลือขนาด 3” เพื่อเริ่มปลูกใหม่ ดูวิธีการดูแลพืชชนิดปลูกในที่ร่มด้านบนได้เลย
  7. โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ย้ายต้นบีโกเนียชนิดมีหัวเข้ามาในที่ร่มหลังจากเริ่มมีหิมะเบาบางก่อนที่ลมหนาวจะมาเยือน โดยตัดใบออกและทิ้งให้กระถางแห้ง คุณสามารถยกหน่อไปเก็บไว้ในพีทมอสหรือจะเก็บไว้ในกระถางก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ต้องเก็บไว้ในที่มืด เย็น และต้องอยู่เหนือระดับลมเพื่อไม่ให้หนูเข้าไปยุ่งวุ่นวายได้
  • ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ควรย้ายบีโกเนียชนิดมีหัวลงในกระถาง หรือย้ายหน่อที่เก็บไว้ในที่ร่มไปยังกระถางใหม่ อย่าลืมลงหน่อโดยให้ด้านกลวงชี้ขึ้นและโผล่พ้นดินในกระถางขึ้นมาสักหน่อย วางกระถางไว้ในที่ที่มีแสงสว่างจ้าและหมั่นรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นจึงนำบีโกเนียชนิดมีหัวไปปลูกไว้กลางแจ้งหลังจากสัญญาณอันตรายทั้งหมดของน้ำค้างแข็งผ่านพ้นไป
  • ไม่มีบีโกเนียชนิดใดที่มีช่วงชีวิตยืนยาว ส่วนใหญ่จะมีอายุแค่ 2-3 ปีเท่านั้นแม้คุณจะเฝ้าฟูมฟักรักษาเป็นอย่างดี ในขณะที่หน่อของบีโกเนียชนิดมีหัวมักจะอยู่ได้ประมาณ 4-5 ปีถ้าดูแลเป็นอย่างดี
  • บีโกเนียชนิดมีหัวจำเป็นต้องเข้าพักจำศีลเมื่อหน้าหนาวมาเยือน อีกทั้งยังไม่ใช่พืชที่เหมาะสำหรับปลูกในบ้านช่วงหน้าหนาว นอกจากนี้ บีโกเนียพันธุ์เรเจอร์ (Reiger) หรืออีเลเทียร์ (Elatior) และบีโกเนียชนิดลอแรน (Lorraine) ยังมีช่วงหยุดการเจริญเติบโตชั่วคราวด้วยเช่นกัน
  • บีโกเนียชนิดใบมัน ซึ่งเป็นบีโกเนียที่คุ้นเคยกับการปลูกในแปลงกลางแจ้ง จะออกดอกตลอดทั้งปีถ้าอยู่ในที่อุณหภูมิอุ่นอยู่เสมอ ในขณะที่บีโกเนียชนิดก้านเรียว (ปีกนางฟ้า) และบีโกเนียเรกซ์หรือบีโกเนียชนิดใบงามเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เหมาะสำหรับปลูกในที่ร่ม แต่ชนิดก้านเรียวจะหยุดการเจริญเติบโตถ้าอุณหภูมิเริ่มหนาวเกินไป
โฆษณา

คำเตือน

  • บีโกเนียหลายสายพันธุ์จะมีก้านอ้วนเปราะและหักง่าย จึงควรเก็บให้ห่างจากลมแรงๆ หรือบริเวณที่อาจโดนกระแทกได้
  • การรดน้ำมากเกินเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดที่ทำให้บีโกเนียชนิดในร่มตาย จึงไม่ควรให้กระถางเปียกจนเกินไป
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ขวดพ่นไอน้ำสำหรับบีโกเนียเรกซ์
  • ดินสำหรับปลูกในกระถาง
  • ปุ๋ยสำหรับไม้ดอก
  1. Hogan, Sean, Flora, Portland, Oregon, Timber Press, 2003, Vol.1 pg. 224-227

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 64,667 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา