PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ผมเสียได้เพราะหลายสาเหตุด้วยกัน ตั้งแต่อุณหภูมิน้ำที่ร้อนไป ไปจนถึงมลภาวะในสภาพแวดล้อม ผมเสียคือผมที่แห้ง ขาดง่าย และจัดทรงยาก ถ้าอยากให้ผมกลับมาเงางามสุขภาพดีตามเดิม ก็ลองทำตามขั้นตอนง่ายๆ ในบทความวิกิฮาวนี้ดู เช่น เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผม สระผมอย่าบ่อยเกินไป และปกป้องผมจากมลภาวะรอบตัว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

สระผมให้ถูกวิธี

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. พยายามสระผมทุก 2 - 3 วัน หรือถ้าอากาศร้อนแบบบ้านเรา ก็สักวันเว้นวัน เพราะถ้าสระผมบ่อยเกินไป น้ำและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ จะทำให้ผมเสียน้ำมันตามธรรมชาติที่ได้จากหนังศีรษะ ซึ่งน้ำมันนี้แหละที่ช่วยบำรุงให้ผมสุขภาพดี ถ้าขาดน้ำมันตามธรรมชาตินี้ ผมจะแห้งเสีย ขาดง่าย แถมหนังหัวยังอาจขับน้ำมันเพิ่มมากกว่าเดิม จนผมมันง่าย [1]
    • ใช้ dry shampoo แทนการสระผมก็ได้ ถ้าวันนั้นรู้สึกว่าผมมันหรือเหนียวเป็นพิเศษ แต่ยังไม่ถึงวันที่ต้องสระผม
    • พอสระผมไม่บ่อยเกินไป แล้วถึงวันที่สระ ผมจะรู้สึกสะอาดนานกว่าเดิม
  2. ผลิตภัณฑ์ที่ราคาถูกหน่อย มักมีสารเคมีอย่างซัลเฟต ที่ทำให้ผมเสียได้ ส่วนซิลิโคนก็ทำให้รูขุมขนอุดตัน ขาดน้ำมันตามธรรมชาติ จนผมแห้งได้ ให้เลือกแชมพูและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีแรงๆ [2]
    • ลองใช้ลองหาดู ว่าผลิตภัณฑ์ไหนเหมาะกับผมคุณมากที่สุด อาจจะใช้เวลาหน่อย ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ไหนแล้วผมลีบแบน ไม่เงางาม ก็ให้เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นแทน
    • เลือกผลิตภัณฑ์ตามลักษณะเส้นผม แนะนำให้ปรึกษาช่างทำผมประจำตัว ว่าคุณมีเส้นผมแบบไหน ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงดูแลเส้นผมแบบไหน
  3. แชมพูช่วยให้ผมสะอาด ปราศจากสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน เวลาสระผม ก่อนจะลงแชมพู ต้องราดน้ำให้ผมเปียกก่อน จากนั้นลงแชมพูพอประมาณ อย่ามากเกินไป ที่กลางหัว ที่หนังหัวเลย ขยี้เบาๆ ให้ขึ้นฟอง แล้วใช้นิ้วสางผมให้ทั่วถึง อย่าขยี้แรงๆ เวลาสระผม เพราะผมจะเสียได้ [3]
    • หรือลงแชมพูที่หัวโดยถูแชมพูที่นิ้ว แล้วสางแชมพูไปทั่วผมทั้งหัว แทนการขยี้หัวแรงๆ
    • ถ้ามีรังแค ก็ให้ใช้แชมพูขจัดรังแคแทน
  4. เวลาลงครีมนวด พยายามลงเฉพาะปลายผมส่วนที่ยาวที่สุด อย่าลงครีมนวดที่หนังหัวตรงๆ เพราะจะทำให้ผมมันมากจนหนักหัว ให้ใช้นิ้วสางครีมนวดไปทั่วปลายผม ทิ้งไว้ครู่สั้นๆ แล้วล้างออกให้สะอาด [4]
    • ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดทุกครั้งที่สระผม โดยเฉพาะถ้าปกติผมมันง่าย ข้อดีของครีมนวดคือช่วยป้องกันผมแตกปลาย
  5. ถ้าใช้น้ำร้อน ผมจะเสียได้ เวลาใช้ไดร์เป่าผมก็แนะนำให้ใช้ลมเย็นเช่นกัน เวลาสระผมล้างผม ให้ปรับเป็นน้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็นไปเลยจะดีที่สุด [5]
    • โดยเฉพาะตอนล้างแชมพูกับครีมนวด ยิ่งต้องใช้น้ำเย็น เพราะความร้อนจะไปทำลายสารบำรุงผมในครีมนวดที่เพิ่งลงไป น้ำเย็นจะช่วยให้ผมเงางามยิ่งขึ้น
  6. ถึงจะไม่ต้องใช้ครีมนวดทุกครั้งที่สระผม แต่ถ้าบำรุงผมด้วยครีมนวดเข้มข้นอาทิตย์ละครั้ง ก็ช่วยให้ผมยิ่งแข็งแรงสุขภาพดี วิธีบำรุงผมอย่างล้ำลึกก็คือ [6]
    • ชะโลมครีมนวดตามความยาวของเส้นผม แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 10 - 15 นาที ค่อยล้างออก
    • พอล้างออกแล้ว ให้สระผมด้วยแชมพูและครีมนวดตามปกติ พอล้างออกรอบที่ 2 ให้ลูบผมให้เรียบ อย่าขยี้ผมเวลาล้างครีมนวด
    • พอล้างครีมนวดสะอาดแล้ว ให้ราดน้ำเย็นจัดใส่ผมอีกที เพื่อปิดเกล็ดผม คืนความเงางามให้เส้นผม
  7. นอกจากสระผมเป็นประจำแล้ว ยังต้องหมั่นล้างทำความสะอาดแปรงหวีผมเป็นประจำด้วย เวลาผมมัน น้ำมันจะเกาะติดขนแปรงได้ พอใช้หวีผมอีกที น้ำมันก็กระจายไปทั่วผม [7]
    • ให้ล้างแปรงหวีผมด้วยน้ำอุ่นกับแชมพู จากนั้นผึ่งลมไว้จนแห้งสนิท
  8. อย่าใช้ผ้าขนหนูขยี้หรือเช็ดผมแรงๆ ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรใช้ไดร์เป่าผมเช่นกัน เพราะเวลาขยี้หรือห่อผมด้วยผ้าขนหนูตอนผมยังเปียก ผ้าจะไปถูกับผมจนผมแตกปลาย และผมชี้ฟูได้ [8]
    • ให้ใช้ปลอกหมอนหรือเสื้อยืดเก่าเช็ดผมให้แห้งแทน เพราะเนื้อผ้านุ่มกว่าผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดตัว ไม่ทำให้ผมเสียง่าย
    • ผ้าไมโครไฟเบอร์นี่แหละถนอมผม ไม่ทำให้ผมเสียหรือชี้ฟู
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

เลือกแปรงและผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับผม

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เช็คว่า ผมตัวเองเป็นแบบไหน . ถ้าไม่รู้ว่าผมตัวเองเป็นแบบไหน แนะนำให้รีบเช็คก่อน จะได้ซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงดูแล รวมถึงใช้เทคนิคจัดทรงได้เหมาะกับเส้นผมตัวเอง ที่ควรคำนึงถึงคือความยาว ความหนา และ texture หรือผิวสัมผัสของเส้นผม
    • ไม่ว่าเส้นผมของคุณจะเป็นแบบไหน เช่น ผมเส้นเล็ก ผมหนา ผมหยักศก หรือผมสั้น ก็สามารถดูแลให้สวยอยู่เสมอได้
  2. ถ้าผมดูมันๆ เหนียวๆ แต่ยังไม่ถึงเวลาหรือยังไม่อยากสระ ให้ลองใส่ dry shampoo เล็กน้อย จะช่วยให้ผมดูสะอาดขึ้นได้ ให้ถือกระป๋องห่างจากผมประมาณ 10 นิ้ว (25 ซม.) แล้วฉีดพ่นที่รากผมครั้งละสั้นๆ นวดให้ซึมเข้าหนังหัว เสร็จแล้วหวีผมได้เลย [9]
  3. ถ้าผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปใช้แล้วผมมัน ไม่สบายหัว ลองใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติดู ผมจะเงางามได้แบบไม่เหนียวหัว เวลาใช้น้ำมันตามธรรมชาติ ให้ลงน้ำมันประมาณ 1/2 ช้อนโต๊ะ (7.5 มล.) ตั้งแต่กลางความยาวลงไปถึงปลายผมที่สะอาด น้ำมันจะช่วยให้ผมกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี จนผมนุ่มเงางามขึ้น [10]
    • น้ำมันใส่ผมก็เหมือนแชมพูกับครีมนวด คือต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผม ต้องลองผิดลองถูกสักพักถึงจะเจอน้ำมันที่ใช่ แต่ส่วนใหญ่น้ำมันธรรมชาติที่คนนิยมใช้บำรุงผม ก็คือน้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันโมรอคโค และน้ำมันละหุ่ง เป็นต้น
  4. มีผงแป้งที่ได้จากวัตถุดิบธรรมชาติ ใช้บำรุงผมได้ ผงแป้งพวกนี้ช่วยให้ผมนุ่ม ให้อาหารบำรุงผม วิธีใช้คือลูบผงแป้งเล็กน้อยที่หนังหัวและเส้นผม [11]
    • ผงแป้งที่นิยมใช้กันทำจากมัสตาร์ด ขิง พรมมิ และมะขามป้อม [12]
  5. ต้องรู้ก่อนว่าเส้นผมคุณเป็นแบบไหน แล้วค่อยเลือกหวีหรือแปรง อย่าลืมคำนึงถึงปัญหาของเส้นผมด้วย [13]
    • แปรงขนหมูป่า เหมาะกับคนผมหนา ผมยาว หวีแล้วผมจะเรียบเนียน เงางาม เหมือนใช้ไดร์เป่า
    • แปรงขนไนล่อน เหมาะกับผมยาวปานกลาง ช่วยให้ผมไม่พันกัน ไม่ว่าผมจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม
    • แปรงพลาสติก เป็นแปรงอเนกประสงค์ ใช้ได้กับเส้นผมทุกแบบ แต่เหมาะกับคนผมหนามากๆ ที่สุด
    • หวีซี่ถี่ เหมาะกับคนผมสั้น ผมบาง
    • หวีซี่ห่าง เหมาะกับคนผมสั้น แต่หนา
  6. ให้รอจนผมใกล้แห้ง แล้วค่อยใช้หวีซี่ห่างสางผมที่พันกัน ปกติผมจะอ่อนแอขาดง่ายเวลาเปียก ถ้ารีบหวีก็แน่นอนว่าอันตรายต่อสภาพผม [14]
    • บางคนที่ผมหยักศกก็ไม่หวีผมเลย เพราะงั้นถ้าคุณมีเส้นผมแบบนี้แล้วชี้ฟู แนะนำว่าอย่าหวีผมบ่อยเกินไป
  7. ถ้าหวีผมวันละหลายรอบ ผมจะดูมันได้ แนะนำให้หวีผมเฉพาะตอนเช้ากับตอนกลางคืน แค่วันละ 2 ครั้ง [15]
    • ถ้าผมพันกัน ลองใช้นิ้วสางให้คลายออกจากกันดู
  8. ยางรัดผมบางทีก็ทำผมขาดหรือผมแตกปลายได้ ถ้าปกติมัดผมบ่อยๆ พยายามเลือกยางที่ไม่กินผมจนผมพันกันเป็นปมหรือผมขาด แนะนำให้มัดหางม้าหลวมๆ อย่ารวบตึงมากไป เพราะผมเสียแล้วยังหัวเถิกด้วย [16]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ระวังเวลาจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกอุปกรณ์จัดทรงด้วยความร้อนที่คุณภาพดีหน่อย. จริงๆ แล้วไม่แนะนำให้จัดทรงด้วยความร้อนจัดหรือบ่อยเกินไป แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ให้เลือกซื้ออุปกรณ์คุณภาพดี ไม่ว่าจะสำหรับหนีบผมตรง ม้วนผม หรือเป่าแห้ง ถ้าเป็นยี่ห้อหรือรุ่นถูกเกินไป เสี่ยงผมเสียได้ เพราะใช้ชิ้นส่วนไม่ค่อยมีคุณภาพ ที่สำคัญคือจะปรับอุณหภูมิได้ไม่ละเอียด มีแค่เย็นกับร้อนจัด อันตรายต่อเส้นผม [17]
  2. ก่อนจะใช้ไดร์เป่าผม ที่หนีบผมตรง หรือแกนม้วนผม ให้ฉีดพ่นสเปรย์ปกป้องผมจากความร้อนซะก่อน เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเส้นผม รอจนผมแห้งสัก 50% แล้วฉีดพ่นสเปรย์ที่ว่าได้เลย จากนั้นค่อยๆ หวีผมกระจายสเปรย์ทั่วผม จะใช้นิ้วสางหรือใช้หวีซี่ห่างก็ได้ [18]
    • เป่าผมด้วยความร้อนปานกลางไปจนถึงต่ำ ก็ช่วยปกป้องผมได้อีกขั้น
    • อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคนก่อนจัดทรงด้วยความร้อน เพราะจะละลายติดผม ดูดความชื้นไปหมด ให้รอจนจัดแต่งทรงเสร็จแล้ว ค่อยลงเซรั่มกันผมชี้ฟู
  3. หัวเป่าแคบเรียวจะทำให้ลมร้อนจ่ออยู่แค่จุดเล็กๆ จุดเดียว ทำให้ผมเสียง่าย แนะนำให้ใช้ไดร์เป่าตามปกติ โดยจ่อไดร์ลงมาจากด้านบน เท่านี้ก็ได้ผลเหมือนเวลาใช้หัวเสียบต่อแล้ว
  4. ถ้าตอนนี้ผมเสียอยู่แล้ว ก็อย่าเพิ่งใช้อุปกรณ์จัดทรงด้วยความร้อน จนกว่าผมจะกลับมาแข็งแรงสุขภาพดี เพราะอุปกรณ์พวกนี้จะทำให้ผมแห้งเสียหนักกว่าเดิม
  5. แทนที่จะใช้ไดร์เป่า หนีบผม หรือม้วนผมทุกวัน ลองเปลี่ยนไปจัดทรงแบบไม่ต้องใช้ความร้อนดู เช่น ผูกริบบิ้น ใช้ยางมัดผมแบบเกลียว ติดกิ๊บ ใช้ที่คาดผม หรือผ้าคาดผม เป็นต้น นอกจากนี้คุณยังสามารถแต่งทรงได้โดยใช้ [19]
    • แปรงขนหมูป่าแบบกลม ใช้แล้วผมเรียบตรงแบบไม่ต้องใช้ที่หนีบผมเลย เป็นแปรงกลมขนาดใหญ่ ใช้แล้วผมเรียบเงางาม
    • ตอนที่ผมเปียกหมาด ให้มุ่นเป็นมวย แล้วติดกิ๊บดำ (ถ้าจำเป็น) ทิ้งไว้แบบนั้นสักชั่วโมงหรือนานกว่า พอปล่อยผมจะได้ลอนเบาๆ สวยเป็นธรรมชาติ
    • ถักเปียตอนผมชื้นเล็กน้อย จากนั้นเข้านอน เช้ามาพอแกะเปียออก ผมจะเป็นลอนสวยดูธรรมชาติเลย
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ดูแลสุขภาพผม

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. เล่นผมบ่อยๆ ระวังผมมัน เพราะน้ำมันตามธรรมชาติจากมือเรานี่แหละ นอกจากนี้อย่าพยายามดึงหรือฉีกผมแตกปลายทิ้ง เพราะจะทำให้ผมเสียกว่าเดิม
  2. ถ้าชอบมีผมแตกปลายเรื่อยๆ แนะนำให้เล็มปลายผมเรื่อยๆ ผมจะดูสุขภาพดีขึ้น แนะนำให้ตัดผมทุก 3 เดือน และเล็มปลายผมทุก 6 อาทิตย์ [20]
    • ถ้าผมเสียขั้นรุนแรง คงต้องตัดผมเยอะเป็นพิเศษ เพื่อกำจัดผมเสียผมตายให้หมด ถึงจะตัดสั้นเลย แต่เพื่อสุขภาพผมที่ดีก็ต้องยอม
  3. ย้อมผมบ่อยไปก็ไม่ดี น้ำยาย้อมผมทำให้ผมแห้งเสียได้ เพราะในน้ำยาย้อมผมมีสารเคมีแรงๆ นั่นเอง [21]
    • ถ้าต้องย้อมผมสีใหม่ต่อสีเก่าจริงๆ ให้รอจนรากผมสีธรรมชาติยาวออกมาสักหน่อย แล้วค่อยย้อมผมใหม่
  4. ถ้ากินอาหารที่เหมาะสม ก็ช่วยให้ผมยาวเร็ว ฟื้นฟูสภาพผม ป้องกันผมร่วงได้ ถ้าในแต่ละวันผมได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ผมก็จะบางลงเรื่อยๆ [22]
    • กินโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอ เส้นผมนั้นมาจากโปรตีน เราจึงควรกินเนื้อสัตว์ ไข่ และอาหารอื่นๆ ที่อุดมโปรตีน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ จนผมยาวและคืนสภาพผมแข็งแรง
    • พยายามกินอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 และกรดไขมันอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น น้ำมันปลา (จากปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาแมคเคอเรล) กับอัลมอนด์
    • วิตามินบี 6 และบี 12 นี่แหละช่วยบำรุงผมเป็นอย่างดี
  5. ผมจะสุขภาพดีถ้าไม่ขาดน้ำ เพราะงั้นให้ดื่มน้ำเยอะๆ ร่างกายและเส้นผมจะได้รับน้ำเพียงพอ แบบนี้นอกจากผมแล้ว ผิวและเล็บก็สวยสุขภาพดีด้วย ทำให้รู้สึกสดชื่นเปล่งปลั่งขึ้นมาเลย [23]
  6. ทั้งมลภาวะ ฝุ่น ควัน พวกนี้ทำผมแห้งเสียได้ทั้งนั้น ถ้าปกติสูบบุหรี่ แนะนำให้เลิก สูบน้อยลง หรืออยู่ห่างๆ คนที่สูบบุหรี่ ควันรถก็เหมือนกัน [24]
  7. ถ้าปกติชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ก็ต้องป้องกันไม่ให้แดดทำร้ายเส้นผม โดยสวมหมวกหรือผ้าคลุมผม แบบนี้ช่วยปกป้องทั้งผมและผิว ไม่ให้แห้งเสียเพราะแดดเผา [25]
    • ถ้าไม่ชอบใส่หมวก ก็ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยปกป้องผมจากแสงแดด เช่น ครีมกันแดดที่ลงทิ้งไว้ได้เลย หรือแบบที่เจือจางหน่อย
    • อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมแอลกอฮอล์ ถ้ารู้ว่าต้องออกแดด เพราะจะทำผมเสียหนักกว่าเดิม
  8. เวลาไปว่ายน้ำ ต้องระวังสารเคมีแรงๆ อย่างคลอรีนทำผมเสีย โดยฉีดพ่นครีมนวดแบบไม่ต้องล้างออก แล้วค่อยลงน้ำ เพื่อลดปริมาณคลอรีนที่ผมดูดซึม แต่จะดีกว่าถ้าป้องกันคลอรีนโดยไม่ให้ผมเปียกน้ำในสระ หรือสวมหมวกว่ายน้ำ [26]
    • ถ้าผมเสียเพราะคลอรีนจริงๆ ให้ลองผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อยในแชมพู จะช่วยให้ผมกลับมาแข็งแรงตามธรรมชาติได้ หรือผสมน้ำมันมะกอก 1 ช้อนชาในครีมนวดแบบไม่ต้องล้างออก (ถ้ามี) เพราะน้ำมันมะกอกบำรุงให้ผมแข็งแรงได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าไม่ได้ไปไหน อยู่บ้านเฉยๆ จะไม่สระผมหรือจัดทรงก็ได้ ผมจะได้มีเวลาพัก ซ่อมแซมตัวเอง
  • ถ้าจะจัดทรงด้วยความร้อน อย่างน้อยอุปกรณ์นั้นต้องมีแผ่นเซรามิกไว้ปกป้องผมจากความร้อน
  • เป่าผมด้วยลมเย็น อย่าใช้ลมร้อน ถ้าจะใช้ที่หนีบผมทีหลัง
  • วันที่ลมแรงให้ใส่หมวก หรือใช้ผ้าพันคอคลุมผม ถ้าไปเมืองนอกอากาศหนาวหน่อยก็ใส่แจ็คเก็ตแบบมีฮู้ด ผมจะได้ไม่ยุ่ง พันกัน
  • คุณผสมน้ำมันหมักผมใช้เองจากวัตถุดิบจากธรรมชาติได้ เช่น น้ำมันมะกอกกับมายองเนส ช่วยบำรุงผมด้วยวิตามินอี พอสระแล้วผมจะนุ่ม เงางามซะไม่มี!
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 19,771 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา