ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ขั้นตอนดูแลผิว ไม่ได้มีแค่การทำความสะอาดแล้วทาโลชั่นหรือครีมบำรุง แต่ยังครอบคลุมถึงการกินอาหารดีมีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และคลายเครียดด้วย ผิวของแต่ละคนก็ต้องการการดูแลแตกต่างกันไป บางคนอาจต้องดูแลมากกว่าคนอื่น เช่น ใช้สครับขัดหน้าผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือมาสก์หน้าบำรุงให้ชุ่มชื้น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ดูแลผิวให้เนียน นุ่ม ชุ่มชื้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เพื่อขจัดน้ำมันส่วนเกิน ให้หน้าเนียน ป้องกันสิว. แนะนำให้ล้างหน้าทุกเช้าหลังตื่นนอน และทุกคนก่อนเข้านอน โดยใช้น้ำอุ่นนิดหรืออุณหภูมิห้อง กับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ จะล้างหน้าด้วยมือเปล่าๆ ที่สะอาด หรือใช้ผ้าขนหนู ไม่ก็ฟองน้ำนุ่มๆ ก็ได้
    • ล้างหน้าเสร็จให้ลงโทนเนอร์และมอยส์เจอไรเซอร์
    • ถ้าแต่งหน้า ก็ต้องล้างเครื่องสำอางให้สะอาดซะก่อน
    • อย่าลืมดูแลผิวบริเวณคอด้วย! เพราะเป็นจุดที่หลายคนชอบหลงลืม
  2. อย่าอาบน้ำหรือแช่น้ำร้อน แค่อุณหภูมิห้องหรืออุ่นนิดๆ ก็พอ. น้ำร้อนหรืออุ่นจัด อาบหรือแช่แล้วรู้สึกสบายตัวก็จริง แต่ก็ทำให้ผิวเสียน้ำมันตามธรรมชาติได้ จนผิวแห้งแตก [1]
    • ถ้าปกติเป็นคนผิวแห้งอยู่แล้ว ให้ใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่เน้นให้ความชุ่มชื้นด้วยน้ำมันจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันมะกอก
  3. ทั้งผิวกายและผิวหน้า ถ้าซับแล้วผิวยังชื้นอยู่นิดๆ ได้ยิ่งดี แบบนี้ผิวจะได้ดูดซับความชื้นส่วนเกินเข้าไปเติมน้ำให้ตัวเอง [2]
  4. ทามอยส์เจอไรเซอร์หรือโลชั่นตอนผิวยังไม่แห้งสนิทดี. สำหรับผิวหน้าให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์กับครีม ส่วนผิวกายให้ใช้โลชั่นกับบอดี้บัตเตอร์ จะเปลี่ยนประเภทมอยส์เจอไรเซอร์กับโลชั่นตามหน้าหนาวหน้าร้อนด้วยก็ได้ ช่วงไหนหนาวจนผิวแตก ให้ใช้ครีมเข้มข้น ถ้าหน้าร้อนเหงื่อออกง่าย ก็เปลี่ยนไปใช้โลชั่นบางเบาแทน
    • เลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่มี SPF ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดจัดๆ
    • จะผิว แบบไหน ก็ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ กระทั่งผิวมัน! ใครผิวมันก็เลือกที่บางเบาหน่อย หรือเป็นมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเจลแทน
  5. เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว รับรองผิวจะเนียนนุ่มสมใจ จะใช้สครับ ใยบวบ หรือฟองน้ำขัดตัว/หน้าก็ได้ แต่ถ้าเป็นหน้า ต้องเลือกที่ถนอมผิวกว่าตัว เพราะผิวหนังบริเวณใบหน้านั้นบอบบางกว่าแขนและขา
    • เลือกสครับขัดผิวดีๆ ยิ่งเม็ดใหญ่ก็ยิ่งขัดหยาบ ระวังอย่าใช้สครับที่ผสมเปลือกวอลนัท โดยเฉพาะถ้าเป็นคนผิวบาง แพ้ง่าย
    • ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้ง อาจจะต้องขัดผิวทุกวัน แต่เบามือเข้าไว้ และใช้มอยส์เจอไรเซอร์ตามหลังขัดผิวเสร็จ
  6. เลือกเครื่องสำอางให้ถูกกับผิวคุณ และล้างออกให้สะอาดหมดจดก่อนเข้านอน ป้องกันสิวเห่อ [3] ถ้าต้องแต่งหน้าเป็นประจำทุกวัน ก็ให้พักหน้าสัก 1 - 2 วันบ้าง
    • เครื่องสำอางที่เป็นแป้ง เหมาะสำหรับคนผิวมัน ส่วนสูตรน้ำหรือครีม เหมาะกับคนผิวแห้ง
    • ล้างแปรงแต่งหน้า เป็นประจำ เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและแบคทีเรียสะสม จนเกิดสิวได้
  7. อ่านฉลากผลิตภัณฑ์ให้ละเอียด โดยเฉพาะถ้าเป็นคนผิวแพ้ง่าย. ไม่ใช่ทุกส่วนผสมในสกินแคร์จะปลอดภัยสำหรับผิวคุณ เพราะงั้นให้หลีกเลี่ยงส่วนผสมอย่าง paraben, phthalates, propylene glycol และ sodium lauryl sulfate ปกติ "paraben" จะไม่มาเดี่ยวๆ แต่มักมีชื่อเติมเข้ามายาวๆ เช่น methylparaben, propylparaben และ butylparaben [4]
    • ถ้าเป็นคนผิวแพ้ง่าย ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผสมน้ำหอม
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ปรับเปลี่ยนอาหารการกิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดื่มน้ำวันละ 6 - 8 แก้ว แก้วละ 8 ออนซ์ (240 มิลลิลิตร). ถ้าสังเกตว่าช่วงนี้ผิวแห้ง ไม่กระจ่างใส แสดงว่าคุณดื่มน้ำไม่เพียงพอ ให้ลองดื่มน้ำตามปริมาณที่แนะนำไปสัก 1 อาทิตย์ แล้วจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ดื่มน้ำแก้วละ 8 ออนซ์ (240 มิลลิลิตร) 6 - 8 แก้วต่อวัน อาจจะฟังดูเยอะ แต่บอกเลยว่าช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ดูเด็กลงอีกเยอะ [5]
    • ดื่มน้ำเยอะๆ ช่วยลดสิว ให้ผิวดูเนียนขึ้นด้วย
  2. นอกจากมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังดีต่อผิวด้วย เพราะอุดมวิตามินต่างๆ และสารต้านอนุมูลอิสระ ผักผลไม้ที่ดีต่อผิวเป็นพิเศษก็เช่น [6]
    • แอพริคอท บลูเบอร์รี่ และพริกเหลือง มีสารต้านอนุมูลอิสระ กินแล้วดูเด็กลงได้
    • อะโวคาโด ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น [7]
    • แครอท ช่วยให้ผิวเรียบเนียน
    • ฟักทองและกีวี่ ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ดูอ่อนเยาว์
    • ปวยเล้ง เคล และผักใบเขียวเข้มอื่นๆ
    • มะเขือเทศ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
  3. กินปลาไขมันสูง อย่างแซลมอน ซาร์ดีน และแมคเคอเรล. [8] เพราะมีกรดไขมันโอเมก้า-3 ช่วยให้ผิวเนียนใส [9] นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแก่กว่าวัย ไม่ให้โดนแสงแดดทำร้าย เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว [10]
    • ถ้าปกติกินมังสวิรัติหรือกินเจ แนะนำให้กินวอลนัท
    • ถ้าปกติไม่ชอบกินปลา แนะนำให้กินเนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า เพราะมีกรดไขมันโอเมก้า-6 ช่วยให้ผิวเต่งตึง อ่อนกว่าวัย
  4. คนชอบมองว่าช็อคโกแลตไม่ดี กินแล้วอ้วน แต่จริงๆ แล้วถ้ากินไม่เกิน 1 ออนซ์ (15 กรัม) แล้วจะได้ประโยชน์แบบไม่ต้องกลัวอ้วน ดาร์กช็อคโกแลตมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น [11] นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวเนียน กระจ่างใสขึ้น ป้องกันสิวและริ้วรอยแห่งวัย [12]
  5. อย่างน้ำมันมะกอกมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ [13] แหล่งไขมันดีอื่นๆ ก็เช่น ไข่ ถั่วเปลือกแข็ง ปลาไขมันสูง อย่างแซลมอน ที่ต้องหลีกเลี่ยงคือไขมันเลวตามอาหารฟาสต์ฟู้ดและของหวานต่างๆ
  6. เช่น คาร์โบไฮเดรตขัดสีหรือแปรรูป และไขมันเลว ถ้ากินเยอะไปจะทำให้ผิวแก่ก่อนวัย น้ำตาลก็เหมือนกัน [14]
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Kimberly Tan

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิว
    คิมเบอร์ลี่ย์ แทนเป็นผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Skin Salvation คลินิกรักษาสิวในซานฟรานซิสโก เธอได้ใบอนุญาตมานานกว่า 15 ปีและเชี่ยวชาญในการรักษาดูแลผิวพรรณทั้งการใช้ยาและยาทางเลือก เธอเคยทำงานเป็นผู้ช่วยโดยตรงของลอร่า คุกซี่ย์แห่งคลินิก Face Reality Acne และเคยศึกษากับดร.เจมส์ อี. ฟูลตัน ผู้ร่วมสร้าง Retin-a และเป็นผู้นำในงานค้นคว้าเรื่องสิว คลินิกของเธอผสมผสานการบำรุงดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่เชื่อใจได้และการให้ความรู้ความเข้าใจเพื่อผิวสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
    Kimberly Tan
    ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิว

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ : "ดิฉันจะแนะนำผู้เข้ารับบริการตลอด ให้รับประทานผักผลไม้สีต่างๆ โปรตีน และไฟเบอร์ให้มากที่สุดในแต่ละวัน รวมถึงดื่มน้ำและชาหรือน้ำสมุนไพรมากๆ ที่แนะนำเลยคืออาหารสดที่ไม่ผ่านการแปรรูปหรือกระบวนการ ที่ต้องหลีกเลี่ยงคืออาหารสำเร็จรูปและอาหารที่ผ่านกระบวนการมากเกินไปค่ะ"

    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้านอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ผิวจะหมองและหย่อนคล้อย รวมถึงมีถุงใต้ตา หรือใต้ตาดำคล้ำ ถ้านอนหลับพักผ่อนเพียงพอ จะช่วยลดริ้วรอยและลดบวมบริเวณใต้ตา ผิวคุณจะเปล่งปลั่ง สุขภาพดี [15]
  2. ลดระดับความเครียด . เครียดแล้วเสียสุขภาพจิต นอนก็ไม่หลับ แถมผิวยังเสียอีกต่างหาก นอกจากนั้นยังทำให้เป็นสิว สิวเห่อ และเผชิญปัญหาผิวต่างๆ พยายามตั้งเป้าหมายและข้อจำกัดที่จับต้องได้ ให้ทุกอาทิตย์มีเวลาพักผ่อนส่วนตัว ทำอะไรที่ชอบ [16] ต่อไปนี้คือเทคนิคคลายเครียดที่น่าสนใจ
    • เดินเล่นในละแวกบ้าน จะได้หายฟุ้งซ่านบ้าง อากาศบริสุทธิ์นี่แหละที่ช่วยให้คุณข่มใจได้
    • ฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ ช้าๆ จิตใจจะได้จดจ่อกับการฝึก จนลืมเรื่องที่ทำคุณเครียดหรือไม่พอใจ
    • นั่งสมาธิ เป็นวิธีดั้งเดิมแต่โบราณนานมาของชาวพุทธอย่างเราที่ช่วยได้จริง หลายคนทำแล้วสมองโล่ง รู้สึกผ่อนคลาย
  3. พยายาม ออกกำลังกาย ให้ได้อาทิตย์ละ 2 - 3 ชั่วโมง. การออกกำลังกายช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ไปเลี้ยงผิวหนังให้ได้ออกซิเจนและสารอาหารเพียงพอ ถ้าคุณออกกำลังกายมากพอ เหงื่อจะออกเยอะ ช่วยขับสารพิษออกทางผิวหนัง แถมการออกกำลังกายยังช่วยคลายเครียดด้วย [17]
  4. อย่าตากแดดนานเกินไป และทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน. เลือกกันแดดที่มี SPF 15 ขึ้นไป แล้วทาเป็นประจำทุกวัน กระทั่งหน้าหนาวหรือวันที่อากาศเย็น แดดร่มลมตก ก็ตาม หลีกเลี่ยงการออกแดดตอน 10 โมงเช้าถึงบ่าย 2 เพราะเป็นช่วงที่แดดทำร้ายผิวมากที่สุด [18]
  5. เลิกบุหรี่ . สูบบุหรี่แล้วผิวจะได้รับออกซิเจนกับสารอาหารน้อยลง รวมถึงเสียคอลลาเจนและอิลาสติน จนทำให้ผิวเหี่ยวย่น [20]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ดูแลผิวแบบ DIY

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มาสก์หน้าด้วยข้าวโอ๊ต ถ้ามีสิว ผิวแพ้ง่าย หรือผิวมัน. ข้าวโอ๊ตช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองที่ผิวหนังได้ดี แถมช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกิน ให้ผสมข้าวโอ๊ตบดละเอียด 5 ช้อนโต๊ะ (25 กรัม) กับน้ำหรือนมจนเป็น paste เหนียวข้น แล้วใช้พอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที สุดท้ายล้างออกด้วยน้ำอุ่นนิดๆ แล้วใช้ผ้าสะอาดนุ่มๆ ซับให้แห้ง [21]
    • ถ้าอยากขัดหน้า ให้มาสก์หน้าแล้วนวดวนเป็นวงกลมอย่างเบามือ
  2. โยเกิร์ตเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ชั้นดี เพราะมีกรดแลคติกอ่อนๆ ช่วยผลัดผิว ทำให้ผิวกระชับและกระจ่างใสขึ้น ให้ผสมกรีกโยเกิร์ตแบบเต็มมันเนย 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม) กับน้ำผึ้ง 1 - 2 ช้อนชา แล้วใช้มาสก์หน้าทิ้งไว้ 20 นาที สุดท้ายล้างออกด้วยน้ำอุ่นนิดๆ แล้วใช้ผ้าสะอาดนุ่มๆ ซับให้แห้ง [22]
    • อาจจะบีบมะนาวผสมเข้าไปด้วย ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ไร้สิว
  3. น้ำผึ้งทำให้ผิวได้น้ำ ชุ่มชื้น ช่วยต้านแบคทีเรียและจุลชีพต่างๆ ใช้ได้กับทุกสภาพผิว แค่ทาน้ำผึ้งให้ทั่วใบหน้า แล้วทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่นนิดๆ แล้วใช้ผ้าสะอาดนุ่มๆ ซับให้แห้ง [23]
  4. เริ่มจากเตรียมน้ำตาลกับน้ำมันในอัตราส่วนเท่ากัน ผสมเข้าด้วยกันในชาม แล้วใช้สครับริมฝีปาก ใบหน้า หรือแขนและขา [24] ถ้าผิวปกติ ใช้น้ำตาลทรายธรรมดาก็ได้ แต่ถ้าผิวบอบบาง จะอ่อนโยนกว่าถ้าใช้น้ำตาลทรายแดง เลือกใช้น้ำมันอะไรก็ได้ แต่น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกจะดีที่สุด
    • ถ้าอยากขัดหยาบกว่านั้น ต้องใช้เกลือ!
    • แต่ถ้าสครับน้ำตาลสูตรปกติหยาบไป ให้ใช้น้ำตาล ½ ส่วน กับน้ำมัน 1 ส่วนแทน [25]
    • เพิ่มความหอมด้วยน้ำมันหอมระเหยหรือกลิ่นวานิลลา
    • ถ้าอยากให้หน้านุ่มชุ่มชื้น ก็เติมน้ำผึ้งแทน
  5. ให้เปิดน้ำอุ่นใส่อ่างอาบน้ำ แล้วเทกะทิ หรือนมสดธรรมดา เต็มมันเนยลงไป ½ - 1 ถ้วยตวง (120 - 240 มิลลิลิตร) เพราะนมสดมีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวอ่อนๆ ส่วนกะทิเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ชั้นดี เทนมหรือกะทิแล้วเอามือตีน้ำให้เข้ากันดี จากนั้นลงไปแช่ตัวในอ่าง 20 นาที ถ้าอยากแช่น้ำนมแบบไฮโซกว่าเดิม ให้ลอง [26]
    • ผสมนมผงเต็มมันเนย 2 ถ้วยตวง (250 กรัม) กับแป้งข้าวโพด (cornstarch) ½ ถ้วยตวง (65 กรัม) เบคกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวง (90 กรัม) และน้ำมันหอมระเหยประมาณ 10 หยด (ถ้ามี)
    • ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง ให้ส่วนผสมเข้าเนื้อ
    • เทส่วนผสมที่ได้ ประมาณ 1 - 2 ถ้วยตวง (125 - 250 กรัม) ในอ่างอาบน้ำ โดยเอารองใต้ก๊อกให้ไหลไปกับน้ำร้อน
    • เอามือตีน้ำให้ส่วนผสมละลาย แล้วลงไปแช่ตัวประมาณ 20 นาที
  6. น้ำมันตามธรรมชาติที่แนะนำก็เช่น น้ำมันวิตามินอี โจโจ้บาออยล์ น้ำมันมะพร้าว และเชียบัตเตอร์ ถ้าเป็นน้ำมันมะกอกจะเหมาะกับบางสภาพผิว เพราะบางคนอาจจะผิวลอกได้ ให้ชะโลมน้ำมันทั่วผิวหลังแช่น้ำหรืออาบน้ำเสร็จ เหมือนทาโลชั่นหรือบอดี้บัตเตอร์
    • ต้องอ่านฉลากให้ดีก่อน ว่าเป็นน้ำมันชนิดเดียวล้วนๆ ไม่ผสมน้ำมันอื่น
  7. สปาส่วนใหญ่ให้คุณใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้แบบไม่ต้องจ่ายเพิ่มแพงๆ (เช่น คิดค่าเข้าแยกไปเลย) เพราะงั้นถ้านานๆ ทีอยากแช่จากุซซี่ อบไอน้ำในห้องซาวน่า หรือแช่น้ำเย็นจัดสไตล์ชาวยุโรปตะวันออก แล้วค่อยต่อด้วยซาวน่าร้อนๆ เพื่อกระตุ้นผิว ให้เหงื่อออกขับสารพิษ และเลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ก็ไม่แพงเกินเอื้อม ดีไม่ดีจะติดใจ!
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เวลาจะทาคอนซีลเลอร์หรือครีมบำรุงใต้ตา ให้แต้มด้วยนิ้วนาง เพราะเป็นนิ้วที่ออกแรงได้น้อยสุด ไม่ทำให้ผิวบอบบางใต้ตาบอบช้ำ ถ้าออกแรงมากไป ผิวบริเวณนั้นจะยืด เหี่ยวง่าย
  • น้ำมะนาว (เลมอน) ช่วยลดแผลเป็นได้ดี ทำให้ดูจางลง
  • อย่าเอาสบู่ถูตัวมาล้างหน้า เพราะแรงเกินไป เสี่ยงเกิดอาการแพ้
  • อย่าแคะแกะเกาหรือบีบสิวต่างๆ ไม่ว่าจะหัวช้าง หัวดำ หัวขาว หรืออะไร
  • หมั่นทำความสะอาดมือถือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องเอามาแนบหน้า
  • ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแล้วผิวตึงๆ แสดงว่าแรงไป เปลี่ยนไปใช้สูตรอ่อนโยน ถนอมผิวจะดีกว่า
  • ระหว่างวันให้ใช้กระดาษซับมันแทนการตบแป้งหรือรองพื้นเพิ่มเติม
  • ถ้าผิวไหม้แดด ให้บรรเทาอาการโดยทาโยเกิร์ตรสธรรมชาติผสมวุ้นว่านหางจระเข้
  • ซักปลอกหมอนบ่อยๆ และอย่าเข้านอนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สระผมล้างผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมจนสะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้สิวเห่อ
  • เจลว่านหางจระเข้สำเร็จรูป ที่มีสารสกัดจากว่านหางจระเข้อย่างน้อย 90% ขึ้นไป จะช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองและผิวไหม้แดดได้ดี ว่านหางจระเข้ขึ้นชื่อเรื่องสรรพคุณรักษาแผล ช่วยให้ผิวเนียนแน่นอน
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามเข้านอนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอาง ให้ใช้แผ่นเช็ดเครื่องสำอาง หรือล้างหน้าด้วยน้ำให้สะอาดซะก่อน
  • ผลิตภัณฑ์ใดก็ตามที่มีกรดหรือ peroxide ผสม อย่างครีมทาสิวและครีมลดริ้วรอย ต้องใช้อย่างระวัง เพราะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น จนหน้าอาจจะแดงและลอกได้
  • โทนเนอร์ใช้แล้วผิวแห้งได้ อย่าใช้บ่อยเกินไป
  • ล้างหน้าบ่อยเกินไปก็แดงและระคายเคืองได้ ทำให้ผิวเสีย
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,550 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา