ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

สำหรับหลายๆ บ้าน ห้องครัวคงเป็นมุมหนึ่งของบ้านที่ยุ่งวุ่นวายมากที่สุด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ห้องครัวจะเป็นบริเวณที่รกและเลอะเทอะที่สุดภายในบ้าน เพื่อดูแลให้ห้องครัวของคุณเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ และน่าใช้งานอยู่เสมอ การหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่จะช่วยให้คุณสามารถจัดการและป้องกันคราบสกปรกอย่างได้ผล เพียงจัดการงานเล็กงานน้อยภายในห้องครัวอย่างสม่ำเสมอทุกๆ วัน ห้องครัวของคุณเป็นระเบียบและสามารถทำความสะอาดได้ง่ายยิ่งขึ้น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 13:

นำขยะไปทิ้งทันทีเมื่อเต็มถังหรือส่งกลิ่นเหม็น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หมั่นนำขยะไปทิ้งเพื่อรักษาความสะอาดของห้องครัวและป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย. หากคุณไม่ยอมนำขยะไปทิ้งจนกระทั่งขยะเต็มถัง กลิ่นเหม็นจากถังขยะอาจตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้องครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับถังขยะที่ไม่มีฝาปิด ดังนั้นคุณจึงควรหมั่นนำขยะไปทิ้งในช่วงเย็นของทุกวันเพื่อให้ห้องครัวของคุณมีกลิ่นหอมสดชื่นและป้องกันไม่ให้อาหารที่ทิ้งในถังขยะเริ่มเน่าเสียจนมีหนอนหรือแมลงหวี่เข้ามาสร้างความรบกวนได้ [1]
    • อย่าลืมทำความสะอาดถังขยะบ้าง โดยนำถังขยะเปล่าออกมาตั้งไว้ข้างนอกและฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อให้ทั่ว จากนั้นสวมถุงมือให้เรียบร้อยและลงมือขัดทั้งด้านในและด้านนอกของตัวถังก่อนล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 13:

เช็ดคราบของเหลวที่หกทันที

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้ผ้าเช็ดคราบของเหลวที่หกทันทีเพื่อไม่ให้เกิดคราบฝังแน่นหรือกลายเป็นคราบเหนียว. วางกระดาษอเนกประสงค์ไว้บนโต๊ะเคาน์เตอร์หรือเก็บผ้าเช็ดอเนกประสงค์ไว้ในลิ้นชักให้พร้อมสำหรับหยิบมาเช็ดคราบของเหลวที่หกได้ทันที ซับคราบของเหลวที่หกด้วยกระดาษอเนกประสงค์ก่อนใช้ผ้าจุ่มลงไปในน้ำสบู่อุ่นๆ และนำไปเช็ดให้ทั่วพื้นผิวโต๊ะเคาน์เตอร์เพื่อขจัดคราบเหนียวหรือคราบมันให้หลุดออก [2]
    • ทำความสะอาดคราบของเหลวที่หกทันทีก่อนที่คราบจะฝังตัวลึกหรือเหนียวติดพื้นผิวมากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้แมลงต่างๆ อย่างแมลงวันเข้ามาสร้างความรบกวนในห้องครัวของคุณ
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 13:

เก็บล้างภาชนะทุกครั้งหลังทานอาหารเสร็จ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้เวลาสักเล็กน้อยเก็บล้างภาชนะให้เรียบร้อยเพื่อให้ห้องครัวสะอาดยิ่งขึ้น. เชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้สึกเบื่อหน่ายกับการเก็บล้างภาชนะหลังมื้ออาหาร อย่างไรก็ตาม หากคุณปล่อยจานชามที่ใช้แล้วทิ้งไว้จนสุมเป็นกองพะเนิน คุณจะต้องใช้เวลามากขึ้นในการลงมือเก็บล้างทั้งยังสูญเสียพื้นที่สะอาดสำหรับเตรียมอาหารในครั้งต่อไป ดังนั้นคุณจึงควรเก็บโต๊ะอาหาร เก็บล้างภาชนะ และเช็ดโต๊ะเคาน์เตอร์ให้เรียบร้อยทุกครั้งหลังทานอาหารเสร็จ [3]
    • หากคุณอาศัยร่วมกับคนอื่น ลองขอให้สมาชิกในบ้านช่วยกันคนละไม้คนละมือโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นคนทำอาหาร ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจฝึกให้เด็กๆ ช่วยลำเลียงภาชนะใส่เครื่องล้างจานหรือวานให้เพื่อนร่วมห้องนำขยะออกไปทิ้งข้างนอก
    • หากห้องครัวของคุณมีเครื่องล้างจาน หมั่นลำเลียงภาชนะใส่เครื่องล้างจานและเปิดเดินเครื่องเป็นประจำทุกวัน รวมทั้งนำภาชนะออกจากเครื่องทันทีที่ภาชนะเย็นลงจนพอจับได้เพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับใส่ภาชนะที่ใช้แล้วลงในเครื่องครั้งต่อไป
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 13:

เก็บกวาดโต๊ะเคาน์เตอร์และเช็ดให้สะอาด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โต๊ะเคาน์เตอร์ที่วางข้าวของระเกะระกะทำให้เสียพื้นที่เตรียมอาหารและก่อให้เกิดอันตรายได้. เมื่อมีข้าวของต่างๆ ทั้งจาน หม้อ มีดวางสุมไว้เต็มโต๊ะเคาน์เตอร์ พื้นที่เตรียมอาหารของคุณก็จะน้อยลงและข้าวของอาจโค่นล้มลงมาจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นคุณจึงควรเก็บข้าวของบนโต๊ะเคาน์เตอร์ให้เข้าที่ทุกครั้งหลังทำอาหารเสร็จ จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำสบู่ร้อนๆ หรือน้ำยาทำความสะอาดห้องครัวอเนกประสงค์ที่มีส่วนประกอบของสารฟอกขาวเช็ดให้ทั่วพื้นผิวโต๊ะเคาน์เตอร์ [4]
    • หากไม่ชอบเก็บเศษอาหารที่ตกหล่นโดยใช้ผ้าชุบน้ำ คุณสามารถเลือกใช้ไม้กวาดและที่โกยผงเล็กๆ หรือเครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กแทนได้เช่นกันซึ่งสะดวกเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำความสะอาดบริเวณรอบๆ เครื่องปิ้งขนมปัง
    • เก็บอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ไว้ในตู้ครัวหรือตู้กับข้าวแทนเพื่อไม่ต้องวางกินพื้นที่บนโต๊ะเคาน์เตอร์
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 13:

เช็ดทำความสะอาดอ่างล้างจานทุกวัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำความสะอาดอ่างล้างจานและก๊อกน้ำทุกวันเพื่อขจัดเชื้อแบคทีเรีย. รู้หรือไม่ว่าอ่างล้างจานทั่วไปมีเชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่มากกว่าถังขยะเสียอีก คุณสามารถทำความสะอาดอ่างล้างจานได้โดยใช้น้ำสบู่ร้อนๆ ล้างให้ทั่วอ่างล้างจานและก๊อกน้ำ หรือหากต้องการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ให้คุณเช็ดพื้นผิวอ่างล้างจานและก๊อกน้ำด้วยผ้าชุบน้ำยาฟอกขาวเจือจางสักสัปดาห์ละครั้งเพื่อดูแลให้ห้องครัวของคุณปราศจากเชื้อโรคอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทำอาหารอยู่บ่อยครั้ง [5]
    • คุณสามารถทำน้ำยาฟอกขาวเจือจางได้โดยผสมน้ำยาฟอกขาว 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.) เข้ากับน้ำเปล่า 4 ถ้วย (1 ลิตร)
    • หากห้องครัวของคุณมีเครื่องกำจัดขยะ อย่าลืมทำความสะอาดสักสัปดาห์ละครั้งด้วยเช่นกัน เริ่มจากปิดเครื่องและเติมน้ำแข็ง 6 ก้อนลงไปพร้อมกับเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม) เลมอนฝานบางๆ 3 ชิ้น และน้ำยาฟอกขาว 1 ช้อนชา (5 มล.) จากนั้นเติมน้ำแข็งตามลงไปอีก 6 ก้อนก่อนกดปุ่มเปิดให้เครื่องเริ่มทำงานโดยไม่ต้องปล่อยน้ำเข้าเครื่อง รอจนกระทั่งเสียงบดหยุดลงจึงเปิดน้ำให้ไหลเข้าเครื่องสัก 30 วินาทีโดยปล่อยให้เครื่องทำงานต่อไป [6]
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 13:

เปลี่ยนผ้าผืนใหม่และทำความสะอาดฟองน้ำทุกวัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เปลี่ยนผ้าเช็ดจานผืนใหม่และนำฟองน้ำล้างจานลงไปต้มสัก 5 นาทีเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย. จำไว้ว่าผ้าเช็ดจานและฟองน้ำล้างจานที่ผ่านการใช้งานตลอดทั้งวันเป็นแหล่งสะสมชั้นดีของเชื้อแบคทีเรีย หากเป็นไปได้คุณจึงควรเปลี่ยนผ้าผืนใหม่เป็นประจำทุกวันและนำฟองน้ำลงไปต้มในหม้อสัก 5 นาทีเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย [7]
    • คุณสามารถนำฟองน้ำล้างจานที่เปียกเข้าไมโครเวฟและอุ่นด้วยไฟแรงนาน 1 นาทีเพื่อฆ่าเชื้อโรค แต่พึงระวังไว้ว่าฟองน้ำของคุณอาจเกิดการลุกไหม้ได้หากไมโครเวฟมีกำลังไฟที่สูง
วิธีการ 7
วิธีการ 7 ของ 13:

ป้องกันการปนเปื้อนข้ามจากการใช้เขียง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แยกเขียงที่ใช้หั่นเนื้อสัตว์และล้างมือให้สะอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค. การปนเปื้อนข้ามเกิดจากการแพร่กระจายของเชื้อโรคหรือเชื้อแบคทีเรียในอาหารหรือบนพื้นผิวจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจเผลอทำเชื้อโรคจากเนื้อสัตว์ดิบปนเปื้อนลงสู่ผักได้โดยไม่ตั้งใจหากคุณหั่นบนเขียงอันเดียวกันโดยที่ไม่ล้างให้สะอาด ดังนั้นเพื่อให้ห้องครัวของคุณเป็นสถานที่ที่ปลอดเชื้อโรค ให้คุณแยกเขียงที่ใช้สำหรับการหั่นเนื้อสัตว์หรืออาหารทะเลและอย่าลืมล้างมือ มีด และเขียงให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสเนื้อสัตว์ดิบ [8]
    • เปลี่ยนเขียงอันใหม่หากคุณสังเกตเห็นร่องลึกที่ทำความสะอาดได้ยาก
    โฆษณา


วิธีการ 8
วิธีการ 8 ของ 13:

กวาดพื้นทุกวันและถูพื้นสัปดาห์ละครั้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. กวาดฝุ่น เศษอาหาร และสิ่งสกปรกที่ตกอยู่ตามพื้นห้องครัวออกไป. หากมีสมาชิกในบ้านที่มักทานอาหารมูมมาม คุณอาจจำเป็นต้องกวาดพื้นทุกครั้งหลังทานอาหารแต่ละมื้อเสร็จ นอกจากนี้คุณควรหมั่นถูพื้นห้องครัวทุกๆ สัปดาห์ เริ่มจากเตรียมน้ำสบู่ร้อนๆ หรือน้ำยาถูพื้นใส่อ่างล้างจานหรือถังน้ำ จากนั้นใช้ไม้ม็อบจุ่มลงไปและบิดให้พอหมาดก่อนนำไปเช็ดพื้นห้องให้ทั่วทุกบริเวณ [9]
    • คุณสามารถหาซื้อไม้ม็อบสำหรับเช็ดเฉพาะจุดได้ตามร้านเครื่องมือช่างหรือร้านของใช้ในบ้าน ซึ่งโดยทั่วไปจะมีขั้นตอนการใช้โดยนำผ้าเช็ดทำความสะอาดชนิดเปียกติดเข้ากับไม้ม็อบสำหรับเช็ดเฉพาะจุดโดยเฉพาะก่อนใช้เช็ดตรงจุดที่มีคราบเปื้อน
    • รอให้พื้นแห้งสนิทก่อนเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อป้องกันการลื่นล้มหรือการทิ้งรอยเท้า
วิธีการ 9
วิธีการ 9 ของ 13:

ทำความสะอาดตู้เย็นหรือช่องแช่แข็ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำอาหารเก่าในตู้เย็นออกมาทิ้งและเช็ดตามชั้นวางเพื่อฆ่าเชื้อโรค. ตู้เย็นเปรียบเสมือนม้างานของห้องครัวที่ทำงานไม่หยุดหย่อน ด้วยเหตุนี้คุณจึงควรดูแลรักษาตู้เย็นอย่างเหมาะสมเพื่อยืดอายุการใช้งาน เริ่มจากเอาอาหารทั้งหมดในตู้เย็นออกมาและเช็คดูว่ามีเชื้อราหรือหมดอายุแล้วหรือไม่และนำอาหารที่เน่าเสียแล้วทิ้งไป จากนั้นเช็ดชั้นวางทั้งหมดให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ร้อนๆ ก่อนนำอาหารแช่ในตู้เย็นอีกครั้ง ทำขั้นตอนเดียวกันนี้กับช่องแช่แข็งด้วย [10]
    • คุณสามารถนำเบคกิ้งโซดาที่เปิดกล่องไว้แช่ในตู้เย็นเพื่อช่วยขจัดกลิ่นได้ในราคาประหยัด
    • ตู้เย็นที่สะอาดจะช่วยรักษาความสดใหม่ของอาหารได้นานยิ่งขึ้น
    • ติดเครื่องวัดอุณหภูมิเล็กๆ ไว้ในตู้เย็นสำหรับใช้ตรวจสอบอุณหภูมิภายในตู้เย็น โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับช่องแช่เย็นอยู่ที่ 4 °C หรือต่ำกว่า ส่วนช่องแช่แข็งควรมีอุณหภูมิอยู่ที่ -18 °C [11]
    โฆษณา
วิธีการ 10
วิธีการ 10 ของ 13:

เก็บมีดทั้งหมดให้พ้นโต๊ะเคาน์เตอร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เก็บมีดไว้บนแถบแม่เหล็กหรือเสียบลงไปในกล่องเก็บมีด. หลีกเลี่ยงการวางมีดไว้บนโต๊ะเคาน์เตอร์หรือเก็บไว้ในลิ้นชักเพื่อป้องกันไม่ให้มีดบาดโดนมือจนเป็นแผลได้ โดยคุณควรใช้วิธีเก็บมีดไว้บนแถบแม่เหล็กที่ยึดติดกับผนังหรือเสียบลงไปในกล่องเก็บมีดที่วางบนโต๊ะเคาน์เตอร์แทน [12]
    • หากพื้นที่จัดเก็บมีดของคุณมีเพียงลิ้นชักเท่านั้น ให้คุณใส่ปลอกมีดให้เรียบร้อยเพื่อหุ้มใบมีดไว้ก่อนเก็บมีดลงไปในลิ้นชัก รวมทั้งจัดเก็บมีดไว้กับของมีคมอื่นๆ อย่างกรรไกรหรือมีดปอกผลไม้เพื่อให้คุณจำได้ว่าของมีคมทั้งหมดถูกเก็บไว้ที่ใด
วิธีการ 11
วิธีการ 11 ของ 13:

ซับคราบของเหลวที่หกและเก็บกวาดพื้นให้เรียบร้อย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เช็ดคราบของเหลวที่หกและเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายบนพื้นเพื่อป้องกันการสะดุดล้ม. การปล่อยให้พื้นห้องครัวมีน้ำขังอาจทำให้คุณลื่นล้มได้ง่าย ดังนั้นเมื่อมีคราบของเหลวหกใส่พื้น ให้คุณใช้ไม้ม็อบหรือผ้าเช็ดให้แห้งทันที นอกจากนี้คุณควรจัดพื้นที่ภายในครัวให้โล่งและอย่าวางข้าวของเกะกะบนพื้นเพื่อให้คุณสามารถเดินไปมาในห้องครัวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย. [13]
    • หากห้องครัวของคุณมีพื้นที่ไม่กว้างนัก คุณอาจจำเป็นต้องนำข้าวของวางไว้บนพื้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จนอาจเสี่ยงต่อการสะดุดล้มได้
    โฆษณา
วิธีการ 12
วิธีการ 12 ของ 13:

ตั้งถังดับเพลิงเล็กๆ ไว้ในห้องครัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดับไฟที่ลุกไหม้จากการทำอาหารให้ทันท่วงทีก่อนที่จะลุกลามเป็นวงกว้าง. ไฟที่ลุกไหม้จากการทำอาหารเป็นสาเหตุหลักๆ ของการเกิดเพลิงไหม้ในบ้าน ดังนั้นคุณจึงควรเตรียมถังดับเพลิงขนาด 5 ปอนด์ (2.5 กิโลกรัม) ไว้ในบริเวณที่หยิบใช้งานได้สะดวกหรือใกล้กับประตูทางออกของห้องครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมักปรุงอาหารด้วยวิธีการทอดอยู่บ่อยครั้ง [14]
    • หากไม่มีถังดับเพลิงในบ้านในระหว่างที่เกิดไฟลุกไหม้จากการทำอาหาร คุณสามารถดับไฟได้ด้วยการใช้ฝาโลหะปิดทับลงไปบนหม้อหรือกระทะเพื่อทำให้กองไฟขาดออกซิเจนจนมอดดับไป ห้ามใช้วิธีราดน้ำลงไปบนกองไฟโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นไฟที่ลุกไหม้จะปะทุขึ้นและลุกลามเป็นวงกว้างได้
    • เตรียมชุดปฐมพยาบาลพร้อมยาทารักษาแผลไฟไหม้ไว้ใกล้ๆ ห้องครัวเสมอสำหรับใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดแสบจากแผลไหม้ขนาดเล็กจากการสัมผัสโดนกระทะร้อนๆ
วิธีการ 13
วิธีการ 13 ของ 13:

ปรุงเนื้อสัตว์ให้มีระดับความร้อนที่ทานได้ปลอดภัย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาซื้อเครื่องวัดอุณหภูมิอาหารเพื่อใช้วัดความร้อนของเนื้อสัตว์ปรุงสุก. แม้ว่าสเต็กหรือเบอร์เกอร์ที่ปรุงเสร็จแล้วจะดูน่าทานจนคุณแทบอดใจรอไม่ไหว แต่ทางที่ดีคุณควรเช็คอุณหภูมิของชิ้นเนื้อด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิอาหารเสียก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายถูกทำลายจนหมดแล้ว ทั้งนี้คุณควรปรุงเนื้อสัตว์ปีกให้มีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 75 °C และสำหรับเนื้อบด เนื้อหมู หรือเนื้อวัวควรปรุงสุกที่อุณหภูมิ 70 °C ขึ้นไป [15]
    • หากคุณต้องการละลายเนื้อสัตว์แช่แข็ง วิธีที่เหมาะสมที่สุดคือการนำเนื้อสัตว์จากช่องแช่แข็งมาแช่ไว้ในช่องแช่เย็นปกติเพื่อให้เนื้อสัตว์ค่อยๆ ละลาย แต่หากคุณไม่มีเวลาเหลือมากนัก คุณยังสามารถใช้วิธีนำเนื้อสัตว์แช่แข็งแช่ในน้ำเย็นและคอยเปลี่ยนน้ำทุกๆ 30 นาทีจนกระทั่งเนื้อสัตว์ละลายเรียบร้อยได้เช่นกัน
    • นอกจากนี้คุณควรปรุงไข่ให้สุกเต็มที่ด้วยเช่นกัน ซึ่งแม้ว่าอาหารบางชนิดจะแนะนำให้ทานคู่กับไข่ดิบหรือไข่ที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ แต่พึงระวังว่าการทานไข่ที่ไม่ได้ปรุงสุกเต็มที่อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อซัลโมเนลลาได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หมั่นล้างมือบ่อยๆ โดยใช้เวลาอย่างน้อย 20 วินาทีในการถูสบู่ให้ทั่วมือก่อนล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า พยายามล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสเนื้อสัตว์ดิบ อาหารทะเล หรืออาหารที่ดูเลอะเทอะ
  • สำหรับบ้านที่มีเด็กเล็ก ให้คุณติดตั้งตัวล็อคป้องกันเด็กบนลิ้นชัก ตู้ และเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้หนีบมือเด็กจนได้รับบาดเจ็บได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 19,756 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา