ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อายุที่มากขึ้น โรค หรือการบาดเจ็บต่างๆ อาจทำให้แมวของคุณตาบอดได้ แม้อาจเป็นเรื่องน่าเสียใจสำหรับคุณและแมว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตที่มีความสุขและสมบูรณ์จะจบลง เพราะความจริงแล้ว แมวจะปรับตัวกับสภาวะใหม่นี้ได้ และคุณสามารถทำอะไรหลายอย่างเพื่อให้แมวมีชีวิตที่เป็นสุขเหมือนเดิม สิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อดูแลแมวตาบอดคือ การพาแมวไปพบสัตวแพทย์ รักษาบ้านให้เป็นระเบียบ และหาวิธีใหม่เพื่อเล่นกับแมว ลองอ่านวิธีการด้านล่างนี้เพื่อศึกษาวิธีการดูแลแมวตาบอด

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ตรวจดูว่าแมวตาบอดหรือไม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากสงสัยว่าแมวอาจจะตาบอด ให้นัดเวลาเพื่อพาแมวไปพบสัตวแพทย์ทันที อาการตาบอดบางชนิดสามารถแก้ไขได้หากได้รับการรักษาทันที ตัวอย่างเช่น หากแมวตาบอดเพราะโรคความดันโลหิตสูง การกินยาทุกวันก็อาจช่วยให้สายตากลับคืนมาและป้องกันปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่อาจเกิดด้วย [1]
    • อย่าลืมพาแมวไปหาสัตวแพทย์เป็นประจำแม้มันจะดูแข็งแรงดี การตรวจพบโรคได้เร็วและการรักษาได้ทันท่วงทีจะช่วยป้องกันไม่ให้แมวตาบอด [2]
  2. บางครั้งช่วงที่แมวเริ่มตาบอดอาจใช้เวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน หลังจากที่แมวเกือบตาบอดหรือบอดสนิทแล้ว คุณก็อาจสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ บางอย่าง ควรสังเกตแมวดูว่าอาจจะตาบอดหรือไม่ พฤติกรรมบางอย่างที่แสดงว่าแมวตาบอดนั้นได้แก่: [3]
    • ดูสับสนกับสภาพแวดล้อม
    • เดินชนเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของอื่น
    • กระโดดขึ้นหรือลงถึงพื้นพลาด จากที่เมื่อก่อนเคยทำได้ไม่มีปัญหา
    • ไม่ยอมขยับตัวไปรอบๆ หรือออกไปสำรวจนอกบ้าน
    • ขยี้ตาหรือหรี่ตา
  3. หากพฤติกรรมของแมวทำให้คุณสงสัยว่าแมวอาจจะตาบอด ให้ลองตรวจดูดวงตาแมวเพื่อดูว่าต่างจากเดิมหรือไม่ แม้แมวจะไม่แสดงสัญญาณอาการตาบอด แต่คุณก็ควรตรวจดูตาแมวเป็นประจำเพื่อหาอาการของโรคตาบอดระยะแรก อาการโรคตาบอดโดยทั่วไปในแมวได้แก่: [4]
    • ดวงตาไม่ตอบสนองต่อแสง รูม่านตาขยายออก
    • ตาดูพร่ามัว อักเสบ หรือเปลี่ยนสี
    • มีน้ำตาเอ่อหรือน้ำตาไหล
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

จัดบ้านเพื่อแมวตาบอด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เนื่องจากในตอนแรกแมวอาจจะเดินไปมาในบ้านได้ลำบากขึ้น คุณจึงควรปล่อยให้บ้านมีสิ่งกีดขวางน้อยชิ้นที่สุดเท่าที่ทำได้ การปล่อยพื้นบ้านให้โล่งจะช่วยให้แมวเดินไปมาได้โดยไม่ชนสิ่งของอื่น [5] คำแนะนำสำหรับวิธีการทำให้มีสิ่งกีดขวางน้อยชิ้นได้แก่:
    • ปล่อยเฟอร์นิเจอร์ไว้ที่เดิม
    • รักษาบ้านให้สะอาดและเป็นระเบียบ
    • สอนให้เด็กๆ รู้จักเก็บของเล่นให้เข้าที่หลังจากเล่นเสร็จ
  2. เนื่องจากแมวได้สูญเสียประสาทการมองเห็นที่ใช้แยกแยะว่าสิ่งของหรือคนเป็นอันตรายหรือไม่ มันจึงอาจหวาดกลัวเสียงดังมากกว่าแต่ก่อน ควรช่วยให้แมวรู้สึกสงบและปลอดภัยโดยหลีกเลี่ยงการทำเสียงดัง และขอร้องให้คนอื่นทำตามด้วย [6] หากคุณทำเสียงดังโดยไม่ตั้งใจ ก็อย่าลืมปลอบแมวด้วยการลูบหัวและพูดด้วยเสียงอ่อนโยนกับมัน คำแนะนำอื่นเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมอันเงียบสงบไว้นั้นได้แก่:
    • ลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ แทนที่จะลุกอย่างกะทันหัน
    • เดินขึ้นบันไดเพื่อไปพูดกับคนอื่น แทนที่จะตะโกน
    • หลีกเลี่ยงการปิดตู้หรือประตูแรงๆ
  3. เนื่องจากแมวจะมองไม่เห็นคุณอีกต่อไปเวลาที่มันเดินเข้าห้อง ดังนั้น คุณอาจต้องเริ่มส่งเสียงร้องเพลงเบาๆ หรือพูดกับตัวเองเพื่อให้แมวรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน แมวอาจจะรู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลายขึ้นเวลาคุณส่งเสียงร้องเพลงหรือพูดเมื่ออยู่ใกล้ๆ มัน วิธีนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณทำแมวตกใจเวลาที่คุณอยากลูบหัวมัน การทำให้แมวรู้คุณอยู่ใกล้ๆ จะทำให้มันไม่ตกใจกับสัมผัสของมือบนหลังของมัน [7]
  4. คำนึงถึงความปลอดภัยนอกบ้านที่ต้องมีเพิ่มขึ้น. หากแมวเคยออกไปนอกบ้านก่อนที่มันจะตาบอด คุณก็ควรอยู่กับแมวให้ได้มากที่สุดเวลาที่มันออกไปข้างนอก การอยู่กับแมวเวลาที่มันออกไปสำรวจนอกบ้านอีกครั้ง คุณจะสามารถช่วยมันได้หากเกิดอุบัติเหตุ ในขณะเดียวกัน แมวก็ยังเพลิดเพลินกับพื้นที่นอกบ้านได้ด้วย
    • เวลาที่แมวอยากออกไปนอกบ้าน คุณควรพยายามกันแมวให้อยู่ในสวนแบบปิด วิธีนี้จะช่วยลดโอกาสที่แมวจะบาดเจ็บหรือหายไป [8]
    • ลองซื้อเสื้อรัดอกและสายจูงเพื่อป้องกันไม่ให้แมวเดินไปเจออันตราย
    • หากคุณไม่สามารถคอยดูแมวระหว่างที่มันออกไปนอกบ้านได้ ก็ไม่ควรปล่อยมันออกไป
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ดูแลแมวตาบอด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากตรวจพบว่าแมวเป็นโรคใดก็ตามที่ต้องได้รับการดูแล ยา หรือการช่วยเหลือเป็นพิเศษ คุณก็อย่าลืมทำตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ หากอาการตาบอดของแมวเกี่ยวข้องกับโรคทางการแพทย์ แมวก็จะไม่ดีขึ้นจนกว่าจะได้รับการรักษา ติดต่อสัตวแพทย์ทันทีหากแมวมีอาการแย่ลงหรือไม่ดีขึ้นแม้จะได้รับการรักษาแล้ว
  2. แมวของคุณนั้นยังเหมือนเดิม แม้ว่ามันจะตาบอดแล้ว แต่แมวก็ยังคงอยากทำทุกอย่างเหมือนที่แมวตัวอื่นทำ เช่น การเล่น เวลาที่ซื้อของเล่น ควรมองหาของเล่นที่ทำเพื่อแมวตาบอด และเปลี่ยนจากเกมที่ต้องใช้สายตามาเป็นใช้เสียง เช่น “เกมตามหาเสียง” สิ่งของอะไรก็ตามที่ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง ส่งเสียงตูมตาม มีเสียงก้อง หรือสามารถกดได้ ก็สามารถใช้เป็นสิ่งให้ความบันเทิงสิ่งใหม่แก่แมวได้
    • ลองซื้อของเล่นที่ส่งเสียงร้องเหมือนหนูหรือนก แมวอาจจะชอบเล่นเกมตามเสียงจากของเล่นเหล่านี้
  3. ดูแลทำความสะอาดแมวเป็นประจำ ให้อาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ให้ขนมบ้างตามโอกาส และพาแมวไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจโรคตามนัด ให้ความสนใจจมูกและหูของแมวมากๆ เนื่องจากประสาทสัมผัสเหล่านี้ช่วยให้ชีวิตของแมวง่ายขึ้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ประสาทด้านการฟังและการดมของแมวแม่นยำกว่าของมนุษย์ ดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว แมวจะสามารถรับมือกับการสูญเสียการมองเห็นได้ดีกว่าและเร็วกว่ามนุษย์
  • แมวจะเครียดกับการสูญเสียการมองเห็นน้อยกว่าคุณ เพราะแมวจะไม่รู้ว่านี่คือ “สิ่งผิดปกติ” มันจะรู้เพียงว่า เมื่อวานมองเห็น แต่วันนี้มองไม่เห็น แทนที่จะนำสถานการณ์ที่แมวเจอไปเปรียบเทียบกับคนจนเกินพอดี คุณควรทำให้มันมั่นใจว่าชีวิตในด้านอื่นๆ จะดีขึ้น
  • พื้นที่นอกบ้านซึ่งมีฉากกั้นนั้นปลอดภัยสำหรับแมวตาบอดมากกว่าสวนหรือสนามหญ้าที่เปิดโล่ง
  • หากคุณมีลูก ควรอธิบายว่าทำไมถึงต้องเก็บของเล่นและของอื่นๆ ให้เป็นที่
  • สนับสนุนให้แมวปีนป่ายมากกว่าวิ่ง เวลาที่แมวปีน มันจะมีโอกาสวิ่งชนสิ่งของต่างๆ ได้น้อยกว่า ติดตั้งเสาสำหรับปีนหรือสิ่งที่คล้ายกันเพื่อส่งเสริมให้แมวปีน ควรพันรอบเสาปีนด้วยไหมสับปะรดจะดีที่สุด
โฆษณา

คำเตือน

  • ควรนำแมวที่แสดงอาการตาบกพร่องไปพบสัตวแพทย์ทันที
  • ควรนำแมวที่เป็นโรคเบาหวานไปตรวจเป็นประจำ เพื่อหาสัญญาณของอาการตาบอดที่อาจเกิดได้
  • อาการตาบอดหลายกรณีไม่สามารถรักษาได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 31,131 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา