Tuberculosis (TB) หรือวัณโรคนั้น เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายมาก เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis ปกติมักเกิดที่ปอดแต่จริงๆ แล้วก็ลามไปได้ทุกที่ [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล ทุกคนควรได้รับการตรวจคัดกรองวัณโรคถ้าต้องคลุกคลีกับคนป่วยหรือสงสัยว่าตัวเองอาจมีความเสี่ยง การตรวจคัดกรองวัณโรค หรือ Mantoux tuberculin skin test นั้น อีกชื่อหนึ่งคือ PPD test เป็นการใช้อุปกรณ์ตรวจหาวัณโรคในกลุ่มเสี่ยง [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล แต่การตรวจชนิดนี้จะบอกได้แค่ว่าผู้ป่วยเป็นหรือไม่เป็นวัณโรคเท่านั้น แต่ไม่ได้ละเอียดถึงขั้นบอกว่าเป็นวัณโรคระยะแฝง (latent TB infection) หรือเป็นวัณโรคจริงๆ [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล บทความนี้เป็นข้อมูลที่ควรรู้เท่านั้น คุณควรเข้ารับการตรวจคัดกรองวัณโรคกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างถูกต้องตามขั้นตอนและวิธีการเท่านั้น ถึงจะได้ผลชัดเจนแม่นยำที่สุด
ขั้นตอน
-
วัณโรคติดต่อกันได้ยังไง. แบคทีเรียต้นตอของวัณโรคนั้นแพร่กระจายได้ตามอากาศ จากการที่ผู้ป่วยวัณโรคไอ จาม พูดคุย กระทั่งร้องเพลง [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล ถ้าคนอื่นหายใจเอาเชื้อเข้าไปก็ติดได้แน่นอน
- วัณโรคไม่ติดต่อจากการแตะต้องสัมผัสกัน เพราะฉะนั้นถ้าจับมือหรือจับต้องผ้าปูที่นอนหรือฝารองนั่งชักโครกที่คนป่วยใช้ก็ไม่เป็นไร
- วัณโรคไม่ติดต่อจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำร่วมกัน จะใช้แปรงสีฟันร่วมกันหรือจูบกันก็ไม่ติด (แต่แนะนำว่าอย่าเลย เพราะอาจติดโรคอื่นแทน)
-
วัณโรคกับวัณโรคระยะแฝงต่างกันยังไง. เป็นไปได้เหมือนกันที่คุณจะติดเชื้อวัณโรคมาแต่ไม่แสดงอาการ แต่โชคไม่ดีที่การตรวจคัดกรองวัณโรคนั้นบอกไม่ได้ว่าคุณเป็นวัณโรคหรือวัณโรคระยะแฝงกันแน่ [5] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล [6] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- คนที่เป็น วัณโรคระยะแฝง คือคนที่ติดเชื้อมาแต่ร่างกายสามารถต้านไว้ได้ คนที่เป็นจะไม่แสดงอาการใดๆ และไม่รู้สึกเจ็บป่วยตรงไหน ที่สำคัญคือจะไม่แพร่เชื้อให้คนอื่นติดต่อไปด้วย การตรวจคัดกรองจะบอกได้เฉพาะว่าคุณมีเชื้อวัณโรคเท่านั้น
- แต่ถ้าร่างกายไม่สามารถต้านต่อไปได้ ก็จะป่วยด้วยวัณโรคในที่สุด พอเชื้อแพร่กระจายก็จะแสดงอาการหลังจากนั้นไม่นาน แต่บางทีก็ไม่เป็นไรนานเป็นปีๆ จนกว่าระบบภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอเพราะอะไรก็ตาม
- วัณโรค จะแสดงอาการเมื่อร่างกายของผู้ป่วยไม่สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อวัณโรคได้อีกต่อไป ทำให้แสดงอาการเจ็บป่วยออกมา คนที่เป็นวัณโรคนั้นสามารถแพร่เชื้อไปยังคนอื่นๆ ได้ และเมื่อตรวจคัดกรองก็จะพบเชื้อวัณโรค
-
รู้จักอาการของวัณโรค. จะบอกได้ว่าคุณเป็นวัณโรคหรือเปล่า ก็ต้องทำความรู้จักอาการของวัณโรคกันก่อน [7] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล ได้แก่
- ไอหนัก เรื้อรังนาน 3 อาทิตย์ขึ้นไป
- เจ็บแน่นหน้าอก
- ไอเป็นเลือดหรือเสมหะเป็นเลือด
- อ่อนแรง เหนื่อยง่าย
- น้ำหนักลด
- ไม่อยากอาหาร
- จับไข้ หนาวสั่น
- เหงื่อออกกลางคืน
โฆษณา
-
เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม. ก่อนจะทำการตรวจคัดกรองวัณโรค คุณต้องเตรียมทุกอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม ได้แก่ [8] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ขวดสาร tuberculin (ต้องเก็บไว้ในตู้เย็นเสมอ)
- ถุงมือยาง
- เข็มฉีด tuberculin ขนาดเล็กแบบใช้แล้วทิ้ง ประมาณ 1.2 ซีซี หรือน้อยกว่านั้น ส่วนเข็มก็ 25 กรัมหรือเล็กกว่า
- แผ่น alcohol swab
- สำลีก้อน
- ไม้บรรทัดแบบมีมิลลิเมตร
- ถังสำหรับทิ้งเข็มฉีดยาใช้แล้วโดยเฉพาะ
- เอกสารของผู้ป่วย
-
เช็ควันหมดอายุของ tuberculin วันที่เปิดใช้ และเช็คว่าเป็นปริมาณสำหรับฉีดครั้งเดียวหรือหลายครั้ง. ก่อนจะเริ่มตรวจคัดกรองต้องตรวจสอบให้เหมาะสมและปลอดภัยซะก่อน [9] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ปกติจะมีวันหมดอายุเขียนอยู่ในฉลาก ว่าใช้ได้ถึงเมื่อไหร่ (ถึงจะยังไม่เปิดขวดก็เถอะ) ถ้าหมดอายุไปแล้วห้ามใช้เด็ดขาด
- เช็ควันที่เปิดใช้ ที่ฉลากจะมีบอกไว้ด้วยว่าถ้าเปิดขวดแล้วสามารถใช้ได้นานแค่ไหน ถ้าเลยวันที่ควรใช้ไปแล้วก็ห้ามใช้เด็ดขาด หรือจะสอบถามอนามัยหรือสาธารณสุขแถวบ้านก็ได้ ว่าขวดแบบใช้ได้หลายครั้งพอเปิดแล้วจะใช้ได้หลังจากนั้นอีกกี่วัน
- คู่มือที่มาด้วยกันจะเขียนไว้ชัดเจนว่าเป็นขวดแบบใช้ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง ถ้าเป็นปริมาณสำหรับใช้หลายครั้งแสดงว่ามีวัตถุกันเสียด้วย เพราะเอาไว้ใช้ตรวจคัดกรองผู้ป่วยได้หลายคน
-
เลือกสถานที่ตรวจคัดกรองให้เหมาะสม. ต้องมีที่ไว้ให้คนรับการตรวจคัดกรองใช้วางแขนราบไป และต้องเป็นสถานที่ที่สว่างและสะอาด [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ล้างมือก่อน. ล้างมือด้วยน้ำอุ่นกับสบู่ ถูไปมาให้ได้ 20 วินาที [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ใช้กระดาษเช็ดมือให้สะอาด จากนั้นก็สวมถุงมือยาง
โฆษณา
-
อธิบายข้อมูลต่างๆ ให้คนที่จะตรวจคัดกรองรับทราบ. บอกว่าคืออะไร ตรวจยังไง และต้องใช้เวลานานแค่ไหน อย่าลืมบอกด้วยว่าแต่ละขั้นตอนเป็นยังไง พออธิบายจบครบถ้วนแล้ว ก็เปิดโอกาสให้คนไข้ได้ซักถามตามต้องการ [12] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- บอกคนไข้ว่าคุณจะฉีดสารในปริมาณน้อยมากเข้าไปในแขนของเขา ถ้าเขามีเชื้อวัณโรค ตรงบริเวณที่ฉีดก็จะแสดงอาการ เช่น บวมหรือนูนแข็งขึ้นมา [13] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- บอกคนไข้ว่าต้องกลับมาติดตามผลหลังผ่านไป 48 - 72 ชั่วโมง หรือก็คือตรวจดูสภาพบริเวณที่ฉีดสารเข้าไป
- ถ้าคนไข้ไม่สะดวกกลับมาใน 48 - 72 ชั่วโมง ก็เลื่อนการตรวจคัดกรองไปก่อน ค่อยนัดใหม่อีกครั้งตอนที่สะดวก
-
เลือกจุดฉีดสาร. ปกติมักฉีดกันที่แขนซ้าย แต่จะฉีดแขนขวาก็ได้ถ้าจำเป็น [14] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- แขนคนไข้ต้องวางราบบนโต๊ะหรืออะไรที่มั่นคง พร้อมมีแสงส่อง
- งอข้อศอกเล็กน้อยและหงายฝ่ามือขึ้น
- หาจุดที่ใต้ศอกลงมา ตรงที่ไม่มีสิ่งกีดขวางการอ่านผลอย่างเส้นขน รอยแผลเป็น เส้นเลือด หรือรอยสัก
-
เอาแผ่น alcohol swab เช็ดทำความสะอาดฝาขวด tuberculin. ถูให้แรงๆ เลย
- รอจนแอลกอฮอล์แห้ง
-
ติดเข็มกับกระบอกฉีดแล้วดูดเอาสารละลาย tuberculin ขึ้นมา. เวลาจะติดเข็มกับกระบอกฉีดยา ให้หมุนเกลียวเข้ากับปลายกระบอกฉีดให้แน่น
- วางขวดบนพื้นราบ จากนั้นเจาะเข็มเข้าไปในจุกยางบนฝาขวด
- ดูดสารละลายขึ้นมาโดยดึงลูกสูบออกจากกระบอกให้ตัวสารเข้ามา 1 ส่วน 10 (0.1) มิลลิเมตรขึ้นไป
- ดึงเข็มออกจากขวด เช็คให้ดีว่าไม่มีฟองอากาศในกระบอกฉีด ถ้ามีให้ไล่อากาศโดยหันปลายเข็มชี้ขึ้นข้างบน แล้วกดลูกสูบเข้าไปเล็กน้อย
-
เตรียมผิวบริเวณที่จะฉีดสาร. ทำความสะอาดด้วยแผ่น alcohol swab โดยเช็ดจากจุดที่จะฉีดวนออกด้านนอก [15] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- รอจนแห้ง
- ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ดึงผิวหนังส่วนนั้นให้ตึง ถือเข็มชีดยาให้ขอบวง (ระหว่างกระบอกกับลูกสูบ) ขนานไปกับท่อนแขน ส่วนปลายเข็มนั้นชี้ขึ้นข้างบน ยืดผิวให้ตึงไว้แล้วจรดเข็มลงไปช้าๆ โดยทำมุม 5 - 15 องศา
-
ฉีดสารละลาย tuberculin เข้าไป. พอเข็มแทงเข้าไปในเนื้อแล้วให้ดันเข้าไปอีกประมาณ 3 มิลลิเมตร ปลายเข็มควรจะอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง (ใต้ชั้นหนังกำพร้า แต่อยู่แค่ในชั้นหนังแท้)
- ปล่อยนิ้วที่ดึงผิวให้ตึง จากนั้นถือเข็มฉีดยาไว้ให้มั่น กดลูกสูบฉีดสารเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง คือเลยหนังกำพร้าเข้าไปนิดหนึ่ง
- ผิวหนังตรงปลายเข็มควรจะนูนซีดขาวขึ้นมาประมาณ 6 - 10 มิลลิเมตรทันทีหลังฉีด
-
ดึงเข็มออก. ตอนดึงระวังอย่าไปกดหรือนวดแขนของคนไข้ [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง www.nyc.gov/html/doh/.../pdf/tb/tb-hcp-tst-guide.pdf
- ไม่ต้องปิดฝาเข็มฉีดยาเพราะเดี๋ยวจะพลาดทิ่มนิ้วตัวเองเข้า
- ทิ้งเข็มฉีดยาทันทีในถังเฉพาะที่เตรียมไว้
- ถ้ามีเลือดหยดอยู่ที่แขนคนไข้ ให้ใช้สำลีก้อนหรือผ้าก๊อซซับเบาๆ อย่าเอาผ้าพันแผลหรือพลาสเตอร์ไปปิด เพราะจะทำให้ผลการคัดกรองผิดเพี้ยนไปได้ [17] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- เอาสารละลาย tuberculin กลับไปแช่ตู้เย็นหรือภาชนะเก็บความเย็นอื่นๆ [18] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
-
อ่านผลการตรวจคัดกรอง. สังเกตผิวหนังที่นูนขึ้นมาตรงจุดที่ฉีดสาร เส้นผ่านศูนย์กลางควรจะมีขนาดอย่างน้อย 6 มิลลิเมตร [19] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าจุดที่นูนขึ้นมานั้นเล็กกว่า 6 มิลลิเมตร แปลว่าคุณแทงเข็มลึกเกินไปหรือปริมาณสารไม่เพียงพอ ให้ทำการคัดกรองใหม่อีกรอบ
- ถ้าคนไข้ไม่กลับมาติดตามผลใน 48 - 72 ชั่วโมง ก็คงต้องตรวจคัดกรองใหม่เหมือนกัน [20] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าต้องตรวจคัดกรองใหม่อีกรอบ ให้เปลี่ยนจุดฉีดสารห่างออกไปอย่างน้อย 2 นิ้วจากจุดเดิม [21] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
-
อธิบายให้คนไข้ฟังว่าต้องทำอะไรต่อไป. ย้ำว่าต้องกลับมาติดตามผลในอีก 48 - 72 ชั่วโมง
- นัดฟังผลให้ชัดเจน
- ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนอ่านผลการตรวจคัดกรอง ไม่ใช่ตัวผู้ป่วยเอง
-
อธิบายอาการแต่เนิ่นๆ. คนไข้จะได้เตรียมตัว ว่าอาจมีอาการบวม คัน หรือระคายเคืองตรงจุดที่ฉีดสาร และจะหายไปในไม่เกิน 1 อาทิตย์ [22] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล ที่สำคัญคือต้องย้ำให้คนไข้กลับมาตรวจหากอาการหนักกว่าเดิม
- ห้ามคนไข้คุ้ยแคะแกะเกาตรงจุดทดสอบ ห้ามแปะพลาสเตอร์ หรือทาครีมแก้คันเด็ดขาด
- รวมถึงห้ามคนไข้ขัดถูตรงจุดทดสอบด้วย แต่อาบน้ำได้ไม่เป็นไร
โฆษณา
เคล็ดลับ
- รู้ไว้ใช่ว่า คุณซ้อมฉีดสารตรวจคัดกรองวัณโรคได้โดยใช้ไส้กรอกดิบแทนผิวหนังคน แล้วฉีดน้ำเข้าไปด้วยกระบอกฉีดยา [23] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/topic/testing/default.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/topic/testing/default.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/topic/basics/default.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/topic/basics/default.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/topic/basics/difference.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/topic/basics/default.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/education/mantoux/part1.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/injectionsafety/providers/provider_faqs_multivials.html
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/education/mantoux/part1.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/handhygiene/
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/education/mantoux/part1.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/topic/testing/default.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/education/mantoux/part1.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/education/mantoux/part1.htm
- ↑ www.nyc.gov/html/doh/.../pdf/tb/tb-hcp-tst-guide.pdf
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/education/mantoux/part1.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/education/mantoux/part1.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/education/mantoux/part1.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/publications/factsheets/testing/skintesting.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/education/mantoux/part1.htm
- ↑ http://www.cdc.gov/tb/education/mantoux/part1.htm
- ↑ https://www.cteonline.org/curriculum/lessonplan/intradermal.../ozW0Ya