ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าคุณกำลังอยากได้แอปตัดต่อวิดีโอฟรี บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการตัดต่อวิดีโอด้วยแอปฟรีอย่าง CapCut ให้คุณเอง หลายคนใช้แอปนี้ตัดต่อคลิปไว้ลง TikTok แต่จริงๆ แล้วเอาไปทำได้อีกสารพัดอย่าง! บทความนี้จะแนะนำฟีเจอร์สำคัญที่คนชอบใช้กันให้ในเบื้องต้นเอง ตั้งแต่เทคนิคตัดต่อคลิปอย่างง่าย ไปจนถึงวิธีใช้เมนูต่างๆ ของแอป และฟีเจอร์เด่นๆ อย่างการใส่เพลงประกอบและฟิลเตอร์ให้คลิปของคุณ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

เริ่มใช้งาน CapCut

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณดาวน์โหลด CapCut ได้ทั้งใน iPhone และ Android โดยเข้าไปที่ app store ตามระบบที่ใช้งาน (Apple App store หรือ Google Play Store)
  2. แตะแถบค้นหาด้านบน แล้วพิมพ์ ‘CapCut’
    • ถ้าเป็น Android แล้วใช้ Google Play ให้แตะแถบค้นหาด้านบนที่เขียนว่า ‘Google Play’ จากนั้นพิมพ์ ‘CapCut’
    • แตะแอป ‘CapCut - Video Editor’ ในผลการค้นหาที่โผล่มา
  3. แอปนี้ดาวน์โหลดได้ฟรีเลย!
  4. เพื่อให้ใส่คลิปที่จะตัดต่อได้นั่นเอง! เปิดแอปแล้วแตะปุ่ม “New Project” ด้านบนของหน้าจอได้เลย
  5. เพื่อยอมรับว่า CapCut ต้องเข้าถึงรูปของคุณได้ ในหน้าต่าง pop-up ถัดไป ให้แตะปุ่มอนุญาตการเข้าถึงรูปทั้งหมด
    • เราจะทำขั้นตอนนี้แค่เฉพาะครั้งแรกที่เปิดแอปเท่านั้น!
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ทำความรู้จักเมนูต่างๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พอเปิดแอปแล้ว ให้แตะปุ่ม “New Project” หน้าจอใหม่จะโผล่มา เห็นคลิปต่างๆ ใน camera roll ของเรา
  2. หาคลิปที่จะเพิ่มเข้าโปรเจกต์ โดยเลื่อนไปตามหน้าใหม่นี้ที่แสดงคลิปที่มีใน camera roll จากนั้นแตะ thumbnail ของคลิปที่ต้องการ แล้วแตะปุ่ม “Add” มุมขวาล่างของหน้าจอ
    • ตอนนี้ให้เลือกแค่คลิปเดียวก่อน เดี๋ยวเราจะแนะนำวิธีเพิ่มคลิปในขั้นตอนต่อๆ ไป
  3. CapCut จะเปิดหน้าเมนูสำหรับตัดต่อคลิปขึ้นมาทันทีหลังอัปโหลดคลิปแรกแล้ว เป็นหน้าที่เดี๋ยวจะเห็นจนชินเวลาใช้แอป จากด้านบนลงไปที่ด้านล่าง จะเห็น preview panel (กรอบแสดงตัวอย่างคลิป) timeline ของคลิป และ toolbar
  4. หรือก็คือครึ่งบนของหน้าจอ จะเห็นตัวอย่างของคลิปว่าตัดต่อแล้วจะออกมาเป็นยังไง
  5. หรือก็คือครึ่งล่างของหน้าจอ โดย timeline จะอยู่ล่างกรอบ preview เป็นพื้นที่สำหรับตัดต่อคลิป ส่วน toolbar จะอยู่ล่างสุดของหน้าจอ มี editing tools หรือเครื่องมือตัดต่อทั้งหมด เช่น split, audio, text, stickers, effects และอื่นๆ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ตัดต่อเบื้องต้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. "Trimming" ในการตัดต่อวิดีโอ ก็คือตัดต้นคลิปหรือท้ายคลิป เพื่อให้คลิปสั้นลง ถ้าจะตัดต้นคลิป ให้ลากนิ้วบน timeline จากขวาไปซ้าย จน playhead ไปอยู่ตรงจุดที่อยากให้คลิปเริ่ม ตัว playhead ที่ว่า ก็คือเส้นสีขาว ล่างปุ่ม play นั่นเอง ต่อไปให้แตะคลิป แล้วลากเส้นขาวทึบทางซ้าย มาบรรจบกับ playhead ที่ปรับไว้ เท่านี้คลิปก็จะเริ่มตรงจุดที่คุณลาก playhead มาไว้
    • การ trim ที่ว่า ก็คือการตัดส่วนของคลิปที่เคยอยู่ระหว่างเส้นทึบขาวกับ playhead ที่ปรับแล้ว ออกไปทั้งหมดนั่นเอง
    • ถ้าจะตัดท้ายคลิป ให้ทำแบบเดียวกัน แต่เป็นด้านขวาแทน โดยลาก timeline ไปยังจุดที่อยากให้คลิปจบ (กำหนดโดย playhead) แล้วแตะคลิป จากนั้นลากเส้นขาวทึบทางขวา มาบรรจบกับ playhead
  2. ถ้าจะเพิ่มคลิปในโปรเจกต์ ให้ใช้ ‘Join’ tool โดยแตะปุ่ม "plus" (เครื่องหมายบวก) สีขาว ทางขวาของ timeline แล้วเลือกอีกคลิป โดยแตะ thumbnail จากนั้นคลิก "Add" มุมขวาล่าง เท่านี้ก็จะเห็นคลิปใหม่ทางขวาของคลิปเก่า ใน timeline!
    • ถ้าจะสลับลำดับเวลาของแต่ละคลิป ก็แค่กดค้างไว้ แล้วลากคลิปใน timeline เรียงตำแหน่งตามต้องการ (เช่น ลากคลิปใหม่ไปอยู่ทางซ้ายของคลิปเก่า เพื่อให้เล่นก่อน)
  3. ถ้าจะ split หรือแบ่งออกเป็นคลิป ให้ลาก timeline จน playhead ไปอยู่ตรงที่อยาก split จากนั้นแตะคลิป แล้วแตะไอคอน “Split” ใน toolbar เท่านี้ก็จะแบ่งคลิปออกเป็น 2 คลิป ไม่ใช่คลิปเดียว
    • เหมาะสำหรับเวลาจะแปะคลิปใหม่ตรงกลางระหว่าง 2 คลิป โดย split คลิปเดิมตรงจุดที่อยากแบ่ง แล้วใช้ Join tool ใส่คลิปใหม่เข้าไป เท่านี้ก็ลากคลิปใหม่ระหว่างคลิปที่เพิ่ง split ได้เลย!
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ตัดต่อขั้นสูง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การทำให้ภาพในคลิปเล่นเร็วขึ้นหรือช้าลงนั้น เป็นฟีเจอร์ฮิตที่หลายคนชอบใช้ เวลาทำคลิป TikTok ให้แตะคลิปใน timeline แล้วแตะปุ่ม "Speed" ใน toolbar ที่ไอคอนเป็นวงกลมเล็กๆ ในวงกลมใหญ่
    • เตือนกันก่อนว่าเวลาทำให้คลิปเล่นช้าลง อาจจะกระทบคุณภาพคลิปได้ แล้วแต่ว่า frame rate ของคลิปต้นฉบับคือเท่าไหร่ แต่แนะนำว่า frame rate ของคลิปควรจะเป็น 60 fps หรือมากกว่า คลิปที่ได้หลังปรับความเร็ว จะได้ยังคมชัดอยู่
  2. CapCut จะมีตัวปรับความเร็วคลิป 2 แบบด้วยกัน คือ "Normal" กับ "Curve" ให้แตะ "Normal" เพื่อทำให้ทั้งคลิปเร็วขึ้นหรือช้าลง จะเห็นแถบเลื่อนปรับความเร็วตั้งแต่ 0.1x ถึง 100x ก็ลากวงกลมสีฟ้าไปตามแถบนี้ จนได้ความเร็วคลิปที่ต้องการ แล้วแตะติ๊กถูกด้านขวาล่างได้เลย
    • อะไรที่ต่ำกว่า 1.0x จะทำให้คลิปช้าลง ส่วนอะไรที่มากกว่า 1.0x จะทำให้คลิปเร็วขึ้น
  3. ให้แตะ "Curve" ถ้าจะปรับความเร็วแต่ละส่วนของคลิปไม่เท่ากัน จะแตะเลือกเทมเพลตที่มีอยู่แล้วของ CapCut หรือทำ curve เองก็ได้
    • ถ้าจะทำ custom curve ให้แตะ "Custom" แล้วปรับเส้นสีเหลือง โดยลากจุดไหนก็ได้ใน 4 จุด ขึ้นหรือลง ถ้าจุดขึ้นไปสูง (curve โค้งขึ้น) คลิปส่วนนั้นก็จะเร็วขึ้น ถ้าจุดต่ำลง (curve โค้งลง) ความเร็วคลิปจะช้าลง เสร็จแล้วแตะติ๊กถูกขวาล่างได้เลย
  4. ถ้าอยากให้ภาพในวิดีโอเล่นย้อนกลับ ให้แตะคลิป แล้วเลือก “Reverse” ใน toolbar ไอคอนจะเป็นสามเหลี่ยมในวงกลม [1]
  5. CapCut ให้คุณใส่เสียงได้ 4 แบบด้วยกัน คือแตะ “Sounds" ถ้าจะใส่เพลง แตะ "Effects" ถ้าจะใส่ sound effects แตะ "Extracted" ถ้าจะใช้เสียงจากคลิปอื่นใน camera roll และแตะ "Voiceover" ถ้าจะอัดเสียงทับ
  6. ถ้าเป็น "Effects" กับ "Sounds" จะเลือกเสียงตามหมวดหมู่ใน CapCut ได้ แล้วแตะ sound effect หรือเพลง เพื่อฟังตัวอย่าง พอเจอเสียงที่ต้องการแล้ว ให้แตะปุ่ม download ข้างเสียงที่เลือก เสร็จแล้วแตะปุ่มเครื่องหมายบวก ที่จะโผล่มาหลังดาวน์โหลดเสร็จ
    • ลองฟังเสียงหลายๆ แบบได้เลย จนกว่าจะเจอเสียงที่ใช่!
  7. ถ้าเลือก "Effects" หรือ "Sounds" ก็เลือกเสียงจากในหมวดหมู่ต่างๆ ของ CapCut ได้เลย แล้วแตะ sound effect หรือเพลง เพื่อฟังตัวอย่าง จะทดลองฟังกี่อันก็ได้ จนกว่าจะเจอเสียงที่ใช่!
  8. พอแตะ "Extracted" แล้ว จะเห็นหน้ารวมคลิปใน camera roll ก็แตะคลิปที่อยากดึงเสียงมาใช้ได้เลย เสร็จแล้วแตะ "Add" ที่มุมขวาล่าง เท่านี้เสียงจากคลิปนั้นก็จะกลายเป็นเสียงของคลิปในโปรเจกต์
  9. ขั้นแรกให้ลาก playhead ไปยังจุดที่อยากเริ่มอัดเสียง แตะ "Voiceover" แล้วแตะไอคอนวงกลมสีฟ้า มีไมโครโฟน ค้างไว้เพื่อเริ่มอัดเสียง พอจะเลิกอัด ก็แค่ปล่อยนิ้ว เสร็จแล้วแตะติ๊กถูกที่ด้านขวาล่าง
  10. เสียงที่เพิ่มเข้ามา จะโผล่มาล่างคลิป ใน timeline ให้แตะค้างไว้ แล้วลากส่วนของเสียงไปไว้ตำแหน่งที่ต้องการใน timeline จะ trim คลิปอีกก็ได้ ตามต้องการ อ่านรายละเอียดได้ที่หัวข้อ “ตัดบางส่วนของคลิป” ในบทความนี้ได้เลย!
  11. ใส่ฟิลเตอร์ ข้อความ หรือสติกเกอร์ให้คลิปยิ่งดูดี!. ถึงเวลาระดมสมอง ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ลองตกแต่งคลิปด้วยไอเท็มต่างๆ ดู ใน toolbox ให้แตะไอคอน เช่น “Text”, “Stickers”, "Effects" หรือ “Filters” ได้เลย [2]
    • CapCut ให้คุณขยับลูกเล่นพวกนี้ไปมาใน timeline เพื่อเปลี่ยนจุดที่ตกแต่ง และระยะเวลาที่ปรากฏได้ แค่แตะไอเท็มนั้นใน timeline แล้วจัดการหน้าตาคลิปตามต้องการ
  12. แตะ "Text" แล้วพิมพ์ข้อความ จากนั้นแตะข้อความในหน้าตัวอย่าง (preview screen) เท่านี้ก็ปรับเปลี่ยนหน้าตาข้อความได้ โดยแตะไอคอนไหนก็ได้ใน toolbar รวมถึง "Style" (เปลี่ยนสี ฟอนต์ ขนาด เป็นต้น), "Effects", "Bubble" และ "Animation"
    • ถ้าจะเปลี่ยนจุดที่ปรากฏ แค่แตะข้อความในกรอบ preview แล้วลากไปไว้ตำแหน่งที่ต้องการได้เลย
  13. CapCut มีสติกเกอร์ให้เลือกใช้ตกแต่งคลิปได้สารพัดแบบ พอแตะ "Stickers" แล้ว ก็เลือกหมวดหมู่ที่สนใจได้โดยปัดส่วนนี้ไปทางซ้ายหรือขวา จะได้เห็นสติกเกอร์ทั้งหมด เวลาจะติดสติกเกอร์ ให้แตะสติกเกอร์นั้น แล้วแตะติ๊กถูกทางด้านขวาของหน้าจอ
    • CapCut ให้คุณเปลี่ยนตำแหน่งและขนาดสติกเกอร์ได้ด้วย โดยแตะสติกเกอร์ในกรอบ preview แล้วลากเปลี่ยนตำแหน่ง และ/หรือขยายหรือย่อ โดยใช้สองนิ้ว
  14. ลูกเล่นของ CapCut จะแบ่งเป็น "Video effects" และ "Body effects" ถ้าเป็น "Video effects" ลูกเล่นจะซ้อนอยู่ตลอดทั้งคลิป แต่ "Body effects" จะสแกนหาร่างกายในคลิป (มีลูกเล่นเฉพาะตอนมีคนโผล่เข้ามา) ก็ลองเล่นดู เลือกได้แล้วค่อยแตะติ๊กถูกด้านขวาล่าง เท่านี้ก็เรียบร้อย!
  15. CapCut มีฟิลเตอร์เป็นตันให้เลือกใช้ปรับเปลี่ยนหน้าตาของคลิป สีคลิปเปลี่ยน อารมณ์ก็เปลี่ยน เริ่มจากเลือกหมวดหมู่ (สไตล์ต่างๆ เช่น "Food", "Movies" และ "Retro") แล้วแตะเลือกฟิลเตอร์ในหมวดหมู่นั้นๆ เสร็จแล้วแตะติ๊กถูกด้านขวาล่างได้เลย
  16. ถ้าแต่งคลิปไปแล้วอยากเปลี่ยน ก็ undo หรือยกเลิกได้ง่ายๆ แค่แตะลูกศรย้อนกลับ (back) ด้านบนของ timeline เท่านี้ก็ยกเลิกอะไรที่ทำไปได้แล้ว
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 51,573 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา