ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เพราะสมัยนี้ อุปกรณ์ไหนๆ ก็ต้องใช้ Wi-Fi ด้วยกันทั้งนั้น การติดตั้ง router Wi-Fi จึงกลายมาเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับทุกบ้าน พอมี Wi-Fi แล้วคุณจะสามารถต่อเน็ตได้ในทุกอุปกรณ์ แถมใช้งานได้ไม่ว่าจากห้องไหนในบ้าน โดยไม่ต้องต่อสายอะไรให้วุ่นวาย มาเริ่มติดตั้ง router Wi-Fi กันตามขั้นตอนที่ 1 ข้างล่างนี่เลย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ติดตั้งตัวเครื่องซะก่อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Router นั้นมีด้วยกันหลายขนาดและรูปร่างหน้าตา ให้ลองเปรียบเทียบฟังก์ชั่นการทำงานดู แล้วจะรู้ว่า router ไหนที่ใช่สำหรับคุณ ถ้าเป็นบ้านหลังใหญ่ ในบ้านมีหลายห้อง ก็ต้องใช้ router ที่สามารถอัพเกรดเสาอากาศแบบความแรงสูงได้ หมายถึงกรณีที่ไม่ได้รวมมาในกล่องด้วย แต่ถ้าอยากใช้หลายอุปกรณ์มาต่อ Wi-Fi พร้อมกันในความเร็วที่แตกต่างกัน เราขอแนะนำ router แบบ MiMo ไม่งั้นทุกเครื่องก็จะแย่งกันใช้ความเร็วสูงสุดจนพากันสัญญาณอ่อนไปตามๆ กัน
    • ปกติ router รุ่นใหม่ๆ มักรองรับ 802.11n หรือ Wireless-N ซึ่งเสถียรที่สุดและได้ความเร็วที่แรงที่สุด ที่สำคัญคือย้อนกลับไปรองรับรุ่นเก่าที่นิยมกันอย่าง 802.11g ด้วย
  2. router ธรรมดาและ router Wi-Fi ให้คุณแชร์ broadband internet ได้กับหลายอุปกรณ์ ทำได้โดยการเชื่อมต่อโมเด็ม broadband เข้ากับ router จุดสำคัญเพื่อสัญญาณที่ดีคือควรจัดวาง router ไว้ใกล้กันกับ modem นั่นแหละ
    • ต่อ router เข้ากับ modem ด้วยสาย Ethernet ไม่ต้องห่วง เพราะ router ส่วนใหญ่มาพร้อมสาย Ethernet สั้นๆ อยู่แล้ว
    • ต่อ modem เข้ากับพอร์ต WAN/Internet ของ router ซึ่งปกติจะแยกออกมาให้เห็นชัดเจน ไม่ก็ใช้สีที่แตกต่างกันจากพอร์ตของ LAN
  3. ต่ออุปกรณ์ที่จะใช้เข้ากับ router โดยตรงด้วยสาย Ethernet แบบ CAT 5 (หรือดีกว่านั้น). ถ้าปกติใช้คอม เครื่องเกม หรือทีวีอยู่แถวๆ นั้น จะต่อเข้ากับ router โดยตรงผ่านสาย Ethernet ก็ได้ เน็ตจะได้ยิ่งแรงและเสถียร แถมไม่ต้องปรับแต่งค่าอะไรเพิ่มเติม
  4. ต่อคอมอย่างน้อย 1 เครื่องเข้ากับ router ด้วยสาย Ethernet. ต้องมีคอมอย่างน้อยเครื่องนึงที่ต่อกับ router ด้วยสาย Ethernet ถึงจะตั้งค่า router ได้ พอตั้งค่าเสร็จแล้วค่อยถอดก็ได้ ถ้าไม่อยากใช้แบบมีสายระเกะระกะ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

เชื่อมต่อ Router กับผู้ให้บริการ Broadband ซะก่อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พอเปิด router แล้ว จะเป็นการเปิดแค่เครือข่าย wi-fi ขึ้นมา เครื่องจะเชื่อมต่อกับ wi-fi ของ router ยังไม่ใช่อินเทอร์เน็ตนะ. การจะใช้ router ต่อเน็ตจากผู้ให้บริการ (เช่น true) คุณต้องลงทะเบียน MAC address ของ router ในเว็บของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตซะก่อน
    • MAC ของ router นั้นจะแปะอยู่ที่ router นั่นแหละ ไม่ก็หาได้ในเอกสารประกอบ
  2. ล็อกอินเข้าไปด้วย username และ password ที่ได้มาจากผู้ให้บริการ แล้วไปที่ตัวเลือกอัพเดท MAC address คุณจะเห็น MAC address ของคอมหรือแล็ปท็อปของคุณ คู่กับ MAC address ของ router ให้เซฟเก็บไว้ซะ ขั้นตอนนี้เป็นการอนุญาตให้ router ใช้เน็ตของผู้ให้บริการได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ปรับแต่ง Router

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเป็น router ใหม่หรือเพิ่งติดตั้ง ให้หา IP address ตั้งต้นที่แปะมาบน router หรือในเอกสารประกอบ ถ้าหายังไงก็ไม่เจอ IP address ของ router ให้ลองเอารุ่น router ไปค้นดูในเน็ต ว่า default address ของรุ่นนั้นคืออะไร
    • IP address คือ 4 ชุดตัวเลขที่แต่ละชุดประกอบด้วยตัวเลขสูงสุด 3 หลัก เว้นวรรคด้วยจุด
    • IP address ตั้งต้นส่วนใหญ่มักเป็น 192.168.1.1, 192.168.0.1 หรือ 192.168.2.1 10.0.0.1. โปรดสังเกตว่า addresses ในย่านต่อไปนี้: 192.168.0.0 - 192.168.255.255, 172.16.0.0 - 172.31.255.255 & 10.0.0.0 - 10.255.255.255 ได้ถูกกันเอาไว้สำหรับใช้กับ LAN; และ address หนึ่งในย่านเหล่านี้จะถูกใช้สำหรับเชื่อมต่อ router
  2. เปิดเบราว์เซอร์ในคอมที่เสียบอยู่กับ router ขึ้นมา. ใส่ IP address ของ router ลงในแถบ address แล้วกด Enter เบราวเซอร์ของคุณจะไปยังเมนูปรับแต่งค่าของ router
    • ถ้า router ของคุณมาพร้อมแผ่นติดตั้ง คุณสามารถเปิดโปรแกรมปรับแต่งค่าได้จากในแผ่นเลย ซึ่งก็ใช้งานได้เหมือนๆ กัน
  3. จะไปที่หน้าปรับแต่งค่าได้ คุณต้องมี IP address ของ router พร้อม username และ password ที่ใช้งานได้ router ส่วนใหญ่จะมีข้อมูลเบื้องต้นสำหรับล็อกอินครั้งแรก ซึ่งก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น แต่มักติดอยู่ตามข้าง router หรือในเอกสารประกอบนั่นแหละ
    • username ยอดนิยมคือ “admin”
    • ส่วน password ยอดนิยมคือ “admin” กับ “password”
    • router ส่วนใหญ่จะถามแค่ username แล้วเว้นว่างตรง password ได้ ส่วนบางรุ่นก็ไม่ต้องใส่เลยทั้ง 2 อย่าง
    • ถ้าหา IP address ไม่ได้จริงๆ รวมถึง username และ password ให้เอารุ่น router ไปลองหาดูในเน็ต ว่า default login คืออะไร ถ้าเปลี่ยนไปแล้ว ให้กดปุ่ม Reset ที่หลัง router ค้างไว้สัก 10 (ถึง 30+ วินาที ตามแต่คู่มือของ router รุ่นนั้นจะบอกไว้) เพื่อตั้งกลับเป็นค่าโรงงาน แล้วลองดูใหม่อีกครั้ง
  4. พอล็อกอินเข้า router แล้ว จะมีหน้าจอสถานะ หรือเมนูหลักของ router ขึ้นมา พร้อมสารพัดตัวเลือก คุณปล่อยส่วนของ Internet เป็นค่า default ไว้ได้เลย เว้นแต่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะแนะนำให้ปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม คุณตั้งค่า Wi-Fi ได้ที่ส่วนของ wireless
  5. ในส่วนของ wireless คุณจะเห็นช่อง SSID หรือ Name ให้คุณใส่ชื่อ Wi-Fi ใหม่ของคุณที่คิดแล้วว่าแปลกแหวกแนวลงไป นี่จะเป็นชื่อที่แสดงขึ้นมาในอุปกรณ์อื่นๆ เวลาอุปกรณ์นั้นสแกนหา Wi-Fi
    • ติ๊กที่ช่องเพื่อเปิดใช้ SSID broadcast จะเป็นการ “เปิด” Wi-Fi ให้คนที่อยู่ในระยะสัญญาณหา Wi-Fi นี้เจอ *เลื่อนลงไปดูในส่วนของเคล็ดลับข้างล่างเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่า SSID
  6. จากในรายการตัวเลือก security ทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ให้เลือกวิธีเข้ารหัสแบบ WPA2-PSK ถือเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ crack ได้ยากที่สุด ป้องกันได้ทั้งแฮกเกอร์และผู้ประสงค์ร้ายทั้งหลาย
  7. พอเลือกวิธีรักษาความปลอดภัยได้แล้ว ให้กำหนด passphrase ของ Wi-Fi เอาที่เดาได้ยากสักหน่อย โดยใช้ตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ผสมกันไป ห้ามใช้ password ที่เป็นส่วนหนึ่งของชื่อ Wi-Fi หรืออะไรเกี่ยวกับคุณที่คนอื่นเขาเดาได้ง่าย
  8. พอตั้งชื่อและเลือกระบบป้องกัน Wi-Fi เรียบร้อยแล้ว ให้คลิกปุ่ม Apply หรือปุ่ม Save แล้ว router ก็จะเริ่มใช้ค่าใหม่ที่คุณตั้งไป อาจต้องรอสักพัก พอ router รีเซ็ตเสร็จแล้ว ก็เริ่มใช้ Wi-Fi กันได้เลย
  9. พอตั้งค่า Wi-Fi แล้ว ก็ควรเปลี่ยน username กับ password ที่ใช้เข้า router ด้วย จะได้ป้องกันไม่ให้ใครมาแอบเปลี่ยนอะไรใน router ของคุณ โดยเข้าไปเปลี่ยนที่ Administration ในเมนูปรับแต่งค่าของ router ได้เลย [1]
  10. ถ้าคุณไม่อยากให้อุปกรณ์ที่ต่อ Wi-Fi นี้ไปเข้าเว็บไหน ก็ใช้เครื่องมือบล็อคเว็บที่อยู่ใน router ได้เลย หาได้ที่ส่วนของ Security/Block ใน router นั่นแหละ
    • คุณบล็อคเว็บได้ด้วย domain name ของเว็บไม่ก็ keyword ที่ต้องการ
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ใช้ Wi-Fi ในอุปกรณ์ต่างๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ให้สแกนหา Wi-Fi ด้วย SSID ที่มี ถ้าอุปกรณ์นั้นๆ รองรับ Wi-Fi ก็จะเห็นชื่อ Wi-Fi ใหม่นั้นขึ้นมา ขอแค่อยู่ในระยะสัญญาณก็พอ ให้เลือกที่ชื่อ Wi-Fi แล้วจะมีถาม passphrase ขึ้นมา
  2. พอใส่ passphrase แล้ว เครื่องจะต่อ Wi-Fi โดยอัตโนมัติ และมีการบันทึกไว้ในความจำ คราวหน้าพอเข้ามาอยู่ในระยะสัญญาณเมื่อไหร่ก็จะต่อ Wi-Fi อัตโนมัติทันที
    • สำหรับขั้นตอนโดยละเอียดในการเลือกและต่อ Wi-Fi ด้วยคอม แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนแบบเฉพาะเจาะจงรุ่นหรือยี่ห้อ ให้ลองค้นหาเพิ่มเติมดูใน Google
  3. นอกจากคอมและแท็บเล็ตแล้ว คุณยังสามารถใช้ Wi-Fi ในเครื่องพริ้นท์ เครื่องเกม ทีวี และอื่นๆ ได้อีกมากมายเช่นตัวอย่างในรายการข้างล่าง ซึ่งคุณสามารถ google เพื่อดูวิธีการได้เพิ่มเติม
    • สั่งพิมพ์เอกสารผ่าน Wi-Fi
    • เล่น PlayStation 3 ผ่าน Wi-Fi
    • เล่น Xbox 360 ผ่าน Wi-Fi
    • เล่น Nintendo Wii ผ่าน Wi-Fi
    • ดู Apple TV ผ่าน Wi-Fi
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าคุณรับช่วง router Wi-Fi เก่าต่อมาจากเพื่อนหรือซื้อแบบมือสองมา อย่าลืมรีเซ็ตเครื่องกลับเป็นค่าโรงงานก่อนติดตั้ง เพราะ router อาจไปแก้ไขค่า Wi-Fi คุณตามระบบเก่าที่ตั้งมา ให้มองหาปุ่มรีเซ็ตของ router แล้วใช้เข็มหรือดินสอกดค้างไว้สัก 30 วินาที
  • เพื่อความปลอดภัย "ห้าม" ตั้งส่วน SSID หรือ Name เป็น broadcast เวลาปิดไว้ คนอื่นจะต้องใส่ passphrase ที่สำคัญคือต้องรู้ SSID ซะก่อนถึงจะมาใช้ Wi-Fi ของคุณได้ ถือเป็นปราการป้องกันอีกชั้น ใครคนนั้นจะได้ล่าถอยไปแอบใช้ Wi-Fi คนอื่นแทน แต่ก็จะทำให้คุณพลอยติดตั้งยากไปด้วย ถ้าเผลอติดตั้งไปแล้วโดยที่ SSID เป็น broadcast อยู่ ให้รีบกลับไปปิดซะ ทุกอย่างจะกลับมาเชื่อมต่อใหม่เองจากความจำเดิม
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลดวิดีโอจากทุกเว็บไซต์ได้แบบฟรีๆ
แก้ปัญหาเข้าบางเว็บไม่ได้
หาวันที่เผยแพร่ข้อมูลของเว็บไซต์
ดูว่าใครแชร์โพสต์ของคุณบนเฟซบุ๊ก
เช็คตำแหน่งปัจจุบันใน Google Maps
แก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ DNS ไม่ตอบสนอง
รู้ความหมายของอีโมจิรูปหัวใจสีดำ
ตั้งชื่ออีเมลให้โดนใจ
เว้นวรรคห่างๆ ใน HTML
เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในคอมพิวเตอร์ Windows
หาละติจูดกับลองจิจูดใน Google Maps
อิโมจิซ่อนความสยิวที่คนใช้แชตกันมากที่สุด
หา URL ของเว็บไซต์
เปิดใช้งานคุกกี้ในเว็บเบราว์เซอร์อินเตอร์เน็ตของคุณ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 199,635 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา