ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการใช้ GPS และแอพต่างๆ ที่มีใน iPhone อยู่แล้วหาพิกัดว่าเครื่องอยู่ที่ไหน
ขั้นตอน
-
เปิด Settings. หรือก็คือแอพสีเทา มีไอคอนรูปฟันเฟือง (⚙️) ปกติจะอยู่ในหน้า home
-
แตะ Apple ID ของคุณ. จะอยู่ด้านบนของเมนู มีชื่อและรูปโปรไฟล์ของคุณ (ถ้าเคยใส่รูป)
- ถ้ายังไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ ก็ให้แตะ Sign in to (Your Device) แล้วใส่ Apple ID กับรหัสผ่าน จากนั้นแตะ Sign In
- ถ้าคุณใช้ iOS เวอร์ชั่นเก่า ก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้
-
แตะ iCloud . ในส่วนที่ 2 ของเมนู
-
เลื่อนลงไปแตะ Find My iPhone . แถวด้านล่างของ "APPS USING ICLOUD" ในเมนู
-
เลื่อน "Find My iPhone" ไปที่ "On". ให้กลายเป็นสีเขียว ฟีเจอร์นี้ให้คุณสามารถระบุพิกัดของ iPhone ได้ด้วยอุปกรณ์อื่น
-
เลื่อน "Send Last Location" ไปที่ "On". เท่านี้ iPhone ของคุณก็จะส่งพิกัดของตัวเองไปที่ Apple ตอนแบตใกล้หมด ก่อนเครื่องจะดับพอดี
-
เปิด Find My iPhone ในเครื่องอื่น. เช่น เปิดแอพนี้ในมือถืออีกเครื่อง หรือเข้า เว็บ iCloud ในเบราว์เซอร์
-
ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID ของคุณ. Apple ID กับรหัสผ่านที่คุณใช้ล็อกอินใน iPhone นั่นแหละ
- ถ้าใช้แอพนี้ในเครื่องคนอื่น ให้แตะ Sign Out ที่มุมขวาบนของหน้าจอก่อน แล้วค่อยลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID ของคุณ
-
แตะเลือก iPhone ของคุณ. ที่ขึ้นมาในรายชื่ออุปกรณ์ใต้แผนที่ แล้วจะเห็นพิกัดของเครื่อง พอเลือก iPhone ของคุณแล้ว ก็จะซูมเข้าไป
- ถ้า iPhone ของคุณปิดเครื่องอยู่ หรือแบตหมด พิกัดที่ขึ้นจะเป็นตำแหน่งที่ได้รับสัญญาณล่าสุดแทน แต่จะไม่รู้ว่าตอนนี้เครื่องอยู่ที่ไหนแล้ว
-
แตะ Actions . ที่ตรงกลางด้านล่างของหน้าจอ
-
แตะ Play Sound . ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ ถ้า iPhone ของคุณอยู่ใกล้ๆ ก็จะส่งเสียงบอกพิกัดตัวเอง
-
แตะ Lost Mode . ที่ตรงกลางด้านล่างของหน้าจอ ให้เลือกข้อนี้ถ้า iPhone ของคุณหายไปในที่พลุกพล่าน หรือคุณคิดว่าเครื่องของคุณถูกขโมย
- ใส่รหัสปลดล็อค iPhone ให้ใส่ไปเลยมั่วๆ ขอแค่อย่าเป็นรหัสจริงที่คุณใช้ และอย่าใช้เลขท้ายบัตรประชาชน ใบขับขี่ วันเกิด หรืออะไรที่เป็นข้อมูลส่วนตัว
- ส่งข้อความหรือเบอร์โทรกลับ จะได้ไปขึ้นที่หน้าจอ
- ถ้า iPhone ของคุณต่อเน็ตอยู่ เครื่องจะล็อคอัตโนมัติ และรีเซ็ตไม่ได้ถ้าไม่มีรหัสล็อคเครื่อง คุณจะเห็นพิกัดปัจจุบันของเครื่อง รวมถึงกรณีที่เครื่องถูกเคลื่อนย้ายด้วย
- แต่ถ้า iPhone ไม่ได้ต่อเน็ต ถ้าเปิดเครื่องเมื่อไหร่จะล็อคเครื่องทันที คุณจะได้รับอีเมลแจ้งเตือน และสามารถติดตามพิกัดของเครื่องได้
-
แตะ Erase iPhone . ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ ให้คุณใช้ตัวเลือกนี้ถ้ากลัวว่าจะไม่ได้ iPhone คืน หรือกลัวใครจะแอบเอาข้อมูลส่วนตัวไป
- คำสั่งนี้จะลบข้อมูลทั้งหมดใน iPhone แปลว่าคุณก็จะใช้ Find My iPhone ติดตามเครื่องไม่ได้แล้วเหมือนกัน
- หมั่น backup ข้อมูลใน iPhone ไว้ใน iCloud หรือ iTunes บ่อยๆ เผื่อฉุกเฉินจะได้กู้คืนได้
โฆษณา
-
เปิด Settings. หรือก็คือแอพสีเทา มีไอคอนรูปฟันเฟือง (⚙️) ปกติจะอยู่ในหน้า home
-
แตะ Apple ID ของคุณ. จะอยู่ด้านบนของเมนู มีชื่อและรูปโปรไฟล์ของคุณ (ถ้าเคยใส่รูป)
- ถ้ายังไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ ก็ให้แตะ Sign in to (Your Device) แล้วใส่ Apple ID กับรหัสผ่าน จากนั้นแตะ Sign In
- ถ้าคุณใช้ iOS เวอร์ชั่นเก่า ก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้
-
แตะ iCloud . ในส่วนที่ 2 ของเมนู
-
เลื่อนลงไปแตะ Share My Location . ที่ส่วนล่างสุดของเมนู
-
เลื่อน "Share My Location" ไปที่ "On". ให้กลายเป็นสีเขียว
-
แตะ From . ที่ส่วนบนสุดในหน้านั้น
-
แตะเลือก iPhone. ให้ iPhone แชร์พิกัดกับแอพ Find My Friends
- แต่เครื่องที่คุณจะตามหาด้วยแอพ Find My Friends ก็ต้องเปิดใช้ Settings นี้ไว้ด้วยนะ
-
เปิดแอพ Find My Friends ใน iPhone. หรือก็คือแอพสีส้ม มีไอคอนรูปคนคู่
- Find My Friends จะมาพร้อมกับ iOS 9 ขึ้นไป
-
แตะ Add . ที่มุมขวาบนของหน้าจอ
-
ใส่ Apple ID ของเพื่อนหรือคนในครอบครัว. ในช่องด้านบนของหน้าจอที่เขียนว่า "To:"
- หรือแตะ ⊕ ทางด้านขวาของหน้าจอ เพื่อใส่ Apple ID จาก contacts
-
แตะ Send . ที่มุมขวาบนของหน้าจอ
-
เลือกระยะเวลา. แตะระยะเวลาที่จะแชร์พิกัด iPhone ระยะที่มีให้เลือกก็คือ
- Share for One Hour (แชร์พิกัด 1 ชั่วโมง)
- Share Until End of Day (แชร์พิกัดจนหมดวัน)
- Share Indefinitely (แชร์พิกัดไปเรื่อยๆ)
-
เพื่อนต้องยอมรับคำขอแชร์พิกัด iPhone. เพื่อนต้องแตะ Accept และ Share ถ้าจะแชร์พิกัดเครื่องเขากับคุณ
-
ติดตาม iPhone. ถ้าคุณใช้ iPhone ของเพื่อน คุณก็สามารถติดตามได้ว่า iPhone ของคุณอยู่ที่ไหน แต่ต้องเปิดเครื่องและต่อเน็ตอยู่นะ แถมถ้าเพื่อนแชร์พิกัดเครื่องกับคุณ คุณก็สามารถติดตาม iPhone ของเพื่อนในแอพ Find My Friends ได้ด้วยโฆษณา
โฆษณา