ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ชีวิตนั้นมีอุปสรรคมากมายที่ทำให้เส้นทางไปสู่ความสุขนั้นยากลำบากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเครียดเรื่องงาน ปัญหาที่บ้าน หรืออาการป่วย เมื่อต้องเจอกับปัญหาเหล่านี้ จึงยากที่เราจะรู้สึกดีได้ตลอดและไม่สามารถเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการมองโลกในแง่ดีและมีพลังเต็มเปี่ยมได้ หลายครั้งทีเดียวที่มีงานวิจัยได้ออกมาเผยว่าการเริ่มต้นวันใหม่ในแต่ละวันจะส่งผลสำคัญกับความสามารถในการทำงานและความสำเร็จของคุณ เตรียมตัวไปสู่ความสำเร็จด้วยการเรียนรู้ที่จะเริ่มต้นวันใหม่อย่างถูกต้อง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เตรียมพร้อมที่จะหลับฝันดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ขั้นตอนแรกที่จะตื่นนอนอย่างมีความสุขในตอนเช้าเริ่มจากการเข้านอนในตอนกลางคืน ผู้เชี่ยวชาญได้ระบุว่าผู้ใหญ่ควรที่จะนอนหลับ 6-8 ชั่วโมงต่อคืน ดังนั้น จัดการกับกิจกรรมในตอนเย็นเพื่อที่จะนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มในตอนกลางคืน นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่าควรเลิกใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพื่อเป็นการให้เวลาสมองหยุดพักผ่อนและเตรียมพร้อมสำหรับการนอน [1]
  2. นอกจากการเปิดไฟจะทำให้นอนหลับยากแล้ว รายงานวิจัยยังระบุอีกว่าเมื่อเรานอนหลับหรือฝันในห้องที่เปิดไฟสว่างน้อยจนไปถึงสว่างปานกลาง เราจะพักผ่อนได้น้อยลงและจะตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหดหู่กว่าปกติ นี่รวมถึงการนอนในห้องที่มีแสงไฟจากโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ไฟดวงเล็กๆ ที่ไม่สว่างมาก และแสงไฟที่ถนน ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าจะมีผลเสียต่ออารมณ์ของผู้ที่นอนหลับ [2]
  3. การทำสมาธิ การหายใจเข้าลึกๆ และการเคลื่อนขยับผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ล้วนเป็นวิธีช่วยคลายความกังวล ความตึงเครียด และความคิดเรื่องปัญหาต่างๆ ที่จะทำให้คุณสะดุ้งตื่นขึ้นมา ให้ลองเพิ่มการปฏิบัติเหล่านี้สักหนึ่งวิธีหรือมากกว่านั้นในกิจวัตรช่วงกลางคืนของคุณ
  4. คุณอยากจะฝันดีและตื่นมาอย่างอารมณ์ดีหรือไม่? นักวิจัยได้พบว่าการนอนหลับในด้านที่คุณถนัดจะเพิ่มโอกาสที่คุณจะหลับฝันดีและจะลดความเป็นไปได้ที่จะมีอารมณ์ไม่ดีตลอดทั้งวัน คุณมีปัญหาในการจัดท่านอนให้นอนในด้านที่ถนัดหรือไม่? ให้ลองซื้อหมอนข้างยาวๆ ที่มีลักษณะเหมือนลำตัวไว้นอนกอดได้ (body pillow) วางหมอนไว้ทางด้านข้างและมันจะช่วยจัดท่าทางการนอนของคุณและป้องกันไม่ให้คุณกลิ้งไปทางด้านข้าง [5]
  5. คุณอยู่ใกล้สี่แยกที่วุ่นวายไปด้วยเสียงจอแจหรือไม่? หน้าต่างที่ห้องนอนอยู่ในทางพระอาทิตย์ขึ้นหรือไฟถนนหรือป่าว? ให้ซื้อม่านกันแสงและหาอุปกรณ์สร้างเสียงเพื่อให้หลับง่าย (white-noise device) โดยวิธีเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างบรรยากาศเหมาะสำหรับการหลับลึกยิ่งขึ้น [6]
    • ติดตั้งพัดลมเพดาน เพราะมันจะมีเสียงหึ่งๆ ที่กล่อมให้หลับและหมุนเวียนถ่ายเทลมในห้อง
    • ตกแต่งห้องด้วยสีที่อ่อนโยน ทาสีใหม่ถ้าจำเป็น
    • ถ้าเป็นไปได้ ให้ใช้ไฟที่ให้แสงสว่างในวงกว้างซึ่งมันจะตรงกันข้ามกับไฟที่ติดด้านบนเพดาน โคมไฟก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าใช้ ก็อาจจะหรี่ไฟที่อยู่ด้านในผนังด้วยก็ได้ ใช้สวิตช์หรี่แสงหรือดิมเมอร์เพื่อควบคุมระดับของแสงไฟให้เหมาะสม
    • เลือกนาฬิกาปลุกให้เหมาะสม. เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ตื่นมาด้วยความตกใจหรือความมึนงง ให้เลือกนาฬิกาปลุกที่ออกแบบพิเศษที่จะค่อยๆ ปลุกคุณ
    • ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญและช่วยทำให้คุณภาพในการนอนหลับดีขึ้นอย่างมาก
    • ลองใช้ที่นอนแบบโฟม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณนอนกับอีกคนหนึ่งด้วย ที่นอนแบบโฟมนั้นดีมากในการควบคุมการขยับตัวเคลื่อนที่ ดังนั้นเมื่อมีการขยับตัวของคนหนึ่งก็จะไม่เป็นการปลุกอีกคนหนึ่งให้ตื่นขึ้น
  6. งานวิจัยได้เผยว่าการใช้เตียงทำกิจกรรมเช่นการอ่านหนังสือหรือการดูหนังจะทำให้นอนไม่หลับและยังเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นให้ตื่นมากกว่าจะพักผ่อน [7]
  7. ถ้าคุณพบว่าตนเองมีปัญหาในการนอนเนื่องจากมีความกังวลจากเรื่องราวต่างๆ ในแต่ละวัน ให้ลองเขียนบันทึกดู นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น และถามตัวเองว่า "อะไรที่ทำให้ฉันตื่นตอนกลางคืน?" และเขียนสิ่งที่อยู่ในหัวลงไป [8]
    • เก็บสมุดบันทึกไว้ข้างเตียงเพื่อบันทึกความคิดรบกวนที่ปลุกคุณตื่นในช่วงกลางคืน
    • บันทึกสิ่งที่ทำสำเร็จ อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้มั่นใจก็คือการเขียนสิ่งที่คุณทำสำเร็จในระหว่างวัน
    • สร้างรายการเรื่องที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้ แทนที่จะอยู่บนเตียงและนอนไม่หลับ ให้ลองจำว่าอะไรที่จะต้องทำในวันพรุ่งนี้ ให้สร้างรายการสิ่งที่ต้องทำก่อนเข้านอน นี่จะช่วยให้คุณทำให้วันนี้สิ้นสุดลงขณะที่จัดการกับความกดดันที่จะจำทุกสิ่งทุกอย่างภายในครั้งเดียว
    • พยายามเตรียมตัวสำหรับวันต่อไปก่อนที่คุณจะเข้านอน วางชุดที่จะใส่ เตรียมแพ็คอาหารกลางวัน และเตรียมทุกสิ่งที่คุณต้องเอาไปที่ทำงานหรือโรงเรียนในตอนเช้า นี่จะช่วยลดความเครียดในตอนเช้า และคุณจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อเข้านอนแล้วรู้ว่าทุกสิ่งได้ตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ร่างกายของคุณตื่นขึ้นมาอย่างทันทีและก็หลับต่อ และจะตื่นขึ้นมาอีกในอีกสองสามนาที พฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการขัดแย้งในร่างกายที่เรียกว่า "ตื่นไม่เต็มที่ (sleep inertia)" ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกขี้เกียจ มึนงง และอาการนี้จะอยู่ได้นานถึง 2 ชั่วโมงหลังจากที่คุณตื่นขึ้นมา [9]
    • เลือกเสียงนาฬิกาปลุกที่เมื่อใช้แล้วจะทำให้คุณรู้สึกมึนงงน้อยกว่า
    • เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่เผลอกดปุ่มเพื่อขอหลับต่ออีกสองสามนาทีหลังจากที่นาฬิกาปลุกดังขึ้น ให้วางนาฬิกาปลุกบนชั้นหรือโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามเตียง ซึ่งมันจะเป็นการบังคับให้คุณตื่นขึ้นเพื่อเดินไปปิดมัน
  2. งานวิจัยได้แสดงผลว่าแสงแดดยามเช้าในช่วง 6-10 โมงเช้าจะกระตุ้นการหลั่งสารเมลานินในสมองและจะมีผลช่วยต้านความซึมเศร้า โดยจะมีผลมากกว่าแสงแดดในเวลาอื่นของวันหรือในตอนเย็น เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับแสงแดดอย่างพอเพียงเป็นประจำทุกวัน ให้ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในตอนเช้านั่งเล่นข้างนอก [10]
  3. ดอกไม้ไม่ได้เพียงจะดูสวยงามน่ารักตลอดทั้งวันเท่านั้น แต่ แนนซี เอตคอฟ นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ค้นพบว่าผู้หญิงที่ตื่นนอนมาแล้วเห็นดอกไม้จะมีอารมณ์ดีขึ้นมาก มีความวิตกกังวลน้อยลง และมีพลังเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวัน จัดดอกไม้สดหรือดอกไม้ปลอมเอาไว้ข้างเตียงจะช่วยทำให้ห้องนอนของคุณสดใสขึ้น และที่สำคัญไปกว่านั้น ดอกไม้เป็นสิ่งที่ทำให้สดชื่นและเพิ่มพลังบวกที่จะตื่นขึ้นมาเห็น [11]
  4. อาบน้ำอุ่นและล้างตัวครั้งสุดท้ายด้วยน้ำเย็น. มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับอุณหภูมิความร้อนที่ว่าการเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายจะเป็นการทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ซึ่งก็จะเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดและทำให้รู้สึกสบายขึ้นด้วย การอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นยังจะเพิ่มการหมุนเวียนของเลือด [12] นักจิตวิทยายังได้ระบุอีกว่าการอาบน้ำเย็นตามประมาณ 5 นาทีจนอาบน้ำเสร็จจะได้ผลต้านความซึมเศร้าเหมือนกับผลที่ได้จากการบำบัดด้วยวิธีกระตุ้นสมองด้วยไฟฟ้า โดยมันจะเพิ่มระดับการทำงานของสมองและปล่อยสารเซราโธนิน [13]
  5. เพิ่มการออกกำลังสักสองสามท่าไปในกิจวัตรที่ทำตอนเช้าจะช่วยทำให้คุณมีพลังยิ่งขึ้นและเพิ่มความสามารถในการจัดการกับความเครียดได้ตลอดทั้งวัน [14]
  6. ขณะที่การได้นอนหลับอีกสักสองสามนาทีเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างมาก แต่ถ้าคุณนอนหลับต่อ เมื่อตื่นขึ้นมาคุณก็ยิ่งรีบเพื่อชดเชยเวลาที่นอนไป ซึ่งการเร่งรีบจะเป็นการเพิ่มความเครียดจนอาจจะทำให้กล้ามเนื้อตึง และยังทำให้เราขี้ลืมกว่าปกติ สิ่งเหล่านี้มีผลเสียต่ออารมณ์และเป็นการสร้างความคิดแง่ลบเชื่อมโยงกับกิจกรรมในตอนเช้า ดังนั้น ขอให้แน่ใจว่าคุณตื่นนอนแต่เช้าตรู่และจัดการกับกิจกรรมในช่วงเช้าอย่างไม่เร่งรีบเกินไปและไตร่ตรองดีแล้ว
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

สร้างความสุข

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความคิดและการกระทำของทุกคนล้วนส่งผลกระทบที่สำคัญและมีความหมาย แล้วความคิดและการกระทำของคุณล่ะ?
    • คิดให้ลึกซึ้งในแต่ละวัน ลองนึกถึงบทสนทนากับเพื่อน ความช่วยเหลือที่คุณได้หยิบยื่น การกระทำต่างๆ ที่เกิดขึ้น ให้คิดเกี่ยวกับผลที่เกิดจากการกระทำของสิ่งเหล่านี้ คิดว่ามันส่งผลในแง่บวกหรือไม่? ถ้าไม่ แล้วมันจะส่งผลอย่างไร? ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมถ้าจำเป็นเพื่อที่จะได้สร้างพลังความรู้สึกแง่บวกให้คนอื่นๆ
  2. เตือนตัวเองถึงแง่มุมในชีวิตที่คุณรู้สึกสมหวังมากที่สุด. มีงานอดิเรกหรืองานอะไรที่คุณทำได้ดีบ้าง? คุณมีอารมณ์ขันและทำให้คนอื่นหัวเราะหรือไม่? คุณเป็นนักแก้ปัญหาที่ยอดเยี่ยมหรือเปล่า? ใช้เวลาเตือนตัวเองถึงสิ่งที่คุณทำได้ดีและย้ำว่าทำไมมันถึงทำให้คุณเป็นคนที่มีคุณค่า [15]
  3. มองว่างานของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความหมาย. งานวิจัยเผยว่าการนึกถึงงานของคุณให้เป็นเหมือน "ภาพวาดขนาดใหญ่" และนึกถึงความสำคัญของมันจะทำให้รู้สึกดีกับงานมากขึ้นและเพิ่มความสามารถในการสร้างความพึงพอใจจากงานที่คุณทำ [16]
  4. มันอาจจะป็นอะไรง่ายๆ อย่างโทรศัพท์จากคนที่คุณรักหรือทานมื้อเที่ยงกับเพื่อนที่ทำงาน การพบเหตุการณ์ที่สมหวังในแต่วันเป็นวิธีที่สำคัญที่จะทำให้คุณรู้สึกพึงพอใจมากขึ้นกับชีวิตของคุณและปล่อยวางงานที่รู้สึกไม่พอใจให้เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ
  5. PMA เป็นแนวทางช่วยปรับปรุงชีวิตที่ย่อมาจาก "positive mental attitude (จิตคิดบวก)" ซึ่งมันมีส่วนสำคัญในการสร้างความสุขด้วยตนเอง การใช้วิธี PMA หมายความว่าคุณสามารถเชื่อว่าช่วงเวลาที่ดีกำลังจะมาถึง แม้ว่าปัจจุบันจะเต็มไปด้วยเรื่องยากลำบาก มันจะเป็นการทำให้คุณมีความมั่นใจว่าคุณจะสามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้ งานวิจัยแสดงผลว่า PMA ไม่ได้เป็นเพียงแค่วิธีในการช่วยให้มีสุขภาพจิตและอารมณ์ที่ดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วมันมีผลในด้านบวกต่อสุขภาพทางกายอีกด้วย ขั้นตอนด้านล่าง 7 ขั้นตอนจะเป็นการพัฒนา PMA หรือจิตคิดบวกของคุณ [17]
    • ให้ความสนใจไปที่ปัจจุบัน อดีตจะทำให้นึกถึงความกลัวและความเสียใจ
    • ใช้ภาษาในแง่บวก อย่านินทาหรือพูดกดคนอื่นให้ต่ำลง ให้กล่าวคำชื่นชมกับตัวเองและคนอื่นๆ เมื่อเป็นไปได้
    • อย่าคาดหวังความสมบูรณ์แบบ หากสิ่งที่เรียกว่าดีนั้นไม่เพียงพอแต่จะต้องดีสมบูรณ์แบบ เราจะไม่มีวันรู้สึกพึงพอใจ ให้ยอมรับสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบและทำให้มันสำเร็จไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
    • มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่มองโลกในแง่บวก หาเพื่อนที่สามารถมีความคิดแง่บวกร่วมกันได้ และให้กำลังใจกันและกัน
    • ทำความดีเมื่อใดและที่ใดก็ตามที่คุณสามารถทำได้ อาจจะเป็นสิ่งเล็กๆ อย่างการซื้อกาแฟให้คนแปลกหน้าก็สร้างสิ่งดีๆ
    • เป็นนักเรียนรู้ อย่าคิดเอาเองว่าคุณรู้ทุกอย่างหมดแล้ว ให้เปิดใจให้กว้างและต้อนรับประสบการณ์และความคิดใหม่ๆ
    • รู้สึกขอบคุณกับสิ่งต่างๆ คิดถึงสิ่งต่างๆ ในชีวิตที่สำคัญและนำพาความสุขมาให้ เตือนให้ระลึกถึงความโชคดีของตัวเอง
  6. มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับอุปสรรคในชีวิตเมื่อเรารู้สึกไม่มีคุณค่าและไร้ความสามารถที่จะไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้น ขั้นตอนแรกที่จะไปสู่ความสำเร็จคือการเรียนรู้ที่จะรักตัวเองและสามารถตระหนักถึงคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร [18]
    • ยึดกับ "สัดส่วน 1:1" โดยการตำหนิวิจารณ์ตนเองจะเป็นส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่งของการปรับปรุงตนเอง ดังที่กล่าวไป การทำลายความเชื่อมั่นในตนเองนั้นเป็นเรื่องง่ายถ้าคุณสนใจแต่เรื่องที่เป็นแง่ลบมากเกินไป เพื่อจัดการกับแนวโน้มที่จะทำลายความเชื่อมั่นของตนเอง เมื่อคุณคิดเรื่องแย่ๆ เกี่ยวกับตนเอง ให้ลองพยายามสังเกตและคิดเรื่องดีๆ ให้สมดุลกัน
    • ให้ตัวเองได้ใช้ความสามารถในการทำสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ ทุกคนล้วนมองหางานที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเองและมันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องให้โอกาสตัวเองประสบความสำเร็จอย่างเป็นประจำ ตัวอย่างเช่น ถ้าอาทิตย์นี้คุณมีเรื่องงานที่หนักหนามาก ให้ลองหางานอดิเรกหรืองานอะไรก็ได้ที่บ้านที่ทำให้คุณพึงพอใจกับการได้ใช้ทักษะและความสามารถของคุณ
    โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคุณไม่ได้พบกับความสนุกสนานหรือความคิดแง่บวกเป็นระยะเวลานาน ลองไปพูดคุยกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต คุณอาจจะเป็นโรคซึมเศร้า


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,976 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา