ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการใช้สาย HDMI เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ระบบความบันเทิงในบ้าน และเครื่องเกมคอนโซลกับทีวี ใช้ HDMI แล้วเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วทันใจ แบบไม่ต้องนั่งงมจับคู่สีสายกับขั้วเสียบ หรืองงกับสารพัดปลั๊ก แค่มี HDMI สายเดียวก็รับส่งได้ทั้งสัญญาณภาพและเสียง จากอุปกรณ์ไปยังหน้าจอ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เชื่อมต่อคอมกับทีวี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พอร์ท HDMI จะเป็นช่องแคบยาว โดยที่ฐานจะแคบกว่า ไม่ใช่คอมทุกเครื่องจะมีพอร์ท HDMI แต่ถ้าเป็นคอมรุ่นใหม่ๆ ก็มีแน่นอน ปกติพอร์ท HDMI จะอยู่ด้านข้างของแล็ปท็อป และด้านหลังของคอมตั้งโต๊ะ
    • ถ้าคอมที่ใช้ไม่มีพอร์ท HDMI อาจจะต้อง ติดตั้งการ์ดจอใหม่ ซะก่อน
    • ถ้าคอมที่ใช้ไม่มีพอร์ท HDMI แต่มี output อื่น เช่น DVI หรือ DisplayPort ก็ให้หาซื้อ adapter สำหรับเสียบสาย HDMI มาใช้ ถ้าจะแปลง DVI เป็น HDMI ก็ต้องใช้สาย audio แยก เพราะ DVI ส่งสัญญาณเสียงไม่ได้
    • มี adapter แปลง USB เป็น HDMI เหมือนกัน สำหรับคอมที่ไม่มีพอร์ทวิดีโอ
  2. ปกติเวลาเสียบสาย HDMI ต้องหันด้านที่กว้างกว่าขึ้นด้านบน
  3. ที่ HDMI slot ด้านหลังของทีวี แต่บางที HDMI slot ก็จะหันไปทางเดียวกับจอทีวี ไม่ใช่ตรงกันข้าม
    • ถ้าเปิดทีวีอยู่ คอมมักจะสแกนเจอทีวีอัตโมัติ และเปลี่ยน display output ให้ภาพไปขึ้นที่ทีวีแทน
  4. ถ้าทีวีมีแค่ HDMI input เดียว ก็แค่สลับไปที่เลขของ input นั้น แต่ถ้ามีมากกว่าหนึ่ง ก็ต้องหา HDMI ที่เสียบคอมไว้
    • ปกติ HDMI slot ของทีวีจะมีเลขประจำ ซึ่งก็คือเลข input ของ HDMI
    • ส่วนมากจะต้องกด Input ที่รีโมท เพื่อเปิดเมนู Input แล้วกดลูกศรของรีโมท เพื่อเลื่อนไปเลือกหมายเลข HDMI input ที่ถูกต้อง (เช่น "Input 3" หรือ "HDMI 2")
  5. display settings ส่วนใหญ่จะมีให้ใช้จอทีวีเป็น video output เดียว รวมถึงแสดงภาพทั้งในจอทีวีและจอคอม ("mirroring") ให้เลือกโหมดที่ตรงตามความต้องการใช้งานของคุณที่สุด จากในเมนู Display ของคอม
    • Windows - เปิด Start คลิก Settings คลิก System แล้วคลิก Display
    • Mac - คลิก Apple menu คลิก System Preferences แล้วคลิก Displays
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เชื่อมต่อระบบโฮมเธียเตอร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปกติพอร์ท HDMI จะเป็นช่องแคบยาว โดยที่ฐานจะแคบกว่า ถ้า receiver มีพอร์ท HDMI input ครบตามต้องการ และทีวีมีอย่างน้อย 1 HDMI input ก็จะเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์เข้าด้วยกัน ให้ได้ระบบโฮมเธียเตอร์ที่แสดงภาพและเสียงออกมาดีที่สุด
    • receiver ใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะมีหลาย HDMI input ให้คุณเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์ที่ใช้ HDMI ได้ รวมถึงมี HDMI output สำหรับต่อกับทีวี
    • คุณหาซื้อ HDMI splitter มาใช้ได้ ถ้ามี receiver แบบพอร์ทเดียว
  2. เช็คว่าทีวีของคุณใช้ HDMI 1.4 ARC (Audio Return Channel) ได้หรือเปล่า ถ้าได้ ทีวีก็จะส่งสัญญาณเสียงกลับไปที่ receiver ได้ ทำให้เสียงจากทีวีไปออกที่ลำโพงของระบบโฮมเธียเตอร์ ทีวีส่วนใหญ่รุ่นหลังปี 2552 เป็นต้นมา จะใช้ HDMI 1.4 หรือใหม่กว่าได้
    • ถ้าทีวีของคุณใช้ HDMI 1.4 ไม่ได้ ก็ต้องมีสาย audio แยก ไว้เสียบทีวีกับ receiver (เช่น digital optical)
    • ถ้าปกติดูทีวีผ่านกล่องรับสัญญาณเคเบิลทีวีที่ใช้ receiver ก็ไม่ต้องกังวลเรื่อง ARC เพราะเสียงจะมาจากกล่อง ตรงเข้า receiver เลย [1]
  3. เช่น เครื่องเล่น DVD/Blu-ray เครื่องเกมคอนโซล เป็นต้น ถ้ามี HDMI input จำกัด ให้ใช้สาย HDMI กับอุปกรณ์ใหม่ๆ ก่อน เพราะจะใช้ได้ดีมีประสิทธิภาพกว่า
    • เช่น ถ้า receiver มีแค่ 2 HDMI input แล้วคุณมี Roku, PlayStation 4 กับ DVD changer ก็ให้เสียบ Roku กับ PS4 ที่ HDMI แล้วใช้สาย component กับเครื่องเล่น DVD เพราะ Roku กับ PS4 จะทำงานได้ดีกว่าเวลาเสียบ HDMI
    • ปลั๊กของ HDMI จะเสียบได้ทางเดียวเท่านั้น เพราะงั้นถ้าเสียบไม่เข้าแสดงว่าเสียบผิด อย่าฝืน
  4. เสียบสาย HDMI ข้างหนึ่งที่ HDMI slot ของ receiver แล้วเสียบสายอีกข้างที่ทีวี เพื่อให้ภาพจากทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่กับ receiver ไปโผล่ในทีวี
  5. พอส่งสัญญาณจากอุปกรณ์ต่างๆ ผ่าน receiver แล้ว ก็ตั้งให้ทีวีใช้ HDMI input ที่เสียบ receiver แล้วสลับไปมาระหว่าง input ต่างๆ โดยใช้รีโมทของ receiver ได้เลย
    • พอเชื่อมต่อทุกอย่างผ่าน HDMI แล้ว เสียงจากทุกอุปกรณ์จะออกจากลำโพงของ receiver
    • อุปกรณ์ส่วนใหญ่จะปรับแต่งค่าเองอัตโนมัติตอนสแกนเจอการเชื่อมต่อผ่าน HDMI แต่บางทีก็ต้องปรับแต่งบาง settings ของบางอุปกรณ์เอง
  6. ถ้าไม่ได้จะติดตั้งระบบโฮมเธียเตอร์ ก็เสียบอุปกรณ์ HDMI กับทีวีโดยตรงได้ แล้วเลือก input ด้วยรีโมททีวี ทีวีรุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะมีอย่างน้อย 2 HDMI input ด้วยกัน
    • ถ้ามีหลายอุปกรณ์ HDMI เกินพอร์ท input ของทีวี ให้หาซื้อ HDMI switch สำหรับต่อขยายจำนวนพอร์ท HDMI ที่ใช้ได้
  7. HDMI-CEC ให้คุณใช้รีโมททีวีบังคับอุปกรณ์ HDMI ต่างๆ ได้ จะเปิดใช้ HDMI-CEC ได้ ต้องเข้าเมนู settings ของแต่ละอุปกรณ์ได้ซะก่อน
    • HDMI-CEC จะมีชื่อเรียกต่างกันไปตามผู้ผลิต เช่น Anynet+ (Samsung), Aquo Link (Sharp), Regza Link (Toshiba), SimpLink (LG) เป็นต้น ก็ต้องลองอ่านรายละเอียดในคู่มือของทีวีที่ใช้ดู
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เชื่อมต่อเครื่องเกมคอนโซลกับทีวี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปกติพอร์ท HDMI จะเป็นช่องแคบยาว โดยที่ฐานจะแคบกว่า นอกจาก Xbox 360 แทบทั้งหมดแล้ว PlayStation 3, PlayStation 4, Wii U และ Xbox One ก็ใช้ HDMI ตามค่า default เช่นกัน แต่ถ้าเป็น Wii จะใช้ HDMI ไม่ได้ รวมถึง Xbox 360 รุ่นแรก
    • ถ้าไม่เจอพอร์ท HDMI ที่หลังเครื่องเกม แสดงว่าใช้ HDMI ไม่ได้
    • เครื่องเกมคอนโซลอย่าง PlayStation 2 กับ Xbox รุ่นแรก จะใช้ HDMI ไม่ได้
  2. ปกติ HDMI slot จะอยู่หลังเครื่องเกม หรือทางซ้าย ไม่ก็ขวา
  3. ที่ HDMI slot หลังทีวี แต่บางที HDMI slot ก็จะหันไปทางเดียวกับจอทีวี ไม่ใช่ตรงกันข้าม
    • อย่าลืมจดหรือจำเลข input ของ HDMI slot ด้วย
  4. ถ้าทีวีมีแค่ HDMI input เดียว ก็แค่สลับไปที่เลขของ input นั้น แต่ถ้ามีมากกว่าหนึ่ง ก็ต้องหา HDMI input ที่เสียบเครื่องเกมไว้
    • ปกติ HDMI slot ที่ทีวีจะมีเลขติดอยู่ข้างๆ เลขนั้นก็คือเลข input ของ HDMI
    • ส่วนใหญ่ให้กด Input ที่รีโมทเพื่อเปิดเมนู Input แล้วกดลูกศรของรีโมท เพื่อเลื่อนไปเลือกหมายเลข HDMI input ที่ถูกต้อง (เช่น "Input 3" หรือ "HDMI 2")
    • ถ้าหา input ไม่เจอ ให้เปิดเครื่องเกม แล้วเลื่อน input ไปเรื่อยๆ จนเจอหน้าจอของเครื่องเกม
  5. บางทีก็ต้องเปลี่ยนการเชื่อมต่อตามค่า default ของเครื่องเกม. เครื่องเกมส่วนใหญ่จะสแกนเจอสาย HDMI โดยอัตโนมัติ แล้วเริ่มปรับแต่ง settings ให้ออกมาดีที่สุด แต่บางทีก็ต้องเข้า Video settings ของเครื่องเกม ไปเลือก "HDMI" เป็น input เอง ถ้าต่อไว้หลายสาย
    • ถ้า HDMI เป็น input เดียว เครื่องเกมก็จะเลือกแต่แรก
    • บางทีก็มีขั้นตอน setup สั้นๆ ตอนเปิดเครื่องเกมที่ใช้ HDMI เป็นครั้งแรก
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณเสียบสาย HDMI ได้เหมือนสาย USB คือเสียบเข้าไปเลยตรงๆ ถ้าไม่เข้าแสดงว่าเสียบผิด ให้ลองใหม่
  • เวลาเลือกซื้อสาย HDMI ให้เลือกที่ยาวกว่าที่คิดว่าต้องใช้ จะได้เผื่อเวลาย้ายอุปกรณ์ไปมา แถมป้องกันไม่ให้ขั้วหลุดด้วย
  • คุณเชื่อมต่อ 2 สาย HDMI เข้าด้วยกันได้ โดยใช้ adapter HDMI แบบเมีย-เมีย (Female-to-Female) เพราะสัญญาณ HDMI เป็นดิจิตอล ไม่ต้องใช้สายแพงๆ ก็ได้ และไม่ต้องคิดเยอะเรื่องความยาวของสาย ขอแค่สายยาวไม่เกิน 8 เมตร (25 ฟุต) ก็พอ
    • ถ้าสายยาวเกิน 8 เมตร (25 ฟุต) ต้องหาซื้อตัวขยายสัญญาณ (signal booster) มาใช้ ภาพที่ได้ถึงจะคมชัดสมใจ
โฆษณา

คำเตือน

  • สาย HDMI ดีๆ ใช้ที่ราคาย่อมเยาก็พอ อย่าถึงขั้นซื้อสายถักทองเป็นพัน เพราะสายทั่วไปไม่กี่ร้อยก็ใช้งานได้ดีไม่ต่างกัน
  • ระวังสายบิด สายตึง และห้ามตอกยึดสาย HDMI เพราะจะทำงานผิดพลาดได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 58,748 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา