ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าอยู่ๆ มีสิวหัวช้างโผล่มาเด่นเป็นสง่าแล้วอยากกำจัด ก็ให้ลองบดยาแอสไพรินผสมน้ำ เพราะทาหน้าแล้วเขาว่าลดอาการบวมแดงของสิวได้ แต่วิธีนี้ต้องระวัง เพราะยังไม่มีหลักฐานรองรับ ว่าเอาแอสไพรินมาทาหน้าแล้วจะมีผลข้างเคียงอะไรยังไงในระยะยาวหรือเปล่า ที่เรารู้กันคือยาแอสไพรินเป็นยาเจือจางเลือด เพราะงั้นถ้าใช้ทาหน้าเยอะเกินไป (ซึมเข้าผิวไปถึงกระแสเลือด) ก็อาจเป็นอันตรายได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ใช้แอสไพรินทาหน้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ต้องบดให้ละเอียดไม่งั้นจะไม่ได้ผลเต็มที่ โดยใช้ยาแอสไพริน 1 - 3 เม็ด แต่ห้ามเกินนั้น ทางที่ดีควรปรึกษาคุณหมอก่อนทาด้วยซ้ำ เพราะขนาดยากินยังต้องปรึกษาคุณหมอเลย
    • ถ้าใช้เกินขนาด โดยเฉพาะในช่วงสั้นๆ (เช่น 5 หรือ 10 เม็ดต่อวัน) อาจมีปัญหาเรื่องเลือดจางได้ เพราะยาซึมผ่านผิวไปถึงกระแสเลือด ถึงจะไม่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะ แต่ปริมาณยามากขนาดนั้นในกระแสเลือดเป็นอันตรายแน่นอน! [1]
  2. ต้องใช้น้ำ 2 - 3 ส่วนต่อยา 1 ส่วน จะได้ออกมาเป็น paste หนาๆ หยาบๆ จะได้ใช้ทาหน้าแค่ไม่กี่หยด (โดยเฉพาะถ้าใช้ยาแค่เม็ดเดียว)
  3. โดยเอาคอตตอนบัดสะอาดๆ จุ่ม หรือจะใช้นิ้วของคุณเองก็ได้ อย่าลืมล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดแล้ว/หรือเช็ดแอลกอฮอล์ก่อน จะได้ไม่เพิ่มแบคทีเรียให้หน้า
  4. ห้ามทิ้งไว้นานกว่านั้น ไม่งั้นผิวจะดูดซึมแอสไพรินเข้ากระแสเลือดมากเกินไป และจะค้างอยู่พักใหญ่ [2]
  5. เป็นโอกาสให้ได้ผลัดผิวไปในตัว
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ใช้วิธีธรรมชาติอื่นๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพราะจริงๆ แล้วช่วยแก้เรื่องสิวและริ้วรอยได้ดีกว่า benzoyl peroxide ซะอีก [3] ให้คุณแต้มสิวด้วย tea tree oil ครั้งละน้อยๆ จนสิวหายสนิท
  2. มันฝรั่งดิบมีสรรพคุณต้านการอักเสบที่ผิวได้ ให้แปะไว้ 2 - 3 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ส่วนผสมหลักของยาแอสไพรินก็คือ acetylsalicylic acid คล้ายกันมาก (แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว) กับ salicylic acid ที่คนนิยมใช้รักษาสิว
  • เวลาผิวมีปัญหาต้องใจเย็นๆ เพราะนอกจากจะไม่หายในชั่วข้ามคืนแล้ว บางทีก็สภาพแย่กว่าเดิม ก่อนจะหายดีทีหลัง อย่าเพิ่งด่วนถอดใจ!
  • ห้ามบีบสิวเด็ดขาด เพราะเท่ากับขจัดแบคทีเรียไปได้แค่บางส่วน ที่เหลือจะยังอยู่ใต้ผิวหนัง แถมแพร่กระจายไปที่รูขุมขนอื่น ทีนี้ก็สิวบุก!
  • ถ้าใช้แล้วระคายเคือง ให้ลดเวลาที่ทายาลง หรือหยุดใช้ไปเลย ถ้ายังระคายเคืองอยู่ ให้ไปหาหมอดีกว่า
  • การพอกหน้าแล้วลอกออกเพื่อผลัดเซลล์ผิวนี่แหละช่วยขจัดแบคทีเรียในสิว เพราะงั้นลองดู!
  • ล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังทายาที่หน้า ไม่งั้นแบคทีเรียจะทำสิวอักเสบบวมกว่าเดิม ดีไม่ดีจะลามไปทั่วหน้า!
  • แอสไพรินแบบไม่เคลือบ (uncoated) จะบดง่ายกว่า
  • อีกวิธีช่วยให้สิวแห้งเร็ว ก็คือแต้มด้วยยาสีฟันแล้วทิ้งไว้ข้ามคืน หรือบีบยาแอสไพรินในเม็ดเจลออกมาแต้มได้เลย
  • ล้างหน้า ให้สะอาดก่อนทายา
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามใช้วิธีนี้ถ้าคุณเป็นโรค Reye's syndrome, เพิ่งดื่มมาหนัก, ท้อง/ให้นมอยู่ หรือกินยาขนานอื่นด้วย
  • ถ้าอายุต่ำกว่า 18 และมีอาการเหมือนเป็นไข้เป็นหวัด ห้ามใช้ยาแอสไพริน
  • แอสไพรินนั้นเกี่ยวข้องกับอาการ tinnitus หรือเสียงดังในหู ถ้าคุณมีอาการที่ว่า ก็ไม่ควรใช้วิธีนี้
  • ห้ามใช้ร่วมกับยาแก้ปวดอื่นๆ ให้ใช้แอสไพรินเพียวๆ อย่างถ้าเป็น acetaminophen (Tylenol), ibuprofen (Advil) และยาแก้ปวดอื่นๆ ที่คนนิยมใช้จะไม่ได้ผล รวมถึงห้ามใช้ยาสูตรผสมอย่าง Excedrin ด้วย
  • ปกติไม่ค่อยพบ แต่ก็มีโอกาสที่จะแพ้ยาแอสไพรินได้ เพราะงั้นให้ลองทาทดสอบหลังใบหูก่อน ว่าคุณแพ้หรือเปล่า
  • ไม่ควรมาสก์หน้าด้วยยาแอสไพริน แต่ถ้าจะทำจริงๆ ก็อย่าให้เกิน 3 เม็ด โดยทาทิ้งไว้ไม่เกิน 15 นาที และพยายามอย่าทาซ้ำบ่อยๆ
  • พวกสารต่างๆ จะซึมผ่านผิวได้ แถมยังไม่มีหลักฐานรองรับเรื่องผลของการทายาแอสไพรินในระยะยาว เพราะฉะนั้นไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้บ่อยๆ [4]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,648 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา