ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การบำรุงทำความสะอาดผิวหน้านั้นเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายขึ้นแต่บางทีก็อาจจะมีราคาแพงได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถทำให้ผิวของคุณเนียนนุ่มขึ้นและมีปัญหาผิวหน้าอื่นๆ น้อยลงโดยการทำทรีทเมนท์ทำความสะอาดผิวหน้าได้ที่บ้าน ซึ่งก็ได้ผลเหมือนกับการไปทำทรีทเมนท์ราคาแพง คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป จะใช้ส่วนผสมทำเอง หรือจะใช้ทั้งสองอย่างเพื่อทำทรีทเมนท์ใบหน้าเองที่บ้าน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 6:

ล้างหน้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การล้างหน้าจะเป็นการล้างขจัดน้ำมัน ครีมกันแดด และสิ่งสกปรกมลภาวะจากการใช้ชีวิตในทุกๆ วัน โดยสิ่งเหล่านี้จะเกาะอยู่ที่ผิวหน้าของคุณ การล้างหน้าจะช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งก็จะเป็นการลดการเกิดสิวการลำดับ นอกจากนี้ การล้างทำความสะอาดผิวหน้ายังเป็นการเตรียมผิวให้ซึมซับผลิตภัณฑ์ที่คุณจะใช้
    • การล้างหน้าเป็นสิ่งที่คุณควรจะทำอย่างน้อยสองครั้งต่อวัน แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำทรีทเมนท์ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างจัดเต็มก็ตาม
  2. ล้างมือให้สะอาดและล้างเครื่องสำอางออกจากผิวหน้า
    • ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางอะไรก็ได้ในการทำความสะอาดผิวหน้า
  3. ใช้คลีนเซอร์หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าที่ซื้อมา. มีคลีนเซอร์หลายตัวเลือกทีเดียวตั้งแต่ราคาเพียง $1 (35 บาท) ที่หาซื้อได้ตามชั้นวางผลิตภัณฑ์ความงามจนไปถึงคลีนเซอร์แบบโลชั่นที่มีราคาถึง $40 (1428 บาท) อย่างไรก็ตาม กูรูด้านความงามหลายท่านกล่าวว่าคุณไม่ควรจะเสียเงินให้กับคลีนเซอร์เป็นจำนวนมากและสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือคุณควรจะหาคลีนเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ [1]
    • สำหรับกฎทั่วไป คลีนเซอร์ที่เป็นเจลและโฟมจะเหมาะกับผิวผสมและผิวมัน ขณะที่คลีนเซอร์แบบครีมจะเหมาะกับผิวธรรมดาและผิวแห้งเพราะว่ามันจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นมากขึ้นให้ผิวหน้าของคุณ [2]
    • ถ้าคุณมีสิวที่ไม่รุนแรง คุณอาจจะใช้คลีนเซอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) กรดซาลิไซลิกจะช่วยทำให้รูขุมขนไม่อุดตันโดยจะเป็นการป้องกันและแก้ปัญหาสิวที่ผิวหนัง อีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีก็คือคลีนเซอร์ Oil-Free Acne Stress Control Power-Cream หรือ Power-Foam ของ Neutrogena [3]
  4. คุณสามารถทำคลีนเซอร์เองโดยใช้ส่วนผสมสองสามอย่างที่คุณมีอยู่แล้ว นี่เป็นวิธีต่างๆ ในการทำคลีนเซอร์เอง
    • ผสมน้ำแอปเปิ้ลสด 3 ช้อนโต๊ะ นม 6 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ถ้าคุณอยากให้คลีนเซอร์ของคุณอุ่น ให้อุ่นน้ำผึ้งในไมโครเวฟประมาณ 10 วินาทีก่อนที่จะเอามาผสม
    • ใส่ข้าวโอ๊ต 1/2 ช้อนโต๊ะลงไปในเครื่องปั่นอาหารและปั่นจนกว่ามันจะละเอียดเป็นผง ใส่อัลมอนด์ 1 ช้อนโต๊ะเข้าไปและปั่นให้ละเอียดเป็นผง ผสมน้ำผึ้ง 1/4 ช้อนชาและนมถั่วเหลือง 1/4 ช้อน [4]
  5. ใช้น้ำอุ่นทำให้ผิวหน้าเปียกชุ่มก่อน จากนั้นใช้คลีนเซอร์ในปริมาณที่มีขนาดเหรียญบาท ใช้คลีนเซอร์ที่ผิวหน้าและถูคลีนเซอร์ในทิศทางวนออก [5]
    • เมื่อล้างเสร็จแล้ว ให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและใช้ผ้าซับให้แห้ง การใช้ผ้าขนหนูถูหน้าแรงๆ จะทำให้หน้าของคุณแดงและระคายเคือง
  6. ใช้สป็อตทรีทเมนต์ที่ซื้อหรือทำเอง กรดซาลิไซลิกเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ใช้ในเจลแต้มสิวทั่วไปเพราะมันจะทำลวงรูขุมขนอุดตันและทำลายเซลผิวที่ตายแล้ว เบนซอยล์เปอร์อ็อกไซด์เป็นอีกตัวที่ใช้บ่อย ซึ่งจะฆ่าแบคทีเรียที่เป็นต้นตอการเกิดสิว ซึ่งจะเป็นการลดอาการอักเสบที่เกิดจากแบคทีเรียที่ว่านี้ไปด้วย [6]
    • สป็อตทรีทเมนต์ที่บางคนแนะนำก็เช่น Malin+Goetz Acne Treatment ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกกับ Clean and Clear Persa-Gel 10 ซึ่งมีสารประกอบเบนซอยล์เปอร์อ็อกไซด์ 10% [7]
    • สำหรับการทำสป็อตทรีทเมนต์ใช้เอง ใช้น้ำมันทีทรีหรือยาสีฟันแต้มส่วนที่เป็นสิว น้ำมันทีทรีเป็นตัวทำลายเชื้อโรคและลดการอักเสบ จึงเหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะมันไม่ทำให้ผิวแห้งหรือเป็นผื่นแดงเหมือนเบนซอยล์เปอร์อ็อกไซด์กับกรดซาลิไซลิก [8]
    • อย่างไรก็ดี แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ทาสป็อตทรีทเมนต์แต่น้อยเพื่อเลี่ยงการใช้มันมากเกินไป จนอาจทำให้ผิวแดง แห้งและเป็นขุย ให้แน่ใจว่าคุณใช้สป็อตทรีทเมนต์เพียงขนาดเท่าเม็ดถั่วโดยประมาณ [9]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 6:

ขัดหน้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การขัดหน้าจะช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไป โดยมันสามารถไปอุดตันรูขุมขนได้และจะทำให้เป็นสิวขึ้นมา นอกจากนี้การขัดหน้าจะทำให้หน้าของคุณสว่างขึ้นและเปล่งประกายเพราะว่าผิวที่ไม่ได้ขัดนั้นอาจจะดู "หมองคล้ำ" [10]
    • การขัดหน้าอย่างเป็นประจำและเหมาะสมจะทำให้คุณดูอ่อนวัยลงเพราะมันเป็นการเผยผิวใหม่สดใสที่อยู่ใต้ผิวหนังเก่า [11]
  2. มีผลิตภัณฑ์สกินแคร์มากมายที่คุณสามารถหาซื้อได้จากร้านค้าดรักสโตร์เพื่อนำมาใช้ขัดผิวหน้าของคุณ ให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่เขียนว่าใช้สำหรับขัดหรือที่เป็น "สครับ" (เพราะมันจะ "สครับ" หรือขัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว) ถ้าคุณมีผิวมันหรือมีแนวโน้มที่จะเป็นสิว คุณอาจจะเลือกสครับที่มีกรดซาลิไซลิก
    • คุณอาจจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสำหรับขัดผิวอย่างเมล็ดโจโจบาและเมล็ดข้าว นี่จะสามารถนำมาใช้ "สครับ" ได้ ผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจจะมีส่วนผสมๆ ที่แหลมคม เช่น เมล็ดและเปลือกแอปริคอต ถ้าผิวของคุณแพ้ง่าย ผิวของคุณก็จะระคายเคืองได้ง่าย ทางที่ดีที่สุดก็คือหลีกเลี่ยงครีมขัดผิวประเภทนี้ไป [12]
  3. มีสครับขัดผิวมากมายที่คุณสามารถทำได้เองได้ที่บ้าน นี่เป็นวิธีทำแบบต่างๆ
    • ผสมกล้วยบด 1 ลูก น้ำตาลทรายป่น 1/4 ถ้วย น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วย น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ และวิตามินอี 1/4 ช้อนชา น้ำตาลเป็นส่วนผสมที่จะช่วยขัดผิวและทำหน้าที่เหมือนเม็ดบีดที่จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
    • ปั่นผสมสตรอว์เบอร์รี่สด 6 ลูกกับนม 1/4 ถ้วย เอนไซม์ที่อยู่ในสตรอว์เบอร์รี่จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและนมจะช่วยประโลมผิวบริเวณนั้นชุ่มชื้น [13]
    • ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชาและน้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา เตรียมข้าวโอ๊ตเปล่าแยกออกมาโดยใช้น้ำน้อยๆ ผสมข้าวโอ๊ตให้ข้น จากนั้นใส่ส่วนผสมที่เป็นน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอกลงไป ข้าวโอ๊ตจะทำหน้าที่ขัดผิวส่วนน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอกจะทำให้ผิวชุ่มชื้น [14]
  4. ขัดเบาๆ และขัดวนเป็นวงกลมเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ถ้าคุณสครับผิวแรงๆ ผิวของคุณก็จะแดงและระคายเคือง [15] ล้างออกด้วยน้ำอุ่นและซับหน้าให้แห้ง
  5. ใช้ลิปสครับขัดเซลผิวที่ตายแล้วบนริมฝีปาก ถ้าจะทำเอง จะใช้แปรงสีฟันจุ่มน้ำพอชื้นมาขัดเป็นวง หรือผสมน้ำตาลทรายกับน้ำมันตามใจคุณ จนกระทั่งได้ผลที่พอใจ
    • พอทำการสครับริมฝีปากแล้ว ให้ทาลิปมันเพื่อเก็บความชื้นไว้ คุณสามารถหาดูบทความทำลิปมันเองที่บ้านในวิกิฮาวได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 6:

อบไอน้ำให้ผิวหน้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การอบไอน้ำจะช่วยทำความสะอาดรูขุมขนของคุณได้อย่างล้ำลึก เพราะว่ามันจะทำให้เหงื่อออกและขับสิ่งสกปรกออกมาทางเหงื่อ ซึ่งรวมถึงสิวและสิวหัวดำ เป็นต้น นอกจากนี้ การอบไอน้ำจะช่วยทำให้ชั้นผิวด้านนอกและชั้นผิวระดับที่ลึกขึ้นนั้นชุ่มชื้นและช่วยยังลดขนาดรูขุมขน [16]
  2. คุณจะต้องต้มน้ำให้ร้อนเพื่อที่จะได้ใช้ไอน้ำที่ได้มาอังกับผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ต้มน้ำในกาน้ำร้อนหรือต้มที่เตา จากนั้นให้เทน้ำลงไปในชามขนาดใหญ่หรือในอ่างน้ำในห้องน้ำ รอสักสองสามนาทีเพื่อให้น้ำเย็นลงนิดหน่อยไม่เช่นนั้นแล้วมันอาจจะลวกหน้าคุณได้ [17]
    • ถ้าคุณใช้ชาม ให้แน่ใจว่ามันสามารถใส่น้ำเดือดได้
  3. จ่อหน้าลงไปเหนือชามน้ำและค้างไว้ 2-5 นาที ให้ใช้ผ้าขนหนูคลุมที่ศีรษะของคุณ โดยคลุมให้เหมือนเต้นท์ เพื่อเป็นการกักไอน้ำให้สัมผัสกับรูขุมขนโดยตรง เพื่อเป็นการเปิดรูขุมขน [18]
  4. เพื่อทำให้การอบไอน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้ตัดถุงชาเขียวและเทชาข้างในลงไปในน้ำ คุณจะหยดน้ำมันหอมระเหยอย่างน้ำมันลาเวนเดอร์ลงไปก็ได้ [19]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 6:

ใช้มาส์กพอกหน้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การใช้มาส์กพอกหน้าจะช่วยทำความสะอาดรูขุมขนและขจัดสิ่งสกปรกออกจากผิว คุณสามารถใช้มาส์กที่เพิ่มความชุ่มชื้นเพื่อเป็นการทำให้ผิวของคุณอิ่มน้ำ
  2. ถ้าคุณมีผิวมันหรือมีแนวโน้มที่จะเป็นสิว คุณควรใช้มาส์กที่เป็นโคลนหรือกำมะถันเพื่อช่วยดูดสิ่งสกปรกออกมาจากผิว ตัวอย่างของมาส์กประเภทนี้ เช่น มาส์กรุ่น Rare Earth Deep Pore Cleansing Mask ของ Kiehl ถ้าคุณมีผิวแห้งคุณควรใช้มาส์กที่เพิ่มความชุ่มชื้น เช่น Nügg Hydrating Face Mask [20]
  3. ถ้าคุณไม่อยากซื้อมาส์ก คุณสามารถทำเองได้ ให้ผสมอะโวคาโด 1/2 ลูก น้ำผึ้ง 1/2 ช้อนชา โยเกิร์ต 1/2 ช้อนชา บริเวอร์ยีสต์ (Brewer's Yeast) 1/8 ช้อนชา และน้ำแครนเบอรรี่ น้ำแอปเปิ้ล หรือชาหมักคอมบุฉะ (Kombucha) 1/2 ช้อนชา ลงไปในเครื่องปั่นอาหาร ปั่นจนส่วนผสมเป็นครีมและผสมเข้ากันดี [21] นี่เป็นสูตรอื่นๆ สำหรับผิวสภาพต่างๆ
    • สำหรับผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง ให้ผสมผงโกโก้ 1/3 ถ้วย น้ำผึ้ง 1/2 ถ้วย ครีม 3 ช้อนโต๊ะ และข้าวโอ๊ต 3 ช้อนโต๊ะ
    • สำหรับผิวธรรมดาหรือผิวมัน ให้ผสมราสเบอร์รี่ที่บดจนเป็นน้ำข้นๆ 1/2 ถ้วย ข้าวโอ๊ต 1/2 ถ้วย และน้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย
  4. ให้ทามาส์กลงไปที่ผิว หลีกเลี่ยงบริเวณดวงตาและปาก ปล่อยให้มาส์กเซ็ทตัว 10-15 นาที อย่างไรก็ตาม อย่าทิ้งมาส์กไว้จนแห้งเกินไป ล้างมาส์กออกด้วยน้ำอุ่นหรือเช็ดออกด้วยผ้านุ่มๆ [22]
    • ถ้าคุณรู้สึกแสบร้อนหรือรู้สึกอุ่นๆ ที่ใบหน้าขณะที่มาส์กกำลังเซ็ทตัวอยู่ ให้ล้างออกทันที เพราะผิวหนังของคุณอาจจะระคายเคือง
    • เมื่อคุณล้างมาส์กออก อย่าขัดแรงๆ ให้มันหลุดออก แต่ปล่อยให้น้ำอุ่นค่อยๆ ชำระล้างมาส์กออกไปเอง
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 6:

ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นส่วนสำคัญของกิจวัตรทั่วไปของการใช้สกินแคร์ เพราะว่ามอยเจอร์ไรเซอร์จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น นอกจากนี้ มันจะช่วยทำให้ผิวหน้าของคุณดูสุขภาพดี เรียบเนียน และสดใส [23]
    • การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ยังมีประโยชน์ในระยะยาวอีกด้วย เพราะการทำให้ผิวชุ่มชื้นนั้นจะทำให้ผิวสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งหมายความว่าเซลล์ผิวจะซ่อมแซมตนเองอย่างรวดเร็วและกลายเป็นเซลล์ผิวใหม่ มันมีประโยชน์ในการต้านริ้วรอยแห่งวัยได้อย่างมากในระยะยาว งานวิจัยได้เผยว่าผู้ที่ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์จะเกิดริ้วรอยในอัตราที่ต่ำกว่าผู้ที่มีผิวแห้ง [24]
  2. คุณควรที่จะเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ตามสภาพผิวของคุณ ถ้าคุณมีผิวมัน คุณอาจจะมองหามอยเจอร์ไรเซอร์แบบโลชั่นแทนแบบครีม ถ้าคุณมีผิวแห้ง คุณควรเลือกแบบครีมซึ่งจะมีน้ำมันมากกว่า ยิ่งมีน้ำมันเป็นส่วนผสมมากเท่าไหร่ มอยเจอร์ไรเซอร์ก็จะยิ่งซึมเข้าสู่ผิวของคุณเพื่อทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ดีขึ้น ถ้าคุณมีผิวผสม ให้ใช้เป็นแบบโลชั่นที่ไม่มีกรด เช่นมอยเจอร์ไรเซอร์ของ Cetaphil Aveeno Neutrogena หรือ Lubriderm [25]
    • หลีกเลี่ยงการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์แบบบางเบาหลังจากที่ทำความสะอาดผิวหน้าเสร็จ ผิวหน้าของคุณเพิ่งได้รับการทำความสะอาดอย่างล้ำลึกและอาจจะต้องฟื้นฟูด้วยการเพิ่มความชุ่มชื้นให้มาก มิเช่นนั้นแล้วผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจะทำให้ผลิตน้ำมันมากเกินไปและมันจะอุดตันรูขุมขนของคุณ ซึ่งก็จะทำให้เกิดสิว
  3. [26] แสงอาทิตย์นั้นมีผลสามารถทำลายเซลล์ผิวได้ เคล็ดลับหนึ่งที่จะช่วยทำให้ผิวของคุณดูสดใสและอ่อนวัยคือ การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ควบคู่กับครีมกันแดดในการบำรุงผิวหน้าทุกๆ วัน [27]
    • ลองหามอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีค่า SPF (ค่าป้องกันแสงแดด) ประมาณ 15-30 งานวิจัยที่ผ่านมาได้เผยว่าผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF สูงๆ ไม่ได้แปลว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น มันอาจจะไม่ได้มีค่า SPF สูงอย่างที่โฆษณาไว้ [28]
    • ตัวเลือกที่ดีอย่างหนึ่งคือการใช้ Oil Free Facial Moisturizer ของ Neutrogena ควบคู่กับครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 หรือ Superdefense Daily Dense Moisturizer SPF 25 ของ Clinique
  4. ใช้นิ้วมือนวดมอยเจอร์ไรเซอร์เบาๆ เพื่อให้มันซึมลงไปยังผิวหนัง ขอให้แน่ใจว่าได้ทาทุกซอกมุมของใบหน้า
    • แน่ใจว่าได้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่คอด้วย ผิวหนังบริเวณนี้ก็ควรได้รับการดูแลเช่นกัน!
    โฆษณา
ส่วน 6
ส่วน 6 ของ 6:

จัดการกับปัญหาเฉพาะจุด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิวหัวดำหรือสิวอุดตันหัวเปิดคือบริเวณที่ผิวหนังกว้างออกและมีสิ่งสกปรกสีดำดันขึ้นมาปิด โดยปกติแล้วสิวหัวดำจะเกิดจากการผลิตน้ำมันบนผิวหน้ามากเกินไปและบางทีมันอาจจะมีสีเหลือง [29] ถ้าคุณสังเกตว่ามีสิวหัวดำเยอะ คุณสามารถกดมันออกโดยใช้ที่กดสิว [30]
    • การใช้ที่กดสิวนั้นดีต่อการกำจัดสิวหัวดำมากเพราะว่ามันมีห่วงเหล็กที่สามารถนำมากดข้างจมูกได้ ซึ่งบริเวณนี้จะไม่สามารถใช้นิ้วมือกดสิวออกมาได้ [31] วางห่วงที่อยู่ตรงปลายที่กดสิวลงบนสิวหัวดำและค่อยๆ กดเบาๆ ตรงด้านหนึ่งของสิวหัวดำ ขยับอุปกรณ์ไปรอบๆและค่อยๆ กดออกมา คุณอาจจะรู้สึกเจ็บตึงขณะที่กดลงไปและจากนั้นหัวสิวจะหลุดออกมาเอง [32]
    • ขอให้แน่ใจว่าได้เช็ดแอลกอฮอล์ทำความสะอาดที่กดสิวของคุณก่อนนำมาใช้
  2. ใช้ยาแต้มสิวที่คุณสามารถหาซื้อได้หรือทำเองที่บ้าน กรดซาลิไซลิกเป็นส่วนผสมทั่วไปที่ใช้ในยาแต้มสิว เพราะว่ามันจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนและกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งจะช่วยทำให้หัวสิวหลุดออกมา เบนโซอิล เปอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) ก็เป็นอีกหนึ่งสารที่มักผสมในยาแต้มสิวซึ่งจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวและจะช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดจากแบคทีเรียดังกล่าวตามลำดับ [33]
    • ยาแต้มสิวที่แนะนำได้แก่ Malin+Goetz Acne Treatment ที่มีสารซัลเฟอร์ที่มีฤทธิ์และกรดซาลิไซลิก ยาแต้มสิวที่แนะนำอีกอันหนึ่งคือ Clean and Clear Persa-Gel 10 ที่มีสารละลายเบนโซอิล เปอร์ออกไซด์ถึง 10% [34]
    • สำหรับยาแต้มสิวแบบทำเองให้ใช้น้ำมันทีทรีหรือยาสีฟันลงบนบริเวณที่มีสิว น้ำมันทีทรีเป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและต้านการอักเสบ ซึ่งวิธีทำเองที่บ้านวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะมันจะไม่ทำให้ผิวแห้งและแดงเหมือนการใช้สารเบนโซอิล เปอร์ออกไซด์และกรดซาลิไซลิก [35]
    • อย่างไรก็ตาม แพย์ผิวหนังแนะนำว่าควรใช้ยาแต้มสิวในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์มากเกินไปซึ่งจะทำให้ผิวแห้ง แดง และลอกเป็นแผ่น ขอให้แน่ใจว่าได้ใช้ยาแต้มสิวแค่ปริมาณขนาดเมล็ดถั่ว [36]
  3. ใช้สครับสำหรับริมฝีปากขัดผิวหนังที่ตายแล้วออกจากริมฝีปาก สำหรับการทำสครับสำหรับริมฝีปากแบบทำได้เอง คุณสามารถใช้เพียงแปรงสีฟันที่เปียกชื้นขัดวนๆ เบาๆ ที่ริมฝีปากก็ได้ หรือจะผสมน้ำตาลทรายป่นกับน้ำมันอะไรก็ได้ ผสมส่วนผสมที่จะใช้ขัดให้เหนียวข้นตามที่คุณต้องการ
    • เมื่อคุณสครับริมฝีปากแล้ว ให้ทาลิปบาล์มเพื่อกักความชุ่มชื้น คุณสามารถทำลิปบาล์มเองก็ได้ที่บ้าน
    โฆษณา
  1. https://www.birchbox.com/guide/article/how-to-choose-the-right-scrub-for-your-skin
  2. http://www.therheeldaze.com/listen-to-an-esthetician-how-to-give-yourself-a-facial/
  3. http://www.askwomennet.com/exfoliating-products.html
  4. http://www.therheeldaze.com/listen-to-an-esthetician-how-to-give-yourself-a-facial/
  5. http://www.womansday.com/style/beauty/advice/a5005/8-do-it-yourself-home-facials-106030/
  6. http://awomanshealth.com/the-importance-of-exfoliation/
  7. http://revelblog.com/2011/03/green-tea-steam-facial/
  8. http://www.therheeldaze.com/listen-to-an-esthetician-how-to-give-yourself-a-facial/
  9. http://www.therheeldaze.com/listen-to-an-esthetician-how-to-give-yourself-a-facial/
  10. http://revelblog.com/2011/03/green-tea-steam-facial/
  11. http://www.allure.com/beauty-trends/blogs/daily-beauty-reporter/2014/10/how-to-give-yourself-facial.html
  12. http://www.huffingtonpost.com/deborah-burnes/home-facial_b_1778710.html
  13. http://www.allure.com/beauty-trends/blogs/daily-beauty-reporter/2014/10/how-to-give-yourself-facial.html
  14. https://www.birchbox.com/guide/article/why-moisturizing-matters
  15. https://www.birchbox.com/guide/article/why-moisturizing-matters
  16. http://www.huffingtonpost.com/2014/02/04/how-to-moisturize-your-face_n_4704301.html
  17. http://www.huffingtonpost.com/2014/02/04/how-to-moisturize-your-face_n_4704301.html
  18. http://www.therheeldaze.com/listen-to-an-esthetician-how-to-give-yourself-a-facial/
  19. http://www.ewg.org/2015sunscreen/report/whats-wrong-with-high-spf/
  20. http://www.medicalnewstoday.com/articles/71615.php
  21. http://www.therheeldaze.com/listen-to-an-esthetician-how-to-give-yourself-a-facial/
  22. http://www.bona-fide-skincare.com/blackhead-extractor.html
  23. http://www.bona-fide-skincare.com/blackhead-extractor.html
  24. http://www.refinery29.com/acne-treament#slide
  25. http://www.refinery29.com/acne-treament#slide
  26. http://www.refinery29.com/acne-treament#slide
  27. http://www.refinery29.com/acne-treament#slide

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 15,746 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา