ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

แมวส่วนใหญ่รักษาความสะอาดในหูของตัวเองได้ดีมาก พวกมันพิถีพิถันเรื่องความสะอาดซะจนจะทำความสะอาดบริเวณข้างในและข้างหลังช่องหูภายในด้วย อย่างไรก็ตาม บางครั้งแมวก็ต้องได้รับความช่วยเหลือในการทำความสะอาดหู และคุณก็ควรตรวจหูแมวบ่อยๆ ด้วยเพื่อดูว่ามีอาการผิดปกติอะไรที่อาจก่อปัญหาหนักขึ้นได้บ้างหรือไม่

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ตรวจหูแมว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณจะสามารถมองเห็นแค่หูภายนอกเท่านั้น จะไม่สามารถมองเห็นภายในช่องหูหรือแก้วหูได้ เพราะสองสิ่งนี้เรียงตามแนวนอนตรงจุดที่หูต่อกับหัว [1]
    • การทำความสะอาดจะเป็นไปได้ง่ายที่สุดและสร้างความตื่นตระหนกน้อยที่สุดเมื่อแมวกำลังเรียกร้องความสนใจหรือกำลังง่วงอยู่ ถ้าแมวกำลังคึกหรือมีอารมณ์อยากเล่น มีโอกาสสูงกว่าว่ามันจะดิ้นและข่วนระหว่างคุณทำความสะอาดหูของมันอยู่
  2. ค่อยๆ ดันใบหูภายในออกมาจนคุณสามารถมองเห็นภายในหูได้ชัดเจน มองส่องเข้าไปในช่องหูแมวให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วสลับไปส่องหูอีกข้าง [2]
    • ให้ตรวจหูในที่ที่มีแสงเยอะๆ อย่างเช่นข้างหน้าต่างหรือใต้ไฟสว่างๆ ในบ้าน
  3. หูแมวที่สะอาดจะมีสีชมพูอ่อน มีขี้หู ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกน้อย และไม่มีกลิ่น [3]
    • ถ้าแมวของคุณหูสะอาด ก็เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่าแมวสามารถทำความสะอาดหูตัวเองได้ และคุณก็ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดหูแมวหากหูดูสะอาดอยู่แล้ว
  4. เป็นเรื่องปกติที่แมวจะมีขี้หูและฝุ่นบนหู ในหู และใกล้หู แต่ไม่ปกติหากมีสารคัดหลั่งอื่นในหูและรอบๆ หู [4]
    • หนองสีเขียวหรือเหลือง และสารคัดหลั่งสีแดง แดงเข้มหรือดำล้วนเป็นสารคัดหลั่งที่ผิดปกติ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรีย ติดเชื้อรา หรือติดไร ให้รีบพาแมวไปหาสัตวแพทย์ทันที [5]
    • ปรึกษาแพทย์หากคุณสังเกตว่ามีกลิ่นแปลกๆ ออกมาจากหูแมว หรือมีอาการบวมแดงในหูหรือรอบๆ หู [6]
    • หากคุณเห็นว่าหูแมวมีเพียงฝุ่นและขี้หูไม่เยอะมาก ก็สามารถทำความสะอาดหูแมวที่บ้านได้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ทำความสะอาดหูแมว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แมวบางตัวไม่ชอบให้มีใครมาทำความสะอาดหูและอาจดิ้นได้ ให้พาแมวเข้าไปในห้องเงียบๆ ที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงอื่นอยู่ คุณอาจจะต้องมีคนอีกคนอยู่ด้วยเพื่อช่วยคุณจับแมวไว้ระหว่างที่คุณทำความสะอาดหูของมัน [7]
    • คนที่จับแมวไว้ควรจะออกแรงจับให้น้อยที่สุด ถ้าจับแรงไปแมวจะยิ่งให้ความร่วมมือน้อยลง และน่าจะพยายามข่วนคนจับเพื่อหนีไป
    • ถ้าแมวไม่ยอมให้ความร่วมมือ คุณจะลองทำ “ปอเปี๊ยะ” แมวโดยการห่อตัวแมว (รวมถึงขาทั้ง 4 ข้าง) แน่นๆ ในผ้าขนหนูผืนหนาก็ได้
    • ถ้าแมวเริ่มดิ้นมากเกินไประหว่างกำลังทำความสะอาดหู ให้หยุดเสียก่อน แมวจะได้ไม่ข่วนหรือกัดคุณ
  2. น้ำยาทำความสะอาดหูที่ดีจะมีฤทธิ์สมานแผลอ่อนๆ และแห้งเร็ว คุณสามารถซื้อน้ำยาทำความสะอาดหูได้จากคลินิกสัตวแพทย์หรือร้านขายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่น่าเชื่อถือ [8]
    • หากจำเป็น คุณก็สามารถทำน้ำยาทำความสะอาดเองได้โดยผสมน้ำส้มสายชูขาว 1 ส่วนเข้ากับแอลกอฮอล์ล้างแผล 1 ส่วน แต่ต้องใช้ทีละน้อยๆ จำไว้ว่าหากแมวของคุณมีแผลหรือติดเชื้อในหู น้ำยาทำความสะอาดที่คุณทำเองนี่อาจจะทำให้มันแสบได้ [9]
    • ไม่ควรใช้น้ำเปล่าเพื่อทำความสะอาดหูแมว เพราะน้ำอาจจะติดค้างอยู่ในหู และทำให้ยีสต์เติบโตในนั้นได้
    • นอกจากใช้น้ำยาทำความสะอาดแล้ว คุณสามารถใช้สำลีชุบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือน้ำมันมะกอกเพื่อทำความสะอาดหูชั้นนอกได้เช่นกัน
  3. ปล่อยให้น้ำยาทำความสะอาดหูอุ่นถึงอุณหภูมิห้องก่อนใช้. การปล่อยให้น้ำยาทำความสะอาดหูอุ่นถึงอุณหภูมิห้องจะช่วยให้การทำความสะอาดหูเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้นสำหรับแมวของคุณ มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ชอบหยอดน้ำยาเย็นๆ เข้าหู แมวก็เหมือนกันนะ! [10]
  4. ให้ใช้น้ำยาตามปริมาณที่ระบุไว้บนฉลากยา หยอดน้ำยาใส่หูทีละข้างแล้วนวดที่ฐานหูประมาณ 20-45 วินาทีเพื่อให้น้ำยาซึมเข้าไป [11]
  5. ปล่อยให้แมวได้ส่ายหัวเพื่อที่จะได้เขย่าขี้หูหรือฝุ่นทิ้งเพิ่มเติม [14]
  6. อย่าดันก้อนสำลีหรือผ้ากอซเข้าลึกเกินไปในช่องหูที่วางตัวตามแนวนอน เพราะอาจจะยิ่งเป็นการบีบอัดสิ่งสกปรกแทนที่จะกำจัดมันออกไป [15]
    • อย่าใช้คอตตอนบัด นอกเสียจากว่าสัตวแพทย์จะสั่งให้ใช้ [16]
    • อย่าทำความสะอาดช่องหูแมวลึกเกินไป เพราะอาจจะสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อที่บุช่องหู และอาจทำให้เยื่อแก้วหูทะลุได้ด้วย ถ้าเยื่อแก้วหูทะลุ แมวอาจแสดงอาการเจ็บปวด (เอาเท้าเขี่ยหู ส่งเสียงร้อง ฯลฯ) เสียสมดุล หรือนั่งแล้วหัวเอียงไปข้างหนึ่ง หากคุณสังเกตว่าแมวมีอาการเหล่านี้ ให้รีบพาแมวไปให้สัตวแพทย์ตรวจทันที
  7. หลังทำความสะอาดเสร็จแล้ว ให้ชมแมว กอดแมว และให้ขนมเป็นรางวัล. ทำแบบนี้จะช่วยให้แมวสงบลง และทำให้มันมีแนวโน้มจะให้ความร่วมมือกับคุณมากขึ้นในครั้งต่อไปที่มันเห็นคุณหยิบน้ำยาทำความสะอาดหูออกมา
    โฆษณา

คำเตือน

  • มีโรคและอาการผิดปกติมากมายที่อาจเกิดกับหูแมวได้ อย่างเช่น ไรหู เห็บ หมัด ติดเชื้อแบคทีเรีย ติดเชื้อยีสต์ สิ่งแปลกปลอม (เช่นหนามของพืช) และนานๆ ทีอาจเป็นเนื้องอก ปัญหาเกี่ยวกับหูของแมวที่พบบ่อยที่สุดคืออาการหูชั้นนอกอักเสบ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อในหูชั้นนอก ส่วนที่อยู่ด้านหน้าแก้วหู หากคุณกังวลเรื่องสุขภาพหูของแมวของคุณ ให้ปรึกษาสัตวแแพทย์
  • การที่หูมีเลือดออกหลังทำความสะอาดไม่ใช่เรื่องปกติ หากคุณสังเกตเห็นเลือดรอบๆ หูแมวหลังจากที่คุณทำความสะอาดแล้ว ให้รีบพาแมวไปหาสัตวแพทย์ทันที
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Kirk and Bistner’s Handbook of Veterinary Procedures and Emergency Treatment. Ford and Mazzaferro. Elsevier
  2. http://pets.webmd.com/cats/guide/cat-ear-care-problems
  3. https://www.aspca.org/pet-care/cat-care/ear-care
  4. Kirk and Bistner’s Handbook of Veterinary Procedures and Emergency Treatment. Ford and Mazzaferro. Elsevier
  5. https://www.aspca.org/pet-care/cat-care/ear-care
  6. https://www.aspca.org/pet-care/cat-care/ear-care
  7. https://www.aspca.org/pet-care/cat-care/ear-care
  8. Kirk and Bistner’s Handbook of Veterinary Procedures and Emergency Treatment. Ford and Mazzaferro. Elsevier
  9. Kirk and Bistner’s Handbook of Veterinary Procedures and Emergency Treatment. Ford and Mazzaferro. Elsevier
  1. Kirk and Bistner’s Handbook of Veterinary Procedures and Emergency Treatment. Ford and Mazzaferro. Elsevier
  2. Kirk and Bistner’s Handbook of Veterinary Procedures and Emergency Treatment. Ford and Mazzaferro. Elsevier
  3. https://www.aspca.org/pet-care/cat-care/ear-care
  4. https://www.aspca.org/pet-care/cat-care/ear-care
  5. Kirk and Bistner’s Handbook of Veterinary Procedures and Emergency Treatment. Ford and Mazzaferro. Elsevier
  6. http://pets.webmd.com/cats/guide/cat-ear-care-problems
  7. Kirk and Bistner’s Handbook of Veterinary Procedures and Emergency Treatment. Ford and Mazzaferro. Elsevier

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 76,538 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา