ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
เครื่องเพิ่มความชื้นจะเพิ่มความชื้นของอากาศภายในบ้าน ทำให้เราหายใจเอาอากาศนั้นเข้าไปได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามเครื่องเพิ่มความชื้นที่มีตัวกรองหรือตัวเครื่องสกปรกอาจแพร่กระจายแบคทีเรียซึ่งเป็นอันตรายเข้าสู่อากาศแทนได้ [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล ฉะนั้นบทความนี้จึงขอแนะนำวิธีการทำความสะอาดเครื่องเพิ่มความชื้น โดยเริ่มตั้งแต่ทำความสะอาดส่วนประกอบต่างๆ ด้วยน้ำหรือน้ำส้มสายชู จากนั้นก็ฆ่าเชื้อโรคในเครื่องเพิ่มความชื้น และสุดท้ายป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
ขั้นตอน
-
ล้างตัวกรอง. ถอดปลั๊กเครื่องเพิ่มความชื้น จากนั้นถอดตัวกรองออก ถือตัวกรองไว้ใต้ก๊อกน้ำและเปิดก๊อกให้น้ำเย็นล้างตัวกรองเพื่อชำระสิ่งสกปรกให้หลุดออก เมื่อล้างเสร็จแล้ว ตั้งตัวกรองไว้บนผ้าขนหนูที่สะอาดและปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง ระหว่างนั้นทำความสะอาดส่วนประกอบที่เหลือ
- อย่าใช้น้ำยาทำความสะอาดล้างตัวกรอง เพราะสารเคมีอาจสร้างความเสียหายแก่ตัวกรองอย่างถาวรจนตัวกรองไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์อีกต่อไป
- เครื่องเพิ่มความชื้นแบบที่เราใช้อาจเป็นรุ่นที่ต้องเปลี่ยนตัวกรองตามกำหนดเวลา ถ้าเครื่องเพิ่มความชื้นของเราเป็นแบบในกรณีนี้ ดูคู่มือการใช้งานและเปลี่ยนตัวกรองตามระยะเวลาที่คู่มือแนะนำ
-
ทำความสะอาดแท็งก์น้ำ. ถอดแท็งก์น้ำออกจากเครื่องเพิ่มความชื้นและเทน้ำเก่าทิ้ง เทน้ำส้มสายชูใส่ลงในแท็งก์ 3 ถ้วย เขย่าแท็งก์น้ำเพื่อให้น้ำส้มสายชูทำความสะอาดก้นแท็งก์และข้างในแท็งก์อย่างทั่วถึง จากนั้นปล่อยน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ในแท็งก์น้ำ 1 ชั่วโมง น้ำส้มสายชูจะเป็นเหมือนน้ำยาทำความสะอาดโดยธรรมชาติที่ทำให้สิ่งสกปรกที่ก้นแท็งก์น้ำหลุดออก ล้างแท็งก์น้ำให้สะอาด หลังจากปล่อยน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ในนั้นครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ใช้แปรงขัดคราบสกปรกที่ก้นแท็งก์น้ำออก ถ้าจำเป็น
- การใช้น้ำยาทำความสะอาดชนิดอื่นอาจเป็นผลเสียได้ เพราะของเหลวที่อยู่ในแท็งก์น้ำจะถูกสูบขึ้นไปในอากาศ ฉะนั้นใช้น้ำส้มสายชูในการทำความสะอาดแท็งก์น้ำเพื่อความปลอดภัยของสมาชิกในครอบครัว
- ถ้าแท็งก์น้ำไม่มีช่องพอให้แปรงขัดเข้าไปได้ ใส่ข้าวลงไปในแท็งก์น้ำสองสามช้อนโต๊ะพร้อมกับเติมน้ำส้มสายชูและน้ำเย็นใส่ลงไปด้วย น้ำยาที่ได้จะข้นเหลว ปิดแท็งก์น้ำและเขย่าแรงๆ สักหนึ่งนาทีโดยประมาณ จากนั้นปล่อยทิ้งไว้สักครู่ ทำซ้ำขั้นตอนนี้จนกว่าคราบสกปรกจะหลุดออก ล้างแท็งก์น้ำให้สะอาดเพื่อจะได้ไม่มีเม็ดข้าวหลงเหลืออยู่
-
เช็ดทำความสะอาดตัวเครื่อง. ใช้ฟองน้ำชุบน้ำส้มสายชูเจือจาง เช็ดทำความสะอาดส่วนประกอบที่เหลือของเครื่องเพิ่มความชื้น การเช็ดทำความสะอาดจะช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกเข้าไปในแท็งก์น้ำและป้องกันไม่ให้ราหรือแบคทีเรียเจริญเติบโตโฆษณา
-
ใช้น้ำยาฟอกขาวเจือจางฆ่าเชื้อโรค. [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง นำน้ำหนึ่งแกลลอนและน้ำยาฟอกขาวหนึ่งช้อนชาใส่ลงไปในแท็งก์น้ำ ปล่อยน้ำยาฟอกขาวเจือจางทิ้งไว้ในแท็งก์น้ำหนึ่งชั่วโมงเพื่อจะได้ฆ่าเชื้อโรคภายในแท็งก์น้ำให้หมดไป เทน้ำยาฟอกขาวเจือจางทิ้งและล้างแท็งก์น้ำด้วยน้ำเย็นที่สะอาด
- ล้างน้ำยาออกให้หมดก่อนที่จะนำแท็งก์น้ำใส่กลับเข้าไปที่ตัวเครื่องเพิ่มความชื้น
- อย่าปล่อยน้ำยาฟอกขาวทิ้งไว้ในเครื่องเพิ่มความชื้นนานเกินหนึ่งชั่วโมง ไม่อย่างนั้นน้ำยาฟอกขาวอาจสร้างความเสียหายแก่เครื่องเพิ่มความชื้นได้
- อย่านำน้ำส้มสายชูไปผสมน้ำยาฟอกขาวหรือไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ เพราะอาจก่อให้เกิดสารที่เป็นอันตรายได้
-
ใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ฆ่าเชื้อโรค. [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง นำไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์เทใส่ลงไปในแท็งก์น้ำสองสามถ้วย เขย่าแท็งก์น้ำเพื่อไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์จะได้ฆ่าเชื้อโรคที่ก้นแท็งก์น้ำและด้านในแท็งก์น้ำอย่างทั่วถึง ปล่อยไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ทิ้งไว้ในแท็งก์น้ำหนึ่งชั่วโมง จากนั้นเทไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ทิ้งและล้างแท็งก์น้ำด้วยน้ำเย็น
-
ใช้น้ำส้มสายชูทำความสะอาดเครื่องอย่างละเอียด. นำน้ำส้มสายชูหนึ่งถ้วยกับน้ำหนึ่งแกลลอนมาผสมกันแล้วเทใส่ลงไปในแท็งก์น้ำ เสียบปลั๊กเครื่องเพิ่มความชื้นที่บริเวณด้านนอกบ้านและปล่อยให้เครื่องทำงานหนึ่งชั่วโมง หลังจากครบหนึ่งชั่วโมงเทของเหลวที่เหลืออยู่ในแท็งก์น้ำทิ้ง ล้างแท็งก์ด้วยน้ำสะอาด จากนั้นเติมน้ำสะอาดใส่ลงไปและปล่อยให้เครื่องเพิ่มความชื้นทำงานอีกหนึ่งชั่วโมง ล้างแท็งก์น้ำอีกครั้งก่อนใช้งาน
- อย่าปล่อยให้เครื่องเพิ่มความชื้นทำงานในบ้านตอนมีน้ำส้มสายชูอยู่ในแท็งก์น้ำ ไม่อย่างนั้นในบ้านเราก็จะมีกลิ่นคล้ายน้ำส้มสายชู
- ใส่น้ำมันหอมระเหยลงในเครื่องเพิ่มความชื้นสองสามหยด ถ้ายังมีกลิ่นน้ำส้มสายชูหลงเหลืออยู่หลังจากทำความสะอาดอย่างละเอียดแล้ว
- อย่าใช้น้ำยาฟอกขาวหรือสารเคมีอื่นใดในการทำความสะอาดอย่างละเอียดตอนเครื่องเพิ่มความชื้นกำลังทำงานอยู่ การเปิดเครื่องเพิ่มความชื้นและปล่อยสารเคมีให้ไหลผ่านระบบอาจสร้างความเสียหายถาวรได้
โฆษณา
-
เปลี่ยนน้ำบ่อยๆ. การปล่อยน้ำทิ้งไว้ในแท็งก์น้ำเป็นระยะเวลานานจะก่อให้เกิดแบคทีเรียสะสมที่ก้นแท็งก์น้ำและข้างในแท็งก์น้ำ ยิ่งเราปล่อยน้ำทิ้งไว้ในแท็งก์นาน ก็จะมีแบคทีเรียมาสะสมมากขึ้นและเราจะขจัดออกไปได้ยากขึ้น เปลี่ยนน้ำทุกวันหรือวันเว้นวันเพื้อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ทำความสะอาดเครื่องเพิ่มความชื้นทุกๆ สองสามวัน. [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เมื่อมีการใช้งานเครื่องเพิ่มความชื้นอย่างหนักช่วงฤดูหนาวหรือเมื่อมีสมาชิกในครอบครัวป่วยเป็นหวัด ทำความสะอาดเครื่องเพิ่มความชื้นทุกสองสามวันโดยล้างด้วยน้ำส้มสายชูธรรมดาหรือไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ ทำความสะอาดอย่างละเอียดทุกสองสัปดาห์โดยประมาณ
-
เปลี่ยนเครื่องเพิ่มความชื้นใหม่เมื่อถึงเวลา. เครื่องเพิ่มความชื้นที่ผ่านการใช้งานมามากอาจเริ่มชำรุดทีละเล็กทีละน้อย ชิ้นส่วนที่ชำรุดมักจะเป็นที่เจริญเติบโตของแบคทีเรีย [7] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าเรามีเครื่องเพิ่มความชื้นที่อายุเกินห้าปีโดยประมาณ เราอาจต้องหาซื้อเครื่องใหม่มาเปลี่ยนแทนเครื่องเก่า
- ถ้าเราไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนเครื่องใหม่ เราต้องทำความสะอาดเครื่องเพิ่มความชื้นที่มีอยู่ด้วยน้ำยาฟอกขาวหรือไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ทุกสองสามสัปดาห์
-
พยายามให้บริเวณรอบๆ เครื่องเพิ่มความชื้นแห้ง. ถ้าเครื่องเพิ่มความชื้นทำให้บริเวณรอบๆ เครื่องชื้น ให้ปิดเครื่องเพิ่มความชื้น การปล่อยให้บริเวณรอบๆ เครื่องมีความชื้นอาจทำให้แบคทีเรียและเชื้อราเจริญเติบโตได้
-
เก็บรักษาเครื่องเพิ่มความชื้นอย่างถูกต้องเหมาะสม. หลังจากพ้นฤดูหนาวก็ถึงเวลาที่จะต้องเก็บเครื่องเพิ่มความชื้นแล้ว ทำความสะอาดเครื่องเพิ่มความชื้นอย่างละเอียด ปล่อยเครื่องให้แห้งสนิทก่อนนำไปเก็บ [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เมื่อเรานำออกมาใช้งานอีกครั้งในปีหน้า ทำความสะอาดเครื่องเพิ่มความชื้นอีกครั้งก่อนใช้งานโฆษณา
เคล็ดลับ
- หากมีคราบน้ำกระด้างแต่เราไม่อยากใช้สารเคมีที่รุนแรงในการทำความสะอาด ให้ใช้น้ำส้มสายชูสลายคราบน้ำกระด้าง
- เราอาจเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดอื่นๆ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณความชื้น
- ใช้น้ำกลั่นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบน้ำกระด้างและการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
คำเตือน
เราต้องรอให้เครื่องเพิ่มความชื้นเย็นลงก่อนทำความสะอาด
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- น้ำส้มสายชู
- น้ำยาฟอกขาวหรือไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์
- ฟองน้ำ
- น้ำเย็น
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold/in-depth/humidifiers/art-20048021
- ↑ https://www.hvac.com/faq/often-need-clean-portable-humidifier/
- ↑ https://learn.allergyandair.com/how-to-clean-a-humidifier/
- ↑ https://learn.allergyandair.com/how-to-clean-a-humidifier
- ↑ https://learn.allergyandair.com/how-to-clean-a-humidifier/
- ↑ http://www.mayoclinic.com/health/humidifiers/HQ00076/NSECTIONGROUP=2
- ↑ https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold/in-depth/humidifiers/art-20048021
- ↑ https://www.merrymaids.com/blog/tidy-home/disinect-a-humidifier/
- ↑ https://learn.allergyandair.com/how-to-clean-a-humidifier/
โฆษณา
