ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
เวลาเสื้อผ้าสวยๆ ถูกสีตกใส่ ก็อย่าเพิ่งรีบโยนทิ้งไป ถึงสีย้อมบางประเภทจะซักไม่ออก แต่แนะนำให้ลองใช้แอลกอฮอล์ล้างแผล น้ำยาขจัดคราบสีตก หรือน้ำยาฟอกขาว มาขจัดคราบสีตกดู ขอแค่อย่าทำให้คราบแห้ง (โดยเฉพาะอบแห้ง) ซะก่อน ก็ยังมีความหวังให้เสื้อผ้าตัวเก่งกลับมาสวยสดใสตามเดิม
ขั้นตอน
-
ซื้อแอลกอฮอล์ล้างแผล. Isopropyl alcohol หรือแอลกอฮอล์ล้างแผล หาซื้อได้ตามร้านขายยาและห้างสรรพสินค้าทั่วไป ใช้กับผ้าได้ทุกชนิด รวมถึงเสื้อผ้าที่สีตกใส่เสื้อผ้าชิ้นอื่นง่ายเวลาซัก ปกติคุณเช็คได้ว่าผ้าชิ้นนั้นสีตกหรือเปล่า โดยฉีดน้ำใส่บางส่วน แล้วใช้ผ้าขาวลองซับจุดนั้นดู [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ผสมแอลกอฮอล์เยอะๆ อย่างสเปรย์ฉีดผม หรือเจล/สเปรย์แอลกอฮอล์ล้างมือ ก็ใช้ขจัดคราบสีตกได้เช่นกัน
- ถ้าจะขจัดคราบสีตกบนเสื้อผ้าที่เป็นหนัง ลองใช้ saddle soap ดู
-
ใช้แอลกอฮอล์ซับที่คราบ. ต้องใช้อะไรที่ซึมซับดี เช่น ผ้าขี้ริ้ว ทิชชู่หนาๆ หรือสำลีก้อน เอามาชุบแอลกอฮอล์ล้างแผลพอหมาด ใช้ซับที่คราบ แล้วจะเห็นสีซึมติดมา แต่กว่าจะขจัดคราบได้ อาจจะต้องชุบแอลกอฮอล์เพิ่มและซับซ้ำหลายครั้ง
-
เทน้ำยาซักผ้าใส่คราบ. ทิ้งแอลกอฮอล์ไว้แบบนั้น แล้วเทน้ำยาซักผ้าทับลงไปเล็กน้อย ย้ำว่าให้ใช้น้ำยาซักผ้าแค่นิดเดียว ให้พอเคลือบบนคราบบางๆ
-
ใช้แปรงสีฟันถูคราบเบาๆ. ระวังอย่าให้เส้นใยผ้าเสียหาย แปรงสีฟันเก่านี่แหละเหมาะ แต่ถ้าไม่มี จะใช้นิ้วถูแทนก็ได้ ให้ทาน้ำยาซักผ้าไปทั่วๆ บริเวณที่เป็นคราบ จนซึมลงไปในเนื้อผ้า [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ซักผ้าด้วยน้ำอุ่น. ซักผ้าในน้ำสะอาดอุณหภูมิประมาณ 32 °C (90 °F) เพื่อขจัดทั้งแอลกอฮอล์และน้ำยาซักผ้า รวมถึงขจัดคราบสีที่แอลกอฮอล์ชะออกมาแล้ว
-
เอาผ้าไปซักเครื่อง. เอาผ้าไปซักต่อในเครื่องซักผ้าตามปกติ พอไม่เหลือคราบแล้ว ค่อยตากหรืออบแห้ง ถ้าใช้แอลกอฮอล์ตั้งหลายครั้งแต่คราบยังอยู่ อาจจะต้องใช้น้ำยาแรงกว่านั้น เช่น น้ำยาฟอกขาวโฆษณา
-
เติมน้ำอุ่นในอ่างล้างจาน. เติมน้ำ 4 แกลลอน (15 ลิตร) ลงในอ่างล้านจาน อ่างอาบน้ำ หรือกะละมัง และอื่นๆ ตามสะดวก สำหรับเนื้อผ้าส่วนใหญ่ ใช้น้ำอุณหภูมิ 32 °C (90 °F) ขจัดคราบสีตกได้ โดยไม่ทำให้ผ้าเสีย เติมน้ำแล้วจะใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ หรือซักผ้าในเครื่องซักผ้าที่ตั้งอุณหภูมิดังกล่าวไว้ก็ได้
-
ถ้าผ้าเนื้อบาง ให้ซักในน้ำเย็น. ผ้าเนื้อบาง จะเป็นผ้าเนื้อนิ่มอย่างผ้าไหมและลูกไม้ ต้องใช้น้ำอุณหภูมิไม่เกิน 27 °C (80 °F) ป้องกันเส้นใยเสียหาย ผ้าสีเข้มหรือสีสด ก็ต้องใช้น้ำเย็นเช่นกัน เพราะถ้าซักในน้ำอุ่น ผ้าจะสีตกง่าย
- เช็คป้ายเสื้อ หรือเอาประเภทผ้าไปค้นหาในเน็ตก็ได้ ว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการซักไม่ควรเกินเท่าไหร่
- จะซักเครื่องจนครบรอบ แทนการซักมือก็ได้
-
เทผงขจัดคราบสีตกลงไป. ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบสีตกจะเป็นผง หาซื้อได้ตามแผนกน้ำยาซักผ้าและผงซักฟอก ให้ใช้งานตามคำแนะนำที่ฉลากหลังกล่อง ปกติให้เทผงขจัดคราบลงไปในน้ำ 1 ซอง แล้วรอจนผงละลายหมด [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ข้อเสียของผลิตภัณฑ์ขจัดคราบสีตกคืออาจทำให้ผ้าสีซีดได้ ต้องอ่านคำแนะนำในการใช้งานให้ละเอียด ต้องเจือจางหรือละลายผงในน้ำก่อน
-
แช่ผ้าในน้ำจนสีที่ตกใส่ซึมออกมา. แช่ผ้าที่สีตกโดยกดให้จมอยู่ในน้ำทั้งผืน กวนผ้าเป็นพักๆ แนะนำให้สวมถุงมือก่อน หรือใช้เครื่องครัวกวนผ้าแทนมือก็ได้ สีจะได้ไม่ติดมือ จากนั้นแช่ผ้าไว้สัก 1 - 2 ชั่วโมง [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ระวังอย่าให้สีจริงของผ้าตกมาด้วย ถ้าสังเกตเห็นสีจริงของผ้าตกออกมา ให้รีบเอาผ้าขึ้นจากน้ำทันที
-
ล้างผ้าด้วยน้ำอุ่น. ผงขจัดคราบสีตกจะยังออกฤทธิ์จนกว่าคุณจะล้างออก เพราะฉะนั้นเอาผ้าขึ้นจากน้ำแล้วให้เปิดก๊อกราดทันที ให้ล้างผ้าทั้งผืนด้วยน้ำอุณหภูมิ 32 °C (90 °F) ถ้าเป็นผ้าเนื้อบาง ให้ใช้น้ำเย็นแทน
-
ล้างซ้ำถ้าคราบไม่ออก. ถ้าเสื้อตัวสวยยังดูเหมือนเพิ่งไปมัดย้อมมา ก็ต้องทำซ้ำตามขั้นตอน ให้เตรียมน้ำผสมผงขจัดคราบสีตกใหม่ อาจจะต้องทำซ้ำหลายรอบหน่อย สีถึงจะออกหมด ต้องคอยระวังไม่ให้สีจริงของผ้าตกออกมาด้วยระหว่างขั้นตอน
-
ซักผ้าตามปกติ. เอาผ้าไปซักตามปกติ คือใช้เครื่องซักผ้ากับน้ำยาซักผ้าที่ใช้ประจำ เสร็จแล้วก็น่าจะไม่เหลือคราบแล้ว ถ้าไม่เหลือคราบก็เอาไปตากหรืออบในเครื่องได้เลยโฆษณา
-
ผสมน้ำยาฟอกขาวกับน้ำเย็น. เติมน้ำเย็นใส่อ่างล้านจานหรือกะละมัง โดยใส่น้ำยาฟอกขาว ¼ ถ้วยตวง ต่อน้ำ 1 แกลลอน (ประมาณ 4 ลิตร) ถ้าเป็นผ้าคอตตอนสีขาว หรือผ้าคอตตอนผสมโพลีเอสเตอร์ ก็ใช้น้ำยาฟอกขาวสูตรคลอรีนได้ แต่ถ้าเป็นผ้าชนิดอื่นๆ ให้ใช้น้ำยาฟอกขาวสูตรออกซิเจนหรือ all-fabric คือใช้กับผ้าสีได้ [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- น้ำยาฟอกขาวแรงมาก ต้องเจือจางโดยผสมน้ำก่อนเทใส่ผ้าโดยตรงเสมอ
- ระวังอย่าผสมสารเคมีทำความสะอาดอื่นๆ กับน้ำยาฟอกขาวสูตรคลอรีน เพราะจะทำให้น้ำยาฟอกขาวเกิดไอพิษระเหยขึ้นมาได้
- ถ้าใช้น้ำยาฟอกขาวสูตรออกซิเจน จะผสมกับน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนก็ได้
-
แช่ผ้า 5 นาที. น้ำยาฟอกขาวกัดเสื้อผ้าง่ายมาก ห้ามแช่ผ้าแล้วไปทำอย่างอื่น ให้แช่ผ้าที่สีตกใส่ไว้ในน้ำ 5 นาที เสร็จแล้วเอาผ้าขึ้นจากน้ำ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าใช้น้ำยาฟอกขาว all-fabric แบบใช้กับผ้าสีได้ อาจจะต้องแช่ผ้าไว้ในน้ำประมาณ 45 นาที
- ขอแค่เจือจางน้ำยาโดยผสมน้ำแล้ว ก็จะไม่กัดผิว แต่เพื่อความปลอดภัย ให้สวมถุงมือและอย่าแช่มือในน้ำนานๆ อย่าลืมล้างมือหลังเสร็จขั้นตอนด้วย
-
ล้างผ้าในน้ำสะอาด. หวังว่ามาถึงขั้นตอนนี้แล้วสีที่ตกใส่จะถูกชะออกไป แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหน ให้ล้างน้ำยาฟอกขาวออกทันที โดยใช้น้ำอุ่นกับผ้าทั่วไป และใช้น้ำเย็นกับผ้าบาง ย้ำว่าต้องล้างน้ำทั้งผืน ไม่ให้เหลือน้ำยาฟอกขาวตกค้าง
-
ซักผ้า. เอาผ้าที่ขจัดคราบแล้วไปเข้าเครื่องซักผ้า จากนั้นก็ซักตามปกติได้เลย ใช้น้ำยาซักผ้าที่ใช้ประจำนั่นแหละ จะช่วยฆ่าเชื้อผ้า รวมถึงขจัดสีที่ถูกชะออกมาก่อนหน้าด้วย
-
ทำซ้ำตามขั้นตอนถ้ายังเหลือคราบ. สีตกใส่ปกติขจัดออกยากมาก เพราะฉะนั้นทำแค่ครั้งเดียวอาจจะไม่พอ ให้กลับไปเติมน้ำผสมน้ำยาใส่อ่างล้านจานหรือกะละมัง แช่ผ้า แล้วล้างและซักผ้าอีกรอบ ถ้าทำตามขั้นตอนถูกต้องทุกครั้ง ก็ทำซ้ำได้จนกว่าคราบจะจางหายไป
- แต่ถ้าทำตามขั้นตอนแล้วยังไม่เห็นผล ก็มีทางเลือกสุดท้ายคือใช้ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบสีตกที่แรงขึ้น ให้เลือกที่ใช้สำหรับกัดสีผ้าเตรียมย้อมใหม่ แต่บอกเลยว่าสงวนไว้ใช้เฉพาะกับผ้าขาว ถ้าผ้าสีก็ต้องเตรียมใจว่าสีจริงของผ้าอาจจะซีดลงหรือหายไป
โฆษณา
เคล็ดลับ
- จะขจัดคราบสีตกได้เห็นผลที่สุด ต้องลงมือเร็วที่สุด
โฆษณา
คำเตือน
- อย่าอบผ้าที่สีตกใส่ เพราะความร้อนจะทำให้คราบเซ็ตตัว แนะนำให้เอาผ้าเข้าเครื่องอบหลังขจัดคราบแล้วเท่านั้น
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
ขจัดคราบด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผล
- แอลกอฮอล์ล้างแผล
- ผ้าขี้ริ้ว ทิชชู่ หรือสำลีก้อน
- น้ำยาซักผ้า
- แปรงสีฟันเก่า
- น้ำสะอาด
- เครื่องซักผ้า
ขจัดคราบด้วยการซัก
- ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบสีตก
- น้ำสะอาด
- เครื่องซักผ้าหรือกะละมัง
- น้ำยาซักผ้า
ขจัดคราบด้วยน้ำยาฟอกขาว
- น้ำสะอาด
- น้ำยาฟอกขาวสูตรคลอรีน หรือน้ำยาฟอกขาว all-fabric ใช้กับผ้าสีได้
- อ่างล้างจานหรือกะละมัง
- เครื่องซักผ้า
- น้ำยาซักผ้า
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.racked.com/2017/3/3/14715362/indigo-dye-remove
- ↑ http://web.extension.illinois.edu/stain/staindetail.cfm?ID=224
- ↑ http://www.goodhousekeeping.com/home/cleaning/tips/a17219/stains-dye-may07/
- ↑ http://www.idealhome.co.uk/project-advice/care-and-cleaning/stain-removal-tips-the-a-z-guide-cleaning-tips-and-advice-73639
- ↑ http://www.goodhousekeeping.com/home/cleaning/tips/a17219/stains-dye-may07/
- ↑ http://articles.chicagotribune.com/2013-04-02/features/sc-fam-0402-lifeskill-bleach-20130402_1_bleach-clothes-care-labels
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,681 ครั้ง
โฆษณา