PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

มันง่ายที่จะมีชีวิตแต่งงานอันแสนหวานและหรรษาในช่วงเริ่มต้น แต่คุณอาจกังวลว่า สิ่งที่เป็นอยู่อาจไม่จีรังยั่งยืน อย่างไรก็ดี คุณสามารถมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุขได้ ด้วยการเติมไฟรักให้โรแมนติกอยู่เสมอ และพยายามเรียนรู้เพื่อเติบโตด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงในฐานะชีวิตคู่ด้วย แน่นอนว่ามันไม่ง่าย แต่คุณทั้งคู่ย่อมสามารถทำได้ หากใช้ความพยายามร่วมกัน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เอาใจใส่

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณต้องการให้ชีวิตแต่งงานของคุณสมบูรณ์ คุณต้องทำให้คู่ครองของคุณรู้สึกถึงความเท่าเทียมทุกครั้งที่คุณทำการตัดสินใจ หรืออาจจะแค่ทำธุระส่วนตัวก็ตาม หากคุณทำเหมือนกับว่าความเห็นของเขาไม่สำคัญ หรือเอาแต่ฟันธงคนเดียวบ่อยๆ เมื่อนั้นชีวิตคู่ของคุณก็เริ่มไม่สมดุลแล้ว พยายามทำให้เขารู้สึกว่าคุณใส่ใจความเห็นของเขาพอๆ กับของตัวเอง และพยายามรับฟังปัญหาให้เขารู้สึกว่าคุณห่วงใยดีกว่า [1]
    • ฝึกอ่อนโยน มีเมตตา และเข้าใจในตัวคู่ครอง หากคุณกำลังหงุดหงิดแล้วเผลอไปวีนใส่เขาล่ะก็ คุณต้องขอโทษทันที ให้เกียรติเขาอย่างที่เขาสมควรได้รับ แทนที่จะคิดว่าตัวคุณเองสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เพียงเพราะว่าคุณแต่งงานกันแล้ว
    • คุณควรให้ความเคารพในความเป็นส่วนตัวของคู่ครองด้วย ซึ่งหากต้องการให้เป็นเช่นนั้น คุณก็ไม่ควรไปวุ่นวายเช็คโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ของเขา
  2. หากคุณใส่ใจคู่ครอง และต้องการให้ชีวิตคู่มีแต่เรื่องสร้างสรรค์และความสุข คุณควรหยุดพฤติกรรมขุดคุ้ยเรื่องแย่ๆ ในอดีต หรือความผิดพลาดของเขา คุณควรเปลี่ยนมาพูดถึงแต่ด้านบวก และหาความสุขจากชีวิตคู่ในปัจจุบัน รวมถึงมองไปข้างหน้าร่วมกัน หากคุณห่วงใยเขาจริงๆ อย่าขุดคุ้ยเรื่องอดีตเพียงเพราะอยากดูปฏิกริยาตอบสนองของเขา
    • แม้ว่าการปล่อยวางอดีตอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณก็ไม่ควรจะหยิบยกมาพูดถึงแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จำไว้ว่า คู่ครองของคุณก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน คุณไม่ควรจะหยิบยกอดีตมาพูดเพียงเพราะต้องการเห็นเขาเจ็บปวด
  3. การรับฟังเป็นวิธีหนึ่งที่จะแสดงความเอาใจใส่ได้ดีที่สุด อย่าเหม่อลอยในขณะที่คู่ครองคุณกำลังบ่นเรื่องของตัวเอง หรือทำกริยารอว่าเมื่อไรเขาจะพูดจบสักที คุณจะได้พูดเรื่องตัวเองบ้าง พยายามใส่ใจรับฟังและแคร์ในเรื่องที่เขาพูดจริงๆ เวลาคุณกำลังคุยกัน คุณควรวางโทรศัพท์ลงก่อน สบตากับเขา และให้ความสนใจในการรับฟังอย่างแท้จริง
    • แน่นอนว่า คนเรามันเหม่อลอยกันได้บางครั้ง แต่หากเผลอทำลงไปแล้ว อย่าแสร้งทำเหมือนคุณรับฟังอยู่ แต่ควรขอโทษเขา และกลับมาใส่ใจถึงเรื่องที่เขากำลังพูด
    • ถามเกี่ยวกับเรื่องของเขา ให้เขารู้ว่าคุณใส่ใจ อย่าให้เขารู้สึกกว่าคุณกำลังเบื่อ
    • บางครั้ง สิ่งที่คู่ครองของคุณต้องการหลังจากเหนื่อยๆ กลับมา ก็เพียงแค่การรับฟังจากใครสักคน คุณไม่จำเป็นต้องคอยให้คำปรึกษาก็ได้
  4. แม้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปผูกติดกัน แต่ในเมื่อคุณทั้งคู่แต่งงานกัน ย่อมหมายความว่า ฝ่ายหนึ่งต้องสำคัญที่สุดสำหรับอีกฝ่ายเสมอ คุณต้องคอยย้ำเตือนตัวเองให้เคารพในการตัดสินใจนั้นด้วย และพยายามตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ร่วมกันเสมอ โดยต้องแน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกัน
    • หากคนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงของคุณ ไม่ค่อยลงรอยกับคู่ครองของคุณ คุณก็ไม่ควรรีบออกตัวปกป้องฝ่ายแรก นอกจากว่าคู่ครองของคุณจะทำเรื่องไม่เหมาะสมจริงๆ พยายามเอาใจใส่ความรู้สึกของคู่ครอง และคอยมอบความรักความเข้าใจให้เขาอย่างที่เขาคู่ควร
  5. หากคุณอยากให้ชีวิตแต่งงานที่มีความสุข กุญแจสำคัญคือ การสื่อสารระหว่างกัน คุณทั้งคู่ควรที่จะเปิดใจคุยกันได้อย่างอิสระทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่คุณสองคนตกลงใจทำร่วมกันแล้ว การทำเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน จะช่วยทะนุถนอมความสัมพันธ์ของคุณและคู่ครองให้ราบรื่นและเข้มแข็ง
    • อย่าพูดอะไรตอนที่กำลังโมโห โดยจงใจให้คู่ครองเจ็บปวด คำพูดเชือดเฉือนที่คุณอาจไม่ตั้งใจ จะทำให้เขาจำไปอีกนาน และส่ร้างรอยร้าวไปตลอดชีวิตแต่งงานเลยทีเดียว หากคุณเผลอไปพูดอะไรที่ไม่ตั้งใจ ต้องพยายามขอโทษทันที
    • เวลาโต้เถียงกัน พยายามเน้นที่หัวข้อในการโต้เถียง อย่าจงใจตำหนิคู่ครอง
    • การจะสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรใส่ใจทั้งความคิดและอารมณ์ของคู่ครองก่อนที่จะเริ่มสนทนากัน คุณยังควรหัดอ่านสีหน้าและภาษากายของเขา เพื่อที่จะได้รู้ทัน เวลาที่เขาเริ่มไม่พอใจ หรือเมื่อใดที่เหมาะจะพูดเรื่องดังกล่าว
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Allen Wagner, MFT, MA

    นักบำบัดชีวิตคู่และครอบครัว
    อัลเลน แวกเนอร์เป็นนักบำบัดชีวิตคู่และครอบครัวที่มีใบอนุญาตในลอสแองเจลิส เขารับปริญญาโทสาขาจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเพพเพอร์ไดน์ในปี 2004 โดยเชี่ยวชาญในการร่วมมือกับคู่สมรสในการค้นหาวิธีที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ดีขึ้น เขาเป็นผู้เขียนหนังสือMarried Roommatesร่วมกับทาเลีย แวกเนอร์ที่เป็นภรรยา
    Allen Wagner, MFT, MA
    นักบำบัดชีวิตคู่และครอบครัว

    อุทิศเวลาแต่ละสัปดาห์ไปมาหาสู่กันเพื่อจะได้มีเวลาสำหรับสานสัมพันธ์ ในแต่ละสัปดาห์หาเวลามาอยู่ด้วยกัน ทำกิจวัตรที่จำเป็นต้องทำและเรื่องราวต่างๆ ถ้าได้ทำตรงนี้ไปแล้ว คุณจะได้ใช้เวลาอื่นที่อยู่ด้วยกันมาสานความรู้สึกในเรื่องที่ลึกกว่านั้น

  6. อย่าเอาความลับของเขาไปบอกใคร หรือเอามาโจมตีเขา เวลาทะเลาะกัน. หากคู่ครองของคุณให้ความวางใจบอกเรื่องลับหรือสำคัญแก่คุณ คุณไม่ควรแพร่งพรายออกไปเพียงเพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หากมันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เจ็บปวดของเขา คุณก็ไม่ควรเอามาโจมตีเขาเวลาทะเลาะกันด้วย ไม่งั้นเขาจะรู้สึกถูกทรยศหักหลัง พยายามใส่ใจข้อเท็จจริงที่ว่า เขาวางใจเล่าเรื่องสำคัญให้คุณฟัง และพยายามให้เกียรติความวางใจของเขาด้วย
    • คุณควรจะเป็นคนที่เขาไว้ใจได้มากที่สุดในโลก อย่าทำอะไรที่ทำลายความไว้ใจนั้น หากคุณพลั้งเผลอไปแล้ว ต้องขอโทษเขาด้วย
  7. หากคุณรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับคู่ครองของคุณ ก็ควรโอบกอดเขา และสนใจถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันหน่อย บางครั้งนั่นอาจเป็นสิ่งที่เขากำลังต้องการพอดี อย่าปล่อยให้โอกาสผ่านไป หากเขายังไม่พร้อมที่จะพูด คุณก็ไม่ควรจะไปคะยั้นคะยอ แต่ขอแค่ทำให้เขารู้ว่า คุณพร้อมจะรับฟังเสมอ เมื่อใดก็ตามที่เขาพร้อม
    • หากคุณสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา ระหว่างที่กำลังอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ คุณก็ควรจะแยกเขาออกมาถามไถ่เพื่อแสดงความใส่ใจ อย่าไปถามต่อหน้าคนอื่นล่ะ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ทำตัวให้น่ารัก

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. อย่าคิดว่าคุณไม่จำเป็นต้องบอกรัก เพียงเพราะเหมาเอาเองว่าเขาน่าจะตระหนักเรื่องนี้อยู่แล้ว พยายามบอกรักเขาหรือเธออย่างน้อยวันละครั้งสองครั้ง โดยต้องแน่ใจว่า คุณพูดชัดเจน สบตาเขา และตั้งใจหมายความเช่นนั้นจริงๆ อย่าพูดแค่ว่า “รักนะ!” ตอนกำลังออกจากบ้าน หรือส่งข้อความมาแค่ว่า “รักคุณนะ” พยายามหาโอกาสบอกเขาแบบตัวเป็นๆ ต่อหน้าว่า เขามีความหมายกับคุณมากแค่ไหน
    • การหาโอกาสพูดแค่คำสามคำดังกล่าว จะสร้างความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงในชีวิตคู่ของคุณ
    • อย่าบอกรักเฉพาะเวลาต้องการสิ่งใดจากเขา หรือเวลาที่คุณต้องการง้อหลังทะเลาะกัน แต่จงบอกรักเขาเมื่อคุณรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ นั่นคือช่วงจังหวะที่มันมีค่าและความหมายมากที่สุด
  2. การพยายามแสดงออกซึ่งความรักด้วยการกระทำทุกเช้าเช่นนี้ จะช่วยให้คุณรู้สึกรักกันไปตลอดทั้งวัน แม้ว่าคุณอาจจะอยากเริ่มด้วยกาแฟ หรือการแต่งตัวเสริมสวยมากกว่า ขอแค่ไม่กี่นาทีในการกอดจูบคลอเคลียกัน ก็ถือเป็นการเริ่มต้นวันที่ดีแล้ว ยิ่งหากว่าคุณและคู่ครองอาจต้องแยกกันไปตลอดทั้งวัน การแสดงความหวานเช่นนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกประทับใจกันจนกว่าจะกลับบ้านมาพบกันอีก
    • ขอแค่กอดจูบคู่ครองของคุณ เพียง 6 วินาที ก็สามารถจุดไฟการันตีความรักระหว่างกันได้แล้ว อย่าทำแบบขอไปทีอย่างเช่น หอมแก้มเขาและพูดว่า “บ๊ายบายที่รัก” พยายามตั้งใจทำหน่อย ถึงจะไม่ค่อยมีเวลาก็ตาม
  3. ในขณะที่ชีวิตแต่งงานดำเนินไป คุณอาจจะพบว่า ต่างฝ่ายต่างมีภาระหน้าที่ และมีเวลากันแบบสองต่อสองน้อยลง อย่างไรก็ดี คุณควรพยายามจัดสรรเวลาส่วนตัวให้มีทุกสัปดาห์ แม้ว่าคุณอาจต้องสละเวลาจากการไปสังสรรค์กับเพื่อนหรือครอบครัวก็ตาม จำไว้ว่า การไปทานอาหารพร้อมหน้าครอบครัวสองฝ่าย หรือการพากันไปสังสรรค์กับเพื่อนของคุณทั้งคู่ ยังไงมันก็สู้หรือเอามาทดแทนเวลาอันมีค่าแบบสองต่อสองไม่ได้ [2]
    • หากคุณรู้สึกว่าตารางงานของคุณมันยุ่งมากจนแทบบ้า และหาเวลาอยู่กันเป็นส่วนตัวไม่ได้ เมื่อนั้นคุณควรฉวยโอกาสในบางเวลา หาจังหวะอยู่กันสองต่อสองบ้าง เช่น การแวบไปนั่งดื่มกันสองคนเวลาสังสรรค์ในงานปาร์ตี้ หรือออกไปเดินซื้อของด้วยกัน ระหว่างวันที่มีการนัดรวมญาติ
    • กรณีที่ต้องการไปเดทกัน พยายามนัดหมายกันแต่เนิ่นๆ เพื่อที่คุณทั้งสองผ่ายจะได้เคลียร์งานและไปเดทกันได้อย่าลงตัว
  4. คุณควรกอด จูบ ลูบไล้ สัมผัส ประคองเอว จูงมือ หรือสัมผัสกันในรูปแบบใดก็ได้ ให้มากที่สุด จะช่วยให้ความสัมพันธ์ของคุณเหนียวแน่น และใกล้ชิดกันมากขึ้น ต่อให้คุณทั้งคุ่อาจไม่ได้มีอารมณ์เดียวกันก็ตาม หากคุณปล่อยให้เกิดช่องว่าง หรือระยะห่าง ไม่ยอมนั่งใกล้กันแม้แต่เวลาอยู่บนโซฟา ระวังเถอะว่า ความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ก็จะเริ่มห่างตาม
    • ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องการสัมผัสเท่าๆ กัน โดยเฉพาะเมื่อทำอย่างนั้นในที่สาธารณะ แต่ต่อให้คุณไม่ใช่นักกอดตัวยง หรือเป็นพวกชอบแสดงบทรักต่อหน้าคนอื่น ก็จงกอดหรือสัมผัสคู่ครองในเวลาที่เหมาะสม ให้บ่อยที่สุดแล้วกัน
    • เป็นที่รู้กันดีว่า การมีเรื่องบนเตียงอย่างมีความสุข ก็ช่วยให้ชีวิตคู่บริบูรณ์ขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้น คุณควรหมั่นพูดคุยเปิดใจกันอย่างตรงไปตรงมาว่า อะไรที่คุณทั้งคู่ชอบหรือไม่ชอบ
  5. อย่าลืมทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้คุณทั้งคู่ยิ้มได้และรู้สึกเป็นที่รักของอีกฝ่าย. ไม่ว่าจะเป็นการจุมพิตมือ หรือทำงานบ้านให้เขาเวลาที่เขาติดธุระ รวมถึงการแปะโน้ตบอกรักกันในที่ต่างๆ ในบ้าน คุณควรหมั่นทำให้บ่อยเข้าไว้ ไม่ว่าคุณจะอึดอัดหรือกำลังยุ่งเรื่องอื่นกันแค่ไหน คุณไม่ควรขี้เกียจในชีวิตคู่ แต่ต้องคอยตรวจสอบดูว่า คู่ครองของคุณรู้สึกได้รับความรักหรือเป็นคนพิเศษอยู่เสมอหรือเปล่า
    • หากคุณยุ่งมากเกินไปที่จะทำบางอย่างที่คุณเคยทำให้แก่คนรัก คุณควรชดเชยให้เขาเมื่อคุณเริ่มมีเวลามากขึ้น พยายามบอกเขาว่า คุณรู้ตัวดีว่าอาจบกพร้องในหน้าที่ไปบ้างในช่วงนี้ แต่ถ้ามีเวลาแล้วจะชดเชยให้แน่นอน
  6. ทำให้คู่ครองตระหนักว่า คุณซาบซึ้งในตัวเขามากเพียงใด. พยายามทำให้เขารู้ว่า คุณซาบซึ้งใจในทุกสิ่งที่เขาทำ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยอย่าง การถูบ้าน ล้างจาน ซักผ้า ฯลฯ อย่าเห็นเป็นเรื่องธรรมดา คุณควรบอกเขาว่า คุณรักและซาบซึ้งจริงๆ ในสิ่งที่เขาทำให้ แน่นอนว่า คุณก็สามารถทำบางสิ่งตอบแทนหรือให้เขาซาบซึ้งในตัวคุณได้เช่นกัน
    • คุณยังสามารถเขียนโน้ตถึงคู่ครองของคุณว่า คุณรักและขอบคุณเขามากเพียงใด ในสิ่งที่เขาทำให้แก่คุณ ทั้งเรื่องการพาสุนัขไปเดินเล่น ตอนคุณป่วย เรื่อยไปจนกระทั่งเรื่องการเตรียมจัดงานวันเกิดแสนหวานให้คุณ
  7. เซอร์ไพรส์กันและกัน ด้วยของขวัญหรือของกำนัลแทนใจ. การทำเช่นนี้จะยิ่งช่วยให้ช่วงเวลาดังกล่าพิเศษมากขึ้น ของขวัญไม่จำเป็นต้องราคาแพงหรือเลิศหรูมากมาย ความใส่ใจต่างหากที่สำคัญในทุกกรณี ของเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยสร้างความอบอุ่นและความทรงจำแสนหวานก็เพียงพอแล้ว พยายามสังเกตว่า เขามีสิ่งใดที่อยากได้เป็นพิเศษ และหาสิ่งนั้นมาเป็นของขวัญในเวลาที่เหมาะสม
    • แม้ว่าการมอบของขวัญในงานเทศกาลหรือวันสำคัญ เช่น งานวันเกิดและวันครบรอบ จะเป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้ง คุณสามารถมอบของขวัญที่มีค่ามากที่สุด เพียงเพราะแค่อยากให้ก็ได้ แถมยังเป็นการสื่อให้คู่ครองคุณเห็นว่า ไม่ได้ให้ของขวัญตามหน้าที่เท่านั้นนะ
  8. หากคุณเห็นว่า สัปดาห์ไหนเขายุ่งมากเป็นพิเศษ เมื่อนั้นคุณก็ควรจะเข้าใจและอาสาทำงานบ้านมากหน่อย และเมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เขาก็ควรจะช่วยคุณทำบ้างเช่นกัน แม้ว่าคุณควรจะแบ่งงานกันอย่างสมดุลเท่าเทียม แต่หากคุณห่วงใยเขาจริง ก็ควรเต็มใจทำอะไรให้มากกว่าเดิมนิดหน่อย ในเวลาที่เขาต้องการจริงๆ
    • คู่ครองของคุณอาจจะปฏิเสธความช่วยเหลือของคุณก็ได้ แต่หากว่าคุณสังเกตว่าเขากำลังเครียดหรือมีภาระล้นหลาม พยายามทำแทนเขาไปเถอะ ไม่ว่าจะทำกับข้าว เลี้ยงสุนัข หรืองานบ้านใดๆ ในสัปดาห์นั้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

เน้นความยั่งยืน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณอาจเหมาเอาว่า คุณทั้งคู่ต้องทำทุกอย่างร่วมกันตลอดเวลา ในการที่จะมีชีวิตแต่งงานอันแสนสุข อย่างไรก็ด็ หากคุณอยากจะทำให้ความสัมพันธ์เหนียวแน่นคงทน ต่างคนก็ควรจะเป็นอิสระจากกันบ้าง หากคุณทั้งคู่ทำทุกกิจกรรมร่วมกันตลอดเวลา จนไม่มีเวลาทำสิ่งที่แต่ละคนชอบ เมื่อนั้น ความสัมพันธ์จะกลายเป็นลักษณะพึ่งพา และทำให้ทั้งคู่สูญเสียอัตลักษณ์ไป [3]
    • หากคุณทั้งคู่หาเวลาทำงานอดิเรกหรือสิ่งที่ตัวเองชอบเสียบ้าง เมื่อนั้นต่างฝ่ายจะเติบโตไปด้วยกันในฐานะปัจเจกชน คุณคงไม่อยากเป็นคนๆ เดิม ไปอีกตลอด 20 ปีข้างหน้าหรอกนะ
    • นอกจากนี้ หากคุณและคู่ครองมีเวลาแยกจากกันบ้าง คุณก็จะให้คุณค่าเวลาที่อยู่ร่วมกันมากขึ้น หากเอาแต่ตัวติดกันตลอดเวลา มันก็มักไม่ค่อยเห็นคุณค่ากันสักเท่าไร
    • คุณไม่จำเป็นต้องหิ้วคู่ครองคุณ ติดสอยห้อยตามไปเที่ยวกับเพื่อนคุณด้วยทุกครั้ง แม้ว่าคุณทั้งคู่ควรจะปรับตัวเข้ากับสังคมของกันและกันบ้างก็ตาม แต่มันก็จำเป็นที่จะต้องมีช่วงเวลา “ชายเท่านั้น” หรือ “หญิงเท่านั้น” บ้าง เพื่อสานสัมพันธ์และเครือข่ายเพื่อนฝูง
  2. หากคุณต้องการให้ชีวิตแต่งงานยั่งยืน ก็ควรพยายามรักษาความโรแมนติกเอาไว้อยู่เนืองๆ แม้ว่าสถานการณ์บางอย่างจะเปลี่ยนไปมาก หลังจากที่คุณแต่งงานกันมานาน หรืออาจมีลูกโตเป็นหนุ่มสาวกันหมดแล้วก็ตาม แต่คุณควรจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเป็นคนสำคัญ และมีการเออกเดทกัน รวมถึงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกันต่อไปตราบนานเท่านาน ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตแต่งงานยังหลงเหลือกลิ่นอายของความเซ็กซี่ มีความน่าตื่นเต้น และสนุกสนานร่วมกัน คุณอาจจะลองทำเรื่องต่อไปนี้ดู:
    • พยายามออกไปดินเนอร์หรือท่องราตรีกันอย่าให้ขาด ไม่ว่าจะทุกสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ก็ตาม ขอแค่อย่าทำอะไรซ้ำๆ กันในแต่ละสัปดาห์ทุกครั้ง
    • คุณสามารถมองหาความโรแมนติกได้แม้กระทั่งในบ้านก็ตาม เช่น การดูหนังรักด้วยกัน หรือการดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่จัดไว้ทั่วบ้าน มันสำคัญมากที่จะสร้างความโรแมนติกให้เกิดขึ้นในบ้าน อยู่เสมอๆ
    • พยายามเขียนการ์ดอวยพรให้แก่กันและกันอย่างมีวามหาย ในแต่ละวันครบรอบของทุกปี หาเวลาเขียนอย่างตั้งใจสักนิด ถึงเหตุผลที่คุณรักกัน
    • แค่เพียงการปล่อยให้ความสัมพันธ์เป็นไปตามธรรมชาติและสดใสอยู่เสมอ ก็เพิ่มความโรแมนติกได้แล้ว คุณอาจตัดสินใจจองตั๋วบินไปต่างประเทศในนาทีสุดท้าย หรือไปว่ายน้ำกันทันทีที่รู้สึกร้อน หรือจะลองไปเรียนร้องเพลงเต้นรำกันเมื่อรู้สึกอยากขึ้นมา การทำอะไรโดยไม่วางแผนล่างหน้า อาจช่วยสร้างวามตื่นเต้นและโรแมนติกได้เหมือนกัน
  3. หากคุณต้องการให้ชีวิตคู่ยั่งยืนจริงๆ คุณควรจะรู้จักประนีประนอม หรือเสียสละให้อีกฝ่ายในกรณีที่จำเป็น ความสัมพันธ์ทั่วไปมักจะไม่ได้ราบรื่นหรือสนุกสนานไปตลอด มันย่อมมีบ้างบางเวลา ที่คุณต้องมานั่งเจรจาตกลงบางเรื่องกันอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเรื่องการย้ายที่อยู่ การมีบุตรด้วยกัน การตัดสินใจเปลี่ยนงานที่อาจกระทบครอบครัว อย่างไรก็ดี มันสำคัญที่ว่า คุณต้องมีการสื่อสารกันอย่างเข้าใจก่อนที่จะทำอะไรลงไป
    • ไม่ว่าคุณจะกำลังตัดสินใจเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คุณควรพยายามเปิดใจรับฟังด้วยกันทั้งสองฝ่าย ก่อนที่จะตัดสิน
    • การรับฟังเป็นเรื่องสำคัญ พยายามปล่อยให้คู่ครองคุณได้พูดหรือแสดงความรู้สึก ก่อนที่จะคัดค้านหรือแทรกขึ้นมา พยายามตั้งใจฟังให้ดีก่อน ก่อนที่จะพูดเรื่องของตัวเองบ้าง
    • เมื่อถึงเวลาที่ต้องประนีประนอม มันสำคัญมากที่จะต้องเตือนตัวเองว่า การมีความสุขสำคัญกว่าการเป็นฝ่ายถูก พยายามถามตัวเองว่า คุณต้องการเถียงแย้งเพื่อที่จะปกป้องผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย หรือเถียงเพียงเพราะอยากดื้อ หรือเอาชนะเขา อย่างไรก็ดี คุณควรพยายามตัดสินใจกันด้วยความประนีประนอมกันทั้งสองฝ่าย
  4. เมื่อคุณทั้งคู่มาร่วมหอลงโรงกันแล้ว จำไว้ว่า การเอาสังคมเพื่อนฝูงและครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมาแนะนำหรือคลุกคลีกับอีกฝ่ายนั้น เป็นเรื่องสำคัญมาก คุณไม่จำเป็นต้องสนิทสนม หรือรักใคร่กับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงของอีกฝ่ายมากมายนัก แต่คุณควรทำให้เหมือนกับว่าคุณและคู่ครอง เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหญ่ของทั้งคู่ และทำให้เหมือนกับว่า เพื่อนของคุณทั้งคู่อยู่ในสังคมเดียวกันกับคุณด้วย ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตคู่ของคุณมีความมั่นคงมากขึ้น แถมยังรู้สึกเหมือนมีคนคอยสนับสนุนช่วยเหลือในยามจวนตัว
    • หากคุณรักคู่ครองของคุณ คุณควรพยายามรักเพื่อนๆ และคนในครอบครัวของเขาด้วย หากเพื่อนหรือคนในครอบครัวของเขาไม่ค่อยจะเข้าได้ง่ายสักเท่าไร คุณก็ควรพยายามทำความเข้าใจที่มาที่ไปของพวกเขา รวมถึงปรึกษากับคู่ครองคุณว่า จะทำอย่างไรจึงสามารถสานสัมพันธ์กับพวกเขาได้ โดยไม่ทำให้พวกเขาเสียใจ
  5. หากคุณต้องการให้ชีวิตแต่งงานยั่งยืน คุณควรจะอยู่เคียงข้างคู่ครองทุกครั้ง ในเวลาที่เขากำลังมีช่วงที่ยากลำบาก ไม่ใช่ปล่อยไปจนกว่าจะคลี่คลายเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนในครอบครัวเสียชีวิต หรือกำลังตัดสินใจย้ายงาน มันสำคัญมากที่คุณจะคอยให้กำลังใจและเห็นใจเขาในช่วงดังกล่าว และมั่นใจว่าเขาจะทำแบบเดียวกันให้แก่คุณบ้างเวลาคุณมีปัญหา คุณไม่ควรเหมาว่าคู่ครองจะมีเรื่องดีๆ ตลอดเวลา ดังนั้น คุณควรอยู่ให้กำลังใจเขาในเวลาที่เขาต้องการ
    • แน่นอนว่า หากคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคอยปลอบใจอีกฝ่ายตลอดเวลา ก็อาจจะทำให้รู้สึกคับข้องใจและท้อแท้ได้ หากคุณรู้สึกว่าคุณดีกับเขาอยู่ฝ่ายเดียว พยายามพูดคุยกับเขาว่ามีทางใดบ้าง ที่เขาจะเห็นคุณค่าในตัวคุณบ้าง
  6. หากคุณต้องการมีชีวิตคู่ที่มีความสุข คุณควรตระหนักว่า ไม่ใช่ว่ามันจะราบรื่นได้ทุกๆ วัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณควรจะคาดหวังให้มันเป็นทุกข์ หม่นหมอง หรือมีแต่เรื่องผิดหวังเสมอ มันแค่หมายความว่า คุณควรเตรียมใจรับมือกับช่วงยากลำบาก ช่วงที่ขาดความสุข หรือแม้แต่ช่วงที่อยากแยกห้องนอน ไม่อยากหันไปมองหน้าคู่ครองของคุณเลย ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่จะมีปัญหากันบ้าง แต่สิ่งสำคัญคือ ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าจะพยายามหาทางออกร่วมกันอย่างดีที่สุด เมื่อเกิดปัญหาใดๆ
    • หากคุณคาดหวังให้ชีวิตแต่งานเป็นเรื่องมหัศจรรย์ในทุกๆ วัน ก็เตรียมใจไว้ผิดหวังได้เลย
    • จำไว้ว่า คู่ครองของคุณย่อมมีข้อบกพร่อง เหมือนกับคุณเอง หากคุณต้องการความสมบูรณ์แบบ คุณก็มีแต่จะผิดหวังเสียใจ หากคู่ครองของคุณมีข้อบกพร่องที่คุณต้องการให้แก้ไข เช่น มักทำอะไรสายเสมอ คุณก็ควรจะเปิดใจพูดคุยกับเขาในเรื่องดังกล่าว และคุณก็ควรเต็มใจปรับปรุงนิสัยแย่ๆ ของตัวเองด้วย
  7. . ยิ่งเวลาผ่านไป คุณก็อาจยิ่งรู้สึกว่า คนที่คุณครองคู่ด้วยตอนนี้ อาจไม่มีเค้าเดิมหลงเหลือเหมือนตอนที่คุณแต่งงานกันใหม่ๆ คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ ซึ่งเป็นผลจากการเรียนรู้จากประสบการณ์ของตน จนเกิดปัญญาขึ้นมาตามวัย ซึ่งทำให้พวกเขามีทัศนคติในหลายๆ เรื่องเปลี่ยนไป ตั้งแต่เรื่องการมีบุตร ไปจนถึงฝักฝ่ายทางการเมือง หากคุณอยากมีชีวิตคู่ที่ราบรื่น คุณจำเป็นต้องยอมรับในความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น และเข้าใจว่าเขาหรือเธอได้เติบโตขึ้นตามกาลเวลา ขอแค่คุณทั้งคู่เติบโตไปพร้อมกัน ไม่ได้แยกจากกันก็พอแล้ว
    • พยายามเข้าใจในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่าย หากคุณคิดว่ามันเป็นปัญหา หรือเขากลายเป็นคนที่ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป พยายามพูดคุยกับเขาดู
    • ในขณะที่คุณทั้งคู่อายุมากขึ้น แม้ว่าต่างฝ่ายควรมีเวลาทำสิ่งที่ตนเองสนใจ แต่ก็ควรหาเวลาทำกิจกรรมร่วมกันบ้าง เช่น ทำอาหารร่วมกัน เชียร์กีฬา หรือดูรายการโปรดร่วมกัน คุณควรหาช่องทางบางอย่างที่ทำให้คุณทั้งคู่มีสิ่งที่รอคอยร่วมกัน
    • สิ่งสำคัญที่สุด คือการที่คุณทั้งคู่ยังรักกันต่อไป และเข้าใจว่ายังต้องมีทั้งทุกข์และสุขให้เผชิญร่วมกัน แต่หากคุณเป็นคู่แท้ คุณก็จะฉลาดแก่กล้าและเข็มแข็ง รวมถึงรักกันมากขึ้นเรื่อยๆ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • รักใคร่ ให้เกียรติ และเอื้อเฟื้อต่อกัน เป็นองค์ประกอบสำคัญขั้นพื้นฐาน ของชีวิตคู่ที่มีความสุข
  • ตรงไปตรงมาและแสดงความซาบซึ้งจากใจจริง
  • พยายามเข้าใจซึ่งกันและกัน.
  • ซาบซึ้งในกันและกัน อย่าลืมคืนวันอันสวยงามที่เคยมีร่วมกัน
  • รัก ให้เกียรติ และหาเวลาเซอร์ไพรส์กันบ้าง
  • มองหาช่วงเวลาที่ดีและมีความหมาย ใช้เวลานั้นร่วมกัน
  • อย่าปิดบังอะไร เพราะคุณคงไม่ต้องการให้เขาปิดบังคุณเหมือนกัน !
  • พยายามรักษาสมดุลระหว่างชีวิตคู่กับความสัมพันธ์อื่นๆ
  • อย่าเอ่ยเรื่องความสัมพันธ์เก่าๆ ของคุณ มันมีแต่จะทำให้เขาหรือเธอหัวเสีย
โฆษณา

คำเตือน

  • สุภาพและมีน้ำใจต่อกัน พยายามใช้คำว่า “ขอบคุณ” “กรุณา” และ “ฉัน/ผมขอโทษ”
  • หากคุณนอกใจคู่ครอง มันจะทำลายชีวิตคุณเอง ดังนั้น จงพยายามซื่อสัตย์กับคู่ครอง!
  • พยายามพูดความจริงเสมอ การโกหกย่อมถูกจับได้สักวัน
  • พยายามใส่ใจรับฟัง การถกเถียงกันทำให้เลิกรามาหลายคู่แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเถียงกันไปทำไม
  • หากคุณรู้สึกว่าไฟในชีวิตแต่งงานมันดับมอดลง หรือหมดแรงจูงใจแล้ว ลองนึกภาพว่า หากไม่มีคู่ครองคุณอยู่ คุณจะเป็นอย่างไร หากคุณลองไปปรึกษาคนที่เคยเสียคนรักไป พวกเขาอาจจะเล่าให้คุณฟังว่า ตนเองยอมแลกกับอะไรก็ได้เพื่อให้คนรักกลับคืนมา
  • อย่าไปอิจฉาหรืออยากมีชีวิตแบบคู่อื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคู่ใครดีกว่ากัน ต่อให้สลับคู่ไป คุณก็ยังต้องเรื่องเรื่องราวปัญหาต่างๆ เหมือนกันอยู่ดี
  • จำไว้ว่า นี่คือชีวิตแต่งงานของคุณ ซึ่งเดินมาไกลขนาดนี้แล้ว พยายามทำให้มันดีที่สุด ให้คำมั่นแก่ตนเองว่า คุณจะทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองให้ดีที่สุด
  • พยายามศึกษาและเข้าใจภาษารัก หรือวิธีแสดงความรักของอีกฝ่าย ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งในรูปแบบคำพูด ของขวัญ การสัมผัส การลงมือให้ความช่วยเหลือ ฯลฯ เช่น หากเขาหรือเธอชอบภาษารักรูปแบบคำพูด คุณก็ควรบอกว่ารักและซาบซึ้งให้ได้ยินบ่อยๆ หากเขาหรือเธอชอบให้ช่วยเหลือ คุณก็อาจจะอาสาทำงานบ้านแทน อย่างล้างจานหรือล้างรถ เป็นต้น
  • พยายามศึกษาเรียนรู้ซึ่งกันและกันให้ดีที่สุด ตระหนักว่าคุณทั้งคู่แตกต่างกัน และอาจจะไม่มีวันเหมือน รู้จักกันและกันในแบบที่ตัวเองเป็น ให้ความเคารพในความเป็นปัจเจกของทั้ง 2 ฝ่าย
  • ปัญหาทุกอย่างควรมีการหาทางออก หรือแก้ไขเสียตั้งแต่ตอนที่พูดคุยกัน หากคุณไม่สะสางให้จบๆ ไป มันอาจจะติดค้างคาใจ และวกกลับมาก่อปัญหาอีก
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 43,101 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา