ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณเคยหลงใหลไปกับรสชาติของไอศกรีมวนิลาแสนอร่อยราดด้วยคาราเมลซอสหรือเปล่า หรือเพียงแค่ค้นพบว่าช่วงเวลาวัยรุ่นของคุณนั้น ตอนที่กินคาราเมลซอสครั้งสุดท้ายก็…บนแฮมเบอร์เกอร์หรือเปล่านะ? เด็กๆ ก็กินทุกอย่างนั้นแหละ แต่จริงๆ แล้ว การทำคาราเมลซอสด้วยตัวเองตั้งแต่เริ่มแรกนั้นทั้งง่ายและอร่อยกว่าที่เคยคิดไว้ มาก ยิ่งไปกว่านั้นยังแทบไม่ต้องใช้เวลาเลยด้วย สิ่งที่คุณต้องการก็มีน้ำตาล, เนย และครีม เพื่อทำคาราเมลซอสไว้กินเองที่บ้านยังไงล่ะ!

ส่วนประกอบ

แบบวัดปริมาตร :

  • น้ำตาลทราย 1 ¼ ถ้วย (300 มิลลิลิตร)
  • เนย 4 ออนซ์ (112 กรัม)
  • ครีม ¾ ถ้วย (175 มิลลิลิตร) ในอุณหภูมิห้องหรืออุ่นแล้ว
  • น้ำเปล่า ¼ ถ้วย (60 มิลลิลิตร) (วัดด้วยปริมาตรเท่านั้น)

วัตถุดิบสำหรับซอสครีมคาราเมล :
ทำไว้ประมาณ 2 ถ้วยครึ่ง:

  • เนยจืด 100 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 1 ½ ถ้วย
  • ครีม 1 ถ้วย
  • กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา
วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

การเตรียมคาราเมลแบบแห้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำครีมและเนยที่วัดปริมาตรไว้แล้วมาวางไว้ข้างๆ กระทะเพื่อความพร้อมในการใส่ลงไป เพราะการทำซอสคาราเมลต้องอาศัยความเร็ว ถ้าคุณมัวแต่เสียเวลาไปกับการหาวัตถุดิบแล้วล่ะก็ น้ำตาลในกระทะอาจไหม้ และนั่นทำให้คุณจะไม่ได้ซอสคาราเมลที่คุณอยากกินเลยแม้แต่หยดเดียว
  2. Watermark wikiHow to ทำซอสคาราเมล
    ใช้ไฟกลางค่อนไปทางต่ำ ใส่เนยกับน้ำตาลลงไปในหม้อเคี่ยวซอสขนาด 2-3 ควอทซ์
    • อย่าคน น้ำตาลและเนย. ถ้าคุณอยากให้มันละลายให้เข้ากัน ค่อยๆ ลากวนอย่างเบามือ ไม่ให้แรงเกินไป ปฏิกิริยาการเกิดคาราเมลต้องเริ่มมาจากตั้งแต่วิธีนี้ ปล่อยให้มันค่อยๆ เป็นไปอย่างที่มันต้องเป็น
  3. Watermark wikiHow to ทำซอสคาราเมล
    ปล่อยให้น้ำตาลและเนยถูกอุ่นแช่อยู่ในไฟระดับกลางค่อนไปทางต่ำประมาณ 5-8 นาที และคอยสังเกตดูซอสคาราเมลให้ดี ค่อยๆ กวนส่วนผสมบ้างเพื่อป้องกันการไหม้ แต่ห้ามคนเด็ดขาด
    • ถ้าคุณเผลอทำน้ำตาลไหม้ไปก่อนที่น้ำตาลที่เหลือจะละลายหมดเสียก่อน ครั้งหน้าถ้าจะทำซอสคาราเมลอีก ให้ใส่น้ำลงไปด้วยสักครึ่งถ้วยลงในน้ำตาลก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนนี้ ซึ่งเมนูนี้มีขื่อว่า ซอสคาราเมล เหลว
    • สูตรซอสคาราเมลแบบเหลวจะช่วยให้ใช้น้ำตาลได้ง่ายขึ้น ใช้เวลาได้นานขึ้น เพราะน้ำจะระเหยไปหมดก่อนที่น้ำตาลจะเริ่มกลายเป็นคาราเมลเสียอีก
  4. Watermark wikiHow to ทำซอสคาราเมล
    หลังจากผ่านไป 5-8 นาทีแล้ว ส่วนผสมควรเป็นสีน้ำตาลอ่อน และคุณยังควรเห็นเกล็ดน้ำตาลเล็กๆ เป็นก้อนๆ ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการตกผลึก
    • ถ้าก้อนเกล็ดน้ำตาลเริ่มเกาะอยู่ข้างๆ หม้อ ให้ใช้แปรงกวาดลงกลับเข้าไปในส่วนผสม
  5. ทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเกล็ดน้ำตาลและฟองเริ่มค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้น สีควรเป็นสีน้ำตาลแดง ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 2 นาที หรือ 5 นาทีก็เป็นได้
    • ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ต้องระวังการไหม้มากที่สุด คุณไม่ควรละสายตาแม้สักนิดเชียวล่ะ
    • ถ้าคุณกังวลว่าซอสจะไหม้ ให้ลดระดับไฟลงมาเป็นระดับต่ำ ใช้เวลานานกว่านิดหน่อยแต่ก็ดีกว่าเร่งแล้วทำให้คาราเมลไหม้ได้
    • พยายามอย่าคน ให้กวนเบาๆ แทน แต่อย่าเพิ่งคนเด็ดขาด!
  6. Watermark wikiHow to ทำซอสคาราเมล
    หลังจากเกล็ดน้ำตาลกลายเป็นคาราเมลไปเรียบร้อยแล้ว ให้ยกหม้อออกจากเตาและผสมครีมลงไปทีละน้อย คราวนี้คุณก็สามารถคนส่วนผสมได้แล้วล่ะ
    • ผสมครีมทีละเล็กน้อยและคนให้เข้ากันอย่างว่องไวและมีพลัง ส่วนผสมจะฟูขึ้นและมีปริมาณที่มากขึ้น
    • หลังจากที่คุณผสมครีมลงไปด้วยหมดแล้ว ซอสจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น โดยที่จะยังมีฟองปุดๆ อยู่เมื่อครีมผสมเข้ากับน้ำตาลและเนย
  7. Watermark wikiHow to ทำซอสคาราเมล
    เทส่วนผสมลงในชามหรือเหยือกทนความร้อนผ่านกระชอน ส่วนผสมที่ยังไม่ผ่านปฏิกิริยาการเป็นคาราเมลจะไม่ผ่านลงไปในส่วนผสมของคาราเมล
  8. ยกเว้นจะเอาคาราเมลราดลงไปบนไอศกรีมน่ะนะ
    • เก็บไว้ในตู้เย็นได้มากสุด 2 สัปดาห์. อุ่นก่อนที่จะนำมาเสิร์ฟ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

การเตรียมคาราเมลแบบเหลว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำครีมและเนยที่วัดปริมาตรไว้แล้วมาวางไว้ข้างๆ กระทะเพื่อความพร้อมในการใส่ลงไป เพราะการทำซอสคาราเมลต้องอาศัยความเร็ว ถ้าคุณมัวแต่เสียเวลาไปกับการหาวัตถุดิบแล้วล่ะก็ น้ำตาลในกระทะอาจไหม้ และนั่นทำให้คุณจะไม่ได้ซอสคาราเมลที่คุณอยากกินเลยแม้แต่หยดเดียว
  2. Watermark wikiHow to ทำซอสคาราเมล
    ในกระทะเคี่ยวขนาด 2-3 ควอทซ์ ใส่น้ำตาลและน้ำลงไป. ปรับระดับไฟให้แรงและรอให้ส่วนผสมเดือด ก่อนที่จะคนอย่างต่อเนื่อง
    • เมื่อส่วนผสมเริ่มเดือดขึ้น ให้ลดระดับไฟลงเป็นระดับกลางค่อนต่ำ แล้วหยุดคนส่วนผสม
    • จะทิ้งไว้ให้ส่วนผสมเดือดจนกว่าจะเปลี่ยนเป็นสีอำพันเข้มก็ได้ ซึ่งควรจะเป็นสีเหมือนสีเบียร์เข้มๆ
  3. Watermark wikiHow to ทำซอสคาราเมล
    ใส่เนยผสมลงไป ตามด้วยค่อยๆ เทครีมลงไปอย่างช้าๆ และระมัดระวัง คนให้เข้ากัน ระวังให้ดี: ขั้นตอนนี้ซอสจะเดือดขึ้นเป็นฟองเพียบเลยล่ะ!
    • ขูดส่วนที่แข็งติดกับก้นหม้อออก ถ้าก้อนน้ำตาลยังติดอยู่ ให้ตั้งกระทะที่เตาอีกครั้ง แล้วคนจนก้อนน้ำตาลละลายไปเอง
  4. Watermark wikiHow to ทำซอสคาราเมล
    ส่วนผสมควรจะเป็นเนื้อเดียวกันหลังจากที่เย็นลงและผ่านการผสมเข้ากันแล้ว
    • กรองลงชามหรือเหยือกที่ทนความร้อนได้ และรอให้ซอสคาราเมลเย็นลงก่อนที่จะรับประทาน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

การทำซอสครีมคาราเมล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ทำซอสคาราเมล
    แล้วค่อยๆ อุ่นมัน (ใช้ไฟต่ำ)
  2. Watermark wikiHow to ทำซอสคาราเมล
    คนอย่างต่อเนื่องจนกว่าน้ำตาลจะละลายเข้ากัน
  3. Watermark wikiHow to ทำซอสคาราเมล
    คนอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้น้ำตาลจับตัวกันเป็นก้อน
  4. Watermark wikiHow to ทำซอสคาราเมล
    คนให้เข้ากัน
  5. ซอสชนิดนี้รับประทานได้ทั้งแบบร้อนและเย็น.
    • ถ้าคุณอยากเก็บเอาไว้ก่อน ซอสนี้เก็บไว้ได้มากสุด 7 วันถ้าใส่ในตู้เย็น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • รอจนกว่าน้ำตาลทั้งหมดจะละลายแล้วค่อยใส่เนยตามลงไป หรือว่าจะปล่อยให้มันเป็นสีน้ำตาลประมาณ 10-15 วินาที หลังจากน้ำตาลทั้งหมดละลายเพื่อเพิ่มความเข้มข้นให้กับรสชาติก็ได้
  • เคลือบหรือทาซอสคาราเมลลงบนแอปเปิล ตกแต่งและแช่ตู้เย็นเอาไว้สำหรับเมนูแอปเปิลเคลือบน้ำตาล(แอปเปิลแคนดี้)
  • ซอสคาราเมลก็เข้ากับผลไม้เช่นกัน ผสมลูกพีชหรือลูกแพร์ย่างกับซอสคาราเมล หรือเชื่อมใส่ในกล้วยหอมเชื่อมก็เป็นความคิดที่ดี
  • เมื่อซอสคาราเมลเย็นลงแล้ว ถือว่าเป็นซอสชั้นเยี่ยมที่ไว้กินคู่กับไอศกรีมวนิลาหรือช็อคโกแลตได้ดีเชียวล่ะ
  • ถ้าคุณไม่มีครีม ก็สามารถใช้นมแทนได้ แต่ซอสคาราเมลที่ได้มาจะเหลวกว่าอยู่มาก
  • ในขณะที่ปกติซอสคาราเมลจะเหลวขึ้นเมื่ออุ่นมัน แต่ถ้าของคุณยังดูเหนียวเกินไป ให้ใส่ครีมเพิ่มลงไปในขณะที่กำลังทำซอสอยู่
  • บางครั้งถ้าใช้ครีมที่เย็นเกินไป จะทำให้น้ำตาลที่กำลังจะเป็นคาราเมลจับตัวกันเป็นก้อน เพื่อเป็นการป้องกัน ควรอุ่นครีมไว้ล่วงหน้าก่อน
  • เติมผงโกโก้ไปสัก 1 ช้อนชาถ้าคุณชอบช็อคโกแลต มันยังช่วยลดรสไหม้ได้ด้วยถ้าหากคุณเกือบทำซอสไหม้
  • เหยาะวนิลา(ประมาณครึ่งช้อนชา)หลังจากใส่ครีมไปแล้ว เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับซอส หรือจะแต่งกลิ่นที่หลากหลายไปกว่านี้ก็ได้ เช่น กลิ่นราสเบอรี่, กลิ่นเลมอน หรือกลิ่นส้ม
โฆษณา

คำเตือน

  • ระมัดระวังให้มากในขณะที่คุณกำลังเคี่ยวน้ำตาล เมื่อน้ำตาลละลายแล้วจะมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นยิ่งกว่าน้ำต้มเดือด และจะข้นหนืด เป็นพิเศษ
  • ใช้ถุงมือหรือผ้ากันความร้อนเวลาจับเหยือกที่บรรจุซอสคาราเมล ไม่เช่นนั้นมันอาจลวกมือของคุณได้
  • เทซอสคาราเมลร้อนๆ ลงในภาชนะที่เป็นแก้วทนร้อนเท่านั้น ห้ามใช้แก้วธรรมดาหรือวัสดุที่ไม่ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเป็นอันขาด เพราะซอสคาราเมลอุณหภูมิสูงจะทำให้แก้วของคุณแตกได้โดยง่าย


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 17,061 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา