ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ซอสเลมอนก็คล้ายๆ กับน้ำเลมอนที่หนืดขึ้นมาอีกนิด มีรสชาติเหมือนเลมอน หวาน เข้ม หนาเป็นครีมนิดๆ เพราะมีส่วนผสมของแป้งข้าวโพด เอาไว้ใช้ทานกับขนมหวานที่แห้ง เช่น ขนมปังขิงแบบก้อนได้ ซอสเลมอนยังมีไขมันและคอลเลสเตอรอลน้อยกว่าครีม "แท้ๆ" และซอสที่ทำจากครีมและไข่ (คัสตาร์ดหรือเคิร์ด) อีกด้วย อีกทั้งยังไม่ต้องเติมน้ำตาลมาก เราจะมาสอนคุณทำซอสเลมอนแบบดั้งเดิม (นุ่มนวลเนื้อเบา) และแบบเพิ่มครีม (เนื้อหนาและรสชาติเข้มข้นขึ้น) มาเริ่มกันเลย

ส่วนประกอบ

ซอสเลมอนแบบดั้งเดิม

  • น้ำเย็น 1 ถ้วย (8 ออนซ์) แป้งข้าวโพดละลายได้ไม่ดีในน้ำอุ่น
  • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
  • น้ำตาล 1/2 ถ้วย (100 กรัม)
  • น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ
  • เนย 1 ช้อนโต๊ะ
  • เลมอนครึ่งลูกหรือผิวเลมอนขูด (เมื่อขูดผิว เลมอนจะแห้งขึ้น ดังนั้นเป็นการดีหากจะทานเลมอนทันทีเมื่อทำซอส)

สำหรับ 4 ท่าน

  • ตีไข่ขนาดใหญ่ 1 ฟอง
  • น้ำเย็น 1/4 ถ้วย
  • น้ำมะนาวที่คั้นจากเลมอน 1 ลูก (ประมาณ 3 ช้อนชา)
  • ผิวเลมอนครึ่งลูกขูด
  • น้ำตาล 3/4 ถ้วย (150 กรัม)
  • เนย 1/2 ถ้วย (1 แท่งหรือ 113 g)

สำหรับ 4 ท่าน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ซอสเลมอนแบบธรรมดา

ดาวน์โหลดบทความ

นำเข้าไมโครเวฟ

เนื่องจากสูตรนี้ใช้ความร้อนกับของเหลวปริมาณมาก การนำเข้าไมโครเวฟใช้ได้ดีพอๆ กับการอุ่นโดยใช้เตาแบบ "ดั้งเดิม" บางทีอาจดีกว่าด้วยซ้ำ เนื่องจากไมโครเวฟสามารถให้ความร้อนอย่างทั่วถึงอีกทั้งยังใช้ความร้อนน้อยกว่าซึ่งทำให้ไหม้ยาก

  1. Watermark wikiHow to ทำซอสเลมอน
    หากจะเตรียมไว้ทำทีหลังควรมีฝาปิดที่เข้าชุดกันไว้ด้วยหรือใช้กระดาษทำขนมปิดแทนเพื่อกันซอสหกเลอะ
  2. Watermark wikiHow to ทำซอสเลมอน
    คนจนแป้งข้าวโพดละลายหมดและส่วนผสมเป็นสีขุ่น. น้ำตาลและเนยจะไม่ละลายทันที หลังจากผสมเข้ากันแล้วก็พร้อมนำไปอุ่น
  3. Watermark wikiHow to ทำซอสเลมอน
    ปิดให้หลวมๆ พอ เพราะถ้าปิดแน่นจะทำให้เกิดแรงดันและฝาหลุดกระเด็นได้ คุณกำลังจะอุ่นร้อนดังนั้นเหลือที่ว่างไว้ให้อากาศผ่านบ้าง
  4. Watermark wikiHow to ทำซอสเลมอน
    ตั้งไมโครเวฟที่ความร้อนสูงสุด แต่ อย่า ให้ถึงระดับสุก. ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีสำหรับส่วนผสมหนึ่งส่วน จากนั้นคนเร็วๆ แล้วนำเข้าไมโครเวฟอีก
    • หากส่วนผสมเริ่มเดือด ให้นำออกจากไมโครเวฟมาทิ้งให้เย็นลงประมาณ 30 วินาที จากนั้นคนและนำเข้าไมโครเวฟอีกครั้ง
  5. Watermark wikiHow to ทำซอสเลมอน
    ระวังอย่างให้สุกจนเกินไป เมื่อส่วนผสมเริ่มเกิดฟองปุดๆ ให้คนแล้วนำเข้าไมโครเวฟอีก 15-30 วินาที ทำอย่างนี้เรื่อยๆ จนกว่าส่วนผสมจะใสและรวมเป็นเนื้อเดียวกัน (แม้ว่ามองลงไปตรงๆ จะไม่ใส) แทนที่จะขุ่นเหมือนแป้ง
    • ไมโครเวฟแต่ละตัวไม่เหมือนกัน ให้ดูอย่างระมัดระวัง ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน หากซอสเป็นเนื้อเดียวกันและใสแล้วถือว่าเสร็จสิ้น ให้นำออกมาได้
  6. Watermark wikiHow to ทำซอสเลมอน
    อย่าเสิร์ฟขณะร้อนเพราะจะลวกลิ้นเวลาทาน ทิ้งให้เย็นสักครู่หนึ่ง ตรวจอุณหภูมิก่อนก่อนให้เด็กเล็กๆ ทาน
    • เก็บซอสที่เหลือใส่ตู้เย็นในภาชนะที่เปิดปิดได้เพื่อใช้ครั้งต่อไป สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 2-3 อาทิตย์
    โฆษณา

ใช้เตาทำ

  1. Watermark wikiHow to ทำซอสเลมอน
    ใช้กระทะก้นหนาเพื่อกันส่วนผสมจับตัวกันเป็นก้อนจะได้ไม่ไหม้ติดก้นกระทะ อีกทั้งยังกระจายความร้อนได้ดีกว่าด้วย
    • น้ำต้องเย็น หากไม่เย็นส่วนผสมจะละลายได้ไม่ดี
  2. Watermark wikiHow to ทำซอสเลมอน
    คนเร็วขึ้นเมื่อส่วนผสมเริ่มข้นขึ้นซึ่งเกิดจากแป้งข้าวโพดนั่นเอง
  3. Watermark wikiHow to ทำซอสเลมอน
    เติมน้ำเลมอน เนย ผิวเลมอนขูดจากนั้นจึงเสิร์ฟ. คนอีกครั้งเพื่อให้เนยละลายเข้ากับส่วนผสมอื่นดี เมื่อส่วนผสมเริ่มเข้ากันและใสเป็นอันใช้ได้
    • โดยมากมักเติมส่วนผสมให้รสชาติตอนทำเสร็จ แต่หากอยากผสมแต่แรกก็ทำได้เช่นกัน ส่วนผสมมักจะร้อนขึ้นเมื่อใกล้สุก ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก ดังนั้นระวังอย่าให้ไหม้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ซอสเลมอนครีม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ทำซอสเลมอน
    ใช้ที่ตีไข่ผสม ไข่ น้ำ น้ำเลมอนและผิวเลมอนเข้าด้ยกันในกระทะซอสจนกระทั่งเข้ากันเป็นเนื้อเดียว. ต้องได้ส่วนผสมที่เข้ากันดี เปลือกเลมอนต้องกระจายทั่ว
    • เมื่อทำขั้นตอนข้างต้นเสร็จแล้ว จะได้ซอสเลมอน 1 1/2 ถ้วย
  2. Watermark wikiHow to ทำซอสเลมอน
    คนจนน้ำตาลและเนยละลายจนเหลว คนบ่อยๆ จนเนยละลายและซอสเริ่มเดือด
  3. Watermark wikiHow to ทำซอสเลมอน
    ทิ้งให้เย็นสักครู่ จากนั้นเสิร์ฟอุ่นๆ ซอสเลมอนครีมเอาไว้ราดพุดดิ้งขนมปัง ขนมปังขิง หรือไอศกรีมก็ได้ ทำได้ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ
    • คุณสามารถเก็บซอสไว้ในตู้เย็น (ใส่ภาชนะสุญญากาศ) ได้ถึง 1 เดือน แม้ว่าดีที่สุดคือเสิร์ฟอุ่นๆ ซึ่งคงจะไม่เหลือให้เก็บไว้นานหรอก
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณจะเพิ่มหรือลดสูตรก็ได้ แต่ถ้าส่วนผสมเยอะและข้นเกินไปและเวลาอุ่นบนเตาจะทำให้ความร้อนกระจายตัวไม่ทั่วถึงและอาจไหม้ได้
  • สำหรับสูตรไร้แคลอรีหรือลดน้ำหนัก ลองใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลเช่น ซูคราโลส (ปกติจำหน่ายอยู่ภายใต้ชื่อ Splenda)
  • หากต้องการทำแบบแปลกใหม่ ให้ใช้มาการิต้าแบบไม่มีแอลกอฮอล์ หรือถ้าอยากให้แปลกกว่าเดิมก็ลองผสมแอลกอฮอล์ดู หากคนทานต้องขับรถให้หลีกเลี่ยงสูตรนี้ และหากใส่มากไปอาจเกิดปัญหากับแป้งข้าวโพดได้
  • ผิวผลไม้ตระกูลส้มอื่นๆ ส่วนมากมักไม่เปรี้ยวเท่าเลมอน ดังนั้นดูส่วนผสมน้ำตาลให้สมดุลจะได้รู้รสเลมอนด้วย สำหรับส้มให้แทนน้ำครึ่งหนึ่งด้วยน้ำส้มและลดน้ำเลมอนลงครึ่งหนึ่ง จากนั้นเติมผิวเปลือกส้มขูดให้มีกลิ่นหอมยิ่งขึ้น (และมีสีเปลือกส้มกระจายอยู่ถ้าคุณชอบ)
  • กลิ่นสกัดขวดเล็กโดยมากมีน้ำมันให้กลิ่น ไม่มีกรด ดังนั้นให้เติมกรดด้วยการใส่น้ำเลมอนในปริมาณปกติลงไปด้วย
  • ใส่สีนิดหน่อยให้สวยงามและเพื่อให้รู้ว่าเป็นรสอะไร สีเหลืองอ่อนสวยงามเหมาะสมสำหรับเลมอนแต่ถ้าใส่เยอะเกินไปจะดูประหลาด ไม่น่าทาน หากทำรสส้มให้ใส่สีส้มและกลิ่นส้มลงไปแทนที่จะใช้น้ำส้ม หรือใช้สีเขียวสำหรับซอสมะนาว
  • รสชาติไม่เปรี้ยวอื่นๆ เช่น วานิลลาจะดีกว่าผลไม้ตระกูลส้มเมื่อทานกับขนมหวานรสไม่จัดเช่น เค้กช็อกโกแลต (ใส่ซอสนิดหน่อยพอจะได้ไม่เยิ้มจนเกินไป) อย่าใช้ซอสเลมอนสำหรับช็อกโกแลต
  • นำส่วนผสมที่เหลือแช่เย็น
โฆษณา

คำเตือน

  • ซอสจะไม่น่าทานหากจับตัวเป็นก้อนหรือเย็น ให้เสิร์ฟอุ่นๆ และไม่เป็นก้อน
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • กระทะซอส (หากอุ่นบนเตา)
  • ชามทนความร้อนพร้อมฝา (หากใช้ไมโครเวฟ)
  • ช้อน
  • ที่ตีไข่
  • อุปกรณ์ตวง

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Lemon Sauce, Diana Rattray, About.com

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 20,022 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา